บ้านที่มีความรักและความอบอุ่นคือจินตนาการของคนไทยยามนี้ !
Group Blog
 
<<
มกราคม 2552
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
26 มกราคม 2552
 
All Blogs
 

อิฐก้อนหนึ่ง-บี พีระพัฒน์,ไหวเอน-หงา คาราวาน










อิฐก้อนหนึ่ง - บี พีระพัฒน์




*ให้ลมมันแรงร้อนเพียงใด
ให้มีฝนมากมาย
แดดเกรียมเผาแทบตาย
อย่าไปยอมแพ้
อย่ายอมให้ลมพัดเราไป
อย่ายอมเพราะความง่าย
หยัดยืนสู้ด้วยใจ(ที่แข็งแกร่ง)

ด้วยใจที่รวมกัน....

อิฐก้อนหนึ่งซึ่งถูกวางอย่างเดียวดาย
มีความหมายแค่เพียงดินที่คนปั้น
ซ่อนความงามซ่อนความจริงและความฝัน
อิฐก่อนนั้นคงรอวันเพื่อมีค่า
อิฐหมื่นแสนที่ถูกวางอย่างสร้างสรรค์
อัศจรรย์จึงบันดาลขึ้นตรงหน้า
ก่อกำแพงสร้างบ้านเรือนตึกระฟ้า
แดดลมฝนจะพัดพาไม่มีหวั่น
อิฐก่อนนั้นช่วยป้องกันไม่หวั่นเลย
อิฐก่อนนั้นช่วยป้องกันไม่หวั่นเลย

* ซ้ำ

อิฐก้อนไหนจะถูกวางไว้อย่างเดิม
อิฐก้อนไหนจะถูกวางไว้สร้างเมือง
อิฐก้อนไหน..จะถูกวาง..ไว้สร้างเมือง

................................





ไหวเอน - คาราวาน


หญ้ายังคงเอนไหว หัวใจคงไหวเอน
เบนตามทิศทาง ยามเมื่อลมพัดมา
ผืนดินมีปีก ฟ้ามี เดือนดารา
ลมหวนมา ฉันพบเธอ ไหวเอน

หญ้าเมื่อยามหลับไหล ลู่เฉยใบ เรียงระเนน
ความหนาวเย็น น้ำค้างพรมน้ำตา
เหมือนเจ้าไร้ใจ ไร้ลม ไร้มารยา
ยามนิทรา เหนือเวลา เหนือกาล

ลมพัดซู่ เจ้าลู่ลม มิทวนทาน
ลมพัดผ่าน เจ้าเล่นลม สำราญ อารมณ์

อยู่ด้วยแรงอ่อนไหว ด้วยหัวใจชื่นชม
ลมและหญ้า หญ้าและลม เสรี
คืนวันผันเปลี่ยน มาชั่วนาตาปี
ลมหวิวหวี่ พัดลีลา ไหวเอน

.............................................................

บล็อกที่แล้ว คลิก--->//www.bloggang.com/mainblog.php?id=balanceofsociety&month=11-01-2009&group=1&gblog=48

""""""""""""""""""""""""""""""""





 

Create Date : 26 มกราคม 2552
9 comments
Last Update : 3 เมษายน 2553 19:01:57 น.
Counter : 1477 Pageviews.

 


แวะมาฟังเพลงก่อนตาจะปิด
หลับฝันดีนะคะ
ขอให้ร่ำรวย ร่ำรวยค่ะ

 

โดย: อุ้มสี 26 มกราคม 2552 0:44:30 น.  

 

จากประชาชาติธุรกิจ

เรื่องของกฎ 80/20

คอลัมน์ ถามมา-ตอบไป สไตล์คอลซัลต์

โดย อภิวุฒิ พิมลแสงสุริยา apiwut@riverorchid.com

วันก่อนผมไปคุยงานกับองค์กร แห่งหนึ่ง เกี่ยวกับหลักสูตรที่เขาต้องการให้ผมไปสอนพอพูดคุยกันจบเจ้าหน้าที่ระดับหัวหน้าก็เดินออกไป เหลือผมกับน้องใหม่ขององค์กรคนหนึ่งที่คอยต้อนรับผมในขณะที่ผมกำลังเก็บของอยู่ เขาทำท่าลังเลเหมือนจะถามอะไรบางอย่างแต่ก็ ไม่กล้าถามเสียที

จนผมเก็บของเสร็จ เขาจึงเอ่ยปากถามแบบอายๆ ว่า เคยได้ยินเกี่ยวกับกฎ 80/20 ไหม ผมบอกว่า เคย เขาทำหน้าสบายใจขึ้น คือเรื่องของเรื่องเขากลัวตัวเองจะปล่อยไก่ เพราะเขาไม่แน่ใจว่า ไอ้กฎ 80/20 นี้เป็นกฎสากลหรือเป็นกฎที่ใช้กันเองภายในองค์กรของเขาเท่านั้น

ปัญหาของเขาก็คือ ในองค์กรโดยเฉพาะหัวหน้าของเขาชอบพูดเรื่องของ กฎ 80/20 กันมาก เขาเข้ามาใหม่ เลยไม่ค่อยเข้าใจว่ามันคืออะไร และมันมีประโยชน์อย่างไร ก่อนอื่นผมบอกได้เลยว่า กฎ 80/20 นี้เป็นทฤษฎีสากลอย่างหนึ่ง ดังนั้นไม่ต้องอายที่จะถาม

ที่มาของกฎ 80/20

กฎ 80/20 หรืออีกชื่อหนึ่งเรียกกันว่า Pareto"s Principle เป็นกฎที่เกิดขึ้นมาจากความบังเอิญก็เกือบจะว่าได้ ผมขอ เท้าความถึงความเป็นมาของทฤษฎีนี้นิดหนึ่ง เรื่องของเรื่องมันเริ่มมาจากในปี 1906 Vitfredo Pareto นักเศรษฐศาสตร์ ชาวอิตาลีได้สร้างสมการตัวเลขเกี่ยวกับความร่ำรวยของคนภายในประเทศของเขา โดยจากการสังเกตการณ์ได้ค้นพบว่า 20% ของคนในประเทศเป็นเจ้าของความมั่งคั่ง ถึง 80% !!

จริงๆ แล้วหลังจากการสังเกตการณ์ของ Pareto ในครั้งนั้นดูเหมือนว่าผู้เชี่ยวชาญคนอื่นๆ ก็สังเกตเห็นเหมือนกันว่า ในงานที่ตนเองทำอยู่แต่ละอย่างจะมีปรากฏการณ์ของกฎ 80/20 อยู่เป็นประจำ จนราวๆ ปี 1940 Dr.Joseph M. Juran จึงสรุปแนวคิด เรื่อง 80/20 ไว้ว่า สิ่งสำคัญจำนวนไม่ต้องมากกลับสามารถสร้างผลกระทบได้เยอะแต่สิ่งไม่สำคัญจำนวนเยอะๆ กลับสร้างผลกระทบได้ไม่มาก (vital few and trivial many)

แล้ว Dr.Joseph จึงค่อยมาพบภายหลังว่า สิ่งที่เขาสรุปเป็นอะไรที่ Pareto ค้นพบมาก่อนหน้านี้ จึงใช้ชื่อทฤษฎีนี้ว่า Pareto"s Principle หรือที่เราเรียกกันอย่างง่ายๆ ว่า กฎ 80/20

กฎ 80/20 หมายถึงอะไร

กฎ 80/20 หมายถึงอะไรก็ตามที่ส่วนน้อย (ประมาณ 20%) เป็นสาระสำคัญของเรื่องนั้นๆ และอะไรก็ตามที่ส่วนมาก (ประมาณ 80%) ไม่ค่อยมีสาระสำคัญ อย่างในกรณีของ Pareto ที่ว่า 20% ของประชากรเป็นเจ้าของความมั่งคั่ง 80% ในประเทศ

ในขณะที่กรณีของ Dr.Joseph เขาพบว่า 20% ของปัญหาก่อให้เกิด ความเสียหายถึง 80% หรือตัวอย่างใกล้ๆ ตัวเรา เช่น ยอดขายประมาณ 80% ขององค์กรมาจากจำนวนลูกค้าประมาณ 20% เท่านั้น เป็นต้น

ดังนั้น คำถามต่อไปจึงเกิดขึ้นว่า แล้วกฎ 80/20 นี้สามารถใช้อธิบาย ปรากฏการณ์อื่นๆ ได้ทุกเรื่อง โดยเฉพาะเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการบริหารจัดการคน หรือไม่ ?

คำตอบคือ ทฤษฎีหรือแนวคิดใดๆในโลกนี้คงไม่สามารถใช้อธิบายสถานการณ์ทุกๆ สถานการณ์ได้ 100% โดยไม่มีข้อยกเว้นหรอก เพียงแต่ถ้าทฤษฎีหรือแนวคิดนั้นๆ อธิบายปรากฏการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นได้สัก 80-90% ก็ถือว่าเป็นสิ่งที่ใช้ได้แล้ว ซึ่งแนวคิดเรื่อง 80/20 ก็มีลักษณะคล้ายกับทฤษฎีความเชื่ออื่นๆ ทั่วไปเช่นกัน

เพราะฉะนั้น หากเราจะนำเอากฎ 80/20 มาอธิบายการบริหารจัดการให้เห็นได้ชัดเจนขึ้น โดยยกตัวอย่าง สัก 2-3 เรื่องก็น่าจะได้แก่ 20% (โดยประมาณ) ของคนในองค์กร ควบคุมอำนาจในการบริหารจัดการไว้ถึง 80% หรือเนื้องานเพียงประมาณ 20% ที่คุณทำ (เท่านั้น) ที่สร้างผลลัพธ์ได้ถึง 80% (หรืออีกนัยหนึ่ง งานที่คุณทำเกือบ 80% สร้าง impact ในเชิงบวกให้กับองค์กรเพียงแค่ 20% เพราะส่วนมากเป็นงาน routine หรือ paperwork ซึ่งมีคุณค่าน้อยต่อองค์กร) หรือคนสักประมาณ 20% ในองค์กร (เท่านั้น) ที่เป็น top performer, super talent หรือ future leaderในขณะที่คนอีก 80% ไม่ใช่ เป็นต้น

ดังนั้น สาระสำคัญของกฎ 80/20 นี้ จึงเป็นเครื่องมือที่คอยย้ำเตือนคุณเสมอ ให้มุ่งเน้นไปที่ 20% ของส่วนที่เป็นสาระสำคัญ

เพราะฉะนั้นในการทำงานทุกๆ อย่าง ไม่ว่าจะเป็นงานประจำหรืองานที่เกี่ยวข้องกับการบริหารจัดการ จงหาให้ได้ว่าใครหรืออะไรคือ 20% นั้นที่จะสร้างผลลัพธ์ ไห้ได้ถึง 80% แล้วจงใช้เวลา ทรัพยากร และความทุ่มเทของคุณ 80% ไปให้กับ 20% นั้น

และจงถือว่า 20% นี้เป็นหัวใจของการทำงาน อย่าให้สิ่งอื่นใดมาทำให้คุณต้องพลาดหรือสูญเสีย 20% นี้ไปเป็นอันขาด เพราะมันจะทำให้ผลลัพธ์ของคุณสูญไปถึง 80% เลย... ทีเดียวเชียว !

ผมหวังว่ากฎ 80/20 นี้จะทำให้หลายๆ คนเข้าใจอะไรๆ ได้มากขึ้น จงอย่าแค่ทำงานอย่างฉลาด (work smart) เพียงอย่างเดียว แต่จงทำงานอย่างฉลาดบนสิ่งที่สมควรต้องทำ (Work smart on the right things) ด้วยจึงจะประสบความสำเร็จอย่างยั่งยืน

 

โดย: คนเดินดินฯ 28 มกราคม 2552 8:40:07 น.  

 

จากกรุงเทพธุรกิจ

การพัฒนาอย่างยั่งยืนกับวิกฤติเศรษฐกิจโลก"

กานต์ ตระกูลฮุน

เมื่อ ไม่นานมานี้ ผมได้มีโอกาสไปร่วมการประชุมกับคณะกรรมการนักธุรกิจโลกเพื่อการพัฒนาอย่าง ยั่งยืน (World Business Council for Sustainable Development - WBCSD) ที่เมืองโจฮันเนสเบิร์ก ประเทศแอฟริกาใต้ ซึ่งเป็นเวทีที่ผู้บริหารระดับสูงจากองค์กรชั้นนำของโลกกว่า 200 คน มารวมตัวกันแลกเปลี่ยนความคิดเห็น และวางแนวทางการทำงานร่วมกับภาครัฐบาล NGO และองค์กรระหว่างประเทศ เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนให้สังคมมีความยั่งยืน โดยเครือซิเมนต์ไทย (SCG) ได้รับเชิญให้เป็นสมาชิกตั้งแต่ปี 2543



เป็นเรื่องน่ายินดีที่ในการประชุม WBCSD ครั้งนี้ แม้จะจัดขึ้นในช่วงที่วิกฤติเศรษฐกิจทวีความรุนแรงขึ้น แต่ CEOส่วนใหญ่ล้วนมีความเห็นเช่นเดียวกันว่า การพัฒนาอย่างยั่งยืนจะมีบทบาทสำคัญยิ่งขึ้นในวิกฤติการณ์ทางการเงินครั้ง นี้ ยิ่งไปกว่านั้น ยังเห็นโอกาสที่ดีสำหรับการพัฒนาองค์กรอย่างยั่งยืนอีกด้วย



เหตุผลที่ CEO เหล่านี้ให้ความสำคัญเรื่องดังกล่าว ก็เพราะว่าการดำเนินธุรกิจในปัจจุบันต้องเผชิญความท้าทายมากมาย ทั้งภาวะเศรษฐกิจโลกถดถอย ภัยธรรมชาติอันเป็นผลจากสภาวะโลกร้อนที่เกิดบ่อยครั้งและรุนแรงยิ่งขึ้น และที่สำคัญ คือ ผู้บริโภคมีบทบาทมากขึ้นในการตรวจสอบองค์กรว่าให้ความสำคัญกับสังคมและสิ่ง แวดล้อมหรือไม่ ไม่ใช่แค่เพียงตัดสินใจซื้อสินค้าหรือบริการเท่านั้น



ดังนั้น ธุรกิจที่ต้องการเติบโตอย่างยั่งยืน พร้อมอยู่ร่วมกับชุมชนอย่างมีความสุขในระยะยาว ต้องให้ความสำคัญกับการสร้างสมดุลระหว่างการพัฒนาทางด้านเศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อม และสังคม ไม่ใช่มุ่งแต่ขายสินค้าและบริการหรือผลกำไรแต่เพียงอย่างเดียว



นอกจากเห็นตรงว่า การพัฒนาอย่างยั่งยืนจะมีความสำคัญขึ้นท่ามกลางภาวะวิกฤติเศรษฐกิจแล้ว ผู้บริหารส่วนใหญ่ยังเห็นว่ามีโอกาสที่ดีรออยู่ แต่องค์กรจะต้องทุ่มเทเพื่อพัฒนานวัตกรรมใหม่ๆ ในทุกด้าน ไม่ว่าจะด้านเศรษฐกิจ สังคม หรือสิ่งแวดล้อม รวมทั้งต้องเพิ่มความใส่ใจด้านการกำกับดูแลให้มากขึ้น ซึ่งทั้งสองเรื่องนี้เป็นสิ่งที่ SCG ให้ความสำคัญมาตลอด



ที่ประชุมยังเห็นพ้องกันว่าองค์กรต้องสร้างความไว้วางใจให้กลับคืนมา ด้วยความซื่อสัตย์และความน่าเชื่อถือ (integrity & accountability), ความสม่ำเสมอในการดำเนินงาน (consistency in performance), ความโปร่งใส (transparency), มนุษยธรรม (humanity) และความอ่อนน้อมถ่อมตน (humility) โดยผู้บริหารควรรับมือกับช่วงเวลาแห่งความเป็นจริงนี้ ด้วยการแสดงถึงความรับผิดชอบอย่างสูง เช่น การพิจารณาเรื่องค่าตอบแทนของตนเอง การเตรียมพร้อมรับมือภาวะวิกฤติต่างๆ รวมทั้งภัยธรรมชาติ ตลอดจนระมัดระวังมากยิ่งขึ้นในการดำเนินธุรกิจ เช่น ปัญหาการปล่อยสินเชื่อด้อยคุณภาพ



การรับรู้ของสังคมเกี่ยวกับการพัฒนาอย่างยั่งยืนยังแบ่งเป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มที่เข้าใจและต้องการปฏิบัติ ดังเช่นกลุ่ม CEO ที่มาร่วมประชุม และอีกหลายๆ องค์กรหรือชุมชนที่ใส่ใจกับเรื่องนี้อย่างจริงจัง กับอีกกลุ่มหนึ่งที่ยังไม่สนใจ อาจเพราะยังไม่รับรู้หรือไม่เห็นความสำคัญ



แต่ในฐานะองค์กรธุรกิจ เราจะต้องเป็นตัวตั้งตัวตีในการลงมือปฏิบัติ เพราะถ้ารอให้วันที่ภัยมาถึงเราอาจไม่สามารถรับมือได้ทัน นอกจากนี้การปฏิบัติอย่างต่อเนื่อง ยังทำให้การดำเนินงานด้านนี้ของเราแข็งแรง ช่วยเป็นแรงขับเคลื่อนให้ทั้งองค์กรธุรกิจอื่นๆ และสังคมเห็นความจำเป็นและช่วยกันคนละไม้คนละมือ



เรื่องราวเกี่ยวกับการพัฒนาอย่างยั่งยืนมีแง่มุมที่เป็นประโยชน์ต่อธุรกิจให้เรียนรู้อีกมากลองเยี่ยมชมเว็บไซต์ของ WBCSD //www.wbcsd.org ซึ่งเผยแพร่ข้อมูล และตัวอย่างที่ดีของบริษัทสมาชิก แม้ไม่ใช่สมาชิกก็เข้าไปเยี่ยมชมได้



ผมจะค่อยๆ เล่าทั้งเรื่องเกี่ยวกับประสบการณ์ของ SCG และเรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจให้ฟังในครั้งต่อไปครับ

 

โดย: คนเดินดินฯ IP: 58.8.224.19 28 มกราคม 2552 9:19:12 น.  

 

 

โดย: คนเดินดินฯ 29 มกราคม 2552 8:03:53 น.  

 

จากกองทุนศรีบูรพา



"ข้าพเจ้ากล้าพูดได้ว่า จะมีสักวันหนึ่งหรอกที่เราทั้งหลาย จะได้ไปชุมนุมอยู่พร้อมกันในศาลที่ใหญ่โตกว่านี้ และเมื่อเวลานั้นมาถึง เราก็จะได้รู้กันว่าอะไรถูกและอะไรผิด"
(เขาถูกบังคับให้เป็นขุนโจร)






"เธอเชื่อหรือว่า สมาคมมนุษย์จะรับรองกฎธรรมชาติ ที่เธอยกขึ้นกล่าวแก้ นพพร โปรดเชื่อฉัน เธอต้องเพียรเผชิญกับของจริง ของจริงเท่านั้นที่เป็นคำพิพากษา โชคชะตาในชีวิตของเรา กฎเกณฑ์และอุดมทัศนีย์ อาจงามกว่า แต่ก็มักจะไร้ค่าในทางปฏิบัติ"
(ข้างหลังภาพ)



 

โดย: คนเดินดินฯ IP: 58.8.162.139 29 มกราคม 2552 8:12:52 น.  

 



เราไม่ได้คิดจะเอาความบริสุทธิ์มาแต่งงานกันเลยเราจะเอาหัวใจ เอาความรัก ความซื่อสัตย์มาแต่งงานกันต่างหาก
(มารมนุษย์)


การ นับถือพุทธศาสนาที่ถูกต้องและตรงตามพุทธประสงค์ มีอยู่แต่ประการเดียวคือ การนับถือโดยการขวนขวายศึกษา อุดมธรรมของพุทธศาสนาซึ่งมีอยู่ไม่มากนัก ควบคู่กันไปกับการปฏิบัติตามธรรมนั้นๆ
(อุดมธรรม)




เราถูกสอนและถูกอบรม ให้เห็นความอุจาดลามกเป็นความงาม ถ้าเราปฏิเสธความงามกำมะลอ ซึ่งที่แท้ก็คือความอุจาดลามก เราก็จะถูกตราหน้าว่าเป็น "แกะดำ"
(รวมเรื่องสั้นรับใช้ชีวิต)


การเปลี่ยนแปลงที่หนึ่งพันปีได้สะสมไว้ อาจน้อยกว่าการเปลี่ยนแปลงที่บังเกิดขึ้นในหนึ่งศตวรรษ สิ่งที่ไม่อาจเกิดได้ในศตวรรษหนึ่งที่แล้วมาอาจก่อเกิดได้ในชั่วทศวรรษของ ศตวรรษปัจจุบัน โอ กาลเวลาที่น่าเกรงขาม กาลเวลาที่เปิดโปงอดีต กาลเวลาที่กำความลึกลับของอนาคต และบางทีก็ชี้แนะอนาคต กาลเวลาผู้เป็นมหาครู !
(แลไปข้างหน้า ภาคปฐมวัย)

 

โดย: คนเดินดินฯ IP: 58.8.162.139 29 มกราคม 2552 8:36:39 น.  

 


"ฉันขออ้อนวอนเพลิน...อย่าได้ชำเลืองดูชีวิตบุคคลที่สูงกว่าเรา

พวกนี้เป็นภัยที่สุดสำหรับคนอย่างเธอและฉัน

จำไว้ว่า ความมั่งมีที่เราอยากได้แต่ไม่สามารถขึ้นถึงจะฆ่าเธอ

สภาพที่จนกว่าต่ำกว่านั่นแหละจะช่วยต่อชีวิตของเธอให้ยืนยาว"


" ดิฉันโปรดความรักในทำนองมิตรภาพ ความรักที่ไม่ต้องพึ่งพาอาศัย

ความสัมผัสเป็นโครงเป็นฐาน

เป็นความรักที่น้ำใจอย่างเดียวเท่านั้นที่หล่อเลี้ยง

ไว้ได้ ทั้งแช่มชื่นและอ่อนโยน"


(สงครามชีวิต-ศรีบูรพา)




" ชายหญิงเกิดมาก็สำหรับจะต้องรักกัน ใครรักก่อน ใครรักทีหลังนั้น

ไม่เห็นจำเป็นต้องเอามาถือเป็นประเพณี ผู้หญิงเขามีหัวใจเขารักผู้ชายก่อน

จะเหยียดเอาว่าเป็นความเสียหายเสียทีเดียว เห็นว่าโลกไม่ได้ให้ความยุติธรรม

แก่ผู้หญิงในเรื่องนี้เลย"

(ลูกผู้ชาย-ศรีบูรพา)

พวก เราที่เป็นพลเมือง เป็นสามัญชนคนธรรมดาทั่วไปนี้แหละ ที่จะเป็นผู้เปลี่ยนแปลงบังคับโชคชะตาของเรา ที่จะเป็นผู้บังคับการต่างๆ ให้เป็นไปตามประสงค์ของเราได้
(ข้าพเจ้าได้เห็นมา)


สิ่งที่เรียกว่า ความรักนั้น ควรจะตั้งต้นจากจุดของความสละให้ มิใช่จากจุดของการเรียกร้องเอา ถ้าเรามีความรักต่อคนหนึ่ง มันไม่ควรจะเป็นว่า เราคิดคำนึงว่าเราจะได้อะไรจากคนรักของเรา แต่มันควรจะเป็นว่า เราคิดคำนึงว่า เราจะให้อะไรแก่เธอ เพราะเหตุแห่งความรัก
(จนกว่าเราจะพบกันอีก)

 

โดย: คนเดินดินฯ IP: 58.8.162.139 29 มกราคม 2552 8:42:03 น.  

 

เข้ามางงง ปกติ บล็อกพี่มันเพลงเพื่อชีวิตนี่นา วันนี้ มันใช่เพียงเพื่อชีวิตมั้ยน๊า พี่สบายดีนะคะ

 

โดย: กระจ้อน 3 กุมภาพันธ์ 2552 10:59:06 น.  

 

^
^
น่าจะจัดเป็นเพลงเพื่อชีวิตนะเพลงนี้
เนื้อหาดี ท่วงทำนองก็ไพเราะ

ช่วงนี้ยังหนักมาก ๆ
ยังไม่เห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์เลย
แต่สภาพจิตก็ยังดีอยู่
ได้ไปเที่ยวบ้าง เล่นเน็ตบ้างก็ดีนะ

 

โดย: คนเดินดินฯ IP: 202.149.25.241 3 กุมภาพันธ์ 2552 12:01:51 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


คนเดินดินฯ
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]








ปณิธาน

การเดินทางของชีวิตของทุกผู้คน
ทุกคนต่างต้องการประสบความสำเร็จในชีวิต
แต่จะมีสักกี่คนที่จะก้าวไปถึง
เมื่อเราก้าวถึงจุดนั้น
ขออย่าลืมการแบ่งปันและเจือจาน
แก่ผู้ด้อยโอกาสในสังคม

เราจะเติบโตและก้าวไปข้างหน้าพร้อม ๆ กัน
เพื่อสร้างสรรค์สังคมใหม่ที่ดีงาม

เพื่อให้อนุชนคนรุ่นหลัง
ได้ใช้ชีวิตของเขา
ตามศักยภาพและความตั้งใจของเขา
ตราบเท่าที่เขาต้องการ







เดินไปสู่ความใฝ่ฝัน


ชีวิตหนึ่งร่วงหล่นไปตามกาลเวลา
คลื่นลูกใหม่ไล่หลังคลื่นลูกเก่า
นั่นคือวัฏจักรของชีวิตที่ดำเนินไป

เยาว์เธอรู้บ้างไหม
ว่าประชาราษฎรนั้นทุกข์ยากเพียงใด
เสี้ยวหนึ่งของชีวิตที่เหลืออยู่
เธอเคยมีความใฝ่ฝันที่แสนงามบ้างไหม

สักวันฉันหวังว่าเธอจะเดินไปตามทางสายนี้
ที่อาจดูเงียบเหงาและโดดเดี่ยว
แต่ภายใต้ฟ้าเดียวกัน
ฉันก็ยังมีความหวัง
ว่าผู้คนในประเทศนี้
จะตื่นขึ้นมา
เพื่อทวงสิทธิ์ของพวกเขา
ที่ถูกย่ำยีมาช้านาน
และฉันหวังว่าเธอจะเดินเคียงคู่ไปกับพวกเขา

เพื่อสานความใฝ่ฝันนั้นให้เป็นความจริง
สัญญาได้ไหม
สัญญาได้ไหม
เยาว์ที่รักของฉัน


***********



ขอมีเพียงเธอเป็นกำลังใจ




ทอดสายตามองออกไปยังทิวทัศน์ข้างหน้า
แลเห็นต้นหญ้าโบกไสว
เห็นดอกซากุระบานอยู่เต็มดอย
ความงามที่อยู่ข้างหน้า
เป็นสิ่งที่ฉันจะเก็บมันไว้
ยามที่จิตใจอ่อนล้า...

ชีวิตยามนี้แม้ผ่านมาหลายโมงยาม
แต่จิตใจข้างในยังคงดูหงอยเหงา
หลายครั้งอยากมีเพื่อนคุย
หลายครั้งอยากมีคนปรับทุกข์
และหลายครั้งต้องนั่งร้องไห้คนเดียว

รางวัลสำหรับชีวิตที่ผ่านมา
มันคืออะไรเคยถามตัวเองบ่อย ๆ
ความสำเร็จ...เงินตรา...เกียรติยศชื่อเสียง
มันใช่สิ่งที่เราต้องการหรือเปล่า
ถึงจุดหนึ่งชีวิตต้องการอะไรอีกมากไปกว่านี้

หลายชีวิตยังคงดิ้นรนต่อสู้
เพื่อปากท้องและครอบครัว
มันเป็นความจริงของชีวิตมนุษย์
ที่ต้องดำรงชีพเพื่อความอยู่รอด
มีทั้งพ่ายแพ้ มีทั้งชนะ
แต่ชีวิตต่างต้องดำเนินไป
ตามวิถีทางของแต่ละคน

ลืมความทุกข์ ลืมความหลังที่เจ็บปวด
มองออกไปข้างหน้า
ค้นให้พบตัวตนของตนเองอีกครั้ง
แล้วกลับไปสู้ใหม่
การเริ่มต้นของชีวิตจะต้องดำเนินต่อไป
จะต้องดำเนินต่อไป

ตราบจนลมหายใจสุดท้ายของชีวิต....




@@@@@@@@@@@




การเดินทางของความรัก

...ฉันเดินไปด้วยหัวใจที่ว่างเปล่า
สมองได้คิดใคร่ครวญ
ความรักในหลายครั้งที่ผ่านมา
ทำไมจึงจบลงอย่างรวดเร็ว

ฉันเดินไปด้วยสมองอันปลอดโปร่ง
ความรักทำให้ฉันเข้าใจโลก
และมนุษย์มากขึ้น
และรู้ว่าความแตกต่าง
ระหว่างความรักกับความหลงเป็นอย่างไร?

ฉันเดินไปด้วยดวงตาที่มุ่งมั่น
บทเรียนของรักในครั้งที่ผ่าน ๆ มา
มันย้ำเตือนอยู่เสมอว่า
อย่ารีบร้อนที่จะรัก
แต่จงปล่อยให้ความสัมพันธ์
ค่อย ๆ พัฒนาอย่างค่อยเป็นค่อยไป
เรียนรู้และทำเข้าใจกันให้มากที่สุด

ก่อนที่จะเริ่มบทต่อไปของความรัก...




*******************



จุดไฟแห่งศรัทธาและความมุ่งมั่น

เข้มแข็งกับอ่อนแอ
สับสนหรือมุ่งมั่น
จะยอมแพ้หรือลุกขึ้นท้าทาย
กับชีวตที่เหลืออยู่
ทุกสิ่งล้วนอยู่ที่ใจเราจะกำหนด

ไม่ใช่เพราะอิสระเสรี
ที่เราต้องการหรอกหรือ?
ที่มันจะนำทางชีวิต
ในห้วงเวลาต่อไป
ให้เราก้าวทะยานไป
สู่วันพรุ่งที่สดใส

มีแต่เพียงคนที่รู้จักตนเองอย่างดีพอเท่านั้น
จะสามารถทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่ได้
เมื่อผ่านการสรุปบทเรียน
จากปัญหาต่าง ๆ ที่ประสบ
เราก็จะมีความจัดเจนกับชีวิตมากขึ้น
และการเผชิญกับอุปสรรคต่าง ๆ
ในอนาคตก็จะเป็นเพียงปัญหาที่เล็กน้อยสำหรับเรา
ในการที่จะก้าวผ่านไป



ด้วยศรัทธาและความมุ่งมั่นที่มีอยู่ในใจ
ที่จะต้องย้ำเตือนตัวเองอยู่เสมอ
หนทางในการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ๆ
ย่อมอยู่ไม่ไกลห่างอย่างแน่นอน

*********************



ก้าวย่างที่มั่นคง

บนทางเดินแคบ ๆ ที่เหลืออยู่
หากขาดความมั่นใจที่จะก้าวเดินต่อไป
ชีวิตก็คงหยุดนิ่งและรอวันตาย
แม้ทางข้างหน้าจะดูพร่ามัว
และไม่รู้ซึ่งอนาคต
แต่สิ่งที่ดีที่สุดในปัจจุบัน
คือก้าวย่างไปอย่างมั่นคง
และมองไปข้างหน้าอย่าเหลียวหลัง
เก็บรับบทเรียนในอดีต
เพื่อจะได้ระมัดระวังไม่ให้ผิดพลาดอีกในอนาคต

"""""""""""""""""""""""""""""""""



ใช้สามัญสำนึกทำงาน

ไม่มีแผนงานที่สวยหรู
ไม่มีปฏิบัติการใดที่สมบูรณ์แบบ
ในยามนี้มีเพียงการทำงานด้วยการทุ่มเท
ลงลึกในรายละเอียดเท่านั้น
จึงจะสามารถคลี่คลายปัญหาของงานลงได้
บางครั้งโจทย์ที่เจออาจยากและซับซ้อน
แต่เมื่อลงไปคลุกคลีอย่างแท้จริง
โจทย์เหล่านี้ก็ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป

""""""""""""""""""""""""""""""""



เรียบ ๆ ง่าย ๆ


อย่ามองสิ่งต่าง ๆ ด้วยแว่นสีที่ซับซ้อน
เพราะในโลกนี้มีเพียงสิ่งสามัญที่เรียบง่าย
สำหรับคนที่สงบนิ่งเพียงพอเท่านั้น
จึงจะแก้โจทย์และปัญหาต่าง ๆ
ด้วยกลวิธีที่เรียบ ๆ ง่าย ๆ
ไม่ซับซ้อนและตรงจุดได้อย่างเพียงพอ

""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""

ใจถึงใจ

บนหนทางไปสู่ความสำเร็จ
บนหนทางของการสร้างสรรค์สิ่งใหม่
มีเพียงคนที่เข้าใจในสภาพจิตใจของคนทำงานเท่านั้น
จึงจะสามารถนำทีมงานไปสู่เป้าหมายได้
อย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน








Friends' blogs
[Add คนเดินดินฯ's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.