Group Blog
 
<<
กุมภาพันธ์ 2550
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728 
 
25 กุมภาพันธ์ 2550
 
All Blogs
 
Sixth Sense ???

วันนี้ มีเรื่องราว ของ sixth sense หรือที่เรียกกันว่า "สัมผัสที่ 6" มาเล่าให้ฟัง แต่ในที่นี้ ดิฉันขอเรียกว่า
"ลางสังหรณ์" ดีกว่านะค่ะ บางคนอาจจะไม่เชื่อว่าเรื่องพวกนี้ มันมีจริง ๆ แต่บางทีดิฉันก็คิด เล่น ๆ ว่า ถ้าไม่มีจริง แล้วทำไมเราถึงรู้สึกได้ถึงสิ่งเหล่านั้น หรือว่า จิตมันคิดไปเอง หรือเปล่า วันนี้จะเล่า 2 เรื่อง


เรื่องแรกเมื่อประมาณ ปลายปีที่ผ่านมา ที่บ้าน จะมีคุณย่า ซึ่งเป็น คุณแม่ของพ่อเลี้ยงดิฉันเอง ที่อยู่บ้านที่ต่างจังหวัด ท่านไม่สบายมาก แล้วตอนนั้น แม่และน้องสาวดิฉัน ก็ขึ้นมาหาดิฉันที่กรุงเทพ แล้วมีโทรศัพท์จากทางบ้านมาบอกว่า ให้แม่กับน้องสาว กลับบ้านด่วน เพราะย่า ไม่สบายอาการหนัก จะพาไปโรงพยาบาล ย่าก็ไม่ไป อาการของท่าน เหมือนคนใกล้ตายอ่ะคะ แต่ก็ยังไม่ตาย ประมาณว่า รอเวลาอะไรสักอย่าง จนกระทั้งแม่ดิฉันกลับไป เฝ้าดูแลอาการ คอยป้อนข้าวป้อนน้ำให้ ท่านก็ไม่ร้องเรียกหาใครเลย นอกจากแม่ดิฉัน (ในฐานะสะใภ้) ทั้ง ๆ ที่ลูกหลานเต็มบ้านไปหมด แล้วดิฉันจำได้ว่า ย่านอนครวญคราง อยู่อย่างนั้นประมาณ 2-3วัน แม่ดิฉันก็โทรมาบอกว่า อาการไม่ดีขึ้นเลย แล้ววันนั้น วันศุกร์ วันที่เท่าไหร่จำไม่ได้ค่ะ ดิฉันไปทำงาน แต่ช่วงพักเที่ยงก็กลับมาที่หอ เพราะหอกับที่ทำงานใกล้กัน ก็ซื้อข้าวมาทานกับสามี แล้วก็งีบหลับไปซักครู่นึง ไม่ถึง 20 นาที ก็ฝันว่ามีผู้ชายแก่ ๆ นุ่งโจงกระเบนผ้าสีขาว ผมขาว หนวดขาว บอกว่า "ย่าเอ็งน่ะ ไม่พ้นวันเสาร์นี้แล้ว ไม่ต้องห่วง" ผู้ชายคนนั้นพูดเป็นภาษาใต้อ่ะค่ะ แล้วดิฉันก็สะดุ้งตื่น ก็รีบกดโทรศัพท์ โทรหาแม่ทันที รีบถามว่าอาการเป็นยังไงบ้าง แม่บอกว่า "วันนี้ย่าเอ็งแปลกมาก ตื่นขึ้นมาอาบน้ำเอง หาข้าวหาปลากินเอง สงสัยคงจะรอดแล้วมั้ง ไม่เป็นอะไรแล้วไม่ต้องห่วง" ดิฉันก็ "เอ๊ะ !! จริงเหรอ ม่ะม้า พูดจริงเหรอ" แม่ก็ถามดิฉันว่า "เป็นอะไร ทำไม ก็จริง จะโกหกทำไม" ดิฉันก็เลยเล่าให้แม่ฟังว่าฝัน แบบนี้ แต่ก็บอกแม่ว่า อย่าเพิ่งไปบอกใครน่ะ เผื่อฝันมันไม่จริง แม่ก็ รับปาก แต่คุณ ๆ ค่ะ เชื่อมั๊ยว่า พอรุ่งเช้าวันเสาร์ ประมาณ ตี 5 ทุกคนที่ไปเฝ้าคุณย่า กลับไม่เห็นว่า ท่านสิ้นใจตอนไหน แล้วประมาณ 8 โมง แม่โทรมาบอกดิฉันว่า "ที่เอ็งฝันน่ะ จริงนะ ย่าสิ้นใจแล้ว" เท่านั้นแหล่ะค่ะ ขนแขน stand up เลยค่ะ แล้วน้ำตาก็ไหลพราก เพราะไม่คิดว่า คนที่มาบอกในฝัน นั่นจะเป็นเรื่องจริง แหม...อย่างนี้น่าจะมาเข้าฝันบอกตัวเลขแดง ๆ บ้างนะค่ะ






ต่อไปเป็นเรื่องที่ 2 นะค่ะ คือมีอยู่ว่าวันนึงช่วงที่ดิฉันเข้าทำงาน ที่ ubc ใหม่ ๆ ช่วงนั้นยังไม่มาหาหออยู่ ประมาณ ปี 45 ก็เป็นวันเสาร์อีกเช่นกัน สามีกับดิฉัน ก็ขับมอไซต์กันมาทำงาน เพราะรถไม่เยอะเท่าไหร่ วันหยุด ถ้าวันธรรมดาก็จะนั่งรถเมย์มาทำงานกัน วันนั้นตอนเลิกงาน ดิฉันก็ไปนั่งรอ สามี ประมาณ 1 ชม. เพราะงานดิฉันเสร็จก่อน เราทำงานที่เดียวกัน เวลาตอนนั้นก็ประมาณ 1 ทุ่มเห็นจะได้ ดิฉันนั่งรอสามีไป ใจก็เต้น ตุ๊บ ตั๊บ แบบว่าถี่เร็ว แบบเหมือนคนตื่นเต้น อะไรสักอย่างซึ่งไม่รู้ว่ามันคืออะไร แล้วมือก็เย็น เท้าก็เย็น ดิฉันก็นั่งคิดว่าอะไรหว้า ทำไม ใจไม่ดีเลย จนกระทั่งสามีเลิกงานก็เดินมาที่ลานจอดรถ ดิฉันจึงพูดกับสามีว่า "ตัวเอง วันนี้เค้าขอให้ตัวเองขับมอไซต์ให้ช้าที่สุดเท่าที่จะช้าได้นะ" แล้วสามีก็หัวเราะ บอกว่าดิฉันเป็นอะไร ดิฉันบอกไม่รู้ แต่ขอให้ทำตามได้มั๊ย มันบอกไม่ถูกแต่มันรู้สึกว่าอยากให้ สามีขับมอไซต์ให้ช้าที่สุด เค้าก็ตอบ ได้ ๆ พอขับรถออกไปตรง แถว ๆ ถนนริมทางรถไฟ น่ะค่ะ มันมีกลุ่มวันรุ่นกลุ่มใหญ่ ขับมอไซต์กันมาตามหลัง แล้วเสียงรถมันดังมาก ดิฉันก็ยิ่งใจไม่ดีขึ้นไปอีกค่ะ จึงรีบร้องบอกสามีว่า "ตัวเอง ไม่ต้องรีบนะขอให้ พวกนี้ไปก่อนอย่าไปอะไรกับมันนะ" สามีก็รับปาก แต่คุณ ๆ ค่ะ พอกลุ่มนี้ผ่านไป มีมอไซต์อีกคันนึงตามหลังมา ขับแบบว่ารีบแซง คันของเรามากแล้ว แบบว่าแซงแบบเฉียว ๆ อ่ะค่ะ ไม่พอนะ พอมันแซงไปแล้ว ตัดหน้าได้แล้ว ยังมาเบรก แบบไม่มีเหตุผลอีก ทำให้ สามีดิฉันเกือบชนท้ายมันด้วยค่ะ ดิฉันก็เลยบอกสามีว่า ไม่ต้องรีบนะ ใจเย็น ๆ ให้มันไปก่อน พอถึง ตรงทางโค้ง สถานีรถไฟบางซื่ออ่ะค่ะ ไอ้แกงค์มอไซต์ แกงค์นั้นมันจอดเต็มหัวโค้งเลยค่ะ แล้วไอ้คันที่ มันแซงสามีดิฉันซักครู่มันก็จอดอยู่ ด้วย ซึ่งมันจะข้ามฝั่นไปอีกทางแต่มันจอดรอให้รถไปให้หมดก่อน ดิฉันก็บอกว่า ค่อย ๆ นะ ไปช้า ๆ ไม่ต้องรีบ สามีดิฉัน ขับช้าลงประมาณ 20 กก./ชม. แบบว่าวิ่งยังทันน่ะค่ะ แต่ก็ไม่วาย พอเรากำลังจะผ่านท้ายรถมอไซต์คันที่มันแซงเราน่ะค่ะ เกือบผ่านอยู่แล้ว มันดัน ถอยรดขณะที่มันจอดอยู่ตอนแรกค่ะ มาชนเข้ากับ มอไซต์ของดิฉัน เข้าช่วงกลางรถอย่างจังๆ ทำให้ ขาดิฉันเจ็บ พอสมควร แต่ดีที่ไม่ล้มเพราะว่า เราขับช้ามาก ทำให้ทรงตัวได้ทัน ส่วนสามีดิฉัน เล็บที่เท้าหลุดไป 2 เล็บ โอโห !! มันมองหน้าแล้วตอบว่า "อ้าว ชนผมทำไม" ทั้ง ๆ ที่มันน่ะนั่นแหล่ะ ที่ถอยรถมาชนเราเอง เท่านั่นแหล่ะ สามีดิฉันก็บอกว่า "คุณถอยมาชนผม เอง แล้วผมก็เจ็บด้วย ทำไมไม่ขอโทษซักคำ" แล้วผู้หญิงที่ซ้อนท้ายมันมานะค่ะ บอกว่า " ขอโทษนะ ค่ะ ไม่ได้ตั้งใจ แล้วหันไปบอกผู้ชายคนขับว่า "ไปเหอะ ๆ เราผิด" นั่นแหล่ะ ค่ะมันถึง ออกรถไป แล้วหลังจากนั้น ไอ้อาการใจเต้น รั่วเร็ว แล้วอาการมือเย็นเท้าเย็น ก็หายเป็นปลิดทิ้ง เหลือแต่ขา เปื้อนเลือดแทน



นี่แหล่ะค่ะ เรื่องที่ดิฉันคิดว่า มันจะใช่ ที่เค้าเรียกว่า Sixth Sense หรือเปล่า ช่วยออกความคิดเห็นกันหน่อยนะค่ะ





Create Date : 25 กุมภาพันธ์ 2550
Last Update : 25 กุมภาพันธ์ 2550 18:22:02 น. 1 comments
Counter : 395 Pageviews.

 
อืม

เป็นเรื่องดีนะผมว่า



โดย: DekChaiDam วันที่: 25 กุมภาพันธ์ 2550 เวลา:19:20:24 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

BABYYING
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




สวัสดีค่ะ... ชื่อ หญิง นะค่ะ แวะมากเยี่ยมชมกันได้
เก็บบันทึกความทรงจำ... เรื่องราว ดี ๆ ฝากไว้ให้กันและกัน วันนี้ ยังอยู่บนโลกกว้าง ใบนี้ ก็ขอเก็บความ รู้สึก ความสดใส ความสวยงามให้ คงอยู่ ตลอดไป
Welcome To Babyying Blog
Friends' blogs
[Add BABYYING's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.