บ้านที่มีความรักและความอบอุ่นคือจินตนาการของคนไทยยามนี้ !
Group Blog
 
 
เมษายน 2550
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
2930 
 
11 เมษายน 2550
 
All Blogs
 

เป้าหมายของชีวิตกับสมดุลของชีวิตที่อยากให้เป็น






เป้าหมายของชีวิตข้างหน้า
ดูมันห่างไกลจากความฝันที่ตั้งใจไว้
เกิดอะไรขึ้นกับชีวิตในช่วงนี้
ถามตัวเองบ่อย ๆพร้อมคิดใคร่ครวญ
ปัญหามันอยู่ที่ไหน
และทำไมการเดินทางจึงไปไม่ถึงฝั่ง?


หากจัดชีวิตเป็นด้านต่าง ๆ ที่จะต้องจัดการให้เดินไปพร้อม ๆ กัน
ทั้งงานอาชีพ ความรัก ครอบครัว สุขภาพ การศึกษาค้นคว้า และการพักผ่อนหย่อนใจ

ซึ่งรวมเรียกว่า "ชีวทัศน์" ซึ่งก็คือแนวทางในการใช้ชีวิตและดำเนินชีวิตที่มีความสมดุลและเหมาะสม

ถามว่าที่ผ่านมาทำไมคนเราจึงไม่สามารถปฏิบัติสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ได้อย่างครบถ้วน?

ส่วนหนึ่งอาจเกี่ยวกับการจัดการเรื่องเวลาที่ยังไม่เป็นระบบ
และไม่สามารถแยกเรื่องหลักรองและจำเป็นเร่งด่วนออกจากกัน

ส่วนหนึ่งอาจจะเกี่ยวกับการเสียสมาธิกับปัญหาส่วนตัวต่าง ๆ ที่เข้ามาในชีวิต
ทำให้งานหลักของชีวิตเช่น งานอาชีพต้องเสียสมดุลไป

งานอาชีพจึงเป็นจุดเริ่มต้นของทุกคนที่ต้องประสบความสำเร็จให้ได้
หรือสามารถใช้ชีวิตอยู่ในสังคมได้อย่างไม่ลำบากมากเกินไป

ซึ่งในยุคนี้สำหรับผู้ประกอบธุรกิจส่วนตัว
คงจะปวดหัวกับแผนการทางการเงิน
ที่ยังไม่เข้าเป้าและขาดสภาพคล่อง
ซึ่งคงจะเกิดขึ้นมากในปีนี้
และอยากให้ตั้งสติคิดวางแผนให้ดีว่าจะบริหารการเงินอย่างไร?

ให้รอดพ้นวิกฤติตรงนี้ให้ได้
และบทเรียนปี 2540 คงจะช่วยได้ไม่น้อย

หากทางเดินของชีวิตคนเรา
ที่เริ่มจากวัยเจริญพันธ์และเรียนรู้ วัยก่อร่างสร้างตัว วัยแห่งอิสรภาพของชีวิต และวัยชรา

การที่คนเราจะมีเป้าหมายของชีวิตให้ไปสู่วัยแห่งอิสรภาพหรือวัยเกษียณอายุได้เร็วที่สุดเท่าไรก็คงจะมีความสุขไม่น้อย

ปัญหาอยู่ตรงที่เราจะหาเงินเท่าไรถึงจะเพียงพอที่เราจะเกษียณ?

ซึ่งก็คงขึ้นกับความจำเป็นของแต่ละบุคคล

วันนี้เป้าหมายของชีวิตอาจจะดูห่างไกล
แต่เมื่อลองคิดทบทวนดูใหม่
และกล้าที่จะท้าทายดูอีกครั้ง
นักสู้ชีวิตที่ไม่ยอมแพ้อะไรง่าย ๆ
ก็จะเข้าสู่เส้นชัยอย่างแน่นอน!!




บล็อกที่แล้ว คลิกที่นี่







































 

Create Date : 11 เมษายน 2550
23 comments
Last Update : 17 เมษายน 2550 10:59:17 น.
Counter : 980 Pageviews.

 

เย้ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

มาเป็นคนแรกด้วย

มาสาดน้ำพี่ชายค่ะ

 

โดย: run to me 11 เมษายน 2550 16:23:27 น.  

 

หนิงมีเป้าหมายในชีวิตนะคะ
แต่ไม่รู้มันจะสมดุลหรือเปล่า
เพราะก็คาดหวังมาก....ว่าลูกจะเป็นคนดี

 

โดย: run to me 11 เมษายน 2550 16:25:03 น.  

 

พี่ชายที่รัก (มากๆ)

Hi from here

น้องพิมเพิ่งจะหาวิธี ใช้ภาษาไทยได้ ...แทบเป็นลม ค่ะ

อ่านที่พี่เขียน การเป็นนั่งคิดของพี่ ทำให้พิม เห้นความจริงจัง ในการคิด เหมือนพิมเลย แต่ เดี่ยวนี้ พิมไม่คิด ว่า การเดินทาง จะต้องไป ถึง อีกฝากฝั่ง พิมคิดเพียง ก้าวย่างขณะนี้ พิมทำอย่างดี
พิม ตั้งใจ พิม คิดตรงนี้ ....บางทีฝั่งอาจจะไม่มีให้เห็นเลยก็ได้ นะคะ
พิมเชื่อแบบนั้น แต่ นั่นแหล่ะ ทุกๆ ชีวิตต่างมีทางของตน


แต่พิมก็ได้เห็นความมุ่งมั่น ของพี่เป็นตัวอย่างนะคะ
รวมไปถึง การคิดถึงคนอื่น ๆ ที่ไม่ใช่แต่ตนเอง เป็นภาพรวม.....

พิมแค่อย่างให้พี่มีความสุข บอกให้รีบ ไปทำบุญไหว้พระ
พี่ไปหรือยัง ไม่น่ารักเลย ทำไมไม่หาเวลาไปคะ

พิมทำบุญฝากพี่ด้วย นะคะ

บุญรักษา ค่ะ

 

โดย: ประกายดาว 11 เมษายน 2550 18:11:01 น.  

 

ขอบคุณมากค่ะสำหรับคำแนะนำในการท่องเที่ยวค่ะ


เป็นทัวร์ที่น่าสนใจมากค่ะ

การจะให้ชีวิตมีความสมดุล..บางครั้งก็ไม่มีใครรู้ดีเท่าตัวเรามังค่ะ

ความสมดุลนะตอนนี้..เราว่าแล้วแต่สภาพเศรษฐกิจพาไปมากกว่าค่ะ
เพราะสภาพเศรษฐกิจตอนนี้เอาอะไรแน่นอนได้ยากค่ะ
อยู่ที่ความแข็งแกร่งด้านอารมณ์และจิตใจ
ว่าจะทนในสภาพที่เกิดและแก้ไขอย่างไร????

ยอมรับธุรกิจในยุคนี้เหนื่อยมากๆๆกับการแก้ไขเหตุการณ์
ในบางครั้งไม่คาดคิดก็เกิดได้...
ทุกคนยอมทำอะไรที่ไม่มีหลักเมตตา อุเบกขา..ได้
เพื่อให้ตัวเองอยู่รอดค่ะ...ต้องให้ตัวเองอยู่รอดค่ะ
เหนื่อยค่ะสำหรับธุรกิจตอนนี้



มีความสุขในวันสงกรานต์นะค่ะ



 

โดย: catt.&.cattleya IP: 58.9.61.61 11 เมษายน 2550 19:03:23 น.  

 

ช่วงนี้เป้าหมายชีวิตปรากฏขึ้นมารำไรแล้วค่ะ

หนทางยาวไกล แต่การเดินทางโดยมีจุดมุ่งหมาย
ก็ทำให้มีำกำลังเดินทางขึ้นมาเลยค่ะ

 

โดย: rebel 11 เมษายน 2550 21:32:10 น.  

 

คัดจากฐานเศรษฐกิจ


'โฆษิต'การันตี ไตรมาส 3 เศรษฐกิจ'ฟื้น'


เมื่อวันที่ 9 เมษายน 2550 ที่ผ่านมา หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ จัดสัมมนา ในหัวข้อ "นโยบายเศรษฐกิจ ภายใต้ทีมเศรษฐกิจ จะไปทางไหน"โดยได้รับเกียรติจาก ‘นายโฆสิต ปั้นเปี่ยมรัษฎ์’ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมปาฐกถาพิเศษในหัวข้อดังกล่าว โดยมีนายสมหมาย ภาษี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ปาฐกถาในหัวข้อ "มาตรการการคลังเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจ" (อ่านรายละเอียดได้ที่หน้า 13) รวมทั้งตัวแทนของผู้ประกอบการเอกชนที่ร่วมสัมมนาในครั้งนี้ด้วย





****เน้นนโยบายศก.2เรื่องหลัก


นโยบายเศรษฐกิจที่รัฐบาลนี้ ใน 9 เดือนที่เหลือของปีนี้ รองนายกฯ ‘โฆสิต’ ฟันธงแบบตรงไปตรงมาว่า เดินในทิศทางที่ถูกต้อง ซึ่งหมายถึง 2 เรื่อง คือ หนึ่ง ทิศทางของการดำเนินการภายใต้กรอบปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง และสอง ดำเนินการเชิงนโยบายที่พยายามให้การชะลอตัวของเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องชั่วคราว และกลับสู่อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่ระดับ 4-5% ภายในไตรมาสที่ 3 ของปี 2550


ประเด็นที่รองนายกฯและรมว.อุตสาหกรรม เน้นย้ำ คือ จะทำให้ภาวะการชะลอตัวของเศรษฐกิจเป็นภาวะชั่วคราว "ชั่วคราวได้เร็วเท่าไรก็ยิ่งดี" โดยเทียบเศรษฐกิจไทยกับเครื่องบินลำใหญ่ ที่มีเครื่องยนต์ 4 เครื่อง แต่มีเครื่องยนต์เดียวที่ยังทำงานอยู่ ตั้งแต่ไตรมาสที่ 4 ของปี 2549 จนถึงไตรมาสแรกของปี 2550 คือ ภาคการส่งออก





****ติดเครื่องยนต์เคลื่อนเศรษฐกิจไตรมาส 3


ส่วนเครื่องยนต์อีก 3 ด้าน คือ ภาครัฐบาล การลงทุน และการบริโภคภาคเอกชน ยังไม่ทำงาน ด้วย


เหตุผลที่แตกต่างกันในการชะลอตัว เช่น ภาครัฐบาล ติดปัญหาเรื่องงบประมาณ จากที่เดือนตุลาคม 2549 –ธันวาคม 2549 (ไตรมาสแรกของปีงบประมาณ) ไม่มีงบประมาณใหม่เข้ามา ขณะที่การลงทุนในโครงการเมกะโปรเจ็กต์ต้องถูกเลื่อนออกไปด้วยเหตุที่ไม่อยู่ในภาวะปกติ


หนึ่งในปัญหาใหญ่อีกประการหนึ่ง ที่กระทบต่อการชะลอตัวของการลงทุน คือ ปัญหาสิ่งแวดล้อม


ซึ่งรองนายกฯ ยืนยันว่าโดยความเป็นจริงแล้วโครงการลงทุนขนาดใหญ่นั้นยังมีอยู่ แต่ไม่สามารถขับเคลื่อนต่อไปได้จนกว่าจะแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อมแล้วเสร็จ ซึ่งเป็นปัญหาที่ต้องใช้เวลา


ส่วนปัจจัยที่สำคัญที่สุดในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ คือ การบริโภคภาคเอกชน ฟื้นยากเพราะขึ้นอยู่กับจิตวิทยา ความรู้สึก และความมั่นใจในสถานการณ์


อย่างไรก็ตาม เป็นที่คาดหวังว่า ภายในไตรมาสที่ 3 ของปีนี้ เครื่องยนต์ทั้ง 3 เครื่องจะเดินสนับสนุนซึ่งกันและกันแทนการมีเครื่องยนต์เครื่องเดียวคือ ภาคการส่งออก โดยเฉพาะการบริโภคภาคเอกชนซึ่งภาครัฐ เตรียม ‘ต่อท่อ’ ส่งตรงไปยังฐานรากในอัตราที่เพิ่มน้ำหนักมากขึ้นเรื่อยๆ ยกตัวอย่าง ของ โครงการยุทธศาสตร์อยู่ดีมีสุข ซึ่งรัฐบาลตั้งงบประมาณไว้เริ่มแรก 5,000 ล้านบาท และเติมเงินให้อีก 5,000 ล้านบาท รวมเป็น 10,000 ล้านบาท ซึ่งจะถูกส่งสู่ฐานรากโดยตรง โดยมีแผนที่จะจัดงบประมาณดังกล่าวให้อีกในงบประมาณปี 2551


นอกจากนี้ ปัจจัยที่จะเข้ามาเป็นตัวเสริม คือ ประมาณต้นเดือนกันยายน จะมีการดำเนินการที่ชัดเจน


ไปสู่การเลือกตั้ง การยกเลิกประกาศของคณะปฎิรูปการปกครอง(คปค.) และการทำกิจกรรมทางการเมืองของพรรคการเมือง ซึ่งจะเอื้อต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ





***ปรัชญาศก.พอเพียงคือทางรอด


นโยบายเศรษฐกิจอีกด้านหนึ่งของรัฐบาลชุดนี้ คือ ‘การดำเนินนโยบายปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง’ ซึ่งแม้ว่ารัฐบาลชุดนี้ประกาศนโยบายดังกล่าวมาตั้งแต่เริ่มเข้ามาบริหารประเทศ แต่ครั้งนี้รองนายกฯและรมว.อุตสาหกรรม ถึงขั้นชี้ว่า ‘ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง’ เป็นทางเลือกที่ดีที่สุดและเป็นทางรอดของเศรษฐกิจไทย


โดยนโยบายเศรษฐกิจส่วนรวมที่สำคัญที่สุด อยู่ที่ ‘การปรับใช้’ โดยเฉพาะการปรับใช้กับส่วนที่เป็นฐานรากของระบบเศรษฐกิจ หรือหมายถึง ภาคชนบท นั่นเอง !! แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น รัฐบาลชุดปัจจุบันจะไม่ ‘ปรับใช้’ ในลักษณะเดียวกับรัฐบาลชุดก่อนที่ต่อท่อตรงผ่าน ‘นโยบายประชานิยม’สู่ฐานราก ซึ่งหลายคนที่คอมเมนท์ว่าประชานิยมเป็นสิ่งเสพติด


แต่กระบวนการปรับใช้ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงกับฐานรากของประเทศนั้น คือ การเปลี่ยนกรอบความคิดที่ผ่านการออกแบบความคิด วิธีการทำงาน และการออกแบบโครงการ ใน 2 เรื่องที่สำคัญ คือ หนึ่ง เปลี่ยนกรอบความคิดที่ว่า ‘ชุมชนเป็นจุดสำคัญในการกระจายงบประมาณ’ หรือเป็น ‘หน่วยรองรับเงิน’ ซึ่งเป็นแนวคิดของนโยบายประชานิยมที่เกิดขึ้นเมื่อ 5 ปีที่แล้ว ปรับสู่ ‘ชุมชนที่มีความสามารถในการดูแลตัวเอง’และนำไปสู่ชุมชนที่เข้มแข็ง ซึ่งการดูแลตัวเองของชุมชน 5 ด้าน จะต้องประกอบด้วย 1. ด้านอาชีพ คือ พัฒนาอาชีพผ่านกระบวนการเรียนรู้ เช่น โครงการปราชญ์ชาวบ้าน 2. กระบวนการผลิต หรือผลิตภัณฑ์ชุมชน 3. ดูแลสิ่งแวดล้อม 4. ดูแลเรื่องสวัสดิการ และ 5. บริการของรัฐ เช่น ยุทธศาสตร์อยู่ดีมีสุข จากที่ได้กล่าวถึงมาแล้ว


กรอบแนวคิดที่สำคัญอีกเรื่องหนึ่ง ที่ต้องถูกปรับเปลี่ยน คือ ปรับจากความคิดซีอีโอ(CEO) มาเป็นความคิดราชการส่วนภูมิภาค ได้แก่ จังหวัด และอำเภอ เป็นจุดสำคัญที่เชื่อมโยงกลไกของการเลือกตั้งที่เกิดขึ้น ตำบล สภาตำบล จังหวัด เทศบาล ให้เข้ากับชุมชนที่เข้มแข็งให้สามารถทำงานร่วมกันได้ผ่านการเชื่อมโยง จังหวัดไม่ใช่ CEO แต่จังหวัดคือ ผู้เชื่อมโยง 2 ระบบเข้าด้วยกัน คือ ระบบการเลือกตั้ง โดยมีภาครัฐจัดงบประมาณให้ ซึ่งปัจจุบันงบประมาณของประเทศชาติที่จัดไปสู่ระบบคิดเป็น 25% ของรายได้ แต่ตามกฎหมายจะต้องเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ





****ไม่เดินตามท่อประชานิยมเดิม


รองนายกฯและรมว.อุตสาหกรรมยืนยันความพร้อม ณ วันนี้ แตกต่างจากช่วงที่รัฐบาลเข้ามาใหม่ ในเดือนตุลาคม 2549 ซึ่งในขณะนั้นหากจะต่อท่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ยังเป็นท่อเดิม คือ ท่อประชานิยม แต่หลังจากที่รัฐบาลนี้เดินมาแล้วครึ่งทาง หรือ 6 เดือน (ต.ค.49-มี.ค.50) เรียกได้ว่ามีท่อเป็นทางเลือกที่จะทำให้มีความพร้อมมากขึ้น ทั้งนักลงทุนและในแง่ของฐานราก รวมถึงกระบวนการในเชิงการบริหารจัดการของภาครัฐ


ยกตัวอย่าง ความพร้อมในแง่ของนักลงทุน หลังจากที่รัฐบาลลงนาม JTEPA(ความตกลงหุ้นส่วนไทยญี่ปุ่น) คาดว่าจะช่วยให้การลงทุนภาคเอกชนที่เริ่มแผ่วลงตั้งแต่ไตรมาสที่ 3 ของปีที่แล้วฟื้นขึ้นมาได้ แม้ว่า


จะไม่ทันรัฐบาลชุดนี้ แต่ถือว่ารัฐบาลชุดนี้ได้วางกรอบที่เป็นโอกาสสำหรับประเทศไทยในอนาคตไว้แล้ว


"มีผู้ที่มาบอกกับคณะทางการของเราว่าเขาจะเริ่มเสนอโครงการขนาดใหญ่ในหลายสาขา ไม่ว่าจะเป็นเหล็ก หรือ รถยนต์ ซึ่งขณะนี้รอการตัดสินเรื่องอีโค คาร์ (รถยนต์ราคาประหยัด) ซึ่งท่านสมหมาย ภาษี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังเป็นประธาน" รองนายกฯและรมว.อุตสาหกรรมกล่าว


เป็นที่คาดหวังว่า ไตรมาสที่ 3 ของปีนี้ เครื่องยนต์ทั้ง 4 เครื่อง คือ ภาคส่งออก รัฐบาล การลงทุนภาคเอกชน และการบริโภคภาคเอกชน จะเป็นเครื่องยนต์ที่พร้อมทำงานร่วมกัน เพื่อเป็นกลไกในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ เห็นได้จากปัญหาในแต่ละด้านที่ได้รับการแก้ไขไปแล้วอย่างเป็นขั้นตอน


เช่น ในด้านของงบประมาณซึ่งเป็นปัญหาต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจในช่วงแรก แต่รัฐบาลได้ตั้ง


คณะกรรมการขึ้นมา เรียก ‘คณะกรรมการเร่งรัดการใช้จ่ายงบประมาณ ’ และมีการเร่งให้เงินออกจากงบประมาณเดือนละ 2 แสนบาทในเดือน กุมภาพันธ์ 2550 และมีนาคม 2550 รวม 4 แสนล้านบาท แม้ว่าเงินในส่วนดังกล่าวจะอยู่ในธนาคารรัฐ แต่เมื่อออกไปแล้ว ก็จะทำให้เห็นโอกาสในการช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจได้


จากนี้เป็นต้นไป คาดว่าเดือน พ.ค.-มิ.ย. แรงขับเคลื่อนจากสิ่งที่เรียกว่าภาครัฐ ก็จะเริ่มหมุน ที่เคยหมุนเอื่อยๆ ก็จะหมุนได้ดีขึ้น รวมทั้งผลจากการที่คณะกรรมการเร่งรัดฯ ขอให้ทุกหน่วยราชการที่มีงบประมาณค่าที่ดินและสิ่งก่อสร้างทำการประมูลให้เสร็จสิ้นภายในสิ้นเดือนมิ.ย. และขอให้สำนักงบประมาณตรวจสอบความพร้อมของแต่ละกรม เพื่อเตรียมการเต็มที่


ด้วยปัจจัยดังกล่าว ทำให้รัฐบาลมั่นใจว่า เมื่อก้าวสู่ในไตรมาสที่ 3 ของปี ซึ่งเป็นไตรมาสสุดท้ายของปีงบประมาณจะทำได้ดีขึ้น (ถ้าประมูลได้เดือนมิถุนายน ก็จะเริ่มขั้นตอนการดำเนินการได้ในเดือนกรกฎาคม สิงหาคม และกันยายน) และถ้าดูตัวเลขของการใช้จ่ายของภาครัฐ ในไตรมาสสุดท้ายของปีที่แล้ว (ต.ค.-ธ.ค.49) ติดลบ 4% ก็จะกลับมาเป็นบวกด้วยเหตุผลและวิธีการที่ได้เล่าไปแล้ว


เช่นเดียวกับปัญหาด้านสิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็นอุปสรรคต่อการลงทุนของภาคเอกชนที่ต้องคลี่คลายโดยเร็ว


เพราะมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจภาพรวม เห็นได้จาก การนำเข้าสินค้าทุนที่นำเข้าจากต่างประเทศสะท้อนให้เห็นปรากฎการณ์ คือ ตั้งแต่ต.ค.-ธ.ค.49 สินค้าทุนที่ประเทศไทยนำเข้า -3.7% เดือนม.ค.50 – 5.3% โดยประเด็นหลักของการแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อม 2 ประเด็นที่ รองนายกฯและรมว.อุตสาหกรรม จะยึดเป็นหลักคือ หนึ่ง


การที่ชุมชนและอุตสาหกรรมจะอยู่ได้ด้วยกันอย่างสันติ และ สอง ไม่เพิ่มมลพิษในพื้นที่ รวมทั้งสร้างความมั่นใจว่าการปล่อยมลภาวะออกจากอุตสาหกรรมจะค่อยๆลดลงไป ซึ่งขณะนี้ได้เกิดความร่วมมือกันของทั้ง 3 ฝ่าย คือ ภาคอุตสาหกรรม ชุมชน และรัฐบาลที่ออกมาเป็นแผนแล้ว รอเพียงการปฏิบัติเท่านั้น


ทั้ง 2 เรื่องข้างต้น เป็นเรื่องที่ต้องการเวลา แต่ขณะนี้ใกล้เวลานั้นแล้ว อาจจะ 1 หรือ 2 เดือนที่เราจะสามารถดำเนินการได้สำเร็จ นั่นเป็นเรื่องของการลงทุนเอกชน ซึ่งคิดว่าตั้งแต่ไตรมาสที่ 3 ของปีที่แล้ว จากที่แผ่วจนหยุดไปเลยก็จะเริ่มหมุน


รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวทิ้งท้ายถึงอนาคตของเศรษฐกิจไทย ภายใต้ทีมเศรษฐกิจของรัฐบาลปัจจุบัน กำลังขับเคลื่อน เศรษฐกิจส่วนรวมอย่างเป็นขั้นเป็นตอน เพื่อทำให้ภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวเป็นภาวะชั่วคราว โดยเน้นย้ำถึงการปรับใช้ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ผ่านกระบวนการคิด วางแผน และเตรียมการ ในสไตล์ของรัฐบาลชุดนี้ ซึ่งไม่เดินตามนโยบายประชานิยม


แม้ว่าเป้าหมายสุดท้าย จะอยู่ที่ "เศรษฐกิจฐานราก" เช่นเดียวกันก็ตาม

 

โดย: คนเดินดินฯ 12 เมษายน 2550 12:46:57 น.  

 

มารดน้ำ พี่

 

โดย: ประกายดาว 12 เมษายน 2550 21:07:04 น.  

 




จ๊ะเอ๋ !!
สวัสดีวันปีใหม่ไทยคะ
จุ๊บ จุ๊บบบบ



แอบบบบ กระซิบ
หนี่ฯ มีสงสัย ว่าจะเอาภาพไหนน๊า
ฝันดีนะคะ จุ๊บ จุ๊บบบบ อีกแระ อิอิ !!

 

โดย: หนี่หนีหนี้ (แพรวขวัญ ) 13 เมษายน 2550 2:04:27 น.  

 

ในวาระดิถีปีสาทรไทย
ขอนำชัยทุกสิ่งที่ศักดิ์สิทธิ์
มานิมิตดวงใจให้สดใส
ดังเช่นน้ำเย็นฉ่ำที่ชโลม
ให้หัวใจมีแต่สุขไร้ทุกข์เอ๋ย...

วันนี้คือวันสำคัญทางประเพณีและจิตใจ
ก็ยังไม่ยิ่งใหญ่เท่าความกตัญญูและอบอุ่น
ที่เรามอบให้ครอบครัวที่รัก..และผู้สูงอายุค่ะ
ขอให้มีความสุขและสมหวังในสิ่งคิดทุกคนนะค่ะ
สำหรับมิตรที่ดีเสมอจากมิตรภาพด้วยหัวใจค่ะ





ขอสาดน้ำเย็นชโลมใจ..คุณสุภาพบุรุษ คนเดินดิน นะค่ะ
วันนี้อากาศสดใสจังค่ะ..มีความสุขนะค่ะ
อย่าลืมมิตรคนนี้นะค่ะ...







 

โดย: catt.&.cattleya.. 13 เมษายน 2550 9:27:37 น.  

 



วันสงกรานต์เวียนบรรจบมาอีกครั้ง
น้ำใจไทยไหลหลั่งมาอีกหน
ขอน้องพี่มีสุขในกมล
ขอผองชนทุกถิ่นไทยใจชื่นบาน


ขอให้ชาวบล็อกแก็งส์มีความสุขในการเดินทางท่องเที่ยวและพักผ่อนในวันหยุดสงกรานต์ ขอให้ผ่านปีนี้ไปได้อย่างราบรื่นโดยทั่วกัน

 

โดย: คนเดินดินฯ 13 เมษายน 2550 10:35:35 น.  

 


☆☆ สวัสดีปีใหม่ของเมืองไทย ☆☆



สวัสดีตอนเช้าของ เนเธอร์แลนด์ นะจ้า


ขันน้ำมนต์...ผสมพร...บทกลอนรัก
เป็นของฝาก...จากใจ...ใครคนนี้
ซึ่งเปี่ยมด้วย...ความรัก...ความภักดี
มอบไมตรี...แนบสนิท...เป็นมิตรคุณ
สาดพรมมา...ให้เย็น...เช่นดั่งน้ำ
ให้โชคดี...เย็นฉ่ำ..ความเกื้อหนุน
สงกรานต์นี้...ขอกุศล...และผลบุญ
ให้คุณคุณ...สุขสันต์...นิรันดร




** มีความสุขมากในช่วงวันสงกรานต์นะจ้า **

 

โดย: จอมแก่นแสนซน 13 เมษายน 2550 13:12:19 น.  

 

คัดจากกรุงเทพธุรกิจ

การบริหารรัฐ จัดการธุรกิจ:การขาดความรู้กับทุนนิยมผูกขาด

10 เมษายน พ.ศ. 2550 07:00:00


กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ :

ผมชื่นชมและดีใจที่คณะแพทย์ไทย โรงพยาบาลศิริราช ได้แสดงความสามารถผ่าตัดแยกเด็กแฝดสยามที่หัวใจและตับติดกัน ออกจากกันได้สำเร็จ โดยเด็กอยู่รอดแข็งแรงเป็นรายแรกของโลก สร้างชื่อเสียงไทยกระฉ่อนไปทั่วโลก แต่ในอีกด้านท่ามกลางความดีใจ ได้มีเรื่องที่น่าท้อแท้หมดหวังกับปัญหาที่กำลังเกิดขึ้นกับประเทศมากมาย โดยเฉพาะการเกิดอาชญากรรมและความรุนแรงและอุบัติภัยที่มากผิดปกติ โดยไม่อาจแก้ไขได้ คล้ายจนตรอกและไร้ปัญญาทางออก

แน่นอนว่า สาเหตุหลักมาจากการลื่นไถลไปตามกระแสโลกาภิวัตน์ การบริโภคนิยม การขาดความรู้และธุรกิจอ่อนจัดการ-ภาครัฐอ่อนบริหาร ทำให้สับสนงงงวยกับความซับซ้อน ไม่เข้าใจจนทำผิดพลาด เกิดอาการล่มสลาย และเสื่อมทรุด ทั้งทางเศรษฐกิจ การเมือง และสังคม

ทั้งนี้ สามสิ่งที่หายไปคือ หนึ่ง เป็นดังคำของคุณบุญชู โรจนเสถียร ที่ได้เคยเขียนบันทึกไว้ คือ "รัฐบาลที่ดี ยังไม่เกิด" สอง การขาดแคลนผู้นำหรือผู้ใหญ่ ที่มีหิริ โอตตัปปะ รู้จักละอายแก่บาป สาม ปัญหาใหม่ที่กำลังเกิดขึ้นเพิ่มเติมคือ "การขาดความรู้" ทำให้เกิดช่องว่างใหญ่ขึ้นท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงของโลกที่แปลกใหม่พิสดารมากขึ้น และไม่เว้นแม้ในกลุ่มคนชั้นนำของสังคมไทยทุกภาคส่วน ทั้งเอกชน ภาครัฐ หรือแม้แต่นักวิชาการ

แต่มองในแง่ปัจจัยทางปฏิบัติ เคยมีการสรุปว่า ปัญหาใหญ่ที่เป็นปัจจัยเลวร้ายทำให้องค์กรล่มสลายได้ง่าย คือ เผด็จการทหาร นายทุนผูกขาด กับการคอร์รัปชัน เมื่อรวมถึงวันนี้ ปัญหาใหม่คือ การขาดความรู้ หรือเป็นสังคมไร้ปัญญา ทำให้เราต้องคิดกันใหม่ว่า สิ่งที่เราเคยคิดว่าสำคัญต่อการอยู่รอดของประเทศ คือ ปัญหาเศรษฐกิจกับความมั่นคง แต่แท้จริงแล้วที่สำคัญกว่ากลับอยู่ที่ คือ ด้านสังคมกับการศึกษา

ซึ่งถ้าเป็นจริง การไปตั้งความหวังที่นายกฯ สุรยุทธ์ จุลานนท์ จึงไม่พอ แต่ควรต้องหันไปสนใจติดตามการบริหารของรองนายกฯ ผู้รับผิดชอบด้านสังคม คือ คุณไพบูลย์ วัฒนศิริธรรม อดีต NGO ซึ่งมีข่าวออกมามาก ท่ามกลางข่าวที่สะท้อนถึงปัญหารุนแรงที่เพิ่มขึ้น กับปัญหาความไม่ปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินที่ย่ำแย่ลงกว่าเดิม โดยคุณภาพชีวิตหดหาย กับระบบการศึกษาที่พัฒนาไม่คืบ

ความหวังที่เมืองไทยจะอยู่รอดเติบโตแข็งแรงได้ในโลกยุคใหม่จากการได้เรียนรู้ตลอดเวลา เพื่อสร้างคนให้มีคุณภาพ มีความรู้ ให้เป็น "ทุนมนุษย์" กับ "ทุนสังคม" ที่แข็งแรงจึงทำกันไม่ได้หรือมีบ้างก็น้อยมาก ทำไปแบบตามมีตามเกิด โดยทั้งประเทศต่างเรียนรู้แค่จากนักประกาศข่าวทางทีวีไม่กี่คน ที่มีอิทธิพลสูงผ่านสื่อทีวีคู่กันกับเนื้อหามาจากข่าว นสพ.เท่านั้น

ปรากฏการณ์ที่ว่าเห็นไม่ยาก ดังเช่นในท่ามกลางการปฏิรูปการเมือง การพยายามล้างคอร์รัปชัน และการพยายามสร้างธรรมาภิบาล กลับมีนักวิชาการ ใช้คำนำหน้า "ศจ.และดร." เขียนรำพันว่า "จะดีกว่าไหม ถ้าไม่มีคตส."

ซึ่งเท่ากับเป็นการพยายามอยากให้ยกเลิกหรือไม่ต้องมีการเรียนรู้บทเรียนของการทุจริตและคดโกง ทำให้ต้องย้อนมองหานักบริหารจอมปลอม ที่ชอบสักแต่พูดถึง Good Governance และ CSR กับ Ethics แต่กลับนิยมตรงข้าม ไม่ต่างกับคนอยากเป็นนักพรตที่นิยมชมชอบกับการนั่งสวดมนต์อยู่ในดิสโก้เธคเท่านั้น

อีกเหตุการณ์หนึ่ง คือ ผมไม่เคยเชื่อแต่ก็อยากฟังเหตุผลคำชี้แจงของนายกฯ สุรยุทธ์ ที่กล่าวหลังการไปเซ็นลงนาม สัญญาเอฟทีเอกับญี่ปุ่น ว่า ท่านจะชี้แจงให้คนที่ต่อต้านได้เข้าใจและยอมรับว่า สองฝ่ายได้ประโยชน์หรือเป็น Win-Win Situation ซึ่งไม่เคยเป็นจริงและเป็นไปไม่ได้ในโลกธุรกิจ

เรื่องสุดท้าย คือ ข่าว "เนชั่นทีวี" รายการเสวนา "คมชัดลึก" เรื่อง "กฎหมายค้าปลีก" ระหว่างฝ่ายสมาพันธ์ต่อต้านค้าปลีกต่างชาติกับฝ่ายผู้บริหารค้าปลีกยักษ์ ซึ่งดูแล้วน่าสงสารที่ประชาชนคนไทยถูกปล่อยลอยแพให้ต้องต่อสู้อย่างเดียวดาย

โดยสิ่งที่ขาดหายไป คือ เวทีและข้อมูลการต่อสู้ที่ควรอยู่บนฐานและอาศัยความรู้มีน้อยเกินไป ทำให้กลุ่มค้าปลีกขนาดเล็กที่กระจัดกระจายรวมตัวกันยาก กับมีเงินทุนน้อยและห่างไกลสื่อจำต้องกลายเป็นฝ่ายเสียเปรียบโดยปริยาย ทำให้การตอบโต้และการนำเสนอข้อเท็จจริงสู่ประชาชนทำได้น้อยและสู้ไม่ได้กับทุนใหญ่

และด้วยเพราะบทบาทของสถาบันการศึกษา นักวิชาการ ที่หายไปนี้เองปล่อยให้ค้าปลีกต่างชาติแสดงความโอหังกลางจอทีวี โดยไม่ยี่หระกับปัญหาที่เกิดกับร้านค้าปลีกรายย่อยคนไทย

เหตุการณ์ที่ว่าเกิดขึ้นในรายการตอนดึกของวันหยุดจักรีนั้นเอง ซึ่งเป็นเวลาเดียวกันกับที่รายการ ทีวีช่อง 3 กำลังออกอากาศเรื่อง "ตากสินมหาราช"

ทำให้อดคิดไม่ได้ว่า ทำไมการต่อสู้ของค้าปลีกไทย จึงต้องสู้อย่างเดียวดาย โดยไร้การช่วยเหลือที่เป็นจริงเป็นจังจากทุกฝ่าย ซึ่งสาเหตุอาจเกิดจากการหลงมัวเมาแข่งหาความร่ำรวยกัน หรือเพราะหลงทางในโลกาภิวัตน์ หรืออาจเกิดจากปัญหาใหม่ที่ใหญ่กว่าคือ ปัจจัยที่กล่าวมาแล้ว คือ ปัญหาการขาดความรู้ สร้างผลเสียทำให้ขาดการพิสูจน์ความจริงกันว่า ความเป็นธรรมในการแข่งขันควรดูกันที่ตรงไหน ควรกำหนดกติกาอย่างไร กับควรมีวิธีการแก้ไขให้เกิดการแข่งขันที่เป็นธรรมด้วยเกณฑ์และวิธีอะไรบ้าง

คำตอบเรื่องนี้ ดูได้จากเหตุการณ์อีกด้าน คือ เหตุการณ์ที่เกิดกับงานสัปดาห์หนังสือครั้งที่ 35 ท่ามกลางข่าวดีกลับมีรูรั่วใหญ่ คือ มีข่าวสำนักพิมพ์เล็กรายหนึ่งไปเหมาเอา "การ์ตูนโป๊" มาขายเลหลังกับเขาด้วย

สะท้อนว่าธุรกิจผลิตหนังสือที่ใช้สร้างความรู้ก็กำลังตกต่ำต่อเนื่อง ซึ่งเรื่องนี้ที่เห็นกันมานานแล้ว นั่นคือ กระแสของคุณภาพหนังสือที่ลดต่ำลงมาตลอด จากหนังสือแต่งที่ลดลง ถูกแทนด้วยหนังสือแปลที่มากขึ้น และจากนักเขียนหนังสือมีสาระความรู้ ถูกแทนด้วยหนังสือตลกโปกฮากับหนังสือประโลมโลก

ในท่ามกลางโลกที่ต้องการความรู้ เพื่อใช้เข้าใจปัญหา ใช้ปรับตัว รู้ทันเล่ห์พ่อค้ากับนักล่าอาณานิคม และพัฒนาให้เติบโตอย่างมีคุณภาพ แหล่งความรู้ต่างๆ ทั้งสื่อต่างๆ กับหนังสือกลับโตแต่ในทางปริมาณ

ทั้งนี้ เหตุสำคัญที่ทำให้หนังสือที่มีคุณภาพเกิดยากนั้น สาเหตุหนึ่งมาจากอำนาจการผูกขาดตลาดของร้านของผู้จัดจำหน่ายหนังสือรายใหญ่ที่ผูกขาดตลาด โดยเกาะติดไปกับระบบค้าปลีกขนาดยักษ์ ทำให้ร้านหนังสือขนาดเล็กตายไป เมื่อช่องทางการกระจายหนังสือถูกปิดกั้น พร้อมกับมีการสร้างเงื่อนไขเกณฑ์โหดต่างๆ จึงทำให้สำนักพิมพ์คุณภาพและรายย่อยและนักเขียนอิสระต่างต้องตายไป

ไม่ต่างกันกับธนาคารขนาดใหญ่ของไทยทั้งหลาย ที่พ่ายต่อต่างชาติ จึงจำต้องงอนง้อขอตั้งสาขาทำบริการพ่วงไปกับข่ายของร้านค้าปลีกขนาดใหญ่ จนทำให้ต้องสงสัยว่า นี่อาจเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ รมต.ใน ครม.บางคนต้องรีบพูดเพื่อถ่วงเวลาให้ถอนพ.ร.บ.ค้าปลีกออกไปก่อน ใช่หรือไม่ ?

ทั้งหมดคือผลร้ายจากระบบทุนนิยมผูกขาด ที่ทำให้เมืองไทยกลายเป็นสังคมไร้ปัญญา ขาดความรู้ที่จะเข้าใจ จนไม่อาจตามทันและสู้ทานกับกระแสการครอบงำทางความคิดและพฤติกรรมได้

ในอดีตอำนาจการผูกขาดกระจุกตัวเฉพาะที่รัฐวิสาหกิจเป็นส่วนใหญ่ แต่ปัจจุบันการผูกขาดมากับทุนนิยมเอกชนในชาติที่จับมือกับต่างชาติ โดยที่รัฐบาลทำได้เพียงทำตาปริบๆ ได้แค่คอยยืนดูเด็กอนุบาลสู้ชกต่อยกับนักมวยอาชีพตามลำพังจนตายไป

ธงชัย สันติวงษ์ คณะพาณิชย์ฯ ม.ธรรมศาสตร์



 

โดย: คนเดินดินฯ 13 เมษายน 2550 15:18:32 น.  

 

สวัสดีปีใหม่ไทยค่ะ ..... ขอให้มีความสุขมากๆนะคะคุณเดินดิน

 

โดย: Petit Patty 13 เมษายน 2550 16:01:08 น.  

 

ขอโทษค่ะที่พิมพ์ชื่อตกไปตัวนึง

 

โดย: Petit Patty 13 เมษายน 2550 16:08:24 น.  

 

สวัสดีปีใหม่ไทยค่ะ

มีความสุขในวันสงกรานต์นะคะ


 

โดย: Black Tulip 13 เมษายน 2550 20:40:20 น.  

 

สวัสดีปีใหม่คราบบ
ขอให้มีความสุขกับชีวิตทุกๆด้านเช่นกันครับ

 

โดย: กุมภีน 13 เมษายน 2550 21:34:25 น.  

 

น้อมขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์อธิษฐาน
ดลบันดาลปีใหม่ไทยให้พร้อมพรั่ง
ทั้งอายุ วรรณะ สุขะพลัง
เลิศดังหวังเกษมมั่นนิรันดร์เทอญ

สุขสันต์วันสงกรานต์นะคะ

 

โดย: เราสองคน (ฝากเธอ ) 13 เมษายน 2550 22:17:02 น.  

 




สวัสดีตอนเช้าของ เนเธอร์แลนด์ นะจ้า

ไม่ว่าจะไกลกันสักแค่ไหน
ฉันจะส่งความห่วงใยไปให้เสมอ
แม้ห่างไกลไม่ได้พบเจอ
แต่เชื่อเถอะว่าฉัน ** คิดถึง** เธอ


** มีความสุขในช่วงวันสงกรานต์นะจ้า **

 

โดย: จอมแก่นแสนซน 14 เมษายน 2550 14:09:03 น.  

 




สวัสดีตอนเช้าของ เนเธอร์แลนด์ นะจ้า

ทุกทุกครั้งที่คิดถึงเธอ..
ทุกคืนวันพลันสดใส
ไกลบ้างห่างบ้างไม่เป็นไร
แค่รู้สึกดีดีในใจก็เกินพอ



** มีความสุขในช่วงวันสงกรานต์นะจ้า **

 

โดย: จอมแก่นแสนซน 15 เมษายน 2550 14:32:48 น.  

 

Pi chai ka

My thai font just gone
and nong pim still don't know how to fix it ka
anyway sent u ...my kidtung na ka

 

โดย: ประกายดาว 15 เมษายน 2550 19:10:01 น.  

 


"วันนี้เป้าหมายของชีวิตอาจจะดูห่างไกล
แต่เมื่อลองคิดทบทวนดูใหม่
และกล้าที่จะท้าทายดูอีกครั้ง
นักสู้ชีวิตที่ไม่ยอมแพ้อะไรง่าย ๆ
ก็จะเข้าสู่เส้นชัยอย่างแน่นอน"

กำลังทำอยู่ค่ะ ไม่หวังเส้นชัยเพราะไม่ตั้งเป้า
ขอความสงบสุขตามอัตภาพก็พอใจแล้ว

 

โดย: ลูกแมวขี้อ้อน 17 เมษายน 2550 18:21:08 น.  

 

ดีใจที่ พี่ได้เดินทาง


เพลงนี้น่ารักดีนะคะ นางนวล
จุดหมายในใจเจ้าคงต้องมี ...
นางนวลไม่เคยท้อใจ?

โอ ทำไมเก่งอย่างนี้

ขอบฟ้าอันห่างไกล มันมีความหวังและความฝันรออยู่ใช่ไหม?
น้องพิมรู้ ปีนี้ ต้องเป็นรอบนักษัตรที่ดีสำหรับพี่ค่ะ


บุญรักษานะคะ

 

โดย: ประกายดาว 18 เมษายน 2550 2:50:45 น.  

 

สวัสดีตอนเช้าค่ะ
เป้าหมายชีวิต ...
ไม่อยากหาคำตอบเลยค่ะ

.
.

สวัสดีปีใหม่ไทย เย็นกายเย็นใจตลอดทั้งปีนะคะ^^...

 

โดย: ขอบคุณที่รักกัน (blueberry_cpie ) 18 เมษายน 2550 7:32:37 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


คนเดินดินฯ
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]








ปณิธาน

การเดินทางของชีวิตของทุกผู้คน
ทุกคนต่างต้องการประสบความสำเร็จในชีวิต
แต่จะมีสักกี่คนที่จะก้าวไปถึง
เมื่อเราก้าวถึงจุดนั้น
ขออย่าลืมการแบ่งปันและเจือจาน
แก่ผู้ด้อยโอกาสในสังคม

เราจะเติบโตและก้าวไปข้างหน้าพร้อม ๆ กัน
เพื่อสร้างสรรค์สังคมใหม่ที่ดีงาม

เพื่อให้อนุชนคนรุ่นหลัง
ได้ใช้ชีวิตของเขา
ตามศักยภาพและความตั้งใจของเขา
ตราบเท่าที่เขาต้องการ







เดินไปสู่ความใฝ่ฝัน


ชีวิตหนึ่งร่วงหล่นไปตามกาลเวลา
คลื่นลูกใหม่ไล่หลังคลื่นลูกเก่า
นั่นคือวัฏจักรของชีวิตที่ดำเนินไป

เยาว์เธอรู้บ้างไหม
ว่าประชาราษฎรนั้นทุกข์ยากเพียงใด
เสี้ยวหนึ่งของชีวิตที่เหลืออยู่
เธอเคยมีความใฝ่ฝันที่แสนงามบ้างไหม

สักวันฉันหวังว่าเธอจะเดินไปตามทางสายนี้
ที่อาจดูเงียบเหงาและโดดเดี่ยว
แต่ภายใต้ฟ้าเดียวกัน
ฉันก็ยังมีความหวัง
ว่าผู้คนในประเทศนี้
จะตื่นขึ้นมา
เพื่อทวงสิทธิ์ของพวกเขา
ที่ถูกย่ำยีมาช้านาน
และฉันหวังว่าเธอจะเดินเคียงคู่ไปกับพวกเขา

เพื่อสานความใฝ่ฝันนั้นให้เป็นความจริง
สัญญาได้ไหม
สัญญาได้ไหม
เยาว์ที่รักของฉัน


***********



ขอมีเพียงเธอเป็นกำลังใจ




ทอดสายตามองออกไปยังทิวทัศน์ข้างหน้า
แลเห็นต้นหญ้าโบกไสว
เห็นดอกซากุระบานอยู่เต็มดอย
ความงามที่อยู่ข้างหน้า
เป็นสิ่งที่ฉันจะเก็บมันไว้
ยามที่จิตใจอ่อนล้า...

ชีวิตยามนี้แม้ผ่านมาหลายโมงยาม
แต่จิตใจข้างในยังคงดูหงอยเหงา
หลายครั้งอยากมีเพื่อนคุย
หลายครั้งอยากมีคนปรับทุกข์
และหลายครั้งต้องนั่งร้องไห้คนเดียว

รางวัลสำหรับชีวิตที่ผ่านมา
มันคืออะไรเคยถามตัวเองบ่อย ๆ
ความสำเร็จ...เงินตรา...เกียรติยศชื่อเสียง
มันใช่สิ่งที่เราต้องการหรือเปล่า
ถึงจุดหนึ่งชีวิตต้องการอะไรอีกมากไปกว่านี้

หลายชีวิตยังคงดิ้นรนต่อสู้
เพื่อปากท้องและครอบครัว
มันเป็นความจริงของชีวิตมนุษย์
ที่ต้องดำรงชีพเพื่อความอยู่รอด
มีทั้งพ่ายแพ้ มีทั้งชนะ
แต่ชีวิตต่างต้องดำเนินไป
ตามวิถีทางของแต่ละคน

ลืมความทุกข์ ลืมความหลังที่เจ็บปวด
มองออกไปข้างหน้า
ค้นให้พบตัวตนของตนเองอีกครั้ง
แล้วกลับไปสู้ใหม่
การเริ่มต้นของชีวิตจะต้องดำเนินต่อไป
จะต้องดำเนินต่อไป

ตราบจนลมหายใจสุดท้ายของชีวิต....




@@@@@@@@@@@




การเดินทางของความรัก

...ฉันเดินไปด้วยหัวใจที่ว่างเปล่า
สมองได้คิดใคร่ครวญ
ความรักในหลายครั้งที่ผ่านมา
ทำไมจึงจบลงอย่างรวดเร็ว

ฉันเดินไปด้วยสมองอันปลอดโปร่ง
ความรักทำให้ฉันเข้าใจโลก
และมนุษย์มากขึ้น
และรู้ว่าความแตกต่าง
ระหว่างความรักกับความหลงเป็นอย่างไร?

ฉันเดินไปด้วยดวงตาที่มุ่งมั่น
บทเรียนของรักในครั้งที่ผ่าน ๆ มา
มันย้ำเตือนอยู่เสมอว่า
อย่ารีบร้อนที่จะรัก
แต่จงปล่อยให้ความสัมพันธ์
ค่อย ๆ พัฒนาอย่างค่อยเป็นค่อยไป
เรียนรู้และทำเข้าใจกันให้มากที่สุด

ก่อนที่จะเริ่มบทต่อไปของความรัก...




*******************



จุดไฟแห่งศรัทธาและความมุ่งมั่น

เข้มแข็งกับอ่อนแอ
สับสนหรือมุ่งมั่น
จะยอมแพ้หรือลุกขึ้นท้าทาย
กับชีวตที่เหลืออยู่
ทุกสิ่งล้วนอยู่ที่ใจเราจะกำหนด

ไม่ใช่เพราะอิสระเสรี
ที่เราต้องการหรอกหรือ?
ที่มันจะนำทางชีวิต
ในห้วงเวลาต่อไป
ให้เราก้าวทะยานไป
สู่วันพรุ่งที่สดใส

มีแต่เพียงคนที่รู้จักตนเองอย่างดีพอเท่านั้น
จะสามารถทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่ได้
เมื่อผ่านการสรุปบทเรียน
จากปัญหาต่าง ๆ ที่ประสบ
เราก็จะมีความจัดเจนกับชีวิตมากขึ้น
และการเผชิญกับอุปสรรคต่าง ๆ
ในอนาคตก็จะเป็นเพียงปัญหาที่เล็กน้อยสำหรับเรา
ในการที่จะก้าวผ่านไป



ด้วยศรัทธาและความมุ่งมั่นที่มีอยู่ในใจ
ที่จะต้องย้ำเตือนตัวเองอยู่เสมอ
หนทางในการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ๆ
ย่อมอยู่ไม่ไกลห่างอย่างแน่นอน

*********************



ก้าวย่างที่มั่นคง

บนทางเดินแคบ ๆ ที่เหลืออยู่
หากขาดความมั่นใจที่จะก้าวเดินต่อไป
ชีวิตก็คงหยุดนิ่งและรอวันตาย
แม้ทางข้างหน้าจะดูพร่ามัว
และไม่รู้ซึ่งอนาคต
แต่สิ่งที่ดีที่สุดในปัจจุบัน
คือก้าวย่างไปอย่างมั่นคง
และมองไปข้างหน้าอย่าเหลียวหลัง
เก็บรับบทเรียนในอดีต
เพื่อจะได้ระมัดระวังไม่ให้ผิดพลาดอีกในอนาคต

"""""""""""""""""""""""""""""""""



ใช้สามัญสำนึกทำงาน

ไม่มีแผนงานที่สวยหรู
ไม่มีปฏิบัติการใดที่สมบูรณ์แบบ
ในยามนี้มีเพียงการทำงานด้วยการทุ่มเท
ลงลึกในรายละเอียดเท่านั้น
จึงจะสามารถคลี่คลายปัญหาของงานลงได้
บางครั้งโจทย์ที่เจออาจยากและซับซ้อน
แต่เมื่อลงไปคลุกคลีอย่างแท้จริง
โจทย์เหล่านี้ก็ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป

""""""""""""""""""""""""""""""""



เรียบ ๆ ง่าย ๆ


อย่ามองสิ่งต่าง ๆ ด้วยแว่นสีที่ซับซ้อน
เพราะในโลกนี้มีเพียงสิ่งสามัญที่เรียบง่าย
สำหรับคนที่สงบนิ่งเพียงพอเท่านั้น
จึงจะแก้โจทย์และปัญหาต่าง ๆ
ด้วยกลวิธีที่เรียบ ๆ ง่าย ๆ
ไม่ซับซ้อนและตรงจุดได้อย่างเพียงพอ

""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""

ใจถึงใจ

บนหนทางไปสู่ความสำเร็จ
บนหนทางของการสร้างสรรค์สิ่งใหม่
มีเพียงคนที่เข้าใจในสภาพจิตใจของคนทำงานเท่านั้น
จึงจะสามารถนำทีมงานไปสู่เป้าหมายได้
อย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน








Friends' blogs
[Add คนเดินดินฯ's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.