พุทธวจนเรื่องการนอน
ภิกษุ ท. ! การนอน ๔ อย่าง เหล่านี้ มีอยู่. สี่อย่าง อย่างไรเล่า? สี่
อย่างคือ เปตไสยา กามโภคิไสยา สีหไสยา ตถาคตไสยา.
ภิกษุ ท. ! เปตไสยา (นอนอย่างเปรต) เป็นอย่างไรเล่า ? ภิกษุ
ท. ! โดยมาก พวกเปรต ย่อมนอนหงาย. นี้เรียกว่า เปตไสยา.
ภิกษุ ท. ! กามโภคิไสยา (นอนอย่างคนบริโภคกาม) เป็น
อย่างไรเล่า ? ภิกษุ ท. ! โดยมาก คนบริโภคกาม ย่อมนอนตะแคงโดยข้าง
เบื้องซ้าย. นี้เรียกว่า กามโภคิไสยา.
ภิกษุ ท. ! สีหไสยา (นอนอย่างสีหะ) เป็นอย่างไรเล่า ? ภิกษุ
ท. ! สีหะเป็นพญาสัตว์ ย่อมสำเร็จการนอนโดยข้างเบื้องขวา เท้าเหลื่อมเท้า
สอดหางไว้ที่ระหว่างแห่งขา. สีหะนั้นครั้นตื่นขึ้น ย่อมชะเง้อกายตอนหน้าขึ้น
สังเกตกายตอนท้าย ถ้าเห็นความดิ้นเคลื่อนที่ของกาย (ในขณะหลับ) ย่อมมี
ความเสียใจเพราะข้อนั้น. ถ้าไม่เห็น ย่อมมีความดีใจ. นี้เรียกว่า สีหไสยา.
ภิกษุ ท. ! ตถาคตไสยา (นอนอย่างตถาคต) เป็นอย่างไรเล่า ?
ภิกษุ ท. ! ในกรณีนี้ ภิกษุ สงัดแล้วจากกาม สงัดแล้วจากอกุศลธรรมทั้งหลาย
เข้าถึง ฌานที่ ๑ ซึ่งมีวิตกวิจาร มีปีติและสุขอันเกิดแต่วิเวก แล้วแลอยู่. เพราะ
วิตกวิจารรำงับไป เธอเข้าถึง ฌานที่ ๒ อันเป็นเครื่องผ่องใสแห่งใจในภายใน
สามารถให้สมาธิผุดขึ้นเป็นธรรมเอก ไม่มีวิตกวิจาร มีแต่ปีติและสุขอันเกิดแต่
สมาธิ แล้วแลอยู่. เพราะปีติจางหายไป เธอเป็นผู้เพ่งเฉยอยู่ได้ มีสติ มีความ
รู้สึกตัวทั่วพร้อม และได้เสวยสุขด้วยนามกาย เข้าถึง ฌานที่ ๓ อันเป็นฌานที่
พระอริยเจ้าทั้งหลาย กล่าวสรรเสริญผู้ได้บรรลุว่า “เป็นผู้เฉยอยู่ได้ มีสติอยู่
เป็นสุข” แล้วแลอยู่. เพราะละสุขและทุกข์เสียได้ เพราะความดับหายไปแห่ง
โสมนัสและโทมนัสในกาลก่อน เธอเข้าถึง ฌานที่ ๔ อันไม่ทุกข์และไม่สุขมีแต่
สติอันบริสุทธิ์เพราะอุเบกขา แล้วแลอยู่. นี้เรียกว่า ตถาคตไสยา.
ภิกษุ ท. ! เหล่านี้ แล การนอน ๔ อย่าง.
- จตุกฺก.อฺ. ๒๑/๓๓๑/๒๔๖.
พุทธวจนเรื่องการตั้งจิตก่อนนอน
อานนท์ !
ถ้าเมื่อภิกษุนั้น ... จิตน้อมไปเพื่อ การนอน,
เธอก็ นอนด้วยการตั้งใจว่า
“บาปอกุศลธรรมทั้งหลาย กล่าวคือ อภิชฌา
และโทมนัส จักไม่ไหลไปตามเราผู้นอนอยู่ ด้วยอาการ
อย่างนี้” ดังนี้ :
ในกรณีอย่างนี้
ภิกษุนั้น ชื่อว่า เป็นผู้มีความรู้สึกตัวทั่วพร้อม
ในกรณีแห่งการนอนนั้น.
อุปริ. ม. ๑๔/๒๓๘/๓๔๘.
ความคิดเห็นเรื่องทิศแห่งการนอนอื่นๆ
เป็นใหญ่เป็นโต ประกอบการงานใดๆ ก็จะเจริญ สมความตั้งใจทุกประการ
ทิศตะวันออกเฉียงเหนือ (อิสาน) - เป็นเศรษฐีทิศ ตั้งโฉมหน้าพระ
ไปสู่ทิศนี้ จะทำอะไรก็เจริญร่ำรวยเป็น ที่ ๑
ทิศตะวันออกเฉียงใต้ (อาคเนย์) - เป็นปฐมทิศ ไม่รุ่งโรจน์ พอทำพอกิน ไม่ค่อยเจริญ
ทิศใต้ (ทักษิณ) - จัณฑาลทิศ ลาภต่างๆจะได้ด้วย ความเหนื่อยยาก ลำบาก อานิสงค์ที่ได้ไม่คุ้มค่าของความเหน็ดเหนื่อย
ทิศตะวันตกเฉียงใต้ (หรดี) - วิปฏิสารทิศ เดือดร้อน ทำความ
ยุ่งยากให้เกิดขึ้นระหองระแหง แก่เพื่อนบ้านหรือลูกหลานในบ้านตนเองก็ยุ่ง
ทิศตะวันตก (ปัจจิม) - ทิศกาลกินี ทำสิ่งใดไขว้เขวเป็น
อัปมงคล หรืออาจทำการฆาตกรรมตนเอง
ย่อมมีอันเป็นไปต่างๆนานา
ทิศตะวันตกเฉียงเหนือ (พายัพ) - จะทำอะไรมักรวนเร
หาความแน่นอนไม่ใคร่ได้ คนนั้นพูดอย่างนี้ คนนี้พูดอย่างนั้น
อันนี้เอามาจากการตั้งหิ้งพระค่ะ แต่คิดว่าน่าจะเหมือนกัน แห่ะๆ