รัฐสวัสดิการ ของเนเธอร์แลนด์ อีกครั้ง











พอดี มีคนถามเกี่ยวกับระบบรัฐสวัสดิการ ในต่างประเทศ ที่เวบพันทิพย์ จริงๆ เคยตอบไว้หลายครั้ง


แล้ว เลยเอามาลงที่นี่ด้วย ใครถามอีก ก้อ จะก๊อปไปตอบอีก ฮ่าๆๆ

จากฮอลแลนด์ค่ะ

-ทั้งด้านการแพทย์ของเขามีประสิทธิ์ภาพดีกว่าไทยมากน้อยแค่ไหน การเข้าถึงการบริการด้าสุขภาพ

รวมไปถึงค่าใช้จ่าย

ตอบเรื่องการเข้าถึงการบริการก่อนนะคะ จริงๆเคยตอบไปหลายครั้งแล้วเวลามีคนถามเรื่องนี้ วันนี้จะ

ทำสำเนาไว้ดีกว่า อิๆ

ทุกคน ต้องมีประกันสุขภาพขั้นพื้นฐาน อันนี้เป็นกฎหมายเลย แต่ มีกาลงทะเบียนตามทะเบียนบ้านที่

อาศัยอยู่จริง เพื่อเป็นการควบคุมจำนวนคนไข้ ต่อจำนวนเจ้าหน้าที่ และเพื่อสะดวกในการคัดกรอง

คนไข้ จึงมีการทำระบบนัด เพื่อสะดวกทั้งคนไข้และเจ้าหน้าที่ ไม่ต้องมานั่งรอนาน ซึ่งตรงนี้เรียกว่า 

หมอประจำบ้าน ส่วนการคัดการคัดกรองก้อเริ่มตั้งแต่ การโทรนัด จะสอบถามอาการ อย่างละเอียด 

และเริ่มจาก อาการทั่วๆไปเช่นมีไข้ ถ้าไม่สูงเกิน สี่สิบองศา ไม่มีอาการอื่นร่วมด้วยเช่นอาเจียนเวียน

หัว ก้อจะได้รับการแนะนำ ให้กินพารา นอนพักผ่อน ดื่มน้ำเยอะๆ เป็นต้น

หลังจากมาพบหมอบ้านหากพบว่า ต้องมีการให้ยา ก้อจะได้รับกระดาษ หนึ่งแผ่นไปยื่นรับยาที่ร้าน

ยา ซึ่งอยู่คนละที่ กับหมอบ้าน ส่วนหากว่า มีการรักษาที่ ต้องทำที่โรงพยาบาล ก้อจะได้ใบส่งตัว อีก

ทีนึงการใช้บริการตรงจุดนี้ มีค่าใช้จ่ายเริ่มต้น เรียกว่า ความเสี่ยงของตนเอง (ไม่รู้จะแปลยังไงใน

ภาษาไทย เลยแปลมันตรงๆนี่ล่ะ) จะถูกเรียกเก็บ คนละ385 ยูโร ต่อปี และจะเรียกจ่ายต่อเมื่อมีการ

รักษาหรือใช้บริการเท่านนั้น นั่นก้อหมายความว่า

- ในหนึ่งปี ต้องจ่าย 100 ยูโร ต่อเดือน เป็นค่า ประกันสุขภาพขั้นพื้นฐาน

-ค่า ความเสี่ยงของตนเอง ในการรักษา 385 ต่อปี ถ้าไม่ป่วย ส่วนนี้ก้อไม่ต้องจ่าย กรณีไปพบ

แพทย์ เพื่อตรวจไม่มีค่ารักษา หากป่วยฉุกเฉินอยู่บ้านจำเป็นต้องเรียนรถพยาบาล หรือ

เฮลิคอปเตอร์ ตรงนี้มีค่าใช้จ่าย แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นถ้าป่วยแล้วมีค่ารักษา มากกว่า 385 ยูโร ส่วนที่เกินเรา

ก้อไม่ต้องจ่าย 

สรุป ในหนึ่งปี คนดัชต์ จ่ายค่าประกันสุขภาพ ขั้นพื้นฐาน คนละ 1200+(385) ต่อปี = 60,230 bath ,
1 euro=38 ส่วนคนที่ ซื้อประกัน เพิ่มเติมเพื่อครอบคลุม การทำฟัน หรือ กายภาพบำบัดก้อสามารถ

ทำได้ เด็ก ได้สิทธิ์ รักษาฟรี ตามพ่อแม่ จนถึง 18 ปี แต่จัดฟัน ต้องทำประกันเพิ่มเอง ส่วนเรื่องการ

ใช้ประกันในต่างประเทศนั้น แค่มีประกันขั้นพื้นฐาน ทุกคนก้อสามารถใช้สิทธิ์นี้ในการเคลมค่ารักษา

ในต่างแดน อันนี้สามีก้อใช้มาแล้ว มาป่วยที่ไทยค่ะ สามคืน หมดไป แสนห้า ที่โรงพยาบาลเปาโล 

ประกันจ่ายทุกเม็ด แถมประกันการเดินทางจ่ายค่าตั๋วเครื่องบินให้ สามคนพ่อแม่ลูก ด้วยสายการบิน

เดิม klm

คนที่ทำงานในหน่วยงานของรัฐ เช่นโรงพยาบาล หรือ มหาวิทยาลัย จะมีประกันพิเศษ สำหรับคน

กลุ่มนี้ จ่ายค่าประกันถูกว่าชาวบ้านถึงจะเป็นประกัน ซื้อเพิ่มก้อยังถือว่าถูกกว่า เป็นเป็นสวัสดิการ ให้

อีกอย่างนึงส่วนเรื่องคุณภาพ ที่แน่ๆ เขาใช้เทคโนโลยี ขั้นสูงกว่าบ้านเรา รวมทั้งเครื่องไม้เครื่อง

มือ ก้อทันสมัยกว่ามาก และทุกคน มีสิทธิ์ ใช้ระบบการรักษาแบบเดียวกัน เพราะเป็นการรักษาภาย

ใต้ ประกันสุขภาพ จึงไม่มีโรงพยาบาลแบ่งแยกเหมือนบ้านเรา ว่าโรงพยาบาลรัฐ สำหรับคนจน โรง

พยาบาลเอกชน สำหรับคนรวย ใครจะจ่ายประกันแบบไหนๆ ก้อเข้าโรงพยาบาลเดียวกัน หมอคน

เดียวกันได้ รับการรักษาเท่าเทียมกันเพราะฉะนั้น ช่องว่างเรื่องการรักษาพยาบาลระหว่างคนจน คน

โคตรจน คน รวย คนโคตรรวย ลูกเจ้าขุนมูลนาย อยู่ในระบบเดียวกันหมดการคัดกรองคนไข้ นั้นมี

ความสำคัญมาก เพราะเป้นการ ลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นได้มาก และทำให้ประชาชนมีความรู้เบื้องต้น

ในการดูแลสุขภาพเพราะ ไอ้โรค ไข้ โรค หวัด ท้องเสีย เวียนหัว อะไรเทือกนี้ หาก เรารู้จักดูแลตัว

เอง เวลามีอาการ ก้อแค่ กินพารา นอนพัก เดี๋ยวก้อหาย แต่คนไทยยังติด ยาแรงๆ หายเร็วๆ ไปหา

หมอ ต้องได้ยา ยาฉีดยิ่งดี ยาดี ต้องของนอก ซึ่งบางครั้งมันไม่จำเป็นเลย

ประเทศเนเธอร์แลนด์ เป็นประเทศ หลัก ในการรณรงค์ การลดการใช้ยาแก้อักเสบ จะใช้กรณีจำเป็น

เท่านั้น การรอคิว นาน ที่นี่ก้อมีค่ะ แต่ ก้อดูตามอาการ หากเรา มีความจำเป็นเร่งด่วน ก้อ ต้องพูด

ต้องคุยกับเจ้าหน้าที่ หรือ คุยกับประกันให้หาโรงพยาบาลอื่นที่คิวเร็วกว่านี้ ซึ่งตรงนี้ต้องดูว่าบริษัท

ประกันที่เราทำ มีสิทธิ์ ให้เราเลือกโรงพยาบาลได้เองหรือไม่ คนที่นี่ มีอะไรพูด และถามได้หมด 

หมอไม่ใช่เทวดา ที่เราต้องฟังแล้วเชื่อหากเราไม่เห็น

ด้วย เราก้อ ต้องเปิดปาก ขอยกตัวอย่างอีกเรื่อง สามี เรา มีเท้าขนาดไม่ปกติเหมือนคนทั่วไป และ

ไม่สามารถซื้อรองเท้า ได้ตามร้านทั่วไปต้องสั่งตัดเท่านั้นและต้องร้านที่มีผู้เฉพาะทางด้านนี้เท่าน

นั้นไม่ใช่แค่วัดขนาดแล้วตัด สั่งตัดได้ ปีละ สามคู่ ราคาคู่ละ 1386 ยูโร= 52,668 บาท ประกัน

สุขภาพจ่าย ให้ คู่ละ1250เราจ่ายเอง 136 ยูโร อันนี้ไม่ได้รวมอยู่ใน ความเสี่ยงของตนเอง 


สามีตัดทุกๆสองปี ทั้งรองเท้าธรรมดา รองเท้าทำงานรองเท้า เดินเล่น รองเท้ากีฬาแล้วเชื่อไหมว่า 

รองเท้าที่







สั่งตัด ตัดที่ประเทศโปรตุเกส คือ เราทึ่งมากนะ เขาใส่ใจทุกรายละเอียด คือ เท้าสามีก้อใช่ว่าจะผิด

แปลก จนถึงขึ้นพิการ ก้อแค่ ความยาวและความกว้าง เท้า ไม่ได้มาตรฐานเหมือนเท้าคนทั่วไป และ 

ทำให้น้ำหนักกดทับที่รองเท้า ไม่คงที่ แค่นั้นเอง แต่เขาดูแลใส่ใจ ดีเยี่ยม อ้อ แล้วยังมีอีก สามีเป็น

ต้อกระจก ผ่าตัดใส่เลนส์ตา ชนิดพิเศษ ทำมาสองครั้งแล้ว ทุกวันนี้ มองเห็นชัดเจนแจ่มแจ๋ว ก้อ

ประกันจ่ายแล้วยังรับยาทุกเดือน เพราะมีโรคประจำตัว คือ เบาหวาน ความดัน แต่ ตอนนี้รับยา

น้อยลงเพราะ ลดความอ้วนได้ ทุกอย่างอยู่ในการควบคุม คิดดูแล้วกันว่า คุ้มแค่ไหน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น 

เราต้องรู้จริงว่าสิทธิ์ เราได้อะไรบ้างแล้ว ใช้สิทธิ์นั้นให้เต็มที่ ใช่ว่าฝรั่งดัขต์ จะรู้ข้อนี้กันทุกคน

ตอนสามีไปร้านเลนส์ มีใบเรียกเก็บเงินมาตามหลัง ยืนยันว่า เคลมประกันไม่ได้ สามี

โทรคุยกับบริษัทประกัน ยืนยันว่าฉันอ่านแล้ว ในระบบประกันพื้นฐาน ฉันไม่สามารถใช้เลนส์ธรรมดา

แก้ปัญหาสายตาได้ เพราะฉะนั้นอันนี้เป็นข้อยกเว้นที่ หมอยืนยันว่าฉันต้องใช้เลนส์ชนิดพิเศษเท่านั้น

และประกันต้องจ่าย สรุป เคลมประกันได้นี่แหละเป็นอีกสาเหตุที่ สามีไม่อยากมาอยู่ไทยถาวร

-การศึกษาแต่ละที่เขาให้เรียนฟรีเหมือนที่เมืองไทยหรือเปล่า ทำไมฝรั่งหรือแม้กระทั้งคนญี่ปุ่นดูเขา

เก่งกว่าเรา

ที่นี่ เด็กๆเรียนฟรีถึง 18 ปีค่ะ แต่ระดับมัธยม ก้อเริ่มมี ค่าอุปกรณ์การเรียนบ้าง

หนังสือบ้าง ระดับ วิชาชีพ จนถึงมหาวิทยาลัย เมื่อก่อนฟรี ตอนนี้ กู้ยืมค่ะ เหมือน กยส. บ้าน

เรามั้ง แต่เมื่อก่อนจะมีให้ยืมค่าใช้จ่าย ในแต่ละเดือนได้ด้วย เช่นค่าหอพัก ค่ากินอยู่ ค่าเดินทาง แต่

ก้อไม่ใช่ เยอะมากมายคนที่นี่จึงมักจะทำงานด้วยเรียนด้วยยกเว้นพ่อแม่จ่ายให้ ตอนนี้ กำลังมี

พรรคการเมืองเรียกร้องให้กลับมา เพราะถูกตัดลดงบประมาณไปช่วงเศรษฐกิจ ถดถอย

ระบบการศึกษาที่นี่ ระดับประถม บอกเลย เรียนต่างจากไทยมาก เด็กๆ ไม่มีความเครียด เน้นเล่น

เรียน สัมผัส คิด ด้วยตัวเอง การแสดงความคิดเห็น การรับฟังคนอื่น ได้รับการปลูกฝัง อย่างเข้มข้น 

ทุกวันนี้สอนการบ้านลูกไม่ได้เลย โดยเฉพาะ คณิตศาสตร์ ระบบคิดคำนวณ เขาไม่เหมือนบ้านเรา 

สอนลูกแล้ว ยิ่งงง เข้าไปใหญ่

-ทำไมเขาบริหารจัดการสิ่งเเวดล้อมได้ดีมาก ระบบการคมนาคม ไฟฟ้า การจัดการ

ขยะ หลายๆอย่างดูสะอาดสะอ้านเป็นระเบียบกว่าบ้านเรา ขอนอกเรื่องน้ำประปาบางที่สะอาดมาก

ขนาดดื่มได้จริงๆหรอที่นี่ ให้ความสำคัญเรื่องสิ่งแวดล้อมมากๆ ไม่ใช่แค่เรื่องทำเอาหน้า หรือผักชี

โรยหน้า และเขาทำได้ดีจริงๆ เชื่อไหมว่ามีการสร้างสะพานให้ หนอน ลอดข้ามทางรถ

วิ่งมูลค่าเป็นล้าน ยังมีเลย หรือทางเดินข้ามถนนให้กระรอก โอยอีกเยอะแยะ ตรงที่เป็น สวน

สาธารณะ หรืออุทธยานแห่งชาติไม่มี โรงแรมดังๆหรูๆ หรือ แหล่งเสริมการท่องเที่ยวใดๆ เน้น คงไว้

ซึ่ง ธรรมชาติ และเขา ปลูกฝังกันตั้งแต่อนุบาลค่ะ รวมทั้งครอบครัว ก้อให้มีส่วน ช่วยกัน คาดว่าอีก 

ไม่เกิน สามสิบห้าปี เนเธอร์แลนด์ จะจัดการขยะได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ในการ รีไซเคิลทุกขยะให้นำกลับ

มาใช้ใหม่ได้น้ำประปาหลายประเทศในยุโรปดื่มได้จริงค่ะ

ถามว่าทำไมเขาจัดการเรื่องระบบสิ่งแวดล้อมได้ดีกว่าเรา ตามความเห็นส่วนตัวมองว่า

-การปลูกฝังตั้งแต่เด็ก ทุกสถาบันให้ความสำคัญ แน่นอน สถาบันครอบครัวสำคัญมาก

ให้เด็กๆได้คลุกคลีและใกล้ชิดธรรมชาติ

-การที่หน่วยงานรัฐ เข้มงวดและจริงจังกับภาคเอกชน โดยเฉพาะ บริษัท ที่มีผลต่อ

สภาพแวดล้อม

-เเละเรื่องอื่นๆ คัยมีประสบการณ์อะไรก็มาแชร์กันได้นะ งดดราม่านี่เป็นแค่ความเห็น

ส่วนตัว

เรื่องอื่นๆ ก้อคงเป็นเพราะ ไม่มีการรวมอำนาจ ของภาครัฐ กับเอกชน เข้าด้วยกัน เช่น บริษัทใหญ่

บริจาคเงิน เข้ากองทุนภาครัฐ และจากนั้นภาครัฐออกใบอนุญาติ สร้างโรงแรมในอุทธยานแห่งชาติ 

อะไรเือกนี้เป็นต้นอันนี้ไม่ได้ดราม่านะ แต่คอรัปชั่นมันมีทุกที่แหละ แต่ ถ้าตรวจสอบ แล้วเงียบหาย

ลงรู หรือ ตะแบง มาบอกว่า ถูกกฎหมาย มันก้อเป้นเช่นนี้แล เอวัง

อ้อ มีอีก เรื่องสวัสดิการ คนเร่ร่อน คือ คนเร่ร่อนเราว่ามันก้อมีทุกที่ล่ะนะ แต่เคยเห็น ที่อเมริกา เขา

จะมีหน่วยงานเอกชน หรือมูลนิธิ ที่คอยให้ความช่วยเหลือ คนกลุ่มนี้ แต่ที่เนเธอร์แลนด์ เป็นอีก

แบบ นั่นคือ คนเร่ร่อน ที่ลงทะเบียนไว้ ต้องเป็นคนเร่ร่อนที่อยู่ในระบบประชากรของประเทศนะ ก้อ

จะได้รับเงินช่วยเหลือจากรัฐในแต่ละเดือน คิดเป็นเงินไทย เกือบหมื่นสอง จริงๆ ค่าเงินบาท 

แล้วก้อจะมีจุด ให้ซักผ้ารีดผ้า หยอดเหรีญนะคะ มี

จุดให้นอน และกินอาหาร แต่ตอนกลางวัน เขาก้อจะออกไปอยู่ข้างนอกกัน บางคนก้อนอนข้างนอก

ไปเลย เมื่อเร็วๆนี้ มีข่าว คนเร่ร่อน ขับรถสปอร์ต นะคะ เขาได้ รับเงิน ช่วยเหลือทุกเดือน แทบไม่

ต้องจ่ายอะไร ฮ่าๆ คนเอาข่าวนี้มาเผยแพร่ ตอนนี้ถูกตัดออกจากระบบคนเร่ร่อนไปแล้ว 

เหอๆ

ยอมรับว่าสนใจ เรื่องระบบสวัสดิการ ของต่างประเทศค่ะ อยากรู้ความแตกต่างของบ้านเรากับบ้าน

เขา 

 อ้อ นึกได้อีกอย่าง จะบอกว่า เงินบำนาญ นั้น จะมีสองส่วน

  ส่วนแรก คือ เงินบำนาญ จากรัฐ  หรือ เงินคนแก่ บ้านเราน่ะ ใคร อายุครบ ก้อรับได้ทุกคน อันนี้ไม่

จำเป็นว่าเราจะทำงานหรือไม่ แต่ ต้องนับอายุ คือ คนที่ มาอาศัยอยู่ในประเทศนี้ ตั้งแต่อายุ น้อยกว่า 
 18 ปี จะได้เงินบำนาญก้อนนี้เต็มจำนวน คนที่มาอยู่หลังจากนี้ ก้อ จะถูกหักลดลงตามอัตราส่วน ซึ่ง

แน่นอน เราได้ ครึ่งเดียว ฮ่าๆ แต่ก้อยังดี กว่าไม่ได้ แล้ว หาก เราได้บำนาญแล้วยังอาศัยอยู่ที่นี่ต่อ 

แต่รายได้น้อยเราก้อจะเข้าสู่ระบบเงินช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยต่อไปพูดง่ายๆก้อคือ ถึง ณ ที่สุด เรา

มีรายได้น้อย กว่า เกณฑ์ เราก้อมีสิทธิ์ ได้รับเงินช่วยเหลือเพิ่มเติม จนทำให้อย่างน้อยเราก้อใช้ชีวิต

ได้เหมือนคนทั่วไป 

ส่วนที่สองเป็นเงินบำนาญที่ถูกหักไว้ จาการทำงาน ส่วนนี้ ถือเป็นเงินออมของแต่ละคนก้อว่าได้ ใคร

จ่ายไว้มากก้อจะได้รับมาก แต่เงินส่วนนี้แหละ ที่จะถูกยกให้เมียที่แต่งงานกัน กรณี หย่า หรือ ตาย

จากกัน แต่เงินบำนาญ ส่วนแรก ถูกตัดหายไป ไม่มีการจ่ายต่อ 

บางโครงการ เช่น บัตรสามสิบบาท นี่ ก้อ น่าจะลอกมาจากต่างประเทศ แต่บ้านเราตัวแปรมันเยอะ 

มาทำแบบบ้านเขาเต็มๆคงไม่ได้ ไม่งั้น โรงพยาบาล เอกชน และคลีนิค คงแย่ แต่ที่แน่ๆ เราว่ามันน่า

จะมีการจำกัดจำนวนโรงพยาบาลและ ควบคุมคุณภาพมาตรฐานจะดีกว่า 

หาอ่านเองบ้าง ถามสามีบ้าง ประสบการณ์

ตรงบ้าง เพราะหลังจากสามีเกษียณ รายได้เราก้อลดลง ไปเยอะ แต่เราก้อยังดี ที่ได้ เงินสนับสนุน 

กรณี สามีเกษียณ แล้ว ภรรยารายได้น้อย เช่นเราเป็นต้น เราเลยได้ เงิน ช่วยเหลือ ในส่วนที่สามีได้

ไม่เต็มจำนวนเงินบำนาญ เพราะเขาไปอยู่ต่างประเทศมานานและขาดการจ่าย ภาษี ทางนี้ไป สองปี 

โดนหักไป แต่ ในแต่ละส่วนก้อมีรายละเอียด ปลีกย่อย อีกเยอะ พูดกันสามวันก้อไม่จบ ระบบ

ภาษีและเงิน รัฐสวัสดิการ มีความสลับซับซ้อน มาก แต่ก้อไม่ยากที่จะหาข้อมูล หลังสามี เสียชีวิต 

ได้อะไรอีกบ้าง อินี่ก้อ หาไว้หมดแล้ว ฮ่าๆ เอ้า มันก้อต้องมีบ้างนะ ใครจะอยู่ค้ำฟ้า นิ สามีก้อเข้าใจ 

เขาก้อ ช่วยดู และบอกว่าต้องได้อะไรบ้าง ไม่มากหรอก และ เราก้อ ไม่ได้คาดหวังอะไร รุ้สึกว่า 

ชีวิต มัน มาถึงนี้ ก้อ ที่สุดแล้ว ทุกวันนี้ ครอบครัวมีความสุขมีเวลาให้กัน เงินไม่ใช่ สิ่งสำคัญเสมอไป 
แต่ก้อขาดไม่  

จริงๆแล้ว มันเป็นเรื่องจริงที่เราควรจะรู้ว่าเรามีสิทธิ์อะไรบ้าง แต่ไม่ได้หมายความว่า จะตั้งหน้าตั้งตา 

ใช้สิทธิ์ จนขี้เกียจทำมาหากิน เพราะคนแก่ อายุเกษียณ นั่นแหละที่จะได้เงินยังชีพ ไปจนกว่าจะลา

จากโลกไป แต่ใครที่ยังไม่เกษียณ แล้วตกงาน หากว่า เงินช่วยหลังตกงานหมดก้อลำบากนะถ้ายัง

ไม่มีงานทำ เขาก้อไม่มานั่งจ่ายเงินช่วยเหลือ ไปตลอดหรอก 

จริงๆ เรื่องเงินช่วยเหลือยังมีอีก หลายกรณี คงพูดตรงนี้ในราย

ละเอียดไม่หมด เช่น บางคนที่ ได้เงิน พิเศษ จาก การป่วย จนทำให้ไม่สามารถทำงานเลี้ยงชีพได้ 

ก้อจะได้เงินเดือนจากรัฐ แต่ตอนนี้ เคสแบบนี้ ยากขึ้น เพราะ รัฐก้อเงินน้อยลง  


อนาคต ยังไม่รู้ ว่าจะเป็นยังไง ทำวันนี้อยู่กับวันนี้ให้ดีที่สุด ก้อพอ ยังไม่อยากใช้สิทธิ์อะไรทั้งนั้น สู้กันต่อไป




 

Create Date : 24 ตุลาคม 2559
0 comments
Last Update : 25 ตุลาคม 2559 14:46:03 น.
Counter : 6823 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 


Ikbenvrij52
Location :
กรุงเทพฯ Netherlands

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 40 คน [?]




บล็อคนี้เป็นบลอคคนบ้า อาการก่อนเป็นบ้า ถูกกระทบกระเทือนทางใจอย่างรุนแรง ไม่ได้เป็นง่ายๆนะ กรุณาอย่าถือสา เพราะยังหายาที่ควบคุมอาการไม่ได้

เขียนบลอคเพื่อระบายตัณหา อารมณ์รัก,โลภ,โกรธ, หลง ของตัวเอง บางอารมณ์
ก็ไร้สาระ เนื้อหาส่วนใหญ่เขียนเกี่ยวกับครอบครัว และสังคมบ้าง กับเรื่องของการเมือง บ้าง ไรบ้าง

ที่เกลียดที่สุดคือ ความไม่ยุติธรรม และการดูถูกคน
ไม่ชอบอย่างมากคือ ละครน้ำเน่าบ้านเรา ประเภทตบตี แย่งผัวชาวบ้านแล้วก็ไอ้ที่พระเอกปัญญาอ่อนนางเอกเจ้าน้ำตาอะไรประมาณนั้น แต่ชอบดู ตลกที่ไม่ลามกมากกว่าแล้วก็พวกหนังมดเอ๊กมดแดง ซุปเปอร์ฮีโร่ทั้งหลายอิๆๆ อ้อ อีกอย่าง ไม่ชอบคำสบถหยาบๆด้วย

เคารพสิทธิส่วนบุคคลเท่ากับสิทธิส่วนตนค่ะ
ทุกวันนี้บ้าเขียนมากกว่าอ่าน มาใหม่ๆอ่านมากกว่าเขียน ตอนนี้รู้สึกว่าการเขียนช่วยให้ระบายความรู้สึกนึกคิดออกมา ดีกว่าไประบายใส่คนอื่น อาจมีผิดถูกในสายตาคนอื่นบ้างแต่ มันคือ ตัวตนของฉัน

ขอบคุณเพื่อนๆที่แวะมา ใครที่ทิ้งคอมเมนท์ไว้ก็ขอบคุณมากค่ะ แต่คงไม่ได้ตามไปทักทายทุกครั้ง วันไหนมีเวลา ถึงจะได้แวะไป เพราะเวลาส่วนใหญ่คือให้ครอบครัว ค่ะ ถึงเป็นคนไม่ค่อยมีเพื่อน แต่ถ้ามีแล้วไม่เคยทำร้าย หรือทรยศ เพื่อน

ปล.ใครที่เม้นท์แล้วมีผลกระทบทางใจขั้นรุนแรงแก่จบข. จะลบทิ้งทันทีและอาจมีการ ตามไปเมนท์ตอบหรือไม่ก็นัดเจอหลังวัดอิๆๆเพื่อพูดคุยแลกเปลี่ยนกันจ้า


Weersverwachting
Scheemda
Meer weer in Scheemda
Group Blog
 
<<
ตุลาคม 2559
 
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
 
24 ตุลาคม 2559
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add Ikbenvrij52's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend


 
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.