Group Blog
มกราคม 2555

1
4
6
7
9
10
11
12
13
14
15
16
19
24
25
26
27
29
31
 
 
All Blog
พระอรหันต์หญิง
พระวิมลาเถรี

พระเถรีรูปนี้ ได้บำเพ็ญบารมีสั่งสมกุศลซึ่งเป็นอุปนิสัยแห่งการบรรลุ
นิพพานไว้มากในภพก่อนๆ เช่นกัน สมัยพุทธกาลนี้เกิดเป็นธิดาของหญิงชาวเมือง
เวสาลี มีจิตปฏิพัทธ์พระมหาโมคคัลลานะอัครสาวกเบื้องซ้าย ภายหลังพระเถระ
ให้โอวาทแก่นางโดยชี้แจงถึงอสุภกัมมัฏฐานเป็นข้อสำคัญ ได้เกิดศรัทธาใน
พระศาสนาและขอบวชในสำนักของภิกษุณี เพียรพยายามอยู่ไม่นานก็สำเร็จเป็น
พระอรหันต์ ได้พิจารณาการปฏิบัติของตนแล้วเปล่งอุทานว่า..

“ข้าพเจ้าเป็นผู้เมาวรรณะ รูปสมบัติ ความสวยงาม บริวารสมบัติ
และมีจิตกระด้างด้วยความเป็นสาว ดูหมิ่นหญิงอื่น ข้าพเจ้าประดับ
ร่างกายนี้ให้วิจิตรงดงามสำหรับลวงผู้ชายโง่ๆ ได้ยืนอยู่ที่ประตูเรือน
หญิงแพศยา ดุจนายพรานที่คอยดักเนื้อฉะนั้น ข้าพเจ้าแสดงเครื่อง
ประดับต่างๆ และอวัยวะที่ควรปกปิดเป็นอันมากให้ปรากฏ กระทำ
มายาหลายอย่างให้ชายเป็นอันมากยินดี วันนี้ข้าพเจ้านั้นมีศรีษะโล้น
(บวชแล้ว) ห่มผ้าสังฆาฏิเที่ยวบิณฑบาตแล้ว มานั่งอยู่โคนต้นไม้
ได้บรรลุฌานอันไม่มีวิตก ข้าพเจ้าตัดเครื่องเกาะเกี่ยวทั้งที่เป็นของ
ทิพย์ และทั้งที่เป็นของมนุษย์ได้ทั้งหมด ทำอาสวะทั้งปวงให้สิ้นไป
มีความเย็น ดับสนิทแล้ว.”




Create Date : 05 มกราคม 2555
Last Update : 5 มกราคม 2555 23:49:36 น.
Counter : 454 Pageviews.

9 comments
  
พระอโนปมาเถรี

พระเถรีรูปนี้ ได้บำเพ็ญบารมีสร้างสมกุศลซึ่งเป็นอุปนิสัยแห่งการบรรลุ
นิพพานไว้มากในภพก่อนๆ สมัยพุทธกาลเกิดเป็นธิดาของเศรษฐีชื่อเมฆีใน
นครสาเกต ความสวยของเธอเป็นที่หมายปองของชายเป็นอันมาก
หลังจากได้ฟังพระธรรมเทศนาของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้ว ทูลขอบวช
เป็นภิกษุณีได้ไม่นานก็สำเร็จเป็นพระอรหันต์ หลังจากได้พิจารณาการปฏิบัติของตน
แล้วกล่าวอุทานว่า..

“ ข้าพเจ้าเกิดในตระกูลสูง ที่มีสิ่งของเครื่องปลื้มใจมาก มีทรัพย์มาก
สมบูรณ์ด้วยผิวพรรณสัณฐานและรูป เป็นธิดาของเมฆีเศรษฐี เป็นผู้อัน
พระราชบุตรปรารถนา อันพวกบุตรเศรษฐีหมายปองกัน อิสรชนมีพระราชกุมาร
เป็นต้น พากันส่งทูตไปขอต่อบิดาของข้าพเจ้าว่า จงให้อโนปมาแก่เรา อโนปมาธิดา
ของท่านนั้นมีค่าตัวเท่าใด เราจักให้เงินและทองเป็น ๘ เท่าของค่าตัวนั้น.
ข้าพเจ้าได้พบพระพุทธเจ้า ผู้ประเสริฐสุดในโลก ไม่มีผู้อื่นยิ่งไปกว่า ได้
ถวายบังคมพระยุคลบาทของพระองค์ เข้าไปเฝ้า นั่ง ณ ที่ควรส่วนหนึ่ง.
พระโคดมพระองค์นั้น ทรงแสดงธรรมโปรดข้าพเจ้า ด้วยพระกรุณา
อนุเคราะห์ ข้าพเจ้านั่งอยู่ ณ อาสนะนั้น ก็บรรลุผลที่ ๓ ( อนาคามิผล )
ครั้นแล้ว ก็โกนผมบวชไม่มีเรือน นับตั้งแต่ตัณหาอันข้าพเจ้าทำให้เหือดแห้งแล้ว
ถึงวันนี้ ก็นับเป็นราตรีที่ครบ ๗ ”

โดย: ใบไม้เบาหวิว วันที่: 5 มกราคม 2555 เวลา:23:56:14 น.
  
พระสามาเถรี

อดีตชาติได้บำเพ็ญบุญไว้มากในพระพุทธเจ้าองค์ก่อนๆ เพื่อบรรลุอริยผล
เช่นกัน ในสมัยพระสัมมาสัมพุทธเจ้าองค์ปัจจุบันนี้ ถือกำเนิดเป็นธิดาในตระกูล
คฤหบดีมหาศาลในกรุงโกสัมพี มีชื่อว่า สามา. นางสามานั้นรู้เดียงสาแล้ว ได้เป็น
เพื่อนรักของอุบาสิกาสามาวดี เมื่ออุบาสิกาสามาวดีเสียชีวิตเกิดความสังเวช
จึงได้ออกบวชในสำนักของภิกษุณี
ครั้นบวชแล้วไม่อาจบรรเทาความโศกที่เกิดขึ้น เพราะนึกถึงอุบาสิกา
สามาวดี จึงไม่อาจบรรลุอริยมรรคได้ กาลต่อมาเธอได้ฟังโอวาทของพระอานนท์
เถระ จึงได้เริ่มตั้งวิปัสสนากรรมฐานจนได้บรรลุพระอรหัตพร้อมด้วยปฏิสัมภิทา
ทั้งหลาย นับแต่วันนั้นมา ๗ วัน
ครั้นบรรลุพระอรหัตแล้ว พิจารณาการปฏิบัติของตน เมื่อประกาศการ
ปฏิบัตินั้น ได้กล่าวคาถาสองคาถาเป็นอุทานว่า..

“เราทำใจให้อยู่ในอำนาจไม่ได้ จึงไม่ได้ความสงบใจ
ต้องเข้าออกจากวิหาร ๔ ครั้ง ๕ ครั้ง เรานั้นถอนตัณหาขึ้น
แล้วในวันที่ ๘ จากวันที่ได้รับโอวาทของพระอานนท์เถระ เรา
อันความทุกข์เป็นอันมากถูกต้องแล้ว ยินดีแล้วในความไม่
ประมาท บรรลุความสิ้นตัณหาแล้ว ได้ปฏิบัติคำสอนของ
พระพุทธเจ้าแล้ว.”

โดย: ใบไม้เบาหวิว วันที่: 5 มกราคม 2555 เวลา:23:57:18 น.
  
พระวาสิฏฐีเถรี

พระเถรีรูปนี้ ได้บำเพ็ญบารมีสั่งสมกุศลซึ่งเป็นอุปนิสัยแห่งการบรรลุ
นิพพานไว้มากในภพก่อนๆ เช่นกัน สมัยพุทธกาลนี้เกิดเป็นธิดาของตระกูลหนึ่ง
ในกรุงเวสาลี หลังจากมีสามีแล้วได้คลอดบุตรคนหนึ่ง แต่บุตรน้อยได้เสียชีวิต
ในวัยที่กำลังวิ่งเล่นได้ เธอจึงถูกความเศร้าโศกถึงบุตรบีบคั้นจนเสียสติ
เมื่อหมู่ญาติและสามีช่วยกันเยียวยาแก้ไข เธอได้หนีออกจากบ้านไปโดย
ที่คนเหล่านั้นไม่รู้ และได้พบกับพระศาสดาในระหว่างถนนเมืองมิถิลา หายเป็นบ้า
ด้วยพุทธานุภาพ พระพุทธองค์ได้แสดงธรรมแก่เธอโดยย่อ เกิดธรรมสังเวช
ทูลขอบวชกับพระศาสดาอยู่ในสำนักภิกษุณีทั้งหลาย บำเพ็ญเพียรไม่นานก็บรรลุ
เป็นพระอรหันต์ ภายหลังพิจารณาการปฏิบัติของตนแล้วกล่าวอุทานว่า...

“ข้าพเจ้าถูกความเศร้าโศกถึงบุตรบีบคั้น มีจิตฟุ้งซ่าน หมดความรู้สึก
เปลือยกาย สยายผม เที่ยวซมซานไปตามที่ต่าง ๆ
ข้าพเจ้าได้เที่ยวไปในถนน กองหยากเยื่อ ในป่าช้า ในตรอกใหญ่
ตรอกน้อย อดๆ อยากๆ ตลอดสามปี ภายหลังได้พบพระสุคตผู้ฝึกบุคคลที่
ยังไม่ได้ฝึก ตรัสรู้ด้วยพระองค์เอง หาภัยแต่ที่ไหนมิได้ กำลังเสด็จไปสู่กรุงมิถิลา
กลับได้สติแล้วเข้าไปถวายบังคม
พระโคดมพระองค์นั้น ทรงแสดงธรรมโปรดข้าพเจ้าด้วยพระกรุณา
ข้าพเจ้าฟังธรรมของพระองค์แล้วออกบวชไม่มีเรือน เพียรพยายามในคำสอนของ
พระศาสดา ได้ทำให้แจ้งซึ่งบทธรรมอันรุ่งเรืองเกษม
ข้าพเจ้าถอนและละความโศกอันมีพระอรหัตเป็นที่สุดได้หมดแล้ว
เพราะข้าพเจ้ากำหนดรู้วัตถุที่ตั้งเหตุเกิดแห่งความโศกทั้งหลายได้.”

โดย: ใบไม้เบาหวิว วันที่: 5 มกราคม 2555 เวลา:23:58:22 น.
  
พระนางอุบลวรรณา

ผู้เป็นอัครสาวิกาฝ่ายซ้ายของพระพุทธเจ้า เป็นเลิศกว่าภิกษุณีทั้งหลายทางด้านอิทธิฤทธิ์

คราวหนึ่งขณะที่ท่านพระนางอุบลวรรณา อรหันตเถรีเจ้า ได้เข้าไปนั่งพักกลางวันอยู่ในป่าไม้สาละ
ซึ่งมีดอกออกบานสะพรั่ง มารตนหนึ่งผ่านมาพบเข้า เกิดหวังจะทดลอง จึงเข้าไปหาท่านพลางกล่าวว่า

"ต้นสาละนี้ ออกดอกบานสะพรั่งเต็มยอด
เธอมานั่ง (ชมมัน) อยู่คนเดียวที่โคนต้น
(ในที่เปลี่ยวเช่นนี้) เธอไม่มีเพื่อนมาด้วยดอกหรือ
แม่สาวน้อย เธอไม่กลัวพวกนักเลงเลยหรือ"

พระนางเจ้าได้ตอบแก่มารจำแลงตนนั้นว่า

"แม้จะมีนักเลง มากันเป็นแสนคนอย่างที่ท่านมา
ก็จะไม่สามารถทำ แม้แต่เส้นขนของเราให้หวั่นไหวได้...
มาร ! แล้วท่านคนเดียวจะทำอะไรเราได้
เรา (มีฤทธิ์) หายตัวเข้าไปในท้องของท่านได้
อยู่หว่างคิ้วก็ได้ ท่านไม่มีทางทันเห็นเราหรอก เราบังคับ จิตได้
อิทธิบาท ๔ เราเจริญได้แล้ว อภิญญา ๖ เราทำให้แจ้งได้แล้ว
คำสอนของพระพุทธเจ้า เราทำตาม ได้หมดแล้ว
กามทั้งหลาย ที่เปรียบเสมือนหอกและหลาว
อันเป็นที่ตั้งให้ยึดมั่น ขันธ์ ๕ ซึ่งเธออยากได้
บัดนี้...เราก็ไม่ยินดีต่อมันแล้ว ความยินดีในกาม
ทั้งหมด เราละได้แล้ว ความมืดทั้งหมด เราทำลายได้แล้ว
รู้ไว้ด้วยนะ...มารผู้มีบาป เรากำลังข่มขู่ท่านอยู่"

มารตนนั้น... เมื่อได้ฟังดังนั้น ก็รู้ว่ามิอาจจะเอาชนะพระนางได้จึงได้หายตัวหนีไป

โดย: ใบไม้เบาหวิว วันที่: 9 มกราคม 2555 เวลา:11:37:05 น.
  
พระนางปฏาจารา
ผู้เป็นเลิศกว่าภิกษุณีทั้งหลายทางด้านทรงจำพระวินัย

พระนางปฏาจารา อรหันตเถรีเจ้า หลังจากที่ท่านได้บรรลุ
อรหันตผลแล้ว ได้พิจารณาถึงการปฏิบัติของตนเอง แล้วกล่าวขึ้นว่า

" คนทั้งหลายใช้ไถไถดิน
พลางหว่านเมล็ดพืชลงในพื้นดิน
ยังสามารถหาทรัพย์ มาเลี้ยงดูลูกเมียได้
เราคิดถึงตัวเองแล้วว่า เราไม่เกียจคร้าน
ไม่ฟุ้งซ่าน รักษาศีลได้ครบถ้วน
ปฏิบัติธรรมตามคำสอน
ของพระพุทธเจ้าอยู่เป็นนิตย์
ไฉนจึงยังบรรลุนิพพานไม่ได้เล่า"

แล้วท่านก็กล่าว ธรรมคาถาเสริมการปฏิบัติธรรมของท่านว่า.....

"วันหนี่ง เราล้างเท้า แล้วเห็นน้ำล้างเท้าไหลจากที่สูงลงต่ำ เพราะการเห็นครั้งนั้น
ช่วยให้เราข่มจิตให้สงบลงได้ง่ายขึ้น เหมือนนายสารถีผู้ฉลาดฝึกม้าอาชาไนยให้วิ่งได้ดี
โดยง่ายฉะนั้น

จากนั้น เราจึงถือประทีปไปในห้องที่พักอาศัยอยู่ มองดูเตียงนอน พลางขึ้นไปอยู่บน
เตียงนอนนั้น

ขณะนั้น เราได้หยิบเข็มมาเขี่ยไส้ประทีป จนเปลวไฟดับ แล้วทันใดนั้นเอง!
จิตของเราก็หลุดพ้นจากกิเลสโดยสิ้นเชิง เหมือนเปลวไฟดับ เพราะหมดไส้และน้ำมัน"

จากธรรมคาถาของพระนางนี้ ย่อมชี้แสดงให้เราเห็นถึงว่า เปลวไฟดับไป เพราะ
หมดเหตุปัจจัยให้ปรุงแต่ง กล่าวคือ ไม่ยึดมั่นถือมั่น คิดปรุงแต่งต่างๆ ด้วยอำนาจ
กิเลสอีกต่อไป

โดย: ใบไม้เบาหวิว วันที่: 9 มกราคม 2555 เวลา:11:37:54 น.
  
พระภัททากุณฑลาเถรี
ผู้เป็นเลิศกว่าภิกษุณีทั้งหลาย ทางด้านรู้แจ้งธรรมได้เร็ว

เมื่อก่อนเราต้องถอนผม อมขี้ฟัน
นุ่งห่มผ้าผืนเดียวเที่ยวไป
เราสำคัญในสิ่งที่ไม่มีโทษว่า มีโทษ
และเห็นสิ่งที่มีโทษว่า ไม่มีโทษ
ออกจากที่พักในกลางวัน ได้เห็นพระพุทธเจ้าผู้ปราศจากธุลี
มีพระภิกษุสงฆ์ห้อมล้อม ที่ภูเขาคิชฌกูฏ
จึงคุกเข่าลงถวายบังคมประนมอัญชลี
เฉพาะพระพักตร์ พระองค์ตรัสว่า มาเถิดนางภัททา
เท่านั้นเราก็เป็นอันได้อุปสมบทแล้ว

ต่อมาท่านได้บรรยายว่า

ข้าพเจ้าจาริกไปทั่วแคว้นอังคะ มคธะ กาสี โกสละ
บริโภคก้อนข้าวของชาวแคว้นมา ๕๐ ปี ไม่เป็นหนี้
[ไม่เป็นอิณบริโภค].

ท่านอุบาสกผู้ใด ได้ถวายจีวรแก่ข้าพเจ้าภัททา
ผู้พ้นจากกิเลสเครื่องร้อยรัดทุกอย่างแล้ว ท่านอุบาสก
ผู้นั้น"มีปัญญา" "ประสบบุญเป็นอันมาก"

โดย: ใบไม้เบาหวิว วันที่: 9 มกราคม 2555 เวลา:11:38:15 น.
  
พระวาสิฏฐีเถรี

ลูกชายของนางเกิดล้มป่วยลง และตายจากไปอย่างปัจจุบันทันด่วน
ทำให้นางเกิดความโศกเศร้าเสียใจ อาลัยอาวรณ์ต่อลูกน้อยเป็นอย่างมาก
จนไม่เป็นอันกินอันนอน นางไม่สามารถควบคุมสติของตนได้ กลายเป็นคนเสียสติในทันที

พวกญาติและสามีของนางได้ช่วยกันรักษาเยียวยา แต่ไม่ได้ผล
นางเดินร้องไห้กระเซอะกระเซิงออกจากบ้านไป โดยไม่มีใครรู้ว่า นางไปทางไหน
จนกระทั่งไปถึงเมืองมิถิลา ขณะนั้นเอง บุญเก่าที่นางได้สั่งสมไว้ดีแล้วตามมาให้ผล
นางได้พบพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

หลังจากที่พระวาสิฏฐีเถรี บรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์แล้ว
จึงได้กล่าวเถรีคาถาเหล่านี้ด้วยความเบิกบานใจว่า

ดิฉันถูกความโศกเศร้าถึงบุตรบีบคั้น มีจิตฟุ้งซ่าน เปลือยกายสยายผม เที่ยวซมซานร้องไห้ไปตามสถานที่ต่างๆ
เดินโซซัดโซเซไปตามถนน กองขยะ ในป่าช้า ในตรอกน้อยตรอกใหญ่ อดๆ อยากๆ อยู่ถึง ๓ ปี

พระผู้มีพระภาคเจ้า ผู้ทรงฝึกบุคคลที่ไม่มีใครเสมอเหมือน ตรัสรู้ด้วยพระองค์เองโดยชอบ หาภัยจากที่ไหนมิได้
กำลังเสด็จไปสู่เมืองมิถิลา ดิฉันกลับได้สติแล้ว เข้าไปถวายบังคมพระองค์
พระบรมศาสดาพระองค์นั้นได้ทรงแสดงธรรมโปรดดิฉันด้วยพระมหากรุณา เมื่อได้รับรสแห่งอมตธรรมจากพระองค์
แล้วจึงออกบวชเป็นบรรพชิต และบำเพ็ญเพียรตามคำสอนของพระบรมศาสดา ได้ทำให้แจ้งแล้วซึ่งบทธรรมอันรุ่งเรืองสุขเกษมสำราญ

ดิฉันได้ถอนความเศร้าโศก อันมีพระอรหัตผลเป็นที่สุด ได้หลุดพ้นแล้วจากทุกข์
เพราะดิฉันกำหนดรู้อุปาทานขันธ์ ๕ คลายความยึดมั่นถือมั่นในรูป เวทนา สัญญา สังขารและวิญญาณ
อันเป็นที่ตั้งและเหตุเกิดแห่งความเศร้าโศกทั้งหลายได้เด็ดขาดแล้ว
โดย: ใบไม้เบาหวิว วันที่: 9 มกราคม 2555 เวลา:11:38:41 น.
  
พระจาลาเถรี

พระเถรีแม้รูปนี้ได้บำเพ็ญบารมีมาในพระพุทธเจ้าพระองค์ก่อนๆ สะสมกุศลซึ่งเป็นอุปนิสัยแห่งพระนิพพานมาในภพนั้นๆ
ครั้นบวชแล้วก็พากเพียรพยายาม ไม่นานนักก็บรรลุพระอรหัต อยู่ด้วยพระนิพพานสุขและผลสุข

ครั้งนั้น เวลาเช้าพระจาลาภิกษุณีนุ่งห่มแล้ว ถือบาตรและจีวรเข้าไปบิณฑบาตในกรุงสาวัตถี ครั้นเที่ยวบิณฑบาตในกรุงสาวัตถี
อันเสร็จกลับจากบิณฑบาตภายหลังภัตแล้ว ก็เข้าไปในป่าอันธวันเพื่อพักกลางวัน ครั้นถึงป่าอันธวัน ได้นั่งพักกลางวันที่โคนไม้ต้นหนึ่ง

พระจาลาเถรีกล่าวว่า

เราเป็นภิกษุณีผู้มีอินทรีย์อันเจริญแล้ว เข้าไปตั้งสติไว้มั่น ได้แทงตลอด
สันตบทอันเป็นเครื่องเข้าไประงับสังขารเป็นสุข

มารกล่าวว่า "ท่านเป็นผู้มีศีรษะโล้น ปรากฏเหมือนสมณะ เจาะจงใครหนอ ท่านไม่
ชอบใจในลัทธิเดียรถีย์แล้ว ยังจักมาหลงประพฤติทางผิดนี้อยู่ทำไม"

พระจาลาเถรีกล่าวว่า

"เดียรถีย์เหล่าใด ผู้มีลัทธิเป็นภายนอกจากศาสนานี้ เป็นผู้เข้าไปอาศัยทิฏฐิทั้งหลาย
เดียรถีย์เหล่านั้นย่อมไม่รู้แจ้งธรรม ไม่เป็นผู้ฉลาดในธรรม
ส่วนพระพุทธเจ้าผู้เสด็จอุบัติในสกุลศากยะ ไม่มีผู้ใดเปรียบปาน
พระองค์ได้ทรงแสดงธรรมอันเป็นอุบายล่วงเสียซึ่งทิฏฐิทั้งหลาย
คือ ทุกข์เหตุให้เกิดทุกข์ ความดับทุกข์และอริยมรรคอันประกอบด้วยองค์ ๘
เป็นทางดำเนินให้ถึงความดับทุกข์แก่เรา
เราได้ฟังคำสั่งสอนของพระองค์แล้วยินดีอยู่ในพระศาสนา
เราได้บรรลุวิชชา ๓ แล้ว คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าได้ทำเสร็จแล้ว
เรากำจัดความเพลิดเพลินในสิ่งทั้งปวงได้แล้ว ทำลายกองแห่งความมืดแล้ว
ดูกรมารผู้ใจบาป ท่านจงรู้อย่างนี้เถิดตัวท่านเรากำจัดได้แล้ว"
โดย: ใบไม้เบาหวิว วันที่: 9 มกราคม 2555 เวลา:11:39:05 น.
  
พระสีสุปจาลาเถรี

พระสีสูปจาลาเถรีแม้นี้ทราบว่าท่านพระธรรมเสนาบดีบวชแล้ว ก็เกิดความอุตสาหะขึ้นเอง บวชแล้ว ทำบุพกิจเสร็จ
เข้าไปตั้งวิปัสสนาพากเพียรพยายามอยู่ ไม่นานก็บรรลุพระอรหัต. ครั้นบรรลุแล้ว อยู่ด้วยสุขในผลสมาบัติ.

วันหนึ่ง พิจารณาการปฏิบัติของตนเกิดโสมนัส ก็กล่าวคาถาเป็นอุทานว่า

เราเป็นภิกษุณีผู้สมบูรณ์ด้วยศีล สำรวมดีแล้วในอินทรีย์ทั้งหลาย
ได้บรรลุสันตบทอันชื่นใจ มีโอชารส.

มารกล่าวว่า
ท่านจงตั้งจิตปรารถนาเพื่อจะเกิดไว้ ในหมู่เทวดาชั้นดาวดึงส์ ชั้นยามา
ชั้นดุสิต ชั้นนิมมานรดี และชั้นวสวัสดี ที่ท่านเคยอยู่มาแล้วในก่อนเถิด.

พระสีสุปจาลาเถรีตอบว่า
เทวดาชั้นดาวดึงส์ ชั้นยามา ชั้นดุสิต ชั้นนิมมานรดี ชั้นวสวัตดี พากันไปจากภพเข้าสู่ภพทุกๆ กาล นำหน้าอยู่
แต่ในสักกายะ ล่วงสักกายะไปไม่ได้ ก็แล่นไปหาชาติและมรณะ
โลกทั้งปวงถูกไฟไหม้ลุกรุ่งโรจน์โชติช่วง โลกทั้งปวง หวั่นไหวแล้ว

พระพุทธเจ้าได้ทรงแสดงธรรมอันเป็นธรรมไม่หวั่นไหว ชั่งไม่ได้ เป็นธรรมอันปุถุชนเสพไม่ได้โปรดข้าพเจ้า
ใจของข้าพเจ้ายินดีนักในธรรมนั้น ข้าพเจ้าได้ฟังคำสั่งสอน ของพระองค์แล้ว ยินดีอยู่ในพระศาสนา

วิชชา ๓ ข้าพเจ้าก็บรรลุแล้ว คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ทำเสร็จแล้ว
ข้าพเจ้ากำจัดความเพลิดเพลินใน สิ่งทั้งปวงได้แล้ว ทำลายกองแห่งความมืดได้แล้ว

ดูก่อนมารผู้มีบาป ท่านจงรู้อย่างนี้เถิดว่า ตัวท่าน ข้าพเจ้าก็กำจัดได้แล้ว

โดย: ใบไม้เบาหวิว วันที่: 9 มกราคม 2555 เวลา:11:39:42 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ใบไม้เบาหวิว
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]



Friends Blog
[Add ใบไม้เบาหวิว's blog to your weblog]