บ้านที่มีความรักและความอบอุ่นคือจินตนาการของคนไทยยามนี้ !
Group Blog
 
<<
พฤษภาคม 2549
 
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28293031 
 
1 พฤษภาคม 2549
 
All Blogs
 
จิตร ภูมิศักดิ์ : คาราวาน











ชีวประวัติ "จิตร ภูมิศักดิ์"



2473 : วันที่ 25 กันยายน เกิดที่ตำบลประจันตคาม จังหวัดปราจีนบุรี ในชื่อเด็กชายสมจิตร ภูมิศักดิ์ เป็นบุตรของนายศิริ-นายตรวจสรรพสามิต กับนางแสงเงิน (ฉายาวงศ์) ชื่อ "สมจิตร" ตั้งขึ้นโดยมุ่งให้คล้องจองกับ "ภิรมย์" ผู้เป็นพี่สาว ครั้นถึงสมัยจอมพล ป. เป็นนายกฯ มีนโยบายให้ชื่อแสดงลักษณะเพศหญิง-ชาย จึงถูกเปลี่ยนเหลือเพียง "จิตร"


2479-82 : พ่อย้ายไปรับราชการที่กาญจนบุรี จิตรจึงเข้าเรียนชั้นประถมในโรงเรียนประจำจังหวัดที่นั่น


2483 : ย้ายมาอยู่สมุทรปราการ ด้วยเหตุผลเดิมคือ หัวหน้าครอบครัวต้องย้ายไปตามสายงานราชการ แต่อยู่ที่นี่ได้เพียง 7 เดือน ก็ต้องโยกย้ายไปไกลถึงจังหวัดพระตะบอง (ช่วง ซึ่งไทยได้คืนมาจากเขมร) จิตรเข้าเรียนชั้นมัธยมต้นที่นี่ มีความเปลี่ยนแปลงในครอบครัว เมื่อนายศิริปันใจไปรักหญิงอื่น ทำให้พ่อแม่ต้องแยกทางกันเดิน


2490 : ไทยต้องคืนดินแดนให้เขมร นางแสงเงินขนข้าวของไปอยู่ที่ลพบุรี โดยเช่าบ้านเปิดเป็นร้านขายเสื้อผ้า เพื่อหาเงินส่งให้ลูกทั้งสองเรียนหนังสือที่กรุงเทพฯ พี่สาวเรียนโรงเรียนเตรียมอุดมศีกษา ส่วนจิตรมาต่อชั้นมัธยมปีที่ 5 ที่โรงเรียนเบญจมบพิตร


2493 : สอบไล่ได้เตรียมสอง (ม.ศ.5) จากโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาด้วยคะแนน 65% แล้วเข้าศึกษาต่อในคณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย


2496 : วันที่ 28 ตุลาคม ถูกจำ "โยนบก" จนหลังเดาะ เมื่อจิตรรับหน้าที่สาราณียกร หนังสือมหาวิทยาลัย ฉบับ 23 ตุลาฯ และเขียนบทความวิพากษ์วิจารณ์ศาสนา สภามหาวิทยาลัยสั่งให้พักการเรียน 1 ปี หลังจากพักฟื้น จิตรได้งานสอนหนังสือที่โรงเรียนอินทรศึกษา และถัดมาก็ไปทำหนังสือพิมพ์ไทยใหญ่ อยู่กับสุภา ศิริมานนท์ ช่วงนี้เริ่มมีผลงานตีพิมพ์ในพิมพ์ไทย, สารเสรี


2498 : กลับเข้าศึกษาอีกครั้ง ในชั้นปีที่ 3


2500 : เดือนเมษายน ได้รับอนุมัติปริญญาบัตรอักษรศาสตร์บัณฑิต จากนั้นไปเป็นอาจารย์สอนที่วิทยาลัยครูเพชรบุรีวิทยาลงกรณ์ และเป็นผู้บรรยายพิเศษ วิชาภาษาอังกฤษ ที่คณะสถาปัตย์ฯ มหาวิทยาลัยศิลปากร พร้อมทั้งศึกษาต่อระดับปริญญาโทที่วิทยาลัยวิชาการศึกษา ประสานมิตร


2501 : วันที่ 21 ตุลาคม ถูกจับกุมในข้อหามีการกระทำอันเป็นคอมมิวนิสต์ และสมคบกันกระทำความผิดต่อความมั่นคงของรัฐทั้งภายในและภายนอกราชอาณาจักร อันเป็นผลมาจากการเข้ายึดอำนาจและใช้นโยบายปราบปรามของ จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์


2507 : ศาลกลาโหมพิพากษายกฟ้อง ได้รับการปลดปล่อย เมื่อวันที่ 30 ธันวาคม รวมเวลาที่ถูกคุมขังโดยไม่มีความผิด 6 ปีเศษ


2508 : เดือนตุลาคม ตัดสินใจเดินทางสู่ชนบทภาคอีสาน จับอาวุธขึ้นต่อสู้กับอำนาจรัฐ ในนามพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย


2509 : วันที่ 5 พฤษภาคม โดนล้อมยิงเสียชีวิตที่ตำบลบ้านหนองกุง อำเภอวาริชภูมิ จังหวัดสกลนคร จิตร ภูมิศักดิ์ เป็นนักคิดที่มีอิทธิพลอย่างสูง มากที่สุดคนหนึ่งสำหรับคนหนุ่มสาวในยุคแสวงหา หรือแม้กระทั่งนักกิจกรรมเพื่อสังคมในปัจจุบันนี้ เพราะความคิดและผลงานของจิตร ทรงพลังและเป็นสัจธรรมที่มิอาจปฏิเสธได้


ยุคมืดของสังคมไทย 14 ตุลา 2516, 6 ตุลา 2519 ยุคเผด็จการทรราชย์ครองเมือง นักศึกษาถูกสังหาร ถูกจับกุมคุมขัง เหตุเพราะเรียกร้องหา "เสรีภาพ" มีเรื่องเล่าว่า : ในคุกที่กลุ่มนักศึกษาถูกจองจับจำนวนมาก ท่ามกลางความสิ้นหวัง หวาดกลัว เจ็บแค้นและปวดร้าว พลันก็มีคนคนหนึ่งเปล่งเสียงนำขึ้น ทำลายความเงียบงัน ร้องเพลงเพลงหนึ่งขึ้น จาก 1 เสียงเพิ่มทีละเสียงๆ จนดังกังวาน ก้องไปทั่ว ดังเข้าไปในจิตวิญญาณของผู้เรียกร้องเสรีภาพและความเป็นธรรม เพลงๆ นั้นยังคงเป็นอมตะตราบทุกวันนี้


วงดนตรีเพื่อชีวิต "คาราวาน" เป็นผู้นำเพลงแสงดาวแห่งศรัทธามาขับร้องจนเป็นที่รู้จักของคนทั่วไป ผลงานเพลงของจิตรมีมากมาย ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นเพลงปฏิวัติ เพลงปลุกใจ เดี๋ยวนี้คงหาฟังได้ยาก ที่พอจะมีก็เพลง "กลิ่นรวงทอง" ที่แอ๊ด คาราบาว นำมาร้องและแต่งเนื้อเพลงเพิ่มบางส่วน อยู่ในชุดที่ 4 ท. ทหารอดทน
- ขอเยาะเย้ยทุกข์ยากขวากหนามลำเค็ญ คนยังคงยืนเด่นโดยท้าทาย -

แสงดาวแห่งศรัทธา จิตร แต่งเพลงนี้โดยใช้นามปากกา "สุธรรม บุญรุ่ง" ระหว่างปี พ.ศ. 2503-2505 ซึ่งกำลังติดคุกอยู่ นอกจากจะใช้ปลุกพลัง ความหวัง และศรัทธาของตัวเองแล้ว เนื้อร้องที่ประสานกับทำนองที่ไพเราะของเพลงนี้ยังใช้ปลุกพลัง ความหวังของเพื่อนร่วมคุกได้อย่างดี
เพลงนี้แสดงลักษณะการมองโลกในแง่ดีของจิตร ถึงแม้ว่าจะถูกจับกุมคุมขัง แต่ก็ยังมองเห็นความหวัง ฟ้าทั้งผืนแม้จะมืดมิด แต่ก็ยังมีดาวดวงน้อยแซมแต้ม การจับกุมคุมขัง มิใช่การสิ้นสุดบทบาทของชีวิต เมื่อมองเห็นความหวังแล้ว ก็มีพลังศรัทธาในการที่จะทำงานเพื่อผลประโยชน์ของสาธารณชนอีกต่อไปอย่างเชื่อมั่น ความเป็นจริงจะต้องปรากฎสักวันหนึ่งว่าใครทำอะไรเพื่อใคร


.................................................................................













จิตร ภูมิศักดิ์
Intro:

เขาตายในชายป่า เลือดแดงทาดินเข็ญ
ยากเย็นข้นแค้นอับจน

(2 ครั้ง)

ถึงวันพรากเขาลงมาจากยอดเขา
ใต้เงามหานกอินทรีย์
ล้อมยิงโดยกระหยิ่ม อิ่มในเหยื่อตัวนี้
โชคดีสี่ขั้นพันดาว
เหมือนดาวร่วงหล่น ความเป็นคนร่วงหาย
ก่อนตายจะหมายสิ่งใด


แสนคนจนยาก สิบคนหากรวยหลาย
อับอายแก่หล้าฟ้าดิน เขาจึงต่อสู้
อยู่ข้างคนทุกข์เข็ญ ได้เห็น ได้เขียนพูดจา
คุกขังเขาได้ แต่หัวใจอย่า
ปรารถนา เกิดมาเข่นฆ่าอธรรม
แล้วอำนาจเถื่อนมา
บิดเบือนบังผล กี่คนย่อยยับอับปรา

2508 เมฆดำปกคลุมฟ้า ด้วย
ฤทธา มหา..อินทรีย์ ร้างเมืองไร้บ้าน
ออกทำการป่าเขา เสี่ยงเอาชีวิตมลาย


พฤษภา 509 แดดลบเงาจางหาย
เขาตายอยู่ข้างทางเกวียน


ศพคนนี้นี่หรือคือ จิตร ภูมิศักดิ์
ศพคนนี้นี่หรือคือ จิตร ภูมิศักดิ์
ตายคาหลักเขตป่ากับนาคร

*เขาตายในชายป่า เลือดแดงทาดิน
อีสาน อีกนาน อีกนาน อีกนาน

(ซ้ำ*)


เขาตายเหมือนไร้ค่า แต่ต่อมาก้องนาม
ผู้คนไถ่ถามอยากเรียน


**ชื่อจิตร ภูมิศักดิ์ เป็นนักคิดนักเขียน
ดั่งเทียนถ่องแท้แก่คน

(ซ้ำ**)


..........................................










Create Date : 01 พฤษภาคม 2549
Last Update : 1 พฤษภาคม 2549 16:56:29 น. 6 comments
Counter : 1379 Pageviews.

 
ชื่นชม จิตร ภูมิศักดิ์เช่นเดียวกันค่ะ

น่าเสียดายที่เด็กๆรุ่นหลังไม่ค่อยได้รับรู้เรื่องนี้สักเท่าไร

น่าเสียดายมากๆ


โดย: ขอบคุณค่ะ IP: 125.25.197.165 วันที่: 29 สิงหาคม 2551 เวลา:23:05:57 น.  

 
ขอบคุณคับ

ที่ยังมีอะรัยดี ๆ

ให้คนรุ่นหลังได้ดู


โดย: วีระชนคน 14 ตุลา IP: 124.121.221.90 วันที่: 30 พฤศจิกายน 2551 เวลา:1:27:15 น.  

 
ก็ไม่รู้ผมจะพูดอะไรดีนะครับ
ผมก็เป็นเด็กๆที่ผึ้งเกิดผมอายุ15ปีแต่ก็ยังชื่นชมวิรชน14ตุลา6ตุลาและวีรชนทั้งหลายรวมทั้ง7ตุลา51ด้วย
ทุกคนลองคิดดูนะครับถ้าวีรชน14ตุลาไม่ลุกขึ้นมาต่อสู้กับรัฐบาลที่เป็นเผด็จการทหารที่เอาแต่ใช้อำนาจช่วยพวกเดียวกัน1สาเหตุที่ทำให้เกิดเหตุการ14ตุลาคือมี ฮ.ไปล่าสัตว์ที่ทุ่งใหญ่นเรศวนแล้วตกแต่รัฐบาลพยายามช่วยผู้ที่กะทำผิด
คิดดูว่ามันจะเป็นยังไงถ้าวีรชนไม่ลุกขึ้นมาสู้คงจะเป็นบ้านป่าเมืองเถื่อนจนปัจจุบันและวันที่14ตุลาคม2516เป็นเหตุการที่นักเรียนนักศึกษษสมัยใหม่ยังเรียนไม่เต็มที่
หมายความว่าเด็กที่อยู่ต่างจังหวัดที่ไม่รู้เรืองพอผู้ใหญ่ถามถึงเหตุการผมคิดว่าระบบการศึกษาไทยยังไม่เต็มที่มันต้องใช้ระบบที่เป็นเผด็จการเหมื่อนจีนคือใครไม่เรียนก็ไปเลี้ยง
วัว ควาย แต่ไทยไม่เอาแค่เด็กเขียน กอไก่ได้ก็ถือว่าเรียนได้ถ้าการศึกษายังเป็นแบบนี้อยู่ผมว่าคนรุ่นใหม่คงทำชาติให้ไม่เป็นชาติได้ถายในไม่กี่ปีเพราะรัฐบาลไทยทำอะไรกันอยู่ชาติไทยกว่าจะเป็นชาติเสียเลือดๆสดๆๆๆของวีรชนของบรรพบุรุตที่ปกป้อกประเทศไว้ให้ชาติไม่ตกเป็นเมืองขึ้นเพื่ออะไรเพื่อให้เด็กไทยได้อ่านกอไก่ออกไง้หลอผมคิดว่ามันคงไมไรดีถ้าประชาชนยังแต่ความสามัคคีกันอยู่เพราะสีเสื้องั้นหลอไม่คนไทยตกอยู่ภายไต้อำนาจเงิน.....เงิน.....เงินสมัยนี้ใหญ่กว่าแผ่นดินแล้วหลอ

เรื่องทั้งหมดผมไม่ได้เรียนจากห้องเรียนด้วยซำผมไปเรียนด้วยตัวเองจากหนังสือพ่อที่เหลื่อบ้าง จากหนังสือต่างๆๆๆบ้างจากสิ่งพิมพ์จากเน็ตบ้างผมคิดว่าถ้าจะให้คนไทยดีต้องไปดูที่การศึกษา
ขอบคุณครับ


โดย: เด็กไทยที่ยังรักชาติ IP: 125.26.217.244 วันที่: 4 มกราคม 2552 เวลา:0:03:43 น.  

 
ขอยกย่องและชื่นชม สมสมัย ศรีศูทรพรรณ


โดย: ฟ้าสางที่บางหวัน IP: 117.47.210.106 วันที่: 18 มิถุนายน 2552 เวลา:11:35:27 น.  

 
เพลงเพราะดีครับ
จิตรภูมิศักดิ์คือนักประติวัติเพื่อประชาชนอย่างแท้จริง
เสียดายทีจิตรไม่อยู่กับเราแล้ว

คนยังยืนเด่นโดยท้าทาย...


โดย: ผู้มีอุดมการณ์เหมือนจิตร ภูมิศักดิ์ IP: 125.26.245.116 วันที่: 3 สิงหาคม 2552 เวลา:8:41:50 น.  

 
จิตร ภูมิศักดิ์ ฉันยงคงจดจำนาย ...


โดย: ปิยนุช เพ็ชรพุทธ IP: 202.28.68.33 วันที่: 24 กันยายน 2554 เวลา:6:44:57 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

คนเดินดินฯ
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]








ปณิธาน

การเดินทางของชีวิตของทุกผู้คน
ทุกคนต่างต้องการประสบความสำเร็จในชีวิต
แต่จะมีสักกี่คนที่จะก้าวไปถึง
เมื่อเราก้าวถึงจุดนั้น
ขออย่าลืมการแบ่งปันและเจือจาน
แก่ผู้ด้อยโอกาสในสังคม

เราจะเติบโตและก้าวไปข้างหน้าพร้อม ๆ กัน
เพื่อสร้างสรรค์สังคมใหม่ที่ดีงาม

เพื่อให้อนุชนคนรุ่นหลัง
ได้ใช้ชีวิตของเขา
ตามศักยภาพและความตั้งใจของเขา
ตราบเท่าที่เขาต้องการ







เดินไปสู่ความใฝ่ฝัน


ชีวิตหนึ่งร่วงหล่นไปตามกาลเวลา
คลื่นลูกใหม่ไล่หลังคลื่นลูกเก่า
นั่นคือวัฏจักรของชีวิตที่ดำเนินไป

เยาว์เธอรู้บ้างไหม
ว่าประชาราษฎรนั้นทุกข์ยากเพียงใด
เสี้ยวหนึ่งของชีวิตที่เหลืออยู่
เธอเคยมีความใฝ่ฝันที่แสนงามบ้างไหม

สักวันฉันหวังว่าเธอจะเดินไปตามทางสายนี้
ที่อาจดูเงียบเหงาและโดดเดี่ยว
แต่ภายใต้ฟ้าเดียวกัน
ฉันก็ยังมีความหวัง
ว่าผู้คนในประเทศนี้
จะตื่นขึ้นมา
เพื่อทวงสิทธิ์ของพวกเขา
ที่ถูกย่ำยีมาช้านาน
และฉันหวังว่าเธอจะเดินเคียงคู่ไปกับพวกเขา

เพื่อสานความใฝ่ฝันนั้นให้เป็นความจริง
สัญญาได้ไหม
สัญญาได้ไหม
เยาว์ที่รักของฉัน


***********



ขอมีเพียงเธอเป็นกำลังใจ




ทอดสายตามองออกไปยังทิวทัศน์ข้างหน้า
แลเห็นต้นหญ้าโบกไสว
เห็นดอกซากุระบานอยู่เต็มดอย
ความงามที่อยู่ข้างหน้า
เป็นสิ่งที่ฉันจะเก็บมันไว้
ยามที่จิตใจอ่อนล้า...

ชีวิตยามนี้แม้ผ่านมาหลายโมงยาม
แต่จิตใจข้างในยังคงดูหงอยเหงา
หลายครั้งอยากมีเพื่อนคุย
หลายครั้งอยากมีคนปรับทุกข์
และหลายครั้งต้องนั่งร้องไห้คนเดียว

รางวัลสำหรับชีวิตที่ผ่านมา
มันคืออะไรเคยถามตัวเองบ่อย ๆ
ความสำเร็จ...เงินตรา...เกียรติยศชื่อเสียง
มันใช่สิ่งที่เราต้องการหรือเปล่า
ถึงจุดหนึ่งชีวิตต้องการอะไรอีกมากไปกว่านี้

หลายชีวิตยังคงดิ้นรนต่อสู้
เพื่อปากท้องและครอบครัว
มันเป็นความจริงของชีวิตมนุษย์
ที่ต้องดำรงชีพเพื่อความอยู่รอด
มีทั้งพ่ายแพ้ มีทั้งชนะ
แต่ชีวิตต่างต้องดำเนินไป
ตามวิถีทางของแต่ละคน

ลืมความทุกข์ ลืมความหลังที่เจ็บปวด
มองออกไปข้างหน้า
ค้นให้พบตัวตนของตนเองอีกครั้ง
แล้วกลับไปสู้ใหม่
การเริ่มต้นของชีวิตจะต้องดำเนินต่อไป
จะต้องดำเนินต่อไป

ตราบจนลมหายใจสุดท้ายของชีวิต....




@@@@@@@@@@@




การเดินทางของความรัก

...ฉันเดินไปด้วยหัวใจที่ว่างเปล่า
สมองได้คิดใคร่ครวญ
ความรักในหลายครั้งที่ผ่านมา
ทำไมจึงจบลงอย่างรวดเร็ว

ฉันเดินไปด้วยสมองอันปลอดโปร่ง
ความรักทำให้ฉันเข้าใจโลก
และมนุษย์มากขึ้น
และรู้ว่าความแตกต่าง
ระหว่างความรักกับความหลงเป็นอย่างไร?

ฉันเดินไปด้วยดวงตาที่มุ่งมั่น
บทเรียนของรักในครั้งที่ผ่าน ๆ มา
มันย้ำเตือนอยู่เสมอว่า
อย่ารีบร้อนที่จะรัก
แต่จงปล่อยให้ความสัมพันธ์
ค่อย ๆ พัฒนาอย่างค่อยเป็นค่อยไป
เรียนรู้และทำเข้าใจกันให้มากที่สุด

ก่อนที่จะเริ่มบทต่อไปของความรัก...




*******************



จุดไฟแห่งศรัทธาและความมุ่งมั่น

เข้มแข็งกับอ่อนแอ
สับสนหรือมุ่งมั่น
จะยอมแพ้หรือลุกขึ้นท้าทาย
กับชีวตที่เหลืออยู่
ทุกสิ่งล้วนอยู่ที่ใจเราจะกำหนด

ไม่ใช่เพราะอิสระเสรี
ที่เราต้องการหรอกหรือ?
ที่มันจะนำทางชีวิต
ในห้วงเวลาต่อไป
ให้เราก้าวทะยานไป
สู่วันพรุ่งที่สดใส

มีแต่เพียงคนที่รู้จักตนเองอย่างดีพอเท่านั้น
จะสามารถทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่ได้
เมื่อผ่านการสรุปบทเรียน
จากปัญหาต่าง ๆ ที่ประสบ
เราก็จะมีความจัดเจนกับชีวิตมากขึ้น
และการเผชิญกับอุปสรรคต่าง ๆ
ในอนาคตก็จะเป็นเพียงปัญหาที่เล็กน้อยสำหรับเรา
ในการที่จะก้าวผ่านไป



ด้วยศรัทธาและความมุ่งมั่นที่มีอยู่ในใจ
ที่จะต้องย้ำเตือนตัวเองอยู่เสมอ
หนทางในการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ๆ
ย่อมอยู่ไม่ไกลห่างอย่างแน่นอน

*********************



ก้าวย่างที่มั่นคง

บนทางเดินแคบ ๆ ที่เหลืออยู่
หากขาดความมั่นใจที่จะก้าวเดินต่อไป
ชีวิตก็คงหยุดนิ่งและรอวันตาย
แม้ทางข้างหน้าจะดูพร่ามัว
และไม่รู้ซึ่งอนาคต
แต่สิ่งที่ดีที่สุดในปัจจุบัน
คือก้าวย่างไปอย่างมั่นคง
และมองไปข้างหน้าอย่าเหลียวหลัง
เก็บรับบทเรียนในอดีต
เพื่อจะได้ระมัดระวังไม่ให้ผิดพลาดอีกในอนาคต

"""""""""""""""""""""""""""""""""



ใช้สามัญสำนึกทำงาน

ไม่มีแผนงานที่สวยหรู
ไม่มีปฏิบัติการใดที่สมบูรณ์แบบ
ในยามนี้มีเพียงการทำงานด้วยการทุ่มเท
ลงลึกในรายละเอียดเท่านั้น
จึงจะสามารถคลี่คลายปัญหาของงานลงได้
บางครั้งโจทย์ที่เจออาจยากและซับซ้อน
แต่เมื่อลงไปคลุกคลีอย่างแท้จริง
โจทย์เหล่านี้ก็ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป

""""""""""""""""""""""""""""""""



เรียบ ๆ ง่าย ๆ


อย่ามองสิ่งต่าง ๆ ด้วยแว่นสีที่ซับซ้อน
เพราะในโลกนี้มีเพียงสิ่งสามัญที่เรียบง่าย
สำหรับคนที่สงบนิ่งเพียงพอเท่านั้น
จึงจะแก้โจทย์และปัญหาต่าง ๆ
ด้วยกลวิธีที่เรียบ ๆ ง่าย ๆ
ไม่ซับซ้อนและตรงจุดได้อย่างเพียงพอ

""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""

ใจถึงใจ

บนหนทางไปสู่ความสำเร็จ
บนหนทางของการสร้างสรรค์สิ่งใหม่
มีเพียงคนที่เข้าใจในสภาพจิตใจของคนทำงานเท่านั้น
จึงจะสามารถนำทีมงานไปสู่เป้าหมายได้
อย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน








Friends' blogs
[Add คนเดินดินฯ's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.