|
Create Date : 05 กุมภาพันธ์ 2552 | ||||||
Last Update : 30 สิงหาคม 2552 6:34:18 น. | 4 comments | |||||
Counter : 1375 Pageviews. | ||||||
|
|
|
|
|
|
||||||||||||||||||
|
||||||||||||||||||
|
Pantip.com
| PantipMarket.com
| Pantown.com
| © 2004 BlogGang.com
allrights reserved.
|
โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
"มิตซูบิชิ มอเตอร์ส" ประกาศลดการผลิตรถยนต์ในไทย 50% ในครึ่งแรกของปีนี้ นำร่องลดผลิต-จ่ายชดเชยเลิกจ้างซับคอนแทรคท์ 1 พันคน
" มิตซูบิชิ มอเตอร์ส" ประกาศลดการผลิตรถยนต์ในไทย 50% ในครึ่งแรกของปีนี้ รับพิษเศรษฐกิจโลกตกต่ำ ออเดอร์หดชี้ตลาดยุโรปมีปัญหา นำร่องลดผลิต-จ่ายชดเชยเลิกจ้างซับคอนแทรคท์ 1 พันคน ขณะที่มิตซูบิชิญี่ปุ่นแจงปีนี้ขาดทุน 6 หมื่นล้านเยน เช่นเดียวกับมาสด้าขาดทุนกว่า 1.3 หมื่นล้านเยน
นายทาเคโอะ ซากูไร ผู้จัดการบริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) ให้สัมภาษณ์สำนักข่าวเอเอฟพี วานนี้ (5 ก.พ.) ว่า มิตซูบิชิ มอเตอร์ส จะลดการผลิตรถยนต์ที่โรงงานในไทยลง 50% ภายในครึ่งแรกของปีนี้ เพราะได้รับผลกระทบจากวิกฤติเศรษฐกิจโลก นอกจากลดการผลิตลงครึ่งหนึ่งจากปี 2551 แล้ว ยังได้ลดคนงานชั่วคราว 1,100 คนเมื่อเดือน ม.ค. และลดชั่วโมงการทำงานสำหรับคนงานประจำ 3,700 คนด้วย
"ความต้องการในตลาดส่งออกหลักๆ ของเราแทบทุกตลาด ลดลงเกือบ 19% เมื่อปีที่แล้ว เป็นการยากที่จะคาดการณ์ หรือทำนายสถานการณ์เศรษฐกิจโลก เราต้องเห็นหรือทราบว่ามีความต้องการมากน้อยเท่าไร และตัดสินใจว่าจะทำอย่างไรต่อไป"
นายซากูไร กล่าวด้วยว่า เมื่อปี 2551 ที่ผ่านมา บริษัทผลิตรถยนต์และรถกระบะรวม 2 แสนคัน ที่โรงงาน 2 แห่งในจังหวัดชลบุรี โดย 90% ของผลผลิต มุ่งส่งออกไปยุโรป ตะวันออกกลาง ละตินอเมริกา และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ก่อนหน้านี้ เมื่อเดือน พ.ย.ปี 2551 บริษัท เจนเนอรัล มอเตอร์ส ในไทยก็กล่าวว่าจะระงับการประกอบรถสำหรับเดือน ธ.ค. และส่วนใหญ่ของเดือน ม.ค. รวมถึงลดงาน 250 ตำแหน่ง สืบเนื่องจากความต้องการซบเซา
ชี้เหตุตลาดยุโรปมีปัญหา
นายสุวิช เบญจาทิกุล ผู้จัดการทั่วไป สำนักการผลิต บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด ดูแลการผลิตในโรงงานแหลมฉบัง เปิดเผยว่า มิตซูบิชิเตรียมจะปรับลดกำลังการผลิตในเดือน ก.พ.นี้ เนื่องจากความต้องการและคำสั่งซื้อต่างประเทศที่หดตัวลง เนื่องจากที่ผ่านมา บริษัทพึ่งพาตลาดส่งออกมากถึง 80% ขณะที่การผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศมีเพียง 20% เท่านั้น
ทั้งนี้ กำลังการผลิตที่จะปรับลดลง เป็นการปรับลดเพื่อให้สอดคล้องกับสภาพตลาดโดยรวมของไตรมาส 1 ที่หดตัวลง 30-40% แต่อย่างไรก็ตาม ตัวเลขดังกล่าวถือว่าไม่ลดลงรุนแรงเหมือนที่ประเมินไว้ในช่วงก่อนหน้านี้
นายสุวิช กล่าวว่า สำหรับตลาดที่มีปัญหา ก็คือ ยุโรป ซึ่งเป็นตลาดหลักที่มิตซูบิชิส่งออกรถไปจำหน่าย และนับตั้งแต่เกิดวิกฤติการเงินในสหรัฐ ภูมิภาคยุโรป เป็นภูมิภาคแรกที่รับผลกระทบต่อเนื่องจากสหรัฐ
เล็งจ่ายชดเชยเลิกจ้างพันคน
สำหรับแนวทางการจัดการ ปัญหาเพื่อรองรับการปรับลดการผลิตของโรงงาน มิตซูบิชิไม่ต่อสัญญากับพนักงานกลุ่มซับคอนแทรคท์ ที่ครบกำหนดระยะสัญญาว่าจ้างจำนวนประมาณ 800-1,000 คน โดยจะจ่ายเงินชดเชยให้ตามกฎหมายแรงงาน
ทั้งนี้ ทางออกของมิตซูบิชิ คือ บริษัทแม่อยู่ระหว่างการหาตลาดใหม่ ซึ่งก็ดำเนินอยู่ตลอดเวลา แต่ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายนัก เนื่องจากปัจจุบันมิตซูบิชิ ประเทศไทย ก็ส่งออกไปยังตลาดสำคัญครบหมดแล้วกว่า 140 ประเทศทั่วโลกอยู่แล้ว
ส่วนตัวเลขการผลิตในปี 2551 นั้น มิตซูบิชินั้นจะปิดรอบบัญชีในเดือน มี.ค. ส่วนปี 2550 นั้น มียอดการผลิตรวมกว่า 1.6 แสนคัน
สำหรับภาพรวมอุตสาหกรรมรถยนต์ของไทยนั้น ตลาดส่งออกนับว่ามีบทบาทสำคัญอย่างมาก นับตั้งแต่ผู้ผลิตเริ่มปรับตัวหาตลาดต่างประเทศลดความเสี่ยงตั้งแต่เกิด วิกฤติเศรษฐกิจช่วงปี 2539-2540 และขยายตัวอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอด จนล่าสุดปี 2551 ไทยมีตลาดส่งออกคิดเป็นสัดส่วน 70% ของกำลังการผลิตทั้งหมดเกือบ 1.4 ล้านคัน
อย่างไรก็ตาม วิกฤติเศรษฐกิจครั้งนี้ลุกลามไปทั่วโลก ส่งผลให้ตลาดเป้าหมายต่างๆ ได้รับผลกระทบตามไปด้วย ทำให้คำสั่งซื้อรถยนต์จากไทยลดลง ทั้งนี้ ตลาดหลักการส่งออกของไทย คือ เอเชีย ออสเตรเลีย และตะวันออกกลาง มีสัดส่วนแห่งละประมาณ 30% ที่เหลือเป็นตลาดอื่นๆ อาทิเช่น แอฟริกา และอเมริกากลาง และอเมริกาใต้
ตลาดเอเชียเริ่มส่งสัญญาณติดลบตั้งแต่กลางปี 2551 ขณะที่ตลาดออสเตรเลีย เริ่มเห็นผลในเดือน ธ.ค. 2551 เหลือตลาดตะวันออกกลางที่เป็นความหวัง เนื่องจากมีคำสั่งซื้อที่เติบโตมาโดยตลอดในปีที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม ถึงเดือน ม.ค. 2552 ปรากฏว่าคำสั่งซื้อลดลง ทำให้ผู้ส่งออกของไทยวิตกกังวลกับตลาดส่งออกมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม หากมองในแง่บวก ก็เชื่อว่าไทยยังมีโอกาส เนื่องจากปัจจุบันไทยเป็นฐานการผลิตใหญ่รถปิกอัพ 1 ตันของโลก ดังนั้น ถ้าประเทศใดต้องการใช้งานรถนี้ ก็จะต้องสั่งซื้อจากไทย ความกดดันด้านการแข่งขันจึงไม่มี รอเพียงแค่กำลังซื้อของลูกค้าต่างประเทศฟื้นตัวกลับคืนมาเท่านั้น
มิตซูฯ-มาสด้าฯญี่ปุ่นขาดทุนหนัก
ในทิศทางเดียวกัน เมื่อวันพุธ (4 ก.พ.) บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ในญี่ปุ่น ซึ่งเป็นผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่อันดับ 4 ของประเทศ คาดการณ์ว่าจะขาดทุนสุทธิ 6 หมื่นล้านเยนสำหรับปีที่สิ้นสุดเดือน มี.ค. 2552 นี้ เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้านี้ ซึ่งมีกำไรกว่า 3.47 หมื่นล้านเยน นอกจากนั้น มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ยังกล่าวว่าจะถอนตัวจากการแข่งขันแรลลี่ดาการ์ ทั้งที่ชนะมาถึง 12 ครั้ง
"ในจุดนี้ ผมไม่สามารถตัดสินได้ว่า สิ่งต่างๆ จะถึงจุดต่ำสุดในปีงบประมาณ 2552 เรากำลังเตรียมตัวรับมือสภาพแวดล้อมในการดำเนินงานที่ยากลำบากสุดๆ ในปีงบประมาณ 2552" นายโอซามุ มาซูโกะ ประธานมิตซูบิชิ มอเตอร์สกล่าว
ส่วนมาสด้า มอเตอร์ ผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่อันดับ 5 ของญี่ปุ่น คาดการณ์ในทำนองเดียวกันว่าจะขาดทุน อันเนื่องมาจากยอดขายที่ซบเซาในสหรัฐอเมริกา และจำเป็นต้องลดงาน 500 ตำแหน่งในญี่ปุ่น
"เราอยู่ในสถานการณ์ที่ร้ายแรงมาก ขนาดที่เราไม่ทราบว่ายืนอยู่ที่ไหน" นายทาเคชิ ยามานูชิ ประธานคณะเจ้าหน้าที่บริหารมาสด้ากล่าว
ทั้งนี้ มาสด้าซึ่งมีบริษัทฟอร์ดในสหรัฐ เป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่สุด คาดว่าจะขาดทุนสุทธิ 1.3 หมื่นล้านเยน ซึ่งนับว่าแตกต่างอย่างมาก จากยอดที่เคยมีกำไรสุทธิมากเป็นประวัติการณ์กว่า 9.18 หมื่นล้านเยน เมื่อปี 2551 ที่ผ่านมา
อย่าง ไรก็ตาม ผู้บริหารมาสด้าญี่ปุ่น ยืนยันว่า ยังมียอดขายเติบโต 38% ในจีนในช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้ แต่ยอดขายในญี่ปุ่นและสหรัฐนั้นลดลง
มาสด้ายันเดินหน้าเปิดรง.ในไทย
ถึงกระนั้น ผู้บริหารมาสด้า เผยว่ามีแผนจะเปิดโรงงานรถยนต์นั่งส่วนบุคคลในไทย ตามกำหนดภายในสัปดาห์นี้ โดยจะดำเนินงานร่วมกับฟอร์ด
"เราจะเดินหน้าและผลิตรถยนต์ แต่จะประเมินผลผลิตด้วยการจับตามองความต้องการอย่างใกล้ชิด" นายยามานูชิกล่าว
ทางด้านฟูจิ เฮฟวี อินดัสตรีส์ ซึ่งผลิตรถยี่ห้อซูบารุ กล่าวว่า ขาดทุน 165 ล้านดอลลาร์ ในช่วง 9 เดือนนับถึงเดือน ธ.ค. สำหรับซูซูกิ มอเตอร์ส ก็รายงานกำไรสุทธิลดลง 68% ในช่วง 9 เดือนนับถึงเดือน ธ.ค. เหลือ 21,630 ล้านเยน