บ้านที่มีความรักและความอบอุ่นคือจินตนาการของคนไทยยามนี้ !
Group Blog
 
 
มกราคม 2549
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
 
6 มกราคม 2549
 
All Blogs
 

การหดหายของชนชั้นกลางและการเติบใหญ่ของชนชั้นทุน--กาแฟดำ





การหดหายของชนชั้นกลางและการเติบใหญ่ของชนชั้นทุน

5 มกราคม 2549 15:38 น.


เพราะนโยบาย "ประชานิยม" ของรัฐบาล และโอกาสที่ไม่เท่าเทียมระหว่างคนรวยกับคนจน ผมมองเห็น "ชนชั้นกลาง" กำลังจะหดหายไป

เพราะภาวะเศรษฐกิจที่ดูดีข้างนอก แต่เนื้อแท้ข้างในเริ่มจะแสดงอาการ "กลวง" และ "เน่า" อย่างน่าวิตกยิ่ง

ชนชั้นกลางที่ค่อยๆ หดหาย เพราะเขาเหล่านั้นเป็นหนี้เป็นสินหนักหน่วงมากขึ้น, เศรษฐกิจของประเทศเข้าข้างคนรวย และคนอยู่ใกล้ฐานอำนาจทางการเมืองมากขึ้น ดังนั้นคนไทยส่วนใหญ่ที่เคยเป็นชนชั้นกลาง แต่ไร้โอกาสสร้างเนื้อสร้างตัว, สร้างเป็นแต่หนี้, กำลังจะกลายเป็น "ชนชั้นกลางต่ำ" มากขึ้นทุกที

ส่วนจำนวนน้อยที่เคยอยู่ตรงกลางของโครงสร้างเศรษฐกิจ และได้โอกาสพิเศษ เพราะเกี่ยวข้องกับอำนาจการเมืองหรือมีโอกาสพิเศษมากกว่าคนอื่นก็ขยับไปเป็น "ชนชั้นกลางระดับสูง"

ยิ่งนับวันก็ยิ่งทำให้ช่องว่างในสังคมไทยถ่างออกไปมากขึ้น

คุยกับคนทำธุรกรรมกับคนระดับกลางที่ต้องผ่อนส่งค่างวดสำหรับสินค้าที่ซื้อด้วยระบบสินเชื่อแล้ว ผมก็เห็นภาพของความเสื่อมทรุดของคุณภาพชีวิต

ภาพที่รัฐบาลวาดให้คนทั่วไปดูเป็นความสวยหรู และการ "ขจัดความยากจน" ให้หมดแผ่นดินไทย แต่ความจริงกลับตรงกันข้าม คนระดับกลางมีหนี้มีสินหนักหน่วงขึ้น การใช้จ่ายที่เคยประหยัดก่อนหน้านี้ กลายเป็นความฟุ่มเฟือยเกินความสามารถของตนเอง

พูดง่ายๆ คือ รายได้ไม่พอรายจ่าย ต้นเดือนไม่ชนปลายเดือน ชีวิตลำเค็ญและเครียดขึ้น เพราะต้องชักหน้าไม่ถึงหลัง ต้องคอยหลบเจ้าหนี้ที่ทวงถามอย่างถี่ และเห็นอกเห็นใจน้อยลง เพราะเหนือเจ้าหนี้รายย่อยก็ยังมีเจ้าหนี้รายใหญ่

ที่เคยเป็น "ชนชั้นกลาง" และเชื่อในแนวทาง "สร้างหนี้เพื่อสร้างชีวิตเหมือนท่านผู้นำ" ก็แสวงหา "อนาคต" อันเลื่อนลอยด้วยการขอบัตรเครดิตทีละหลายๆ ใบ เมื่อไม่สามารถจะผ่อนส่งได้ทันในรายแรก, ก็ขอบัตรเครดิตหลายใบ เพื่อกู้จากแหล่งหนึ่งไปจ่ายให้กับอีกแหล่งหนึ่ง กลายเป็นงูกินหาง ชีวิตเต็มไปด้วยความทุกข์

คนระดับกลางต้องลดตัวกลายเป็นระดับกลางต่ำ และคนที่อยู่ในฐานะรายได้กลางต่ำอยู่แล้วก็ทรุดลงไปเป็นระดับยากจน

ส่วนคนชนชั้นกลางจำนวนหยิบมือเดียวที่สามารถฉวยโอกาสนี้สร้างความร่ำรวยจากโอกาสที่แสวงได้นั้นอาจจะขยับขึ้นไปเป็น "ชนชั้นกลางระดับสูง" ได้ แต่มีจำนวนน้อยเหลือเกิน และเป็นความมั่งคั่งที่ไม่อาจจะเรียกว่ายั่งยืนได้

คนรวยอยู่แล้ว มีเส้นสายอยู่แล้ว มีสายป่านยาวกว่าคนอื่นในสังคมอยู่แล้ว และมีเส้นสนกลในกับผู้มีอำนาจกลับรวยเพิ่มเติมขึ้นอย่างทันตาเห็น และกลายเป็นชนชั้นร่ำรวยผิดปกติขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด

ดังนั้น หากสังคมนี้เกิดช่องว่างกว้างขึ้น, ความขัดแย้งหนักหน่วงขึ้นและเผชิญหน้าด้วยความรุนแรงขึ้นในปีใหม่นี้จึงมีสาเหตุหลักมาจากนโยบาย "ประชานิยม" ที่ยืนอยู่คนละข้างกับ "เศรษฐกิจพอเพียง" โดยสิ้นเชิง


-----------------------------------------------------------








ความเห็นของผู้อ่านบทความ


ความคิดเห็นที่ 16


ชนชั้นกลางหมายถึงใคร

Bourgeoisie: ชนชั้นกลาง เป็นคำในภาษาฝรั่งเศส หมายถึงพ่อค้า หรือช่างฝีมือในยุคกลางที่มีฐานะทางเศรษฐกิจ และสังคมอยู่ระหว่างเจ้าของที่ดินและชาวนาชาวไร่ เมื่อหมดสมัยฟิวดัล (ศักดินาสวามิภักด์) และกำเนิดลัทธิทุนนิยมสมัยการปฎิวัติอุตสากรรม คำว่า "ชนชั้นกลาง" มีความหมายกว้างขึ้นรวมถึงนักลงทุน นายธนาคาร เจ้าของโรงงานอุตสาหกรรม พ่อค้าและผู้ประกอบการซึ่งตามทฤษฎีคาร์ลส์ มาร์กซ์อ้างถึงในเรื่องการต่อสู้ระหว่างชนชั้นในสังคม คือนายทุนชนชั้นกลางที่เอารัดเอาเปรียบกับกรรมกรหาเช้ากินค่ำ หรือที่เรียกว่าชนชั้นกรรมาชีพ (proletariat) ต่างมุมมอง ต่างความเข้าใจ ก็ต่างความคิดเห็น

6 มกราคม 2549 เวลา 08:02:16

ความคิดเห็นที่ 15


นุกูล

ตอบความเห็นที่7 คุณสมบัติ หากจะนำความเห็นใครมาลงให้อ่าน คุณก็น่าที่จะมี ข้อเสนอแนะในความเห็นของคุณด้วย ...... ถ้าคุณคัดลอกมาแบบนี้ ก็ระบุ URL โดยละเอียด.... ผมจะได้เค้าไปคลิ๊กอ่านที่ต้นตอ......เนื่องจาก คุณบังคับเพื่อนในเว็บบอร์ด ให้อ่านข้อความที่คุณคัดลอกมา โดยเฉพาะผม...ปรามาสว่าอ่านแล้วคงไม่เข้าใจ...แล้วเอามาเป็นของขวัญปีใหม่ ให้ผมทำไม...คุณไม่มีความจริงใจ ...ในการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน...หากคุณจริงใจ.....คุณจะไม่ใช้สำนวนสำนวนแบบนี้แน่.....แต่ในเมื่อเป็นของขวัญ ...ผมจึงต้องจำใจอ่านแบบละเอียด...ก็วิเคราะห์ ออกมาได้ว่า...นายคนนี้ ..คือ สาวก คนหนึ่ง ของสนธิ....ทุกอย่าง เหมือนกันแกะกับแกะ .......เป็น บทความที่ไม่สร้างสรรค์ ...เขียนเพื่อเอามัน....โจมตีฝ่ายเดียว....ยิ่งอ่าน ..ยิ่งน่าเบื่อ...ไม่สร้างสรรค์ใดๆ...ยัดเยียด ความเลวร้ายให้คนคนหนึ่ง...หยิบอะไรได้ ...ก็นำมาใส่ ..โดยไม่มีการวิเคราะห์....อาจมั่นใจว่า ตัวเอง เขียน หนังสือเก่ง ก็ได้.... นี่เป็น ชีวิตจริง...ไม่ใช่นิยาย...เป็นบทความที่พิสูจน์ เนื้อหากันได้....ผมจึงไม่อยากให้คุณหมกหมุ่น กับ บทความเหล่านี้มากเกิน.....คุณควรอ่านข่าวสาร มากๆ หลายๆสื่อ ทั้งที่เห็นด้วยกับรัฐบาล และ ตรงข้ามกับรัฐบาล ...อ่านให้หมด...แล้วนำข่าวทั้งหมด มาวิเคราะห์ ความเป็นไปได้....แล้ว แสดงความเห็นออกมา ตามแนวคิดของตนเอง......ไม่ควรไปเอา บทความคนอื่นมาโจมตี.โดดๆ ....หากนำมา ก็ต้องเสริมแนวคิดตัวเองลงไปด้วย เพื่อสนับสนุนบทความนั้น.....จึงเรียกว่า....... บุคคลที่มีมารยาทในการใช้เว็บบอร์ด

6 มกราคม 2549 เวลา 08:01:37

ความคิดเห็นที่ 14


อย่าทำลานดีกว่านะ

ทำไมกาแฟดำโทษแต่ รบ ไม่โทษ คนที่ทำเช่นนั้น แต่ที่หัวข้อคนชั้นกลาง หายไม่ใช่เช่นนั้นเลย มีแต่ขยับขึ้นต่างหาก ถามจริง กาแฟดำออกไปสังคมข้างนอกติดดินขนาดไหน หรือ ฟังแบบปาก ป้ายสีไปเรื่อยเช่นทุกวันนี้ แล้วนำมาประดิษฐ์เป็นถ้อยคำเพราะให้มุ่งร้ายต่อ รบ. สมัยชวนนั้นผมเชื่อมากๆๆ เกือบจะไม่มีกิน เพราะประสพกับตัวเอง มนุษย์เงินเดือน พอมา รบ นี้ได้ลืมตาอ้าปากได้ ก็จะมาไล่เขาอีก แถมเรื่อง ยาเสพติกับลูกหลานก็ไม่ต้องห่วงเหมือนสมัยนั้นเท่าไร ถามพวกที่ตอบกระทู้ด่า รบ หรือพวกที่ชม รบ คุณมีจิตสำนึกบ้างไหม คำก็ว่าเขาโกงกิน ไหนละ จับเขาสิไม่ใช่แหกปากว่าเขา แต่หลักฐาน หาไม่ได้ เรื่องผลประโยชน์ พวกพ้อง มีมาแต่ไหนแต่ไร แม้แต่ตัวพวกคุณๆเองก็เถอะ มีอะไร ก็ต้องเผื่อแผ่ พวกพ้องคุณก่อน อย่าตอบว่าไม่ การเมืองที่ป่วนทุกวันนี้ก็เพราะ เรื่องผลประโยชน์ของตนเองทั้งนั้น ทำไมพวกๆๆคุณคิดกันไม่เป็นเลยหรอ หลงเชื่อเขาง่ายจัง

6 มกราคม 2549 เวลา 07:41:37

ความคิดเห็นที่ 13


นุกูล

หมากการเมืองปี 2549 จะออกมาในแนวนี้
จากกระแส วิพากษ์ คุณสมบัติของมาร์ค ในเว็บบอร์ดที่ผ่านมา ....ปชป. สรุปแล้วว่า หากมาร์คเป็น หัวหน้าพรรค หมากการเมืองก็จะเป็น ไก่ รองบ่อน ทรท. ตลอด(ตัวเลข ส.ส. ภาคใต้จะลดจากเดิม .. ส.ส. กทม. อาจเพิ่มนิดหน่อย... แล้วเอามาร์ค เป็น หัวหน้าทำไม)
ดังนั้น ปชป. จะหยิบเรื่อง ปลดล็อค 90 วัน มาเป็นประเด็น การเมือง คือ เห็นด้วยกับเหนาะ ตามที่สุเทพ เกริ่นไว้เมื่อวาน
มาร์ค คงต้องทำเท่ห์ ด้วยการลาออกจากหัวหน้าพรรค ไม่เห็นด้วย เพราะตนเอง แสดงความเห็นไปแล้ว
เทพเทือก มาเป็นหัวหน้าพรรคเต็มตัว
กร จาติกวนิช ก็มาเป็นเลขาธิการพรรค
จากนั้น ก็ดึงเสือเฒ่าเหนาะ และ สาวก เข้า ปชป.( เทือก ประกาศชัดเมื่อวาน รับหมด.....อาจมีตกลง กันแล้ว ระหว่าง เหนาะกับเทือก แต่เหนาะคงยื่นเงื่อนไข หากเทือกเป็นหัวหน้า ยอมไป แต่มาร์ค เป็น หัวหน้า ไม่ไป ยอมกินน้ำใต้ศอก ทักษิณ ดีกว่า ไปทะเลาะ กับเด็ก)
สมการการเมือง ก็จะมีตัวแปร ชัดเจน ชาติไทย และ มหาชน
การเมือง แบบ ไทยๆ ก็จะเข้ารูป เข้ารอย มันหยดติ้งๆ
หาก เป็น รูปแบบปัจจุบัน แม้ว โชว์ อย่างเดียว ไม่ สนุก ตื่นเต้น เร้าใจ อย่างที่เห็นกันอยู่
หมากนี้ ทั้ง เติ้ง หนั่น แม้ว ก็นั่งดีดลูกคิดกันแล้ว หนั่นชวนแม้วกินไวท์...ไปกินกันมาแล้ว....เติ้ง กำลังชวน แม้ว กินหูฉลาม แต่มีเงื่อนไข ต้องให้แม้วเลี้ยง ...หมากการเมือง ก็ถ่อมเนื้อถ่อมตัว ขอร่วมรัฐบาลแบบนิ่มๆ ....จับตา เติ้ง แอนด์ แม้ว ซดหูฉลามน้ำแดงกัน เร็วๆนี้.......ดังนั้น สมการการเมืองแรก ในระยะต้น ทรท.+ชาติไทย+มหาชน ........สมการการเมือง ในระยะยาวขึ้นหน่อย ปชป.+ชาติไทย+มหาชน.....นี่คือ การเมือง นำโดย สองขั้วใหญ่ ปชป. กับ ทรท.....ใครมีนโยบาย ซื้อใจประชาชน ได้มากกว่ากัน ก็มีโอกาสเป็นรัฐบาล....เป็นการบ้านชิ้นใหญ่ ของ เทือก...ที่ต้องเก็บเอาไปทำการบ้านอย่างหนัก

6 มกราคม 2549 เวลา 07:29:29

ความคิดเห็นที่ 12


ตั้งไข่

ไม่ต้องคุยกับใครหรอก สังเกตเอาก็พอรู้ได้ว่าอันไหนจริง ไม่จริง ความเห็นของกาแฟดำ ก็เป็นอีกความเห็นหนึ่งที่อยากสะท้อนให้กลุ่มคนของไทยรักไทยได้รับรู้บ้างว่าความเป็นจริงส่วนใหญ่ของสังคมเขาเป็นยังไงกันบ้าง ไม่ใช่มองแต่ความสวยหรูของนโยบาย ความแปลกใหม่ของไอเดีย มองแต่ทางที่โรยด้วยกลีบกุหลาบหน่ะ แค่มุมมองอีกมุมหนึ่งนะ

6 มกราคม 2549 เวลา 07:10:29

ความคิดเห็นที่ 11


8owmp


อีกประการหนึ่งที่อยากจะขอร้องจากรัฐบาลก็คือการจัดสมดุลของการเข้ามาจากทุนต่างประเทศ เพราะเมื่อทุนต่างๆเข้ามาและลงทุนในกิจการที่มีคนไทยทำอยู่แต่เป็นกิจการเล็กๆ จะทำให้กิจการเล็กๆเหล่านี้ต้องล้มหายตายจาก ถึงแม้เขาจะใช้หลักเศรษฐกิจพอเพียงพวกเขาก็จะอยู่ไม่ได้ เพราะปราศจากอาชีพ ลองสมมุตินะครับ ที่มีข่าวว่าห้างโลตัสจากเมืองนอกที่เข้ามาแล้วต้องการหาลู่ทางใหม่ๆและเล็งไปที่ช่องว่างทางการตลาดไปที่ตามซอยต่างๆ หากห้างโลตัสไปเปิดตามซอยต่างๆ ร้านเล็กๆของอาเจ๊ อาเฮีย คุณป้าต่างๆจะต่อสู้อย่างไร แค่กำลังในการต่อรองกับผู้ผลิตสินค้าก็คนละชั้นกันอยู่แล้ว และแล้วร้านต่างๆเหล่านี้ก็จะค่อยๆหายไป จากเดิมๆกำไรของอาเจ๊ อาเฮีย คุณป้าที่ได้มาก็ยังคงหมุนเวียนอยู่ในประเทศไทย แล้วต่อไปกำไรที่โลตัสจะคงทั้งหมดไว้หมุนเวียนในประเทศหรือไม่ แล้วนี่คือการสร้างโอกาสหรือทำลายโอกาสของผู้คนในประเทศ นี่คือการสมมติตัวอย่างเล็กๆของกิจการที่ถือว่าเป็นไมโครในระบบเศรษฐกิจ ส่วนใหญ่ๆก็คงต้องไปดูว่าธนาคารพานิชย์ที่อยู่ในอันดับต้นๆของประเทศปัจจุบันเป็นของใคร

จึงใคร่ขอร้องรัฐบาลอย่างจริงจังที่จะให้มีการจัดสมดุลของการเข้ามาของทุนจากต่างประเทศ และพึงตระหนักเสมอว่าทุนที่เข้ามานี้เพื่อทำกิจการใด ทำลายอาชีพของคนไทยหรือไม่





6 มกราคม 2549 เวลา 05:22:59

ความคิดเห็นที่ 10


คนอุทัยธานี

เห็นด้วยกับกาแฟดำนะ ค่านิยมของไทยมันสวนทางกับเศรษฐกิจพอเพียง และผมว่ารัฐบาลมีส่วนต้องรับผิดชอบด้านสังคม แม้ว่ารัฐไม่ได้ส่งเสริมให้คนเป็นหนี้โดยตรง หรือต้องการให้ฟุ่มเฟือย แต่การกระทำหลายๆอย่างมันส่งเสริม หรือท่านนายกอาจจะไม่ส่งเสริมให้กู้ไปเที่ยว ไปซื้อของ แต่ต้องการให้ลงทุน แต่ข้อเท็จจริง ถ้าเราไม่ควบคุม หลายๆคนก็กู้ไปใช้จ่ายฟุ่มเฟือยไม่ได้ไปสร้างผลผลิตใดๆ ถ้ารัฐมีข้อมูล หรือรู้ปัญหา น่าจะมีส่วนในการแก้ไขปัญหานี้ด้วย เพราะรัฐบาลไม่ได้ลอยอยู่กลางอากาศ ถ้าประชาชนส่วนใหญ่ยากจนหรือฟุ่มเฟื่อย จนล้มละลายกันทั้งประเทศ รัฐก็อยู่ไม่ได้

6 มกราคม 2549 เวลา 05:11:23

ความคิดเห็นที่ 9


8owmp


สิ่งที่ผู้คนในประเทศกำลังจะพบคือโลกแห่งความโหดร้ายของเหล่าบรรดาเศรษฐกิจเสรี เป็นโลกของปลาใหญ่กินปลาเล็ก หากประเทศของเราต้องเผชิญกับเศรษฐกิจเสรีเร็วเกินไป ผู้คนในประเทศยังไม่พร้อมที่พบเจอ ปัญหาก็จะเกิดขึ้นมากมายจากการปรับตัวไม่ทัน การเตรียมความพร้อมสำหรับประชาชนที่จะรับมือถือเป็นสิ่งสำคัญ เมื่อทุนจากต่างประเทศหลั่งไหลเข้ามา เมื่อเทคโนโลยี่เพื่อการค้าหลั่งไหลเข้ามา เมื่อการแข่งขันทางการค้าสูงขึ้น มโนธรรมทางการค้าเริ่มจะจางหายไป เราจะพบว่ากิจการที่มีทุนที่หนากว่าก็จะทำลายล้างกิจการเล็กๆ จะพบว่าการควบรวมกิจการจะมีมากขึ้น จนในที่สุดคำว่าเศรษฐกิจเสรีก็จะไม่เป็นความจริง เพราะผู้ที่มีทุนหนาเท่านั้นอยู่ได้และการผูกขาดก็จะมีมากขึ้น ผู้คนจะใช้ชีวิตอย่างรีบร้อนเร่งรัดเพื่อหาเงินมาใช้หนี้สิน ผู้คนจะแก่งแย่งแข่งขันเพื่อแก้ปัญหาภาระของที่ตนมี อำนาจเงินจะทวีความรุนแรงสูงขึ้นและวิญญาณของความเป็นมนุษย์ก็จะค่อยๆหายไป

จริงอยู่ครับวันหนึ่งโลกแห่งเศรษฐกิจเสรีเหล่านี้ต้องมาถึง แต่จะทำอย่างไรให้ผู้คนในประเทศเรียนรู้ที่จะต้องต่อสู้กับความโหดร้ายเหล่านี้ เรียนรู้ที่จะต้องไม่หลงระเริงกับสิ่งยั่วยวนมอมเมาไม่ว่าจะจากการโฆษณา จากการสร้างกระแสของสังคม จากการวัดระดับการยอมรับของสังคม ผู้คนต้องเรียนรู้ทำอย่างไรให้ยืนต่อสู้กับเศรษฐกิจเสรีโดยไม่ตกเป็นเหยื่อของทุนนอก ไม่ตกเป็นเหยื่อของเทคโนโลยี่เพื่อการค้า ไม่มีทุนที่หลั่งไหลมาโดยไม่ต้องการทำกำไรกลับไป ไม่มีเทคโนโลยี่เพื่อการค้าใดไม่สร้างขึ้นมาเพื่อขายของ พวกสิ่งเหล่านี้มิได้เข้ามาโดยนักบุญ พวกเหล่านี้มิใช่เป็นมูลนิธิเพื่อการกุศล แต่สิ่งเหล่านี้แสวงหาผู้คนที่จะก้าวเข้ามาเป็นเหยื่อ

เศรษฐกิจพอเพียงของพระองค์พ่อของเราจะทำให้เราสามารถสู้กับความโหดร้ายของเศรษฐกิจเสรีได้เป็นอย่างดี ซื้อเท่าที่จำเป็น ใช้เท่าที่จำเป็น ใช้เทคโนโลยี่โดยไม่ให้เทคโนโลยี่มาใช้เรา มีความสุขตามอัตภาพของตน ไม่ยึดติดกับสิ่งหรูหรา ฟุ่มเฟือย โก้เก๋

รัฐบาลควรมุ่งอธิบายถึงการใช้ชีวิตแบบเศรษฐกิจพอเพียงแก่ประชาชน ควรโฆษณาปลุกเร้าให้ประชาชนได้ตื่นตัว เพื่อให้ประชาชนพร้อมที่พบกับโลกยุคต่อไปในคราบของเศรษฐกิจเสรี



6 มกราคม 2549 เวลา 04:12:37

ความคิดเห็นที่ 8


ช่างมึงนุกูล

คุณไม่ต้องมาโพสหรอกไม่มีใครสนใจคุณแล้วแค่เห็นแวบเดียวก็ปิดแล้ว แสนรู้แล้วเสือกออกอวดฉลาดอีก คุณมาทำอะไรที่นี่เสียเวลาเปล่าวะ เลียจนขนหน้าแข้งแม้วหมดต่อไปจะเลียอะไรอีกนะ นุกูล

6 มกราคม 2549 เวลา 03:55:17

ความคิดเห็นที่ 7


สมบัติ

ของขวัญปีใหม่ ให้นุกูล (แต่ก็คิดว่า คงอ่านไม่เข้าใจ)
นรกอยู่ที่คนอื่น
โดย ประสาร มฤคพิทักษ์
pmarukpitak@yahoo.com
ใครที่เผลอคิดหวังว่า พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี จะมีสติยับยั้งชั่งใจเพราะมีเมียและลูกอยู่ใกล้คอยเตือน เป็นอันเลิกหวังได้
ปรากฏการณ์ดาวพุธถอยหลัง หรือระมัดระวังคำพูดเป็นเรื่องชั่วครั้งชั่วคราวเป็นการอำพรางบางขณะที่ไม่อาจซ่อนไว้นานๆ ได้ ของจริงจะโผล่ออกมาเป็นปะทุอารมณ์ดิบๆ อยู่เรื่อยๆ
ผรุสวาทต่อหน้าชาวแท็กซี่ ณ สนามกีฬาอินดอร์สเตเดี้ยม หัวหมาก เมื่อ 25 ธันวาคม 2548 เป็นบทพิสูจน์ท่าทีต่อไปนี้
1."นรกอยู่ที่คนอื่น"
คนที่ไม่ยอมรับความผิดพลาดของตนเอง เมื่อเกิดปัญหานี้ จะโยนบาปใส่คนอื่น มีศัพท์เรียกคนชนิดนี้ว่า "นรกอยู่ที่คนอื่น"
คุณทักษิณเห็นว่า "ความวุ่นวายในบ้านเมืองที่เกิดขึ้น ทุกคนไม่ต้องตกใจ ไม่มีอะไรมากไปกว่าพวกอกหักผิดหวัง..." หลายจำพวกที่ไปรวมตัวกัน "อะไรมันก็บอกว่าผม รัฐบาลเจ๊งแน่ เห่าเอง ได้ยินเอง หนวกหูเอง"
แปลว่าเหตุการณ์รุมเร้ารัฐบาลทั้งหลายนั้นเป็นความสามานย์ของคนภายนอก รัฐบาลมีแต่ความบริสุทธิ์ผุดผ่อง ไม่มีความบกพร่องใดๆ เลย
ในขณะที่คนทั้งประเทศ(ยกเว้น ส.ส.หุ่นกระบอกสามร้อยกว่าคน) ชี้ขาดว่า การจัดซื้อสายพานตรวจสอบวัตถุระเบิดซีทีเอ็กซ์นั้นโกงกินกันมหาศาล และเป็นที่รู้กันว่าการจัดซื้อจัดจ้างทุกโครงการในสนามบินสุวรรณภูมินั้น ต้องจ่ายใต้โต๊ะกันในอัตรา 25% โดยเฉลี่ย ใครไม่เชื่อลองให้คนไปสอบกับผู้รับเหมาและซัพพลายเออร์ดูก็จะประจักษ์ได้
ยังมีเรื่องเอาเครื่องบิน C-130 รับญาติไปงานวันเกิดของน้องสาว เรื่องทุจริตกล้ายาง ทุจริตลำไย ทุจริตคลองด่าน ที่ล้วนแล้วแต่โยงใยผู้คนในรัฐบาล ล้วนประจานพฤติกรรมปากว่าตาขยิบ
ยังไม่นับการเอื้อโอกาสให้เครือญาติและผู้คนแวดล้อมเข้าไปฉวยประโยชน์อีกหลายเรื่องราว เช่น การซื้อที่ดินข้างศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย การได้สิทธิโฆษณาของสถานีรถไฟฟ้าใต้ดิน
แล้วที่ไทยแลนด์พลาซ่าเหลว อีลิทการ์ดเจ๊ง แก้ปัญหาความรุนแรงภาคใต้ไม่ได้ ฯลฯ สิ่งเหล่านี้น่ะหรือเป็นฝีมือของพวกอกหักจากรัฐมนตรี จากพวกโกงแบงก์ จากพวกหนีไปนอกจนคดีหมดอายุความ จากพวกผิดหวังจากทำรายการโทรทัศน์
2.แก้แค้นแทนแก้ปัญหา
การแก้ปัญหาคือการเผชิญความเป็นจริงอย่างตรงไปตรงมาโดยยอมรับความจริงที่ดำรงอยู่มากกว่าการเล่นลิ้นเรียกหาหลักฐาน คุณทักษิณ ชินวัตร สามารถจะทำบางสิ่งบางอย่างได้ เช่น
- สั่งห้ามเครือญาติและพรรคพวกเข้ามาแสวงประโยชน์จากโครงการของรัฐทั้งปวง ไม่ว่าด้วยวิธีถูกกฎหมายแต่ผิดจริยธรรมหรือด้วยวิธีผิดกฎหมาย
- เอาคนที่มีกลิ่นโกง (ตามที่เคยพูดไว้) ออกจากรัฐบาลสัก 7 คน แล้วเชื้อเชิญคนดีและคนมีความสามารถที่สาธารณะรับรองเข้ามาแทน
- ยอมรับสิ่งที่ทำผิดแล้วขอโทษอย่างจริงใจ เช่น ดำเนินนโยบายผิดพลาดต่อปัญหาความรุนแรงในภาคใต้ การใช้เครื่องบิน C-130 ในเรื่องส่วนตัว(เรื่องนี้ควรชดใช้ด้วย) โครงการอีลิทการ์ดและโครงการไทยแลนด์พลาซ่า รวมทั้งความคิดที่จะซื้อหุ้นสโมสรฟุตบอลลิเวอร์พูล ตลอดถึงโครงการเมืองใหม่นครนายก
- ปล่อยให้การเลือกสรรบุคคลในองค์กรอิสระดำเนินไปอย่างที่ควรเป็น อย่าเข้าแทรกแซงทั้งทางตรงและทางอ้อมใดๆ รวมทั้งให้การแต่งตั้งบุคคลในตำแหน่งสำคัญต่างๆ เป็นไปตามหลักคุณธรรมและความสามารถอย่างแท้จริง
นี่คือตัวอย่างการแก้ปัญหาที่น่าภาคภูมิกว่าการออกมาแก้แค้น "เป็นการส่งท้ายปีเก่า โดนอัดมาตั้งเยอะ ทั้งปีแล้ว น่วมเลย"
การแก้แค้นควรยกให้เป็นหน้าที่ของกุ๊ยข้างถนน ไม่ควรเกิดขึ้นกับคนที่ท่องธรรมบท "สุทธิ ปัญญา เมตตา ขันติ" จนขึ้นใจ
3.ถ้าไม่ต้องรับการตรวจสอบก็ไม่ควรอาสาเข้ามา
เสรีภาพในการแสดงออกเป็นสิทธิโดยชอบธรรมของประชาชน การพูดการเขียนและการชุมชนโดยสงบเป็นเรื่องที่รัฐธรรมนูญรับรองสิทธิไว้แล้วในมาตร 4 มาตรา 39 และมาตรา 44
คำก็ "เห่า" อีกคำก็ "แม่ง" คำต่อมาก็ "ตายห่า" ล้วนแล้วแต่พุ่งตรงเข้าใส่คนที่เห็นต่างจากตนอย่างดูแคลน มนุษย์ตนไหนในโลกบ้างเล่าที่ผูกขาดความถูกต้องไว้แต่เพียงผู้เดียวได้อย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด
ใจคอจะฟังแต่เสียงสอพลอเท่านั้นหรือ
รัฐธรรมนูญกำหนดให้มีฝ่ายค้านไว้ทำไม
รัฐธรรมนูญรับรองสิทธิเสรีภาพของบุคคลและสื่อมวลชนไว้ทำไม
รัฐธรรมนูญอนุญาตให้การชุมนุมกันโดยสงบสามารถทำได้ไว้ทำไม
รัฐธรรมนูญให้มีองค์กรอิสระไว้เพื่ออะไร ทั้งหลายทั้งปวงก็เพื่อให้เกิดการถ่วงดุลและตรวจสอบ เป็นความงดงามของระบอบประชาธิปไตย คะแนนเสียง 19 ล้านเสียง และ ส.ส. 375 คน ไม่สามารถชุบใครขึ้นมาเป็นผู้วิเศษอย่างฉับพลันได้ ยิ่งมีอำนาจมากยิ่งต้องตรวจสอบให้เข้มข้นจึงจะทำให้สังคมไทยอยู่ได้อย่างยั่งยืน
ถ้าไม่ต้อนรับการตรวจสอบ แล้วอาสาเข้ามาทำไม
คุณทักษิณ ชินวัตร ช่างไม่รู้เลยหรือว่าอำนาจนิยมที่กระทำต่อสังคมไทย 5 ปีมานี้ ทำให้สถาบันต่างๆ ในสังคมไทยเสื่อมทรามลงไปแค่ไหน องค์กรอิสระที่ถูกครอบงำจนสิ้นความน่าเชื่อถือ ระบบอุปถัมภ์เข้าแทนที่ระบบคุณธรรมในแวดวงราชการ ทุจริตเชิงนโยบายที่ถูกทำให้เป็นเรื่องสามัญที่พึงทำได้ ผลประโยชน์ทับซ้อนที่ซึมซ่านไปทั่วกลายเป็นเรื่องธรรมดา บริโภคนิยมที่ล้นเกินทำลายจิตสำนึกของเยาวชนอย่างสาหัส ประชานิยมลดแลกแจกแถมบั่นทอนความเข้มแข็งของชุมชนทั่วประเทศ เมกะโปรเจ็คต์ที่ ดร.วีรพงษ์ รามางกูร เรียกว่าเป็น "ตาบอดคลำช้าง" คือการเอาอนาคตแห่งการเป็นหนี้มหาศาลของประเทศมาสุ่มเสี่ยงกับความเพ้อฝันของคนคนเดียว
ท่าทีโยนบาปใส่ผู้อื่น แก้แค้นด้วยคำพูดสติแตก และปฏิเสธการตรวจสอบ คือวิธีอำพรางความผิดและเลี่ยงปัญหาที่ตนเองแก้ไขไม่ได้นั่นเอง
นรกอยู่ที่คนอื่น หรือควรอยู่ที่ใครกันแน่
ที่มา มติชน

6 มกราคม 2549 เวลา 03:54:39

ความคิดเห็นที่ 6


นุกูล


คุยกับคนทำธุรกรรมกับคนระดับกลางที่ต้องผ่อนส่งค่างวดสำหรับสินค้าที่ซื้อด้วยระบบสินเชื่อแล้ว ผมก็เห็นภาพของความเสื่อมทรุดของคุณภาพชีวิต
ที่ผมพยายามเน้นโพสต์ว่า คนที่มีรายได้แล้ว ควรนำเอกสารคู่มือ ที่ กทม.แจก ทำบัญชี รับ-จ่าย ใช้ชีวิตพอเพียง น้องเขยและน้องสาวผม มี ลูก 2 คน เงินเดือน รวมกัน ราว สี่หมื่นบาท รับราชการครูทั้งคู่ นำเงินเดือนเกือบทั้งหมด ไปผ่อนซื้อ ฮอนด้าส์ ซีอาร์วี รุ่นใหม่สุด โดยโชคดี ที่ค่าใช้จ่าย ที่หลับที่นอน ค่าอาหารการกินในบ้าน แม่ผมเป็นคนรับภาระให้แทน สามีภรรยาคู่นี้ เห็นว่า เกษียณไปก็มีเงินบำนาญกิน จึงไม่ยอมใช้ชีวิตพอเพียงตั้งแต่ต้น และผมเชื่อมั่นว่า คนระดับกลาง ที่กาแฟดำไปคุยกับคนทำธุรกรรม ก็ใช้ชีวิตแบบน้องเขยและน้องสาวผม ที่ไม่ยอมใช้ ชีวิตแบบพอเพียง
ภาพที่รัฐบาลวาดให้คนทั่วไปดูเป็นความสวยหรู และการ "ขจัดความยากจน" ให้หมดแผ่นดินไทย แต่ความจริงกลับตรงกันข้าม คนระดับกลางมีหนี้มีสินหนักหน่วงขึ้น การใช้จ่ายที่เคยประหยัดก่อนหน้านี้ กลายเป็นความฟุ่มเฟือยเกินความสามารถของตนเอง
รัฐบาลทักษิณ เน้นคนไม่มีโอกาส สร้างรายได้ ให้มีโอกาสสร้างรายได้ ไม่ได้สนับสนุนให้คนมีรายได้อยู่แล้ว ใช้จ่ายฟุ่มเฟือย น้องเขยและน้องสาวผม รับราชการ มีโอกาสมากกว่า คนในสังคมรายได้ต่ำ ถึงไม่มีเลยอีกมาก ในการหาแหล่งเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ ไปขอกู้เงินก็ง่าย เพราะมีรายได้แน่นอน สังคมคนกลุ่มนี้ ที่ต้องเน้นย้ำชีวิตพอเพียง ผมไปเตือนว่า ทำไมต้องไปซื้อรถในราคาสูงแบบนี้ คำตอบ พี่ก็เงินเดือนมาก ไม่ยอมซื้อผ่อนเอง นี่คือ คำย้อน ของกลุ่มคนที่กาแฟดำ กล่าวถึง ใช้จ่ายกันเกินตัวเอง กาแฟดำ ไม่ควรโยนภาระการแก้ปัญหาคนฟุ้งเฟ้อ ไปให้รัฐบาล แล้วมองว่าเงินในมือ ชักหน้าไม่ถึงหลัง เค้าเลือกใช้ชีวิตกันเอง รัฐบาลเน้นสร้างโอกาสของคนที่ไม่มีรายได้ กาแฟดำอย่าสับสน คนพวกนี้ คงต้องพึ่งพระพยอม ช่วยแก้ไข

พูดง่ายๆ คือ รายได้ไม่พอรายจ่าย ต้นเดือนไม่ชนปลายเดือน ชีวิตลำเค็ญและเครียดขึ้น เพราะต้องชักหน้าไม่ถึงหลัง ต้องคอยหลบเจ้าหนี้ที่ทวงถามอย่างถี่ และเห็นอกเห็นใจน้อยลง เพราะเหนือเจ้าหนี้รายย่อยก็ยังมีเจ้าหนี้รายใหญ่
ผมถึงชี้ให้เห็นว่า คนที่เกิดมาโชคดี แบบน้องเขยและน้องสาวผม มีไม่ทุกคน ที่มีแม่ยายและแม่ตัวเอง ช่วยจ่าย ค่ากินอยู่ในบ้าน ค่าใช้จ่ายต่างๆ ของหลานแทนให้ หากออกไปอยู่กันลำพัง ออกค่าใช้จ่ายเองทั้งหมด ก็ต้องมีปัญหาแบบที่กาแฟดำกล่าวถึง

ที่เคยเป็น "ชนชั้นกลาง" และเชื่อในแนวทาง "สร้างหนี้เพื่อสร้างชีวิตเหมือนท่านผู้นำ" ก็แสวงหา "อนาคต" อันเลื่อนลอยด้วยการขอบัตรเครดิตทีละหลายๆ ใบ เมื่อไม่สามารถจะผ่อนส่งได้ทันในรายแรก, ก็ขอบัตรเครดิตหลายใบ เพื่อกู้จากแหล่งหนึ่งไปจ่ายให้กับอีกแหล่งหนึ่ง กลายเป็นงูกินหาง ชีวิตเต็มไปด้วยความทุกข์
รัฐบาล เน้นไปยัง ประชาชน ที่นำเงินมาต่อเงิน ไม่ได้เน้นไปยังมนุษย์เงินเดือน คนทุกคน หากกู้ยืมมาเพื่อก่อให้เกิดรายได้ ปัญหาก็จะไม่มี และยิ่งได้โอกาสกู้ในอัตราดอกเบี้ยต่ำ ก็ยิ่งทำให้มีผลกำไรมากขึ้น แนวทางสร้างหนี้ เพื่อก่อให้เกิดรายได้ จึงเป็น Concept ที่ถูกต้อง กาแฟดำอย่าเอาไปปนกับพวกมนุษย์เงินเดือน ที่แอบอ้างเอาส่วนที่รัฐบาลไม่ได้สนับสนุน ไปก่อหนี้สินเอง ไม่ยอมใช้ ชีวิตพอเพียง หรือพูดง่ายๆคือ เห็นขี้ช้างก้อนใหญ่ขนาดนั้น ก็อยากให้ขี้ตนเองใหญ่เหมือนกับขี้ช้างตามไปด้วย จึงเกิดปัญหา ตามที่กาแฟดำ พยายามโยงว่าเป็นความผิดของรัฐบาล โดยไม่โทษคนที่มีรายได้แล้ว ไม่ยอมใช้ชีวิตที่พอเพียง

คนระดับกลางต้องลดตัวกลายเป็นระดับกลางต่ำ และคนที่อยู่ในฐานะรายได้กลางต่ำอยู่แล้วก็ทรุดลงไปเป็นระดับยากจน
หากคนเหล่านี้ รู้จักชีวิตพอเพียง ก็น่าจะขอบคุณฟ้า ที่ให้เกิดมามีโอกาสกว่าคนอีกจำนวนมาก กาแฟดำ ครับ มีคนอีกจำนวนมาก ไม่มีเงินที่จะใช้ชีวิตพอเพียง ไม่มีเงินสักบาทจะเก็บ กาแฟดำควรให้โอกาสคนเหล่านี้ ลืมตาอ้าปาก ในสังคมบ้างเถอะ อยู่ในประเทศเดียวกัน ทำไม ไม่สร้างโอกาสให้เท่าๆกัน คนเราเลือกเกิดไม่ได้ เมื่อเลือกเกิดไม่ได้ สามารถเลือกใช้ชีวิตได้ หากมีผู้หยิบยื่นโอกาสให้พวกเค้าเหล่านั้นบ้าง คนมีรายได้ดี แต่ทำให้ชีวิต ตนเองแย่ลง กาแฟดำ ต้องเปลี่ยนบทความ เป็นเทศนาธรรม ให้คนชั้นกลางเหล่านั้นแทนกันแล้ว

ส่วนคนชนชั้นกลางจำนวนหยิบมือเดียวที่สามารถฉวยโอกาสนี้สร้างความร่ำรวยจากโอกาสที่แสวงได้นั้นอาจจะขยับขึ้นไปเป็น "ชนชั้นกลางระดับสูง" ได้ แต่มีจำนวนน้อยเหลือเกิน และเป็นความมั่งคั่งที่ไม่อาจจะเรียกว่ายั่งยืนได้
หากกาแฟดำ คิดว่า การเล่นการเมือง ทำให้ ร่ำรวยได้ กว่าปัจจุบัน ก็ลองตั้งพรรคการเมืองแข่งกับรัฐบาลก็ได้ เป็นทางเลือกที่สาม

คนรวยอยู่แล้ว มีเส้นสายอยู่แล้ว มีสายป่านยาวกว่าคนอื่นในสังคมอยู่แล้ว และมีเส้นสนกลในกับผู้มีอำนาจกลับรวยเพิ่มเติมขึ้นอย่างทันตาเห็น และกลายเป็นชนชั้นร่ำรวยผิดปกติขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด
นี่คือปัญหาเก่าตั้งแต่สมัยสุโขทัยมาแล้ว เรามามองในยุค 2549 ว่า จะทำอย่างไร ให้คนที่ ไม่มีโอกาส สร้างรายได้ ที่มีปริมาณมากที่สุดในสังคม มีโอกาสสร้างรายได้อย่างไร เรามาเน้นแก้ปัญหาสังคมตรงนี้อันดับแรก ส่วนคนที่มีโอกาสสร้างรายได้แล้ว ก็ให้เอาหนังสือ ที่ กทม. จัดพิมพ์ คู่มือ การใช้ชีวิตพอเพียง ไปกรอก รายรับ รายจ่าย เพื่อใช้ชีวิตที่สุขสบายขึ้น

ดังนั้น หากสังคมนี้เกิดช่องว่างกว้างขึ้น, ความขัดแย้งหนักหน่วงขึ้นและเผชิญหน้าด้วยความรุนแรงขึ้นในปีใหม่นี้จึงมีสาเหตุหลักมาจากนโยบาย "ประชานิยม" ที่ยืนอยู่คนละข้างกับ "เศรษฐกิจพอเพียง" โดยสิ้นเชิง
ผมมั่นใจอย่างยิ่งว่า คนจนที่ขาดโอกาส และรัฐบาลสร้างโอกาสให้ จะเป็นเกราะ ที่ป้องกัน ไม่ให้ม็อบมือถือ แบบม็อบสีลม มาเย้วๆ ไล่รัฐบาลเหมือนในอดีต ตัวแปรต่างกัน ผลสำเร็จ ย่อมไม่เหมือนกัน สโลแกนเปลี่ยนใหม่แล้ว คน ตจว. ต้องเป็นใหญ่ในแนวคิด แทนคน กทม. คน ตจว. จะเป็นทั้งผู้ตั้งรัฐบาลและผู้ล้มรัฐบาล ...... ส.ส. ตจว. ต้องเป็นคนตั้งรัฐบาลและล้มรัฐบาล ด้วยเช่นกัน ผมอยากจะเปลี่ยน คำว่า "ประชานิยม" เป็น คำว่า "โอกาสนิยม" ( Opportunity Supportable Policy) จะเหมาะสมกว่า .และใคร่อยากเห็น กาแฟดำ เข้าใจ คำว่า ชีวิตพอเพียง อย่างลึกซึ้ง ไม่ควรนำคำนี้ มาใช้ หรือ ทำลายกันทางการเมือง........เราเพื่อนกัน ...........ขอร้องล่ะนะ





6 มกราคม 2549 เวลา 03:20:02

ความคิดเห็นที่ 5


คนแก่

เป็นแผนทักษิณที่จะเอาประเทศไทยเป็นของตนเอง เมืองไทยทรัพยากรน้อย อเมริกาไม่สนใจหรอก จะสนก็แค่ใช้ประโยชน์เท่านั้น คนอเมริกาไม่รู้จักเมืองไทยแต่รู้จักเมืองจีนดีกว่ามาก คนไทยมีแค่ 60ล้านนิดหน่อย คนจีนมีพันกว่าล้าน จะขายสินค้า หรือทำอะไรประโยชน์ที่ได้มากกว่าในเมืองไทย คนไทยนี่แหละควรช่วยกันรักษาชาติและสมบัติของชาติไว้ เพราะอย่างไรเราก็คือคนไทย แผ่นดินไทยเป็นของเรา และเราต้องอยู่ในเมืองไทย

6 มกราคม 2549 เวลา 02:27:35

ความคิดเห็นที่ 4


...

คาดว่าอีกไม่นานจะมีคนฆ่าตัวตายกันมากขึ้นเนื่องจากปัญหาหนี้สินที่มากมายจนรับไม่ไหว

6 มกราคม 2549 เวลา 02:19:24

ความคิดเห็นที่ 3


ขำกลิ้งกว่า

ปัญญาตื่นจังคุณคห.2 "สมัยทักษิณคนเดินเบียดกัน" นี่ไม่ได้หมายความว่าเศรษฐกิจดีขึ้นนะ มันกลวงจะตาย เงินที่จับจ่ายก็เป็นเงินอนาคตทั้งนั้น หมุนกันจนเวียนหัวแล้ว ขาขึ้นหรือขาลงของแม้ว ไม่สำคัญหรอก สำคัญแต่แม้วอยู่ คนไทยขาลง

6 มกราคม 2549 เวลา 02:02:01

ความคิดเห็นที่ 2


ขำกลิ้ง

ว่างๆก็ไปเดินตามตลาดสดบ้าง อย่ามัวนั่งเเต่ห้องเเอร์ สมัย ปชป. ตลาดสดที่นนท์คนหลงเหลง สมัยทักษิณคนเดินเบียดกัน โจทย์ของกาเเฟดำทำอย่างไรจึงจะโค่นทักษิณได้ข้อเขียนของกาเเฟดำก็เลยออกมาเเบบนี้ทุกวัน เป็นไงเห็นฝรั่งขนเงินเงินมาซื้อหุ้นสามวันสามหมึ่นกว่าล้าน ตกลงทักษิณขาลงหรือขาขึ้นคงสับสนเเย่

6 มกราคม 2549 เวลา 01:14:44

ความคิดเห็นที่ 1


ต้านคนโกง

เป็นแผนของคุณทักษิณ หรืออเมริกาหรือเปล่าคะ ที่ทำให้คนชั้นกลางกระเป๋าแห้งลงเรื่อยๆ จะได้ครอบงำง่ายหน่อย




 

Create Date : 06 มกราคม 2549
5 comments
Last Update : 6 มกราคม 2549 8:42:52 น.
Counter : 482 Pageviews.

 

อ้าววว! เห็นท่านผู้นำบอกว่า คนจนจะหมดไปในอีกไม่กี่ปีไง นี่เล่นคน(เกือบจน)ชั้นกลางด้วยนี่น่า

ชีวิตถ้าจะให้ดีต้องช่วยตัวเองก่อนครับ ก่อนจะไปพึ่งโครงการบ้าบอคอแตก ที่เค้าว่ากัน

 

โดย: merf1970 6 มกราคม 2549 13:20:48 น.  

 




เมื่อไหร่จะได้รวยซะทีน้า.....

 

โดย: ครีเอทีฟ หัวเห็ด 6 มกราคม 2549 13:27:28 น.  

 

อ่านเฉยๆดีกว่า

 

โดย: ป้ามด 6 มกราคม 2549 16:01:02 น.  

 

ช่องว่างถ่างออกไปมากๆ ก็จะเกิดเหตุไม่ปกติขึ้นนะคะ

 

โดย: rebel 6 มกราคม 2549 16:06:29 น.  

 

แสดงพลังความรักของคนไทย
ถวายแด่พ่อยัว

 

โดย: อิทธิพล IP: 203.146.63.182 24 พฤษภาคม 2550 20:40:45 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


คนเดินดินฯ
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]








ปณิธาน

การเดินทางของชีวิตของทุกผู้คน
ทุกคนต่างต้องการประสบความสำเร็จในชีวิต
แต่จะมีสักกี่คนที่จะก้าวไปถึง
เมื่อเราก้าวถึงจุดนั้น
ขออย่าลืมการแบ่งปันและเจือจาน
แก่ผู้ด้อยโอกาสในสังคม

เราจะเติบโตและก้าวไปข้างหน้าพร้อม ๆ กัน
เพื่อสร้างสรรค์สังคมใหม่ที่ดีงาม

เพื่อให้อนุชนคนรุ่นหลัง
ได้ใช้ชีวิตของเขา
ตามศักยภาพและความตั้งใจของเขา
ตราบเท่าที่เขาต้องการ







เดินไปสู่ความใฝ่ฝัน


ชีวิตหนึ่งร่วงหล่นไปตามกาลเวลา
คลื่นลูกใหม่ไล่หลังคลื่นลูกเก่า
นั่นคือวัฏจักรของชีวิตที่ดำเนินไป

เยาว์เธอรู้บ้างไหม
ว่าประชาราษฎรนั้นทุกข์ยากเพียงใด
เสี้ยวหนึ่งของชีวิตที่เหลืออยู่
เธอเคยมีความใฝ่ฝันที่แสนงามบ้างไหม

สักวันฉันหวังว่าเธอจะเดินไปตามทางสายนี้
ที่อาจดูเงียบเหงาและโดดเดี่ยว
แต่ภายใต้ฟ้าเดียวกัน
ฉันก็ยังมีความหวัง
ว่าผู้คนในประเทศนี้
จะตื่นขึ้นมา
เพื่อทวงสิทธิ์ของพวกเขา
ที่ถูกย่ำยีมาช้านาน
และฉันหวังว่าเธอจะเดินเคียงคู่ไปกับพวกเขา

เพื่อสานความใฝ่ฝันนั้นให้เป็นความจริง
สัญญาได้ไหม
สัญญาได้ไหม
เยาว์ที่รักของฉัน


***********



ขอมีเพียงเธอเป็นกำลังใจ




ทอดสายตามองออกไปยังทิวทัศน์ข้างหน้า
แลเห็นต้นหญ้าโบกไสว
เห็นดอกซากุระบานอยู่เต็มดอย
ความงามที่อยู่ข้างหน้า
เป็นสิ่งที่ฉันจะเก็บมันไว้
ยามที่จิตใจอ่อนล้า...

ชีวิตยามนี้แม้ผ่านมาหลายโมงยาม
แต่จิตใจข้างในยังคงดูหงอยเหงา
หลายครั้งอยากมีเพื่อนคุย
หลายครั้งอยากมีคนปรับทุกข์
และหลายครั้งต้องนั่งร้องไห้คนเดียว

รางวัลสำหรับชีวิตที่ผ่านมา
มันคืออะไรเคยถามตัวเองบ่อย ๆ
ความสำเร็จ...เงินตรา...เกียรติยศชื่อเสียง
มันใช่สิ่งที่เราต้องการหรือเปล่า
ถึงจุดหนึ่งชีวิตต้องการอะไรอีกมากไปกว่านี้

หลายชีวิตยังคงดิ้นรนต่อสู้
เพื่อปากท้องและครอบครัว
มันเป็นความจริงของชีวิตมนุษย์
ที่ต้องดำรงชีพเพื่อความอยู่รอด
มีทั้งพ่ายแพ้ มีทั้งชนะ
แต่ชีวิตต่างต้องดำเนินไป
ตามวิถีทางของแต่ละคน

ลืมความทุกข์ ลืมความหลังที่เจ็บปวด
มองออกไปข้างหน้า
ค้นให้พบตัวตนของตนเองอีกครั้ง
แล้วกลับไปสู้ใหม่
การเริ่มต้นของชีวิตจะต้องดำเนินต่อไป
จะต้องดำเนินต่อไป

ตราบจนลมหายใจสุดท้ายของชีวิต....




@@@@@@@@@@@




การเดินทางของความรัก

...ฉันเดินไปด้วยหัวใจที่ว่างเปล่า
สมองได้คิดใคร่ครวญ
ความรักในหลายครั้งที่ผ่านมา
ทำไมจึงจบลงอย่างรวดเร็ว

ฉันเดินไปด้วยสมองอันปลอดโปร่ง
ความรักทำให้ฉันเข้าใจโลก
และมนุษย์มากขึ้น
และรู้ว่าความแตกต่าง
ระหว่างความรักกับความหลงเป็นอย่างไร?

ฉันเดินไปด้วยดวงตาที่มุ่งมั่น
บทเรียนของรักในครั้งที่ผ่าน ๆ มา
มันย้ำเตือนอยู่เสมอว่า
อย่ารีบร้อนที่จะรัก
แต่จงปล่อยให้ความสัมพันธ์
ค่อย ๆ พัฒนาอย่างค่อยเป็นค่อยไป
เรียนรู้และทำเข้าใจกันให้มากที่สุด

ก่อนที่จะเริ่มบทต่อไปของความรัก...




*******************



จุดไฟแห่งศรัทธาและความมุ่งมั่น

เข้มแข็งกับอ่อนแอ
สับสนหรือมุ่งมั่น
จะยอมแพ้หรือลุกขึ้นท้าทาย
กับชีวตที่เหลืออยู่
ทุกสิ่งล้วนอยู่ที่ใจเราจะกำหนด

ไม่ใช่เพราะอิสระเสรี
ที่เราต้องการหรอกหรือ?
ที่มันจะนำทางชีวิต
ในห้วงเวลาต่อไป
ให้เราก้าวทะยานไป
สู่วันพรุ่งที่สดใส

มีแต่เพียงคนที่รู้จักตนเองอย่างดีพอเท่านั้น
จะสามารถทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่ได้
เมื่อผ่านการสรุปบทเรียน
จากปัญหาต่าง ๆ ที่ประสบ
เราก็จะมีความจัดเจนกับชีวิตมากขึ้น
และการเผชิญกับอุปสรรคต่าง ๆ
ในอนาคตก็จะเป็นเพียงปัญหาที่เล็กน้อยสำหรับเรา
ในการที่จะก้าวผ่านไป



ด้วยศรัทธาและความมุ่งมั่นที่มีอยู่ในใจ
ที่จะต้องย้ำเตือนตัวเองอยู่เสมอ
หนทางในการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ๆ
ย่อมอยู่ไม่ไกลห่างอย่างแน่นอน

*********************



ก้าวย่างที่มั่นคง

บนทางเดินแคบ ๆ ที่เหลืออยู่
หากขาดความมั่นใจที่จะก้าวเดินต่อไป
ชีวิตก็คงหยุดนิ่งและรอวันตาย
แม้ทางข้างหน้าจะดูพร่ามัว
และไม่รู้ซึ่งอนาคต
แต่สิ่งที่ดีที่สุดในปัจจุบัน
คือก้าวย่างไปอย่างมั่นคง
และมองไปข้างหน้าอย่าเหลียวหลัง
เก็บรับบทเรียนในอดีต
เพื่อจะได้ระมัดระวังไม่ให้ผิดพลาดอีกในอนาคต

"""""""""""""""""""""""""""""""""



ใช้สามัญสำนึกทำงาน

ไม่มีแผนงานที่สวยหรู
ไม่มีปฏิบัติการใดที่สมบูรณ์แบบ
ในยามนี้มีเพียงการทำงานด้วยการทุ่มเท
ลงลึกในรายละเอียดเท่านั้น
จึงจะสามารถคลี่คลายปัญหาของงานลงได้
บางครั้งโจทย์ที่เจออาจยากและซับซ้อน
แต่เมื่อลงไปคลุกคลีอย่างแท้จริง
โจทย์เหล่านี้ก็ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป

""""""""""""""""""""""""""""""""



เรียบ ๆ ง่าย ๆ


อย่ามองสิ่งต่าง ๆ ด้วยแว่นสีที่ซับซ้อน
เพราะในโลกนี้มีเพียงสิ่งสามัญที่เรียบง่าย
สำหรับคนที่สงบนิ่งเพียงพอเท่านั้น
จึงจะแก้โจทย์และปัญหาต่าง ๆ
ด้วยกลวิธีที่เรียบ ๆ ง่าย ๆ
ไม่ซับซ้อนและตรงจุดได้อย่างเพียงพอ

""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""

ใจถึงใจ

บนหนทางไปสู่ความสำเร็จ
บนหนทางของการสร้างสรรค์สิ่งใหม่
มีเพียงคนที่เข้าใจในสภาพจิตใจของคนทำงานเท่านั้น
จึงจะสามารถนำทีมงานไปสู่เป้าหมายได้
อย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน








Friends' blogs
[Add คนเดินดินฯ's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.