|
| 1 | 2 | 3 |
4 | 5 | 6 | 7 | 8 | 9 | 10 |
11 | 12 | 13 | 14 | 15 | 16 | 17 |
18 | 19 | 20 | 21 | 22 | 23 | 24 |
25 | 26 | 27 | 28 | 29 | 30 | 31 |
|
|
|
|
|
|
|
เวียงนาคินทร์ ตอนที่ 69
ตอนที่ 69
ราชทูตแห่งปาลปุระถูกเชิญไปพักยังเรือนรับรอง หลังจากเข้าเฝ้าพระบาทเจ้าสิทธิเสณและได้กราบทูลถึงประสงค์ของเมืองปาลจนหมดสิ้นกระบวนความแล้ว ทิ้งให้ผู้มีอำนาจแห่งจุมภะต่างตกอยู่ในความครุ่นคิด ประสงค์ของเมืองปาลนั้นมิใช่เรื่องที่คาดเดาได้ยากเย็น เมื่อผู้ใดมีโอกาสก็ต้องรีบร้องขอ หากเป็นไปตามข้อเสนอแล้วปาลปุระถือว่าได้ชัยทางการเมืองอีกด้วย
พระบาทเจ้าทรงต้องการเวลาตรึกตรอง จึงยังให้องค์ประชุมอยู่ต่อ เจ้านาคราชได้แต่ประทับเงียบงันมิได้แสดงความเห็นอันใดหากมิมีผู้ใดเอ่ยถาม ตรงกันข้ามกับกัมลาภาเทวีซึ่งติดตามพระสวามีมาฟังเรื่องราวด้วย ก็ตรัสขึ้นมาลอยๆ
เรื่องนี้มิใช่เรื่องยากเย็น ความผิดของผู้ใด ก็ควรให้ผู้นั้นรับผิดชอบ สุรเสียงหวานหยามหยันอยู่ในที ยามเมื่อชม้ายพระเนตรมองยิ่งบ่งบอกดำริในหทัยชัดเจน ทำเอาทุกผู้คนหันไปยังราชบุตรเขยองค์เล็ก
หม่อมฉันไม่เคยปฏิเสธความรับผิดชอบ ภูวิษะเจ้าตรัสตอบกัมลาภาเทวีทันที
แล้วก็ไม่ควรจะโยนความรับผิดชอบนั้นไปให้ผู้อื่นด้วย
หม่อมฉันไม่เคยทำเช่นนั้น
งั้นก็ดีแล้ว ข้าจะจำไว้ว่าท่านเป็นบุรุษที่อาจหาญนัก กัมลาภาเทวีแย้มสรวล
หม่อมฉันไม่คิดจะปฏิเสธโทษทัณฑ์ใดๆ หากแต่เรื่องนี้มิใช่โทษทัณฑ์ หนำซ้ำยังไม่ต่างจากบำเหน็จงามเสียด้วย หม่อมฉันสมควรจะได้รับแล้วกระนั้นหรือ คำตอบอันแหลมคมที่ตรัสมานั้นยังผลให้คู่สนทนาพระพักตร์บึ้งตึงไปทันที
นั่นสินะ...ถึงอย่างไรเสียไม่ว่าจะแพ้หรือชนะ เจ้าหญิงแห่งปาลปุระก็ต้องเสด็จมาถวายตัว แต่...เมื่อชัยชนะพลิกกลับมาเป็นของเมืองปาลตำแหน่งฐานะที่นางจะได้ก็ต้องสูงขึ้น...แต่ถึงขั้นสูงเทียมพวกเรานั้น...มิใช่ผู้ใดจะยอมรับได้ง่ายๆ ดอก ภูวิษะข้าหวังว่าครั้งนี้ท่านจะไม่ยกบำเหน็จนี้ให้แก่ผู้ใด ตรัสแล้วก็สรวลเบาๆ แต่ความหมายนั้นหนักแน่นนัก
เจ้าหญิงแห่งปาลปุระมีค่าสูงนัก มิใช่ของที่หม่อมฉันจะยกให้ใครได้ เว้นแต่...มีผู้อื่นทูลขอนางกับพระบาทเจ้า หากเป็นเช่นนั้น หม่อมฉันคงไม่บังอาจขวาง สีพระพักตร์ของเจ้านาคราชยังนิ่งสนิทผิดกับวจีนัก กระนั้นก็ส่งผลให้กัมลาภาเทวีกริ้วจนแทบระงับพระอารมณ์ไว้ไม่ได้ หากไม่ติดว่าอยู่ในท้องพระโรงคงได้ลุกขึ้นกระทืบบาทเป็นแน่
ทุกพระองค์ท้องพระโรงทรงเก็บกิริยาได้เป็นอย่างดี ต่างมีดำริในพระทัยต่อเรื่องนี้ต่างกัน การที่เหตุการณ์เป็นไปดังนี้ ดูจะเป็นการดีต่อภูวิษะเจ้าเสียด้วยซ้ำ มิต้องโดนราชอาญาใดแล้วยังได้หญิงงามมาเป็นบรรณาการ
คนผู้นี้ชะตาแข็งกล้านัก เรื่องร้ายกลับกลายเป็นดีไปเสียได้ ชยาทัตตรัสแก่พินทุมณีเทวีองค์ชายา
หัวยังไม่หลุดจากบ่า นับว่าบุญเก่ายังมี แต่เสด็จพี่มิต้องกังวลไปดอกเพคะ นางหญิงเมืองปาลนั่นเป็นแค่เจ้าหญิงจากเมืองกระจ้อยร่อย นางมิอาจเป็นขุมกำลังใดให้ภูวิษะได้ดอก แม้ไม่พอพระทัยที่เจ้านาคราชมิได้ถูกลงพระอาญา แต่ก็ไม่ได้เห็นเป็นเรื่องสำคัญนัก ด้วยว่าอย่างไรพระขนิษฐาก็เจ็บช้ำจากเรื่องที่ก่อขึ้นเป็นแน่ แค่คิดก็สาแก่พระทัยแล้ว
พินทุมณี...ปาลปุระมักใหญ่ใฝ่สูงก่อนหน้านี้ก็ปันใจไปจากจุมภะ แต่เมื่อได้ชัยก็กลับมาผูกมิตรเจ้าคิดว่าเมืองปาลเป็นเมืองโดดเดี่ยวมิมีผู้ใดหนุนเลยรึ?
เสด็จพี่หมายความว่าอย่างไรเพคะ สวามีแห่งนางเทวีแย้มสรวลออกมา หากเป็นรอยยิ้มที่ดูแคลนคู่สนทนานัก
ปาลปุระ มิใช่เมืองใหญ่ก็จริง แต่เป็นสะพานไปถึงที่ใดเล่า...
...พะโค! หมายถึงพะโคหรือเพคะ ตะ..แต่ว่า พะโคไม่กล้ามีศึกกับเราซึ่งๆ หน้า ดวงเนตรของพินทุมณีเทวีฉายแววแตกตื่นนักตรงกันข้ามกับพระสวามี
แต่ก็มิได้เป็นมิตรมิใช่รึ คิดดูสิหากพะโคตีจุมภะได้ เมืองต่างๆ ที่รายล้อมจุมภะอยู่จะเป็นเช่นใด มิใช่ตกอยู่ในอำนาจของพะโคทั้งสิ้นรึ?
แต่ว่า... สุรเสียงนางเทวีตะกุกตะกักนัก ด้วยว่าไม่อาจดำริตามพระสวามีได้ทัน
ปาลปุระเคยมีใจออกห่างจุมภะไปครั้งหนึ่ง เจ้านึกหรือว่าหากมีเชื่อมไมตรีด้วยการอภิเษกฯ แล้วปาลปุระจะมีใจภักดิ์กับจุมภะแต่เพียงผู้เดียว เมืองเล็กอย่างนั้นยิ่งใคร่ได้อำนาจ ใครใหญ่ใครดีก็หันไปพึ่งพาได้ทั้งสิ้น มิได้ตัดขาดหรือจริงใจกับผู้ใดเสมอไปดอก
เพคะ...แล้วมันเกี่ยวกับเจ้าคนโอหังนั่นอย่างไร
พินทุมณีเอ๋ย...น้องเป็นหญิงคงคิดอ่านไม่ทันเหตุบ้านการเมือง งั้นพี่จะเฉลยให้! การที่ภูวิษะเป็นราชบุตรเขยของปาลปุระด้วย หากพะโคคิดใคร่ใช้เมืองปาลเป็นสะพานมายึดเอาจุมภะเล่า ใช่ว่าจะทำไม่ได้ หนำซ้ำยังแยบยลขึ้นเสียด้วยซ้ำ ที่สำคัญ...เราก็ยังไม่รู้ว่าชายผู้นี้มาจากถิ่นใดหากมาจากพะโคแต่แรกเล่า
ตายแล้ว...ละ..แล้ว..เราควรจะทำอย่างไรดีเล่าเพคะ หรือว่าควรทูลคัดค้านห้ามมิให้มีการอภิเษกสมรสขึ้น พินทุมณีเทวีตื่นตระหนกยิ่งนัก อย่างไรเสียนางก็รักบ้านเมืองตนเอง
จักทำได้อย่างไร ในเมื่อทุกอย่างลงตัวเช่นนี้ แล้วพระบาทเจ้าก็ทรงบัญชาแล้ว
บ้าที่สุด...เราจะทำอย่างไรดี หรือเราควรจะ...ลอบสังหารนางหญิงปาลนั่นก่อนจะมาถึงเมืองดีเพคะ จะได้ไม่ต้องมีการอภิเษกสมรสเกิดขึ้น
จะบ้าหรือพินทุมณี ขืนมีเรื่องแบบนั้นเกิดขึ้นอาจเป็นการทำให้เกิดสงครามใหญ่โตตามมาน่ะสิ ที่สำคัญเจ้าลืมแล้วหรือ ว่าผู้ใดไปรับนาง
เจ้าพี่ฉัตรวรุณเพคะ
ใช่...หากเกิดเรื่องในการดูแลของเจ้าชายวรุณซึ่งเป็นตัวแทนของจุมภะ ผลเสียก็ต้องตกที่จุมภะอย่างมิอาจปัดให้พ้นตัวได้
โอ้ย! โน่นก็มิได้ นี่ก็มิได้ แล้วจะทำอย่างไรดี พระทัยที่ร้อนรนส่งผลให้อยู่นิ่งมิได้ ได้แต่ดำเนินไปมาเหมือนหนูติดจั่น
ใช่ว่าไม่มีทาง แต่...
แต่อันใดเพคะ?
มันมิใช่ทางที่โสภานัก ที่สำคัญ...หากผิดพลาดอันใดน้องของเจ้าก็จะ...
เสด็จพี่หมายถึง... สุรเสียงที่ตรัสถามแผ่วเบาลงจนกลายเป็นกระซิบ
มหิตาอย่างไรเล่า!
แววเนตรเย็นยะเยือกถูกถ่ายทอดลงมาสู่พินทุมณีเทวี พระนางพลันรู้สึกหนาวเหน็บไปทั้งวรกาย
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
เคียงฟ้าเดินไปเดินมาด้วยความกังวล หญิงสาวชะโงกหน้าไปที่บานบัญชรอีกหนแล้วกลับมาบ่นเป็นหมีกินผึ้ง จนบรรดานางกำนัลนึกเป็นห่วง
พระทัยเย็นเพคะ
ใครจะใจเย็นได้ ข้าอยากพบเสด็จพี่ภูวิษะ
ใช่..หล่อนหึงหวงกลัวเสียเขาไป แต่สิ่งที่ทำให้ร้อนรนไม่ใช่กลัวว่าเขาจะหมดรักแล้วไปเทใจให้หญิงอื่น หลังหมดสติไปครึ่งวัน ดูเหมือนสติสะตังจะกลับมาสู่ตัวตนของหล่อนแล้ว หญิงสาวจากอนาคตคิดว่าตนเองต้องคุยกับเจ้านาคราช หล่อนรู้ว่ามีบางสิ่งจะเกิดขึ้นแต่ไม่รู้ว่ามันเกิดขึ้นเมื่อไรและเกิดขึ้นเพราะอะไร เพียงแต่ใจบอกว่าอีกไม่นาน..สัญชาติญาณบอกหล่อนอย่างนั้น
ต้องบอกเจ้าภู....เมืองจะล่ม มันเกิดอะไรขึ้นสักอย่าง
เรื่องนี้สำคัญกว่าเรื่องเขาต้องแต่งงานกับผู้หญิงอีกคนทั้งที่ยังมีหล่อนอยู่ แต่เมืองทั้งเมืองล่มไปได้อย่างไรจนป่านนี้เคียงฟ้าก็ยังหาสาเหตุไม่พบ พอได้กลับมาเป็นมหิตานี่เป็นสิ่งที่หล่อนตั้งใจว่าจะต้องรู้ให้ได้ และถ้าเป็นไปได้บางทีหล่อนอาจจะเปลี่ยนแปลงเหตุการณ์ไม่ให้เกิดเรื่องร้ายขึ้นก็เป็นได้ แต่สามสี่วันมานี่มัวแต่หลงทางกลับความกลัวการสูญเสียชายคนรัก จนหลงลืมไปว่ากลับมาเพื่อทำอะไร
ข้าจะไปพบเสด็จพี่
ไม่ได้เพคะ ทรงโดนทัณฑ์อยู่ห้ามมิให้ออกนอกห้องบรรทม
โอ๊ยยย!! จะขังกันไปถึงไหนนี่ หล่อนยกมือขึ้นเกาหัวด้วยความขัดใจ
อย่างนั้นขอไปพบเสด็จแม่ได้ไหม?
ไม่ได้เพคะ...เดี๋ยวจะทำให้พระบาทเจ้ากริ้วหนักกว่าเดิมนะเพคะ ทรงรับสั่งไว้ว่าหากไม่มีบัญชาห้ามพระเทวีเข้าเฝ้า หญิงสาวฟังจบก็ส่ายหน้าแล้วถอนหายใจออกมาอย่างยืดยาว
คุณท้าว...เราไม่ก่อเรื่องหรอกนะ แค่มีเรื่องสำคัญต้องทูลอย่างน้อยๆ ก็จะได้ปรึกษาเสด็จแม่ ถ้าไม่ได้พบเจ้าภูวิษะก็ขอพบพระมารดาก็ยังดี พระแม่เจ้าทรงเอ็นดูมหิตาเทวีมากอาจจะยอมฟังเรื่องนี้ก็เป็นได้
ไม่ได้เพคะ...ถ้าอยากไปเข้าเฝ้าจริงๆ ขอให้หม่อมฉันไปทูลขอพระราชทานอนุญาตก่อนนะเพคะ
แล้วเมื่อไรจะอนุญาต
ก็แล้วแต่พระเมตตาเพคะ
โอ๊ยยยย..ย บ้าจริงๆ ถ้างั้นเสด็จพี่ภูวิษะเล่าจะเสด็จกลับเมื่อไร นางกำนัลพากันก้มหน้างุด ถึงเสด็จกลับก็ใช่ว่าจะมาพบพระชายาด้วยว่ายังอยู่ในช่วงหมางเมิน
ตอบสิ!
บางที...อาจจะถูกรั้งตัวไว้ที่ตำหนักหลวงกระมังเพคะ ได้ฟังคำตอบเคียงฟ้าก็ทรุดลงนั่งอย่างอ่อนใจ นั่นสินะเขาไปรับหน้าในเรื่องที่หล่อนก่อขึ้นมา ไหนจะมีเวลามาฟังหล่อนที่สำคัญหายโกรธหรือยังก็ไม่รู้
ถ้าอย่างนั้น...
หญิงสาวกุมขมับพยายามรีดเค้นความคิดเต็มที่ ต้องหาใครสักคนที่จะช่วยแก้ไขเรื่องนี้ได้ มหิตามีพี่สาวตั้งหลายคนนี่นะ...ต้องมีใครช่วยได้บ้าง หล่อนค่อยๆ ลำดับพระภคินีทีละองค์ กัมลาภาเทวี..เมื่อไม่นานมานี้เพิ่งจะโดนอาละวาดถึงตำหนักไปหยกๆ คงไม่ช่วยแน่ๆ เสด็จพี่อาภาเหมก็อภิเษกฯ ไปอยู่ต่างเมืองกว่าจะส่งข่าวถึงคงนานโข เขมมินีเทวีก็ทรงครรภ์แก่ใกล้จะให้ประสูติกาลอยู่แล้ว จะไปเชิญเสด็จมาตำหนักนี้ก็ลำบากแก่พระวรกายนัก ส่วนคนสุดท้าย..พินทุมณีเทวีนั้นคงจะไม่ต้องพูดถึง แทบจะตัดพี่ตัดน้องกันแล้วเสียด้วยซ้ำ
บ้าชะมัด! ในเวลาอย่างนี้มันควรจะมีใครช่วยฉันได้บ้างสิ หล่อนพึมพำออกมาด้วยความลืมตัว
ว่ากระไรนะเพคะ? เคียงฟ้าในคราบมหิตาเทวีไม่ตอบยังคงครุ่นคิดอยู่ในภวังค์ของตนเอง
จริงด้วย! อาจารย์!!? อาจารย์อยู่แถวนี้หรือเปล่าคะ? หล่อนเรียกหาใครบางคน ที่แม้มองไม่เห็นแต่คิดว่าเขาต้องอยู่ใกล้ตัวหล่อนแน่ๆ
อาจารย์วิมุตติ ฟ้ารู้ว่าอาจารย์อยู่แถวๆ นี้ใช่ไหมคะ ช่วยฟ้าหน่อยเถอะค่ะ ช่วยตามเจ้าภูกลับมาหาฟ้าที หล่อนลุกขึ้นแล้วตะโกนอย่างไม่สนใจใคร สร้างความงงงวยให้แก่บรรดานางกำนัลที่รายล้อมอยู่เป็นอันมาก
พระเทวีเพคะ...พระเทวีเรียกหาผู้ใดเพคะ?
ช่างเถอะคุณท้าวอย่าถามให้มากความ ไปหากระดาษกับถ่านเขียนมาให้เราบัดนี้ หล่อนชี้นิ้วสั่งจนคุณท้าวตั้งตัวไม่ทันแต่ก็รีบรนลานไปตามรับสั่ง
ใจเย็นๆ ฟ้า ค่อยๆ คิด ต้องหาทางส่งจดหมายให้เจ้าภูให้ได้เสียก่อน หล่อนวางแผนกับตนเองในใจ พอได้กระดาษและถ่านเขียนมาก็รีบจัดแจงเขียนจดหมายถึงนาคเจ้าทันที เมื่อเขียนเสร็จก็ม้วนแผ่นกระดาษที่หนาไม่แพ้ผ้านั่นเป็นม้วนกลมแล้วเรียกหาคลั่งมาลงผนึก ก่อนจะสอดใส่กล่องไม้สำหรับนำสาส์น
ข้าออกไปไม่ได้ แต่มิใช่ว่าห้ามส่งกระทั่งสาส์นใช่ไหม?
พะ..เพคะ คุณท้าวงงงัน
งั้นดีแล้ว รับไป เอานี่ไปให้องครักษ์นำไปส่งให้เสด็จพี่เดี๋ยวนี้!
สั่งจบหล่อนก็เดินฉับๆ มานั่งบนตั่งแล้ววางศอกลงบนหมอนขวาน ก่อนจะครุ่นคิดอย่างหนักเมืองล่มเกิดขึ้นได้อย่างไรและเมื่อใด
ถ้าหากฉันเคยเป็นมหิตามาก่อน แปลว่าเราต้องรู้ว่าเมืองล่มเมื่อไร แล้วล่มเพราะอะไร เรากับเขามีส่วนทำให้มันเมืองล่ม...ไม่สิ! ไม่ใช่แค่มีส่วนเรากับเขาต่างหากที่ทำให้เมืองล่มสลายไปทั้งเมือง จนเจ้าภูติดสาปอยู่ที่นั่นส่วนมหิตาก็...มหิตาไปไหนล่ะ? ถ้ามหิตากลายเป็นเรางั้นก็แปลว่า...มหิตาตายสินะ ในเหตุการณ์นั้น พอคิดได้ดังนั้นหล่อนก็ขนลุกเกรียวขึ้นมา
แล้วทำไม...ทำไมวิญญาณของมหิตาถึงไม่ติดสาปอยู่ในซากเมืองพร้อมกับเจ้าภูกันนะ? นั่นเป็นสิ่งที่ไม่เคยคิดมาก่อนหน้านี้เลย หญิงสาวอยากให้วิมุตติอยู่ที่นี่เหลือเกินหล่อนจะได้ซักถามให้เต็มที่ เคียงฟ้าเชื่อเหลือเกินว่าเขาต้องรู้เรื่องแน่ๆ
นั่นเพราะว่าเขาไม่ใช่คนสาปเมืองนั้นเมื่อมันล่มน่ะสิ! เสียงทุ้มห้าวดังแทรกขึ้นมากลางใจ ราวกับมันดังมาจากสมองตนเอง หญิงสาวจากอนาคตเหลียวไปมองรอบกายหล่อนไม่เห็นใครนอกจากนางกำนัล แต่เมื่อพยายามเพ่งมองแล้วจึงเห็นเงาเลือนรางของใครบางคนอยู่ไม่ห่างไปนัก
พี่ปทุมมา
เพคะ
พวกเจ้าทุกคนออกไปจากห้องเสีย ข้าอยากอยู่คนเดียว
ไม่ได้เพคะ พระเทวีกำลังประชวรอยู่ นางคนสนิทคัดค้านทันที
โธ่เอ๋ย...พี่ปทุมมา คิดว่าข้าจะทำสิ่งใดหรือ? ข้าแค่ต้องการพักผ่อนเงียบๆ เท่านั้น พวกพี่ออกไปเถิด หากข้าต้องการอะไรจะเรียกหาเอง
แต่ว่า...
ไปเถอะอย่าได้ห่วง ข้าไม่ทำอะไรบ้าๆ หรอกน่า เมื่อเห็นมหิตาเทวีแย้มสรวลให้ด้วยพระอารมณ์ปกติ ปทุมมาจึงค่อยเบาใจขึ้นหน่อย
อย่างนั้นก็ได้เพคะ แต่หม่อมฉันไม่ไปไกลหรอกจะนั่งอยู่นอกบานทวารนี่นะเพคะ เผื่อมีกระไรจะได้เรียกใช้ได้ทันที ยังอุตส่าห์จะนั่งเฝ้าอีก...หญิงสาวบ่นอุบอิบในใจ
ให้คนอื่นเฝ้าเถิด ส่วนพี่น่ะ เราอยากให้ไปต้มน้ำอัญชันให้เราดื่มเสียหน่อย แล้วก็ขอขนมสักเล็กน้อยด้วยนะ เราจะนอนสักตื่นอีกชั่วยามค่อยปลุก เมื่อได้รับคำสั่งดังนี้เหล่านางกำนัลจึงยอมออกไปปล่อยทิ้งให้หล่อนอยู่คนเดียว เมื่อเห็นว่าทางสะดวกแล้ว เคียงฟ้าค่อยส่งเสียงเรียกวิมุตติเมื่อแรกก็กระซิบแต่ไม่มีเสียงตอบรับจึงค่อยเรียกดังขึ้น
อาจารย์คะออกมาเถอะค่ะ ไม่มีใครอยู่แล้ว เสียงหัวเราะรื่นรมย์ดังขึ้นเบาๆ ห่างจากตัวหล่อนไปไม่ไกลนัก แล้วเงาร่างสูงใหญ่จึงค่อยปรากฏขึ้นจนมองเห็นได้ถนัดตา
อาจารย์ๆๆ หล่อนแทบจะโผเข้าไปหาเขาด้วยความโล่งอก
ทำไมทิ้งฟ้าให้อยู่คนเดียวตั้งนานสองนาน ฟ้าจะบ้าตายอยู่แล้วนะคะ
ก็ไม่ได้ไปไหนนะ แต่เจ้าน่ะมัวแต่สติแตกเลยไม่อาจเพ่งจิตให้มองเห็นเราได้ เขาพูดจบก็นั่งลงบนตั่งอีกตัวใกล้ๆ กัน
ยอมรับค่ะ...ตอนนั้นอารมณ์ของมหิตามันพุ่งขึ้นจนบังตาฟ้ามิด ไม่ได้เป็นตัวของตัวเองเลย มัวแต่...กลัวเสียเจ้าภูไปจะเป็นตายอยู่อย่างนั้น
รักมาก ก็หวงมากอย่างนี้แหละ ไม่เอาแล้วนะ...รักเขาเท่าไรก็ต้องรักตัวเองให้เท่าๆ กัน ไม่อย่างนั้นจะพากันไปตายอีกรอบ
ค่ะ...ค่ะ หล่อนรับปาก สีหน้าค่อยดีขึ้นหน่อย
อาจารย์คะฟ้ารู้สึก...รู้สึกว่าอีกไม่นานแล้วเมืองจะล่ม แต่ไม่รู้ว่าเมื่อไร ชายจากแดนสรวงมองแล้วยิ้มน้อยๆ ออกมาแต่ไม่มีคำตอบให้
ฟ้าจะแก้ไขเรื่องนี้ได้ไหมคะ? เราจะเปลี่ยนอดีตได้ไหม?
เคียงฟ้า...ถ้าเปลี่ยนมันได้แล้วจะเป็นอย่างไร?
ก็...เมืองจะไม่ล่ม จะไม่มีใครตาย เจ้าภูจะไม่ต้องสาปอยู่ในเมืองนี้ แล้วมหิตาเองก็..จะไม่ต้องทำผิดไปตลอดกาล
แล้วประวัติศาสตร์จะเป็นอย่างไร?
เมืองนี้ไม่อยู่ในประวัติศาสตร์ มันหายสาบสูญไปจากประวัติศาสตร์แล้ว ฟ้ารู้ค่ะว่ามันหายไปแล้วไม่มีทางที่ใครจะหาเจอเพราะมันถูกซ่อนเอาไว้ รวมทั้งขังเจ้าภูไว้ในเมืองที่ถูกลืมนั่นด้วย หล่อนลุกขึ้นเถียงด้วยความลืมตัว
เพราะฉะนั้น...ถึงแก้ประวัติศาสตร์ไป ก็ไม่เป็นไร มันไม่น่าจะส่งผลกระทบอะไรกับโลกปัจจุบัน คราวนี้วิมุตติไม่ยิ้มแล้วยังตามด้วยเสียงถอนหายใจอันหนักหน่วง
แล้วเจ้ารู้ไหมว่าจุมภะอยู่ส่วนใดของประเทศไทย จริงอยู่เมืองนี้มีมาก่อนสยามจะเป็นปึกแผ่นนับพันปี แต่มันอยู่ตรงไหน?
เอ้อ... หล่อนไม่อาจตอบได้ในทันที จึงต้องนั่งลง หลบสายตาวิทยาธรหนุ่ม อีกหลายอึดใจทีเดียวกว่าหล่อนจะอ้อมแอ้มตอบออกมาได้
อยู่..ล้านนา ภาคเหนือ
จังหวัดไหน?
เอ้อ...ไม่แน่ใจค่ะ
ค่อยๆ นึก
หญิงสาวเงียบไปนานก่อนจะตอบออกมาอีกครั้ง ด้วยท่าทางประหวั่นไม่มั่นใจนัก
....เชียงใหม่
ตรงไหนของเชียงใหม่?
ฟ้าไม่รู้... คราวนี้หล่อนร้องไห้ออกมาด้วยอารมณ์บีบครั้น
หลังจากจุมภะล่มสลายแถวนี้กลายเป็นลำน้ำกว้าง อีกนานนับศตวรรษกว่าทางน้ำเหือดแห้งลง แล้วกำเนิดเส้นทางแม่น้ำสายใหม่ขึ้น ที่นี่กลายเป็นดินแดนล้างจนผู้คนลืมเลือนเรื่องที่เกิดขึ้น เมืองใหม่ก็ถูกสร้างขึ้นมาใกล้ๆ กับเมืองเดิมหลายครั้งหลายหน....
อาจารย์หมายความว่า...?
ที่นี่อยู่ใต้เวียงลงมา 40 กิโลเมตร รอยยิ้มบางๆ ผุดขึ้นบนใบหน้า เคียงฟ้านิ่งอึ้งไป
ถ้าจะฟื้นจุมภะต้องรื้อเวียงออก รอบๆ นี้น่ะขุดตรงไหนก็เจอซากเมืองซ้อนทับกันอยู่หลายเมือง
ทำไม...ทำไมเขาถึงมาสร้างเมืองทับที่อาถรรพ์แบบนี้
ก็นานวันเข้าเมืองเก่าก็เหลือแค่เพลงขับซอเล่าสู่กันฟังเท่านั้น แล้วพอดินถมจนเต็มก็อุดมสมบูรณ์เหมาะแก่การเพาะปลูก ซ้ำยังมีแม่น้ำตัดผ่านหน้าเมืองเดิมที่จมดินไปแล้ว ที่ไหนจะบริบูรณ์เท่าที่นี่เล่า
แล้ว...มันยังไงคะ ฟ้าไม่เข้าใจ?
ถ้าจุมภะไม่สิ้นสุด...จะไม่มีเชียงใหม่ในปัจจุบัน!
อ่านต่อตอนหน้าค่ะ
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++
Create Date : 09 มกราคม 2558 |
|
0 comments |
Last Update : 9 มกราคม 2558 3:20:43 น. |
Counter : 1143 Pageviews. |
|
|
|
|
|
|
|
|