อะไรก็ได้ ขอให้มีความสุข
Group Blog
 
<<
เมษายน 2552
 
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
2627282930 
 
12 เมษายน 2552
 
All Blogs
 

การทดสอบโรคภูมิแพ้ การรักษา

การทดสอบภูมิแพ้

เมื่อเกิดโรคภูมิแพ้ขึ้นก็มีความจำเป็นจะต้องทราบว่าแพ้อะไร เนื่องจากการรักษาที่ดีที่สุดคือการหลีกเลี่ยงสิ่งที่แพ้ หากทดสอบแล้วรู้ว่าแพ้อะไรก็ต้องหลีกเลี่ยง หากหลีกเลี่ยงไม่ได้ก็ต้องใช้ยารักษา

ดิฉันเองก็เคยเข้ารับการทดสอบด้วยเหมือนกัน เพื่อการรักษาที่ตรงประเด็น ตรงจุดมากยิ่งขึ้น

เป็นการยากที่จะบอกว่าท่านแพ้อะไรโดยอาศัยเพียงประวัติและการตรวจร่างกาย หากท่านสงสัยว่าเป็นภูมิแพ้ท่านต้องปรึกษาแพทย์ เพื่อซักประวัติภูมิแพ้และตรวจร่างกาย หากอาการภูมิแพ้ของท่านเป็นมากแพทย์ก็จะทดสอบภูมิแพ้

1. Skin Prick Test โดยการฉีดสารที่สงสัยว่าจะทำให้เกิดภูมิแพ้เข้าใต้ผิวหนัง จะทดสอบบริเวณแขน สำหรับเด็กจะทดสอบบริเวณหลัง การทดสอบนี้ไม่เจ็บและทราบผลทันที การทดสอบให้ผลบวกจะต้องมีตุ่มแดง นูนและคันบริเวณที่ฉีด ตุ่มยิ่งมีขนาดใหญ่เท่าใดยิ่งแพ้มากขึ้นเท่านั้น หากให้ผลลบแสดงว่าไม่ได้แพ้สารนั้นขั้นตอนในการตรวจมีดังนี้

-หากท่านรับประทานยาเป็นประจำต้องแจ้งให้แพทย์ทราบโดยเฉพาะ ยาแก้แพ้ ยาแก้โรคซึมเศร้า และจะต้องหยุดยาตั้งแต่ 2 วัน-6สัปดาห์
-แพทย์จะซักประวัติโรคภูมิแพ้ ความรุนแรงของโรค แล้วจึงเลือกชนิดของสารก่อภูมิแพ้เพื่อทดสอบ
-ทำความสะอาดผิวด้วยแอลกอฮอร์
-ใช้ไม้บรรทัดวัดตำแหน่งที่จะทดสอบ
-หยดสารก่อภูมิแพ้ตามตำแหน่ง
-ใช้เข็มเล็กสะกิดผิวหนังให้น้ำยาลงไป เปลี่ยนเข็มทุกครั้งที่เปลี่ยนตำแหน่ง
-รอดูผลการทดสอบ 15 นาที
-วัดดูขนาดของผื่นที่เกิดและจดว่าแพ้อะไรบ้าง

2.การเจาะเลือดตรวจ Blood test เป็นการเจาะเลือดเพื่อหาภูมิต้านทาน(IgE)ต่อสารภูมิแพ้เช่นต่อไรฝุ่น ต่ออาหาร นม ไข่ ถั่วเหลือง

3.Patch test เป็นการทดสอบภูมิแพ้ที่เกิดหลังสัมผัส เช่นผื่นแพ้จากการสัมผัส contact dermatitis วิธีการตรวจโดยใช้สารที่สงสัยว่าจะแพ้ใส่แผ่นเทปและปิดที่ผิวหนังไว้ 48 ชั่วโมงส่วนใหญ่ทดสอบการแพ้ ยาง nickle สี เครื่องสำอาง รวมทั้งยา

4.Challenge test การทดสอบนี้ควรจะทำในโรงพยาบาลโดยให้รับสิ่งที่สงสัยว่าจะแพ้แล้วดูปฏิกิริยา ก่อนการทดสอบควรเตรียมยาเพื่อช่วยชีวิตไว้ให้พร้อม

หลังจากผ่านขั้นตอนนี้แล้วทำให้เราได้ทราบว่า สารภูมิแพ้ที่ทำให้เราเกิดอาการแพ้มีอะไรบ้าง
ขั้นต่อไปก็ทำการรักษาค่ะ
การรักษาโรคภูมิแพ้

โรคภูมิแพ้ส่วนใหญ่เมื่อหลีกเลี่ยงจากสิ่งที่แพ้ และรับประทานยาแก้แพ้ก็จะสามารถควบคุมอาการได้ สำหรับผู้ที่มีอากรคัดจมูกมากอาจจะต้องให้ยาลดอาการคัดจมูก( Decongestant) สำหรับผู้ที่มีอาการเรื้อรังอาจจะต้องใช้ยาหยอดจมูก steroid หลักการรักษาประกอบด้วย

1. หลีกเลี่ยงหรือป้องกันสารที่เป็นภูมิแพ้้การหลีกเลี่ยงสารก่อภูมิแพ้ ได้กล่าวในหัวข้อของการแพ้สารก่อภูมิแต่ละชนิด สำหรับเครื่องฟอกอากาศก็มีประโยชน์ บางชนิดใช้ไฟฟ้า บางชนิดใช้ fiberglass ซึ่งก็สามารถลดสารก่อภูมิแพ้ในอากาศลง และอาจจะใช้เสริมกับระบบเครื่องปรับอากาศ ก่อนที่ท่านจะซื้อจะต้องเช่า 1-2 เดือนลองใช้กับห้องที่ค่อนข้างมิดชิดแล้วดูว่าอาการภูมิแพ้ลดลงหรือไม่ และต้องคำนึงอีกข้อหนึ่งคืออัตราการไหลของอากาศต้องมากพอที่จะฟอกอากาศ ถ้าอัตราการไหลต่ำก็ไม่มีประโยชน์ ไม่ควรใช้โอโซนเพราะจะระคายเคืองเยื่อจมูก

2. การใช้ยาอย่างเหมาะสมเพื่อลดอาการ หรือป้องกันอาการ ยาที่ใช้รักษามีดังนี้
-ยาแก้แพ้ Antihistamin
-Decongestant
-Antihistamin-Decongestant
-Steroid
-Mast cell stabilizer
-Anticholinergic

3. การรักษาโดยการฉีดภูมิแพ้ Immunotherapy ผู้ป่วยจะได้รับสารก่อภูมิแพ้เพื่อให้ร่างการสร้างภูมิชนิด IgG การฉีดจะเลือกฉีดเฉพาะสารก่อภูมิแพ้ที่ได้ทดสอบทางผิวหนังแล้วว่าแพ้ และจะค่อยเพิ่มขนาดยาตามตารางเวลา หลังจากฉีดแต่ละครั้งควรอยู่ในสถานพยาบาลครึ่งชั่วโมง และระหว่างการรักษาไม่ควรรับประทานยา beta-block และยา monoamine oxidase
inhibitors (MAOIs) ผลข้างเคียงจากการฉีดก็มีผื่นเฉพาะที่แดง คันผื่นจะอยู่นาน 4-8 ชั่วโมง ส่วนข้างเคียงอีกชนิดหนึ่งคืออาการคัดจมูก แน่นหน้าอก คัดจมูกและน้ำมูกไหล อาการเหล่านี้มักจะเกิดภายใน 30 นาทีหลังฉีด
การรักษาอื่นที่บรรเทาอาการได้แก่

-การล้างจมูกด้วยน้ำเกลืออุ่นๆ
-การดมไอน้ำร้อนครั้งละ10-15 นาทีวันละ 2-4ครั้ง

ดิฉันเองก็ได้เข้ารับการรักษาด้วยวิธีการ ฉีด Immunotherapy อธิบายง่ายๆคือ ฉีดสารที่เราแพ้เข้าไป เพื่อกระตุ้นให้ร่างกายสร้างภูมิคุ้มกันต่อสารเหล่านี้ได้เอง แต่ละคนจะมีระยะเวลา และปริมาณของสารที่ฉีดไม่เท่ากัน ขึ้นอยู่กับร่างกายของเราด้วย อย่างดิฉันเอง คุณหมอจะต้องลดความเข้มข้นของสารภูมิแพ้ลง เนื่องจากมีอาการแพ้มาก และค่อยๆปรับเพิ่มเมื่อร่างกายสามารถรับสารได้มากขึ้น

การรักษาด้วยวิธีนี้ คนไข้จะต้องรักษาสุขภาพร่างกายให้แข็งแรง หลับพักผ่อนให้เพียงพอ ทานอาหารให้ครบ ออกกำลังกาย และหลีกเลี่ยงสารภูมิแพ้ด้วย เพื่อให้การรักษาได้ผลดีที่สุด

ปัจจุบันนี้ ดิฉันมีอาการภูมิแพ้จากสารภูมิแพ้น้อยลง เมื่อเจอสารเหล่านั้น ดิฉันสามารถต่อสู้กับมันได้เอง โดยไม่ต้องพึ่งยาแล้ว มีบ้างในบางครั้งที่ร่างกายอ่อนแอมากๆ อาจจะต้องกินยา แต่ไม่บ่อยเท่ากับตอนก่อนเข้ารับการรักษา

การรักษาด้วยวิธีนี้ ไม่ได้ทำให้เราหายจากโรคเลยทีเดียวนะ ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายๆอย่าง เช่น การออกกำลังกาย ให้ร่างกายแข็งแรง อยู่สม่ำเสมอ การนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ อาหาร เป็นต้น ถ้าใครใช้ร่างกายอย่างไม่ทนุถนอม วันนึง เราอาจจะกลับมาแพ้สารเหล่านั้น และร่างกายไม่สามารถสู้กับมันได้อีกต่อไป หรืออาจจะแพ้อย่างอื่นเพิ่มขึ้นมาอีกด้วยก็ได้ (อ้างอิง : พี่ที่รู้จักกันเกิดมีอาการแพ้ที่ทำให้ตาอักเสบเพิ่มขึ้นมาจากอาการเดิมด้วย)

ขอให้เพื่อนที่เป็นโรคเดียวกันนี้ ดีขึ้นจากอาการแพ้ ด้วยนะค้า

เป็นกำลังใจค่ะ




 

Create Date : 12 เมษายน 2552
2 comments
Last Update : 12 เมษายน 2552 15:30:59 น.
Counter : 583 Pageviews.

 

ค่ะ หายเร็ว ๆ น่ะค่ะ..หมูอ้วนเองก็เคยฉีควัคซีน แต่ฉีดไม่ครบคอรส์ค่ะ ผลก็มาออกเอาตอนนี้ค่ะ เป็นภูมิแพ้ขึ้นตาหนังตาบวมปีหนึ่งแล้วยังไม่หาย...ยังไงหายเร็วๆ นะคะเอาใจช่วยค่ะ

 

โดย: หมูอ๊วนอ้วน 12 เมษายน 2552 19:54:57 น.  

 

เป็นภูมิแพ้หนักมาก หมอเลยให้ไปทดสอบภูมิแพ้มาค่ะ ปรากฏว่าแพ้ฝุ่นบ้าน ไรฝุ่นชนิดที่1 ไรฝุ่นชนิดที่2 และยุง หลังทดสอบนี่คันยิบยับเลยค่ะ

ไม่รู้ว่าถ้าฉีดสารภูมิแพ้แบบคุณแล้วจะดีขึ้นหรือป่าว สนใจมากค่ะ

 

โดย: แพร IP: 125.27.167.131 12 เมษายน 2552 20:02:00 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


BaByOiL_Patsachan
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




ชอบเครื่องบิน ชอบถ่ายรูป งานเย็บ ปัก ถัก ทอ ทั้งหลาย ชอบเลี้ยงปลา ปลูกต้นไม้ จัดสวน อีกเยอะเลยอ่ะ ที่เกี่ยวกะงานก็มีอย่างเดียว ก็คือชอบดูเครื่องบินน่ะแหละ แต่ไม่รู้จะมีประโยชน์รึปล่าว อย่างอื่น สันทนาการล้วนๆ เหอๆๆๆ