|
| 1 | 2 |
3 | 4 | 5 | 6 | 7 | 8 | 9 |
10 | 11 | 12 | 13 | 14 | 15 | 16 |
17 | 18 | 19 | 20 | 21 | 22 | 23 |
24 | 25 | 26 | 27 | 28 | 29 | 30 |
31 | |
|
|
|
|
|
|
|
Bee Gees ประวัติและบทเพลงเก่า ๆ
บีจีส์ จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
บีจีส์ (Bee Gees) ประกอบด้วยสามพี่น้องตระกูลกิ๊บส์ "มอริซ, โรบิน, แบร์รี" ทั้งสามคนเกิดที่เกาะมาน ประเทศอังกฤษ ช่วงวัยเด็กเล่นดนตรีในคลับเมืองแมนเชสเตอร์ ต่อมาย้ายไปพำนักในเมืองบริสเบน ประเทศออสเตรเลีย
โดยเริ่มต้นมาจากความสำเร็จในการทำเพลงประกอบภาพยนตร์เรื่อง "Saturday Night Fever" ยอดขายอัลบั้มรวม 110 ล้านชุด ติดอันดับ 1 ใน 5 งานดนตรีที่ขายดีที่สุดในประวัติศาสตร์เพลงป็อป เป็นรองก็แต่งานของอภิมหาศิลปินอย่าง เอลวิส เพรสลีย์ เดอะ บีเทิลส์ ไมเคิล แจ็กสัน และ พอล แมคคาร์ตนีย์
ประวัติ
สามพี่น้องตระกูลกิบบ์ส "มอริซ, โรบิน, แบร์รี" ทั้งสามคนเกิดที่เกาะมาน ประเทศอังกฤษ โดย มอริซและโรบินเป็นฝาแฝดกัน ปี 2498 สามพี่น้องกิบบ์ เริ่มโตพอที่จะออกตระเวนโชว์ความสามารถตามงานเทศกาล และรายการโทรทัศน์ต่างๆ โดยในช่วงนี้พี่น้องกิบบ์ใช้ชื่อวงหลายชื่ออาทิ บูลแคตส์ และ แร็ตเทิ้ล สเน็กส์ จนปี 2501 ต่อมาย้ายไปพำนักในเมืองบริสเบน ประเทศออสเตรเลีย พร้อมกับตั้งชื่อวงใหม่ว่า บีจีส์ (Bee Gees) ซึ่งย่อมาจากคำเต็ม พี่น้องกิบบ์ (Brother Gibbs)
ปี 2505 บีจีส์เซ็นสัญญาทำอัลบั้มชุดแรก เดอะ บีจีส์ ซิง แอนด์ เพลย์ 14 แบร์รี่ ซองส์ กับสังกัดเฟสทีฟเร็กคอร์ด แต่ไม่ประสบความสำเร็จในออสเตรเลีย ทำให้พี่น้องกิบบ์ตัดสินใจไปประเทศอังกฤษ ต่อมาในปี 2509 (ยุค 60) ในยุคที่เดอะ บีทเทิลส์โด่งดังเป็นอันมาก พวกเขามีโอกาสได้ร่วมงานกับ โรเบิร์ต สติกวู้ด จนมีผลงานชุด นิวยอร์กไมนิ่ง ดิสแอสเตอร์ 1941 ออกวางตลาดกลางปี ค.ศ. 1967 หรือ 2510 อัลบั้มชุดนี้ติดอันดับบนชาร์ตเพลงยอดนิยมทั้งฝั่งอังกฤษ และสหรัฐ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเพลง ทู เลิฟ ซัมบอดี้ และมีเพลงฮิตอื่นอย่าง ฮอลิเดย์ แมสซาชูเล็ตต์ เวิร์ดส์ และ ไอสตาร์ทเต็ด อะ โจ๊กส์ เอกลักษณ์อย่างหนึ่งของเพลงของบีจีส์คือ เป็นเพลงป็อปเน้นเสียงประสานด้วยเสียงหลอกบีบเสียงให้สูงผิดธรรมชาติหรือที่ เรียกว่า ฟอลเซตโตส่วนเนื้อเพลงจะมีมุมมองแปลกๆ
แต่แล้วก็เกิดความเห็นที่ไม่ลงรอยกันระหว่างพี่น้องทั้งสามคนจนได้แยกย้ายออกไปมีผลงานเดี่ยว ช่วงระยะเวลาหนึ่งก่อนจะกลับมารวมตัวกันใหม่ในปี 2513 มอริซเข้าไปหลงใหลในแวดวงสังคมคนดัง กับศิลปินซุปเปอร์สตาร์ยุคนั้น เช่น เดอะ บีทเทิ้ลส์,เดวิด โบวี่ และไมเคิล เคน มอริซได้สมรสกับ ลูลู่ นักร้องเพลงป็อปชื่อดังที่วิวาห์กันในปี 2510 แต่ชีวิตคู่ก็ต้องพังทลายในปี 2517 จนมาแต่งงานครั้งที่สองกับ อีวอน สเปนเซอร์ลีย์ โรคติดเหล้าของมอริซจึงดีขึ้น มอริซกลับมาดื่มหนักอีกครั้ง เมื่อแอนดี้น้องชายคนเล็กเสียชีวิตในปี 2531 เพราะเสพยาเกินขนาด
ในยุคสมัยดนตรีดิสโก้เฟื่องฟู ชื่อเสียงบีจีส์ขจรขจายไปทั่วโลก ภายหลังปล่อยอัลบั้มประกอบภาพยนตร์ แซทเทอร์ เดย์ ไนท์ ฟีเวอร์ ที่มีจอห์น ทราโวตา แสดงนำประกอบด้วยเพลง มอร์ แธน อะ วูแมนสเตอิ้ง อะไลฟ์ ไจฟ์ ทอล์กกิ้น ความสำเร็จได้รับการตอกย้ำด้วยอัลบั้ม สปิริตส์ แฮฟวิ่ง โฟลว ปี 2522 ซึ่งมีเพลงอันดับ 1 อย่าง เพลง ทราจีดี้ ,ทู มัช เฮฟเวน และเลิฟ ยู อินไซด์ เอาต์ จากนี้เองได้สร้างสถิติทำให้บีจีส์มีเพลงอันดับ 1 ในอเมริกาติดต่อกัน 6 เพลง เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของชาร์ทเพลงอเมริกา (ซึ่งต่อมาวิทนีย์ ฮูสตันทำได้อีกครั้ง) อัลบั้มชุดนี้ทำยอดขาย 30 ล้านชุดทั่วโลก แต่เมื่อยุคดิสโก้ถึงคราวดับสูญในยุค 80 แนวดนตรียุคนั้นก็เข้าสู่กระแสของ พังค์และนิวเวฟ ชื่อเสียงของบีจีส์ก็เงียบตามไปด้วย แต่ก็มีเพลงฮิตบนเกาะอังกฤษในปี พ.ศ. 2530 กับเพลง ยู วิน อะเกน จากอัลบั้ม E.S.P. บีจีส์ ประคับประคองชื่อเสียงแบบเสมอตัวได้ต่อมาอีก 20 ปี และออกอัลบั้ม ธิส อิส แวร์ ไอ เคม อิน ปี 2544 ซึ่งมีเพลงดังอย่าง อะโลน
มอริซ กิบบ์ เสียชีวิตเมื่อปี 12 มกราคม พ.ศ. 2546
บีจีส์ในประเทศไทย
ส่วนประเทศไทยเริ่มรู้จักบีจีส์ จากเพลง Melody Fair ในอัลบั้ม Odessa ปี 2510 แต่ที่ถือว่าได้รับความนิยมจริงๆ เมื่อวงดนตรี แกรนด์เอ๊กซ์ นิยมนำไปร้อง และบรรเลงในช่วงที่ยังเล่นดนตรีอยู่ที่แมนฮัตตัน คลับ ในยุคที่ยังมี จำรัส เศวตาภรณ์ ทำหน้าที่ร้องนำระยะแรก จำรัสร้องเพลงบีบเสียงในสไตล์บีจีส์ แต่ไม่ได้รับการกล่าวขวัญมากนักจนกระทั่งเมื่อจำรัส ลาออกจากวงเพื่อไปทำธุรกิจของครอบครัว และได้ แจ้-ดนุพล แก้วกาญจน์เข้ามาเป็นนักร้องนำแทน จึงเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้แกรนด์เอ็กซ์ได้ฉายา บีจีส์เมืองไทย
|
|
|
|
@บล็อกที่แล้ว คลิกที่นี่
Create Date : 03 มกราคม 2553 |
|
6 comments |
Last Update : 3 มกราคม 2553 6:07:40 น. |
Counter : 4853 Pageviews. |
|
|
|
|
| |
โดย: ป่ามืด 4 มกราคม 2553 10:12:04 น. |
|
|
|
|
|
|
|
มีเทปเพลงเก่าๆของเขาอยู่ เปิดฟังบ่อยๆ ทำให้คิดถึงตอนเป็นเด็กๆ เมื่อก่อนต้องวานเพื่อนให้แอบอัดให้ สมัยนั้นที่บ้านนั้นไม่ชอบให้ฟังเพลงฝรั่งมาก จะให้สนใจแต่อะไรไทยๆเสียมากกว่า
ซื้อกีต้าร์ กับโน๊ตเพลงฝรั่ง หรือ เทป ต้องแอบเอาไว้ที่หอ
อ่านบล็อกของคุณแล้ว คิดถึงอดีต กับความสุขที่ได้จากเสียงเพลงจัง ขอบคุณค่ะ