บ้านที่มีความรักและความอบอุ่นคือจินตนาการของคนไทยยามนี้ !
Group Blog
 
 
มกราคม 2549
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
 
13 มกราคม 2549
 
All Blogs
 
FTA บทนำร่องแปรรูป--เปลว สีเงิน







FTA บทนำร่องแปรรูป


12 มกราคม 2549 กองบรรณาธิการ

ผมก็ว่าดีนะครับที่คนไทยเริ่มตื่นตัวเรื่องการทำ FTA หรือการเปิดตลาดการค้าเสรีระหว่างกันกับประเทศที่ได้ทำข้อตกลงกัน ที่เซ็นกันไปเรียบร้อยแล้ว 2-3 ประเทศ


โดยเฉพาะกับจีน และออสเตรเลีย นั้น มันเข้าทำนอง "ไม่เห็นโลงไม่หลั่งน้ำตา"

ตอนนี้เกษตรกรไทยเราน้ำตาเหมือนเผาเต่า เพราะพืชผัก ผลไม้ เนื้อ นม จากจีน จากออสซี่ มันไหลเข้ามาถล่มถมทับเต็มบ้าน-เต็มเมือง

ด้วยราคาที่ถูกกว่า!

วันนี้ยังโอดโอยกันขนาดนี้ ยาวไกลออกไปข้างหน้า ด้วยการทำ FTA ชนิดไร้จิตสำนึกอนาคต ชนิดสากกะเบือที่ไม่รู้คุณพริก ไม่ถนอม ไม่รักษาคนในภาคพื้นเกษตรอันเป็นหัวใจของประเทศเอาไว้

เมืองไทยจะกลายเป็นเมืองนักบริโภคนิยม แต่ประเภทขอทาน!

ในเมื่ออาชีพเกษตรถูกแย่งตลาดไปด้วยพืช-ผัก-ผลไม้ ราคาถูกๆ จากจีน แล้วใครในประเทศไทยจะมายึดอาชีพเกษตรกร?

กระทั่งชาวนาในยุค FTA ต่อไปก็ต้องซื้อข้าวเปลือกจากสหรัฐมาเป็นพันธุ์หว่าน เพราะเขาจดสิทธิบัตรเป็นของเขาไปแล้ว

ส้มตำริมถนน อย่านึกไปเชียวว่าจะหากินง่าย-กินถูกอย่างทุกวันนี้ เพราะเจ้าปาปาย่า ที่จะมาทำป๊อก..ป๊อก..นั่นน่ะ มันเป็นปาปาย่าที่เขาตัดต่อพันธุกรรม ไม่มีเม็ดให้เป็ดไก่ไซ้กิน แล้วขยายพันธุ์ด้วยการเที่ยวขี้ให้งอกเป็นต้นทั่วไปหรอก

ต้องซื้อเมล็ดพันธุ์จากบริษัทข้ามชาติเขาแต่ละเมล็ดมาปลูก ก็คิดเอาเองแล้วกันว่า ชาติมหาอำนาจทางส้มตำของไทยจะบักซิเด๋อขนาดไหน?

คิดแล้วก็กลุ้ม อนาคตคนไทย ต่อไปคงเหลืออาชีพเดียวเท่านั้นที่ทำ FTA ไม่ได้ คือ อาชีพ...นอนหงายหาเงิน!

คนไทยก็เห็นโลงกันไปแล้ว และก็ได้หลั่งน้ำตากันไป (บ้าง) แล้ว

ถึงคราวจะทำ FTA กับสหรัฐบ้าง ผมก็ว่า ในความมืดมิดของพารา มันมีแสงจากการจุดไม้ขีดก้านหนึ่งขึ้นมาเช่นนี้บ้างที่เชียงใหม่ ในขั้นตอนการเจรจา

ผมก็ว่า "พระสยามเทวาธิราช" ท่านยังไม่สิ้นเมตตาปรานีคนไทย-ประเทศไทยเสียทีเดียวหรอก!

เถอะ...ถึงคนดีๆ จะนอนทอดหุ่ย กลิ้งอึดทึ่ดเป็นพรมลูกฟัก ปล่อยให้คนป่วยโรคเอดส์จำนวนหนึ่งต้องทำหน้าที่เป็น "พลังของชาติ" ด้วยการออกมาประท้วง ออกมาต่อต้านให้เป็นที่ประจักษ์

มันก็ยังดีกว่าปล่อยให้ฝรั่งมังค่าจากสหรัฐที่เป็นตัวแทนมาเจรจาฉงนในความราบรื่น และราบคาบว่า

เอ๊ะ...ถนนในประเทศไทย ทำไมเห็นแต่หมาเดินเกลื่อน?"

เจ็บแล้วควรจำกันบ้างนะครับ เจ็บจาก FTA กับจีน กับออสซี่ไปแล้ว ก็อย่าให้เจ็บถึงขนาด "สิ้นเนื้อ-ไม่เหลือชาติ" กับการทำ FTA ไทย-สหรัฐเลย

ผมก็อยากจะบอกว่า ถ้าปล่อยให้ ไทย-สหรัฐ ตกลงทำ FTA ในรูปแบบงุบงิบกันเช่นนี้

"สิ้นเนื้อ-ไม่เหลือชาติ" จริงๆ ด้วย!

กับเฉพาะ คนในภาคเกษตรกรรม นอกจากได้รับผลกระทบก่อนโดยตรงแล้ว และในฐานะประชากรผู้บริโภค ชีวิตจะพลิกผันไปอยู่ในสภาพ "ลาเทียมเกวียน"

อันที่จริง ประเด็นโดยตรงจะว่าสหรัฐเขาไม่ได้!?

ต้องว่า "คนของเรา" คือรัฐบาลของเรานี่แหละ ในเมื่อจะทำ FTA สหรัฐเขาก็มีเป้าหมายของเขา มุ่งประโยชน์เขามากที่สุด ซึ่งถือว่าธรรมดาในการเจรจา ใครก็ต้องพิทักษ์ประโยชน์ประเทศของตัว

แต่รัฐบาลไทยเราซีครับ ถ้าจับมือถาม ทุกคนก็ต้องตอบว่า ทำเพื่อผลประโยชน์ประเทศไทย-คนไทย

แต่พฤติการณ์มันตรงกันข้าม เพราะกับการเจรจาตกลงชนิดมี "อนาคตประเทศ" เป็นเดิมพัน

แต่รัฐบาลกลับไม่ยอมบอกกล่าวเล่าสิบใดๆ กับประชาชนเลย เมื่อมีคนท้วงติง-ทวงถามว่า "ทำไมไม่นำเรื่องเข้าปรึกษาหารือในสภาก่อนล่ะ?"

นายกฯ ทักษิณกลับตอบชนิด "ตบหน้าตัวเอง" มากกว่าตบหน้าสังคมว่า

"สภาไม่มีผู้เชี่ยวชาญ"

ครับ...รัฐสภาอันประกอบด้วยคน 500 + 200 มันควายทั้งนั้น ไม่มีมันสมอง ไม่มีสติปัญญา ไม่ประสีประสาอะไร ชนิดที่รัฐบาลจะปรึกษาหารือด้วยได้เลย

อ้อ...และในควาย 500 + 200 ตัวนั้น มองให้ดีๆ ก็มีท่าน พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ในฐานะสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ประเภทบัญชีรายชื่อของพรรคไทยรักไทยรวมอยู่ด้วย!

อย่างที่คุยกันไปแล้วว่า เรื่อง FTA ที่ไทยจะทำกับสหรัฐนี้ ลึกลงไปในเบื้องหลังแล้ว มันน่าจะมีอะไรซุกซ่อนอยู่มากกว่าคำว่า "การเปิดตลาดค้าเสรีแก่กัน"

เรื่องนี้มองเฉพาะส่วนไม่ได้ ต้องมองในภาพรวมของการเดินทางสู่เป้าหมายของสหรัฐสู่พื้นที่โลกในทัศนะ "พื้นที่ยุทธศาสตร์ภูมิภาค"

และพื้นที่นั้นจะต้องเป็นแหล่งทรัพยากรทางธรรมชาติ พลังงานน้ำ พลังงานน้ำมัน และอุตสาหกรรมต่อเนื่อง ป่าไม้ พื้นที่เกษตร แร่ธาตุ

และสหรัฐจะเดินบทบาทผ่านธุรกิจทุนประเภท บริษัทที่ดำเนินกิจการด้านการผลิต ด้านพลังงาน ด้านโทรคมนาคม ด้านชิปปิ้ง ด้านขนส่งขนาดใหญ่ ด้านวิศวกรรม และเทคโนโลยี

เพราะอะไร?

เพราะนี่คือแก่นอันเป็นกำเนิดของแนวกระหาย "จัดระเบียบโลกใหม่" ซึ่งในปรัชญาหลักก็ไม่ต่างกับระบบจักรวรรดินิยมยุคก่อนที่ไล่ล่าอาณานิคม แล้วเก็บกวาดทรัพยากร ทรัพย์สมบัติมีค่าในพื้นที่นั้นใส่เรือกลับแผ่นดินแม่

"จักรวรรดิโลกใหม่" ที่องค์กรอำนาจเหนือในสหรัฐกำลังดำเนินอย่างเข้มข้นไปทั่วทุกภูมิภาค อย่างในขณะนี้ ที่เวเนซุเอลา ที่ปานามา และที่อิหร่าน กำลังเป็นปัญหาเพราะ "ไม่ยอมลง" ให้กับสหรัฐ

สหรัฐโดยองค์กรผู้ผลักดัน "รัฐบาลโลก" ไม่ยอมปล่อยแน่ เพราะที่นั่นคือแหล่งพลังงานน้ำมันที่สหรัฐต้องครอบครองเพื่อความมั่นใจ

ใครครองพลังงาน

ใครคนนั้น...ครองโลก!

นี่คือปรัชญาในย่างก้าวขึ้นศตวรรษที่ 21

จักรวรรดิโลกใหม่ แนวปฏิบัติก็ไม่ต่างกับเก่า เพราะแกนของการก่อเกิดเป็นจักรวรรดิโลกใหม่ John Perkins "ไส้ในไส้ของสหรัฐ" ผู้ทนไม่ไหวกับบทบาทปิศาจร้ายในคราบนักบุญสหรัฐ ออกมาเขียนตีแผ่ไว้ในเรื่อง Confessions of An Economic Hit Man ซึ่งคุณไพรัตน์ พงศ์พานิชย์ พากย์เป็นไทยไว้ในเรื่อง "เพชฌฆาตเศรษฐกิจ" สรุปจักรวรรดินิยมนี้ด้วยคำว่า

Corporatocracy อันประกอบด้วยส่วน 3 ส่วนเข้าด้วยกันเป็นหนึ่ง คือ บริษัทธุรกิจขนาดใหญ่ ธนาคารระหว่างประเทศ และรัฐบาล

นี่คือจักรวรรดิโลกใหม่ ยึดตัวเองเป็นศูนย์กลาง ทำงานรับใช้ตัวเอง กระหาย ละโมบ และถือเอาวัตถุนิยมเป็นหลักการ มันคือระบบที่มีลัทธิพาณิชยกรรมเป็นพื้นฐาน เป็นเทพแห่งการจองล้างจองผลาญดุจเดียวกับจักรวรรดินิยมที่ผ่านมา

ครับ...สาวขึ้นไปต้นทางแล้ว มันก็คือองค์การ CFR ผู้ขับเคลื่อนสหรัฐอีกทีนั่นเอง

ย้อนกลับมาถึงเรื่อง FTA ไทย-สหรัฐอีกที จะตกลงกันอย่างไรก็ตาม แต่ต้องจำกันไว้ให้ดีว่า วิกฤติเศรษฐกิจ ปี 2540 นั้น ไม่ใช่อุบัติเหตุ จิ๊กซอว์ให้ดีแล้วจะเห็นภาพเชื่อมโยงที่สถาบันการเงินอันเป็นเครื่องมือเขมือบโลกของ CFR ไม่ว่าจะเป็น แบงก์โลก IMF กระทั่งสำนักงานเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศ สวมเสื้อนักบุญเข้ามาช่วย

แต่เปล่าหรอก...มาช่วยให้ฉิบหายเพื่อการยึดครอง ด้วยการบีบคอให้รับสัญญา ให้เขียนกฎหมาย "ขายประเทศไทย" ให้เขา ที่เห็นๆ จนทุกวันนี้ก็ที่เรียกกันว่า

"กฎหมายขายชาติ 11 ฉบับ" นั่นไงล่ะ!

FTA ก็คือหน้ากากเทพที่ สหรัฐสมคบกับกลุ่มทุนภายใน พรางหน้าเข้ามาดำเนินกลไกให้ประเทศไทยต้อง

เร่ง "แปรรูปรัฐวิสาหกิจ" โดยเฉพาะรัฐวิสาหกิจที่เป็นฐานหลักทางด้านพลังงาน ทางการสื่อสาร ทางด้านโทรคมนาคม ทางการเงิน รวมไปถึงด้านน้ำ

ตัดเส้นเลือดใหญ่ที่หล่อเลี้ยงประเทศ แล้วนำไปหล่อเลี้ยงจักรวรรดิโลกใหม่ตามปรัชญาคอร์ปอเรโตเครซี่

เขียนกันไว้ข้างฝาได้เลยครับ ตราบใดที่เรายังมี พ.ต.ท.ทักษิณเป็นนายกฯ ตราบนั้น FTA ไทย-สหรัฐหนีไม่พ้น

และนั่นหมายถึง หลังจากที่เอา ปตท.เอาการท่าอากาศยาน แปรรูปเป็นเอกชนไปแล้ว เราก็หนีไม่พ้นที่จะต้องถูก นำ กฟผ. นำ กฟน. และประปานครหลวง ประปาภูมิภาค แม้กระทั่งธนาคารออมสิน

แปรรูปให้เอกชนเป็นเจ้าเข้าครอง!

เมื่อ กฟผ.ถูกแปรรูป อนาคต ชาวไร่-ชาวนาก็ต้องซื้อน้ำจากเขื่อน เรือตามแม่น้ำลำคลอง ก็ต้องซื้อค่าน้ำจากเขื่อน ใครจะตกปลา เหวี่ยงแห ก็ต้องเสียค่าน้ำจากเขื่อน ระบบทุนนิยม ระบบจักรวรรดินิยม...ฟรีวันแรก แล้วต้องจ่ายแหลกไปจนตาย


Create Date : 13 มกราคม 2549
Last Update : 13 มกราคม 2549 15:31:53 น. 1 comments
Counter : 620 Pageviews.

 
อ่านแล้วก็...


โดย: rebel วันที่: 13 มกราคม 2549 เวลา:15:51:32 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

คนเดินดินฯ
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]








ปณิธาน

การเดินทางของชีวิตของทุกผู้คน
ทุกคนต่างต้องการประสบความสำเร็จในชีวิต
แต่จะมีสักกี่คนที่จะก้าวไปถึง
เมื่อเราก้าวถึงจุดนั้น
ขออย่าลืมการแบ่งปันและเจือจาน
แก่ผู้ด้อยโอกาสในสังคม

เราจะเติบโตและก้าวไปข้างหน้าพร้อม ๆ กัน
เพื่อสร้างสรรค์สังคมใหม่ที่ดีงาม

เพื่อให้อนุชนคนรุ่นหลัง
ได้ใช้ชีวิตของเขา
ตามศักยภาพและความตั้งใจของเขา
ตราบเท่าที่เขาต้องการ







เดินไปสู่ความใฝ่ฝัน


ชีวิตหนึ่งร่วงหล่นไปตามกาลเวลา
คลื่นลูกใหม่ไล่หลังคลื่นลูกเก่า
นั่นคือวัฏจักรของชีวิตที่ดำเนินไป

เยาว์เธอรู้บ้างไหม
ว่าประชาราษฎรนั้นทุกข์ยากเพียงใด
เสี้ยวหนึ่งของชีวิตที่เหลืออยู่
เธอเคยมีความใฝ่ฝันที่แสนงามบ้างไหม

สักวันฉันหวังว่าเธอจะเดินไปตามทางสายนี้
ที่อาจดูเงียบเหงาและโดดเดี่ยว
แต่ภายใต้ฟ้าเดียวกัน
ฉันก็ยังมีความหวัง
ว่าผู้คนในประเทศนี้
จะตื่นขึ้นมา
เพื่อทวงสิทธิ์ของพวกเขา
ที่ถูกย่ำยีมาช้านาน
และฉันหวังว่าเธอจะเดินเคียงคู่ไปกับพวกเขา

เพื่อสานความใฝ่ฝันนั้นให้เป็นความจริง
สัญญาได้ไหม
สัญญาได้ไหม
เยาว์ที่รักของฉัน


***********



ขอมีเพียงเธอเป็นกำลังใจ




ทอดสายตามองออกไปยังทิวทัศน์ข้างหน้า
แลเห็นต้นหญ้าโบกไสว
เห็นดอกซากุระบานอยู่เต็มดอย
ความงามที่อยู่ข้างหน้า
เป็นสิ่งที่ฉันจะเก็บมันไว้
ยามที่จิตใจอ่อนล้า...

ชีวิตยามนี้แม้ผ่านมาหลายโมงยาม
แต่จิตใจข้างในยังคงดูหงอยเหงา
หลายครั้งอยากมีเพื่อนคุย
หลายครั้งอยากมีคนปรับทุกข์
และหลายครั้งต้องนั่งร้องไห้คนเดียว

รางวัลสำหรับชีวิตที่ผ่านมา
มันคืออะไรเคยถามตัวเองบ่อย ๆ
ความสำเร็จ...เงินตรา...เกียรติยศชื่อเสียง
มันใช่สิ่งที่เราต้องการหรือเปล่า
ถึงจุดหนึ่งชีวิตต้องการอะไรอีกมากไปกว่านี้

หลายชีวิตยังคงดิ้นรนต่อสู้
เพื่อปากท้องและครอบครัว
มันเป็นความจริงของชีวิตมนุษย์
ที่ต้องดำรงชีพเพื่อความอยู่รอด
มีทั้งพ่ายแพ้ มีทั้งชนะ
แต่ชีวิตต่างต้องดำเนินไป
ตามวิถีทางของแต่ละคน

ลืมความทุกข์ ลืมความหลังที่เจ็บปวด
มองออกไปข้างหน้า
ค้นให้พบตัวตนของตนเองอีกครั้ง
แล้วกลับไปสู้ใหม่
การเริ่มต้นของชีวิตจะต้องดำเนินต่อไป
จะต้องดำเนินต่อไป

ตราบจนลมหายใจสุดท้ายของชีวิต....




@@@@@@@@@@@




การเดินทางของความรัก

...ฉันเดินไปด้วยหัวใจที่ว่างเปล่า
สมองได้คิดใคร่ครวญ
ความรักในหลายครั้งที่ผ่านมา
ทำไมจึงจบลงอย่างรวดเร็ว

ฉันเดินไปด้วยสมองอันปลอดโปร่ง
ความรักทำให้ฉันเข้าใจโลก
และมนุษย์มากขึ้น
และรู้ว่าความแตกต่าง
ระหว่างความรักกับความหลงเป็นอย่างไร?

ฉันเดินไปด้วยดวงตาที่มุ่งมั่น
บทเรียนของรักในครั้งที่ผ่าน ๆ มา
มันย้ำเตือนอยู่เสมอว่า
อย่ารีบร้อนที่จะรัก
แต่จงปล่อยให้ความสัมพันธ์
ค่อย ๆ พัฒนาอย่างค่อยเป็นค่อยไป
เรียนรู้และทำเข้าใจกันให้มากที่สุด

ก่อนที่จะเริ่มบทต่อไปของความรัก...




*******************



จุดไฟแห่งศรัทธาและความมุ่งมั่น

เข้มแข็งกับอ่อนแอ
สับสนหรือมุ่งมั่น
จะยอมแพ้หรือลุกขึ้นท้าทาย
กับชีวตที่เหลืออยู่
ทุกสิ่งล้วนอยู่ที่ใจเราจะกำหนด

ไม่ใช่เพราะอิสระเสรี
ที่เราต้องการหรอกหรือ?
ที่มันจะนำทางชีวิต
ในห้วงเวลาต่อไป
ให้เราก้าวทะยานไป
สู่วันพรุ่งที่สดใส

มีแต่เพียงคนที่รู้จักตนเองอย่างดีพอเท่านั้น
จะสามารถทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่ได้
เมื่อผ่านการสรุปบทเรียน
จากปัญหาต่าง ๆ ที่ประสบ
เราก็จะมีความจัดเจนกับชีวิตมากขึ้น
และการเผชิญกับอุปสรรคต่าง ๆ
ในอนาคตก็จะเป็นเพียงปัญหาที่เล็กน้อยสำหรับเรา
ในการที่จะก้าวผ่านไป



ด้วยศรัทธาและความมุ่งมั่นที่มีอยู่ในใจ
ที่จะต้องย้ำเตือนตัวเองอยู่เสมอ
หนทางในการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ๆ
ย่อมอยู่ไม่ไกลห่างอย่างแน่นอน

*********************



ก้าวย่างที่มั่นคง

บนทางเดินแคบ ๆ ที่เหลืออยู่
หากขาดความมั่นใจที่จะก้าวเดินต่อไป
ชีวิตก็คงหยุดนิ่งและรอวันตาย
แม้ทางข้างหน้าจะดูพร่ามัว
และไม่รู้ซึ่งอนาคต
แต่สิ่งที่ดีที่สุดในปัจจุบัน
คือก้าวย่างไปอย่างมั่นคง
และมองไปข้างหน้าอย่าเหลียวหลัง
เก็บรับบทเรียนในอดีต
เพื่อจะได้ระมัดระวังไม่ให้ผิดพลาดอีกในอนาคต

"""""""""""""""""""""""""""""""""



ใช้สามัญสำนึกทำงาน

ไม่มีแผนงานที่สวยหรู
ไม่มีปฏิบัติการใดที่สมบูรณ์แบบ
ในยามนี้มีเพียงการทำงานด้วยการทุ่มเท
ลงลึกในรายละเอียดเท่านั้น
จึงจะสามารถคลี่คลายปัญหาของงานลงได้
บางครั้งโจทย์ที่เจออาจยากและซับซ้อน
แต่เมื่อลงไปคลุกคลีอย่างแท้จริง
โจทย์เหล่านี้ก็ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป

""""""""""""""""""""""""""""""""



เรียบ ๆ ง่าย ๆ


อย่ามองสิ่งต่าง ๆ ด้วยแว่นสีที่ซับซ้อน
เพราะในโลกนี้มีเพียงสิ่งสามัญที่เรียบง่าย
สำหรับคนที่สงบนิ่งเพียงพอเท่านั้น
จึงจะแก้โจทย์และปัญหาต่าง ๆ
ด้วยกลวิธีที่เรียบ ๆ ง่าย ๆ
ไม่ซับซ้อนและตรงจุดได้อย่างเพียงพอ

""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""

ใจถึงใจ

บนหนทางไปสู่ความสำเร็จ
บนหนทางของการสร้างสรรค์สิ่งใหม่
มีเพียงคนที่เข้าใจในสภาพจิตใจของคนทำงานเท่านั้น
จึงจะสามารถนำทีมงานไปสู่เป้าหมายได้
อย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน








Friends' blogs
[Add คนเดินดินฯ's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.