"For those who believe, no proof is necessary. For those who don't believe, no proof is possible." --- Stuart Chase
เมื่อความทรงจำหมุนคืน
เมื่อสองสามอาทิตย์ก่อน อยู่ดีๆ มือถือก็ดังขึ้น พร้อมกับเบอร์ที่ไม่คุ้นเคยเบอร์ใครหว่า แต่เนื่องจากเพื่อนมักจะเปลี่ยนเบอร์กันอยู่บ่อยๆเลยไม่ได้คิดอะไรแต่เสียงที่ดังมาตามสาย เป็นเสียงที่ไม่ได้ยินมาเกินสิบปีแล้ว"จำกันได้ไหม ไม่ได้คุยกับมาสิบห้าปีแล้ว"เฮ้ย! ไอ้เจตน์ นั่นมันเพื่อนสมัยเรียนประถมนี่หว่า!ขอท้าวความก่อนว่า โรงเรียนที่เรียนสมัยประถมนั้น เป็นโรงเรียนเล็กๆมีนักเรียนอยู่ไม่เกินสิบคนได้ เพราะงั๊นจะรู้จักกันหมดหลังจากเรียนจบประถม ด้วยความเป็นคนที่มนุษยสัมพันธ์ดีมากกกกกก ก็เลยแทบไม่ได้ติดต่อใครเลย ติดต่อ"หนู" เพื่อนผู้หญิงที่สนิทกันอยู่คนเดียวคนนี้ บ้านใกล้ๆโรงเรียน วันดีคืนดีก็โผล่หน้าไปหา อิอิและเนื่องจากบ้านไม่ได้อยู่ใกล้โรงเรียนเล๊ย (ใกล้ที่ทำงานบุพการี)แถมบุพการีย้ายที่ทำงานด้วย ก็เลยไม่ได้แวะเวียนไปแถวนั้นอีกครั้งสุดท้ายที่เจอหนูก็คือตอนปี 1 ก่อนที่เขาจะเอนท์ใหม่ ไปเรียนที่มช.เจตน์บอกว่า จขบ.เป็นคนที่ตามตัวยากที่สุด (ฮา)เพราะหายไป ไม่เจอกันราวๆสิบห้าปีได้ (แก่วุ้ย)แต่จขบ.ทึ่งในความสามารถส่วนบุคคลของเพื่อนเอามากๆไอ้คุณเพื่อนเอาชื่อ นามสกุลจขบ.ไปค้นเบอร์โทร.ได้เบอร์ที่บ้าน โทร.ไปที่บ้าน ยายรับ แต่จำเบอร์มือถือไม่ได้เลยให้เบอร์ที่ทำงานแม่ไป มันโทร.ไปหาแม่ จนแม่ให้เบอร์มือถือจขบ.มาโอ้ เพื่อนตรู ช่างสุดยอดอะไรเช่นนี้ ข้าน้อยขอชมเชย! โทรศัพท์ครั้งนั้น เป็นที่มาของงานรวมรุ่นสมัยประถมโน่นแน่ะทุกคนบอกว่า ข้าพเจ้าหน้าตาไม่เปลี่ยนเลย (ซะงั๊น)ส่วนไอ้เราก็ว่า เพื่อนๆก็หน้าตาไม่เปลี่ยนเหมือนกันล่ะวะมองยังไงก็ยังมีเค้าเดิมกันอยู่ มองไปก็นึกออกว่าใคร ยกเว้นบางคนที่หน้าตาล้ำวัยไปหน่อย 555 (ขอโทษนะเพื่อน)ตอนที่นั่งอยู่ตรงนั้น รู้สึกเหมือนอดีตหมุนกลับมาอีกครั้งกลับไปเป็นเด็กๆ ที่วิ่งเล่นกันอยู่ตรงนั้นเหมือนเดิมอยากจะบอกจริงๆนะ ว่า"ดีใจจริงๆนะ ดีใจที่ได้มาเจอกันอีกที"