📚 โหราศาสตร์ไทยเรียนด้วยตนเองฉบับคุณยายกลิ่นโสม ◜◡‾)
Group Blog
 
 
สิงหาคม 2555
 
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
 
8 สิงหาคม 2555
 
All Blogs
 
คุยเฟื่อง..เรื่องสวดมนต์

ยายหายไปนานกับการเขียนที่บล๊อค..เพราะต้อง ซ่อมบ้าน ซ่อมตัว ซ่อมบ้านเพราะน้ำท่วม พอซ่อมบ้านไปได้เปบนึง ก็เริ่มไม่สบาย ไม่สบายไปซ่อมบ้านไป กว่าบ้านจะเสร็จก็เริ่มที่จะมีข่าวว่าน้ำกำลังเริ่มมากันอีกแล้ว 5555 แล้วยังซ่อมบ้านไปซ่อมตัวเพราะแก่ 555 ก็เลยทำให้ห่างหายจากบล๊อคกันไปนานหลายเดือนเลยทีเดียว ถึงยายซ่อมบ้านจะยังไม่เสร็จดีแต่ที่มีเวลาว่างๆได้บ้างแล้ว เฮ้อออออออออ คิดถึงบล๊อคมาตั้งนานแล้ว ว่าจะมาเขียนโม้อะไร ต่อมิอะไร ก็มองๆหาเวลาอยู่หลายวันแล้ว วันนี้ครื้มฟ้าครื้มฝน ยายเลยได้ฤกษ์มาคิดถึงบล๊อคจริงๆ กันซะที

วันนี้เมื่อตอนเช้ามืด ยายได้มาเปิดเมลล์เหมือนเคย ก็ได้มีลูกค้าท่านหนึ่ง ท่านส่งเมลล์หนึ่งมาให้อ่านแล้วยายชอบมาก เลยทำให้อยากนำมาแบ่งปันกัน ในเมลล์นั้นพูดถึงเรื่องประโยชน์ของการสวดมนต์ ว่า...


ประโยชน์ของการสวดมนต์
(ทางการแพทย์)

เรื่อง Vibrational Therapy : สวดมนต์บำบัด
โดย: ชมนาด


เชื่อหรือไม่ ว่าหากเราสวดมนต์(ไม่ว่าศาสนาใดก็ตาม)เพื่อให้ใครสักคนหายป่วย แม้จะอยู่ห่างกันคนละซีกโลก แต่พลังแห่งบทสวดนั้นจะเดินทางไปเยียวยาความเจ็บป่วยของเขาได้ ??? เพราะการสวดมนต์บำบัดทำให้เกิดทั้งคลื่นเสียงที่สามารถเดินทางลึกเข้าไปในสมอง และคลื่นไฟฟ้าที่ส่งกระจายไปในชั้นบรรยากาศไกลๆได้

การสวดมนต์บำบัด คือหลักการหนึ่งของ Vibrational Therapy หรือ Vibrational Medicine คือการใช้คุณสมบัติของคลื่นบางคลื่นมาบำบัดความเจ็บป่วย ซึ่งมีหลากหลายวิธี อาทิ เก้าอี้ไฟฟ้า เครื่องนวดต่างๆ ก็เป็นVibrational Therapy เช่นกัน แต่เป็นคลื่นไฟฟ้าเชิงฟิสิกส์ ที่เกิดจากสิ่งไม่มีชีวิต ต่างจาก สวดมนต์บำบัดซึ่งเป็นคลื่นที่เกิดจากสิ่งมีชีวิต

ดังนั้นมาดู พลังแห่งการสวดมนต์บำบัดกัน ว่าคืออะไรและมีประโยชน์อย่างไร ???

คลื่นแห่งการเยียวยา
การสวดมนต์ใช้หลักการทำให้เกิดคลื่นเสียงที่มีความสม่ำเสมอ เพื่อเข้าไปกระตุ้นร่างกายให้เกิดการเยียวยา ซึ่งหากคลื่นเสียงที่มากระทบดังแบบไร้ระเบียบ คือประกอบด้วยเสียงที่มีความถี่ต่างๆกัน ก็ไม่เกิดประโยชน์ต่อการบำบัด กลไกดังกล่าวเริ่มต้นเมื่อหูของเราได้ยินเสียงบทสวด ก็จะส่งสัญญาณต่อไปยังศูนย์การได้ยินที่อยู่บริเวณสมองกลีบขมับ ก่อนส่งไปบริเวณก้านสมอง ซึ่งเมื่อได้รับคลื่นเสียงช้าๆ สม่ำเสมอประมาณ 15 นาที ก็จะหลั่งสารสื่อประสาทที่มีประโยชน์มากมาย

เสียงสวดมนต์ด้วยสมาธิเป็นยา :ให้ผลกับร่างกายเอนกอนันต์
รองศาสตราจารย์ ดร. สมพร กันทรดุษฎี เตรียมชัยศรี
หัวหน้าภาควิชาการพยาบาลสาธารณสุข คณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล
อธิบายเพิ่มเติมดังนี้

"
สมองของเราเมื่อได้รับการกระตุ้นด้วยคลื่นเสียงช้าๆ สม่ำเสมอประมาณ 15 นาทีขึ้นไป จะทำให้เซลล์ประสาทของระบบประสาทสมองสังเคราะห์สารสื่อประสาทหลายๆชนิด บริเวณก้านสมองจะหลั่งสารสื่อประสาทชื่อ ซีโรโทนิน (serotonin) เพิ่มขึ้น ซึ่งมีฤทธิ์คล้ายยานอนหลับ ช่วยการเรียนรู้ ลดความเครียด ลดอาการซึมเศร้า ลดระดับน้ำตาลในเลือดและเป็นสารตั้งต้นในการสังเคราะห์สารสื่อประสาทอื่นๆ เช่น เมลาโทนิน ซึ่งเปรียบคล้ายกับยาอายุวัฒนะ เพราะจะช่วยยึดอายุการทำงานของเซลล์ประสาท เซลล์ร่างกาย ให้ชีวิตยืนยาวขึ้น และยังมีคุณสมบัติช่วยให้นอนหลับ เพิ่มภูมิต้านทาน ทำให้เซลล์สดชื่นขึ้น รวมถึง โดปามีน มีฤทธิ์ลดความก้าวร้าว และอาการพาร์กินสัน นอกจากนี้ปริมาณของซีโรโทนินมีความสัมพันธ์ต่อการกระตุ้นการหลั่งสารสื่อประสาทอื่นๆ เช่น อะเซทิลโคลีน ช่วยในกระบวนการเรียนรู้และความจำ ช่วยขยายเส้นเลือด ทำให้ความดันลดลง และยังช่วยลดปริมาณ อาร์กินิน วาโซเปรสซิน ซึ่งมีหน้าที่ควบคุมความก้าวร้าว ความสมดุลของน้ำ และซีโรโทนินยังเข้าไปลดปริมาณของสารเคมีชนิดหนึ่งที่เป็นตัวกระตุ้นขอ งการทำงานของต่อมหมวกไตให้ลดลง  ส่งผลให้ระบบประสาทส่วนกลางทำงานน้อยลง ร่างกายจึงรู้สึกผ่อนคลาย  ปลอดโปร่ง และไม่เครียด ภูมิต้านทานเพิ่มขึ้น" ดังนั้น จุดสำคัญจึงอยู่ที่ร่างกายจะสามารถสร้างสารสื่อประสาทได้หรือไม่

อาจารย์สมพรเสริมว่า
"
หลักการสำคัญอยู่ที่หากมีสิ่งเร้าหลายๆประเภทเข้ามารบกวนกระบวนการทำงานของคลื่นสมองพร้อม ๆกัน  ทำให้สัญญาณคลื่นสมองเปลี่ยนไป

การหลั่งสารสื่อประสาทจะสับสน
ไม่มีผลในการเยียวยา สิ่งเร้านี้มาจากหลายส่วน ทั้งตัวเอง เช่น บางคนปากสวดมนต์ แต่คิดฟุ้งซ่านไปเรื่องอื่น ก็ไม่ได้ประโยชน์  และการเ กิดเสียงดังอื่นๆ เข้ามารบกวนขณะสวดมนต์ เพราะประสาทสัมผัสของมนุษย์รับรู้ได้ไวและอ่อนไหวมาก เรามีตัวประสาทรับสัญญาณมากมาย เรารับสิ่งเร้าได้ทั้งจากทางปาก ตา หู จมูก การเคลื่อนไหว และใจ เหล่านี้ทำให้สัญญาณคลื่นสมองสับสนและเปลี่ยนไป ร่างกายก็จะสร้างซีโรโทนินได้ไม่มากพอ" และไม่ใช่เฉพาะสารสื่อประสาทที่มีประโยชน์เท่านั้นที่เราจะได้จากการสวดมนต์ แต่การสวดมนต์ยังทำให้อวัยวะต่างๆได้รับการกระตุ้นคล้ายกับการนวดตัวเองจากการเปล่งเสียงสวดมนต์

สวดมนต์กระตุ้นอวัยวะ
อาจารย์ เสถียรพงษ์ วรรณปก ราชบัณฑิต อธิบายหลักการนี้ว่า "เวลาเราสวดมนต์นานๆ  คำแต่ละคำจะสร้างความสั่นสะเทือนไม่เท่ากันตามฐานที่เกิดของเสียงหรือตามวิธีเปล่งเสียง  แม้ว่าเสียงจะออกมาจากปากเหมือนกัน แต่ว่าเสียงบางเสียงออกมาจากริมฝีปาก  บางเสียงออกมาจากปุ่มเหงือก บางเสียงออกมาจากไรฟัน บางเสียงออกมาจากคอ ดังนั้น ถ้าเราสวดมนต์ถูกต้องตามฐานกรณ์จึงเกิดพลังของการสั่น"

และเมื่อเกิดพลังของการสั่น การสั่นนี้จะเข้าไปเยียวยาอาการป่วยได้อย่างไร
อาจารย์เสถียรพงษ์อธิบายต่อว่า

"
เวลาเราสวดมนต์ เสียงสวดจะไปช่วยกระตุ้นต่อมต่างๆ ซึ่งจะช่วยปราบเชื้อโรคบางชนิด เช่นการวิจัยของฝรั่ง พบว่า อักษร เอ บี ซี ดี จะช่วยกระตุ้นระบบน้ำย่อย ส่วนบทสวดมนต์ในพระพุทธศาสนา  เสียงอักขระแต่ละตัวมีคำหนักเบาไม่เท่ากัน บางตัวสั่นสะเทือนมาก  บางตัวสั่นสะเทือนน้อย ทำให้ต่อมต่างๆในร่างกายถูกกระตุ้น เมื่อต่อมที่ฝ่อถูกกระตุ้นบ่อยๆเข้า ก็คงคืนสภาพ อาการป่วยก็จะดีขึ้น" นอกจากนี้ยังมีบทความที่อธิบายเกี่ยวกับการฝึกเปล่งเสียงเพื่อรักษาโรคจากเสียงต่างๆ เช่น

โอม ...... กระตุ้นหน้าผาก
ฮัม ....... กระตุ้นคอ

ยัม ....... กระตุ้นหัวใจ
ราม .......กระตุ้นลิ่นปี่
วัม ....... กระตุ้นสะดือ
ลัม .......
กระตุ้นก้นกบ เป็นต้น


แต่ที่สำคัญมากไปกว่านั้น การสวดมนต์ให้ประโยชน์ทางใจที่มีคุณค่ากับผู้สวด

รองศาสตราจารย์จุฑาทิพย์ อุมะวิชนี ภาควิชาปรัชญาและศาสนา คณะศิลปะศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ สรุปว่ามี 2 ข้อคือ

1.
การสวดมนต์เป็นเครื่องช่วยให้เกิดสมาธิ โดยต้องสวดเสียงดัง ให้หูได้ยินเสียงตัวเอง และจิตใจต้องจดจ่ออยู่กับเสียงสวด  เมื่อใจไม่ฟุ้งไปที่อื่น ใจอยู่กับเสียงเดียว จึงเกิดสมาธิ

2.
ถ้าเข้าใจความหมายของบทสวดนั้นๆ จะทำให้เรามีความเลื่อมใสศรัทธาเพราะบทสวดของทุกศาสนาเป็นเร ื่องของความดีงาม จิตใจก็จะสะอาดขึ้น บริสุทธิ์ขึ้น เป็นการยกระดับจิตใจของผู้สวด

เมื่อร่างกายที่รับสารสื่อประสาทที่มีประโยชน์และการกระตุ้นระบบอวัยวะต่างๆให้ทำงานเป็นปกติ  เท่ากับว่าเราได้ผ่อนคลายทั้งร่างกายและจิตใจย่อมทำให้ภูมิชีวิตดีขึ้นเป็นลำดับ ความป่วยก็จะดีขึ้นเป็นลำดับ ซึ่งสอดคล้องกับงานวิจัยในต่างประเทศที่อาจารย์ สมพร สรุปให้ฟังว่า

การสวดมนต์ช่วยบำบัดอาการป่วยและโรคร้ายดังต่อไปนี้
1.
หัวใจ
2.
ความดันโลหิตสูง
3.
เบาหวาน
4.
มะเร็ง
5.
อัลไซเมอร์
6. ซึมเศร้า
7. ไมเกรน
8.
ออทิสติก
9.
ย้ำคิดย้ำทำ
10. โรคอ้วน
11.
นอนไม่หลับ
12.พาร์กินสัน


สวดมนต์อย่างไรให้หายจากโรค
สวดมนต์บำบัดมีวิธีการและจุดประสงค์ที่หลากหลาย สรุปออกมาได้ 3 แบบ

1.    
การสวดมนต์ด้วยตัวเอง
เป็นการเหนี่ยวนำตัวเอง จึงเป็นที่มาของคำว่า Prayer Therapy ถือเป็นวิธีการที่ดีที่สุด เพราะหากใครสักคนคิดที่จะสวดมนต์ นั่นหมายความว่าเขากำลังมีความปรารถนาดีต่อตนเอง วิธีการที่อาจารย์สมพรแนะนำคือ

-
ควรสวดด้วยตัวเอง และไม่ควรสวดมนต์หลังกินอาหารทันที ควรทิ้งช่วงให้ร่างกายเริ่มผ่อนคลาย อาจเป็นเวล าก่อนเข้านอน

-
หาสถานที่ที่สงบเงียบ

สวดบทสั้น ๆ 3-4 พยางค์ โดยใช้เวลาประมาณ 10-15 นาทีขึ้นไป จะทำให้ร่างกายได้หลั่งสารซีโรโทนิน แต่หากสวดมนต์ด้วยบทยาวๆ จะได้ความผ่อนคลายและความศรัทธา

ขณะสวดมนต์ให้หลับตา สวดให้เกิดเสียงดังเพื่อให้ตัวเองได้ยิน

2.    
การฟังผู้อื่นสวดมนต์
เป็นการเหนี่ยวนำโดยคลื่นเสียงจากผู้อื่น เช่น การฟังเสียงพระสวดมนต์ เสียงผู้นำสวดในศาสนาต่างๆ หากผู้สวดมีสมาธิ เสียงสวดนั้นจะนุ่ม ทุ้ม ทำให้เกิดคลื่นที่ช่วยเยียวยา (healing) ผู้ฟัง แต่หากผู้สวดไม่มีสมาธิ ไม่มีความเมตตา เสียงสวดที่เกิดขึ้นอาจเป็นคลื่นขึ้นๆลงๆ นอกจากจะไม่ช่วยเยียวยาอาการป่วย อาจทำให้เสียสุขภาพได้

3.    
การสวดมนต์ให้ผู้อื่น
ปรากฏการณ์มากมายที่เราเห็นในสังคม เมื่อใครสักคนเจ็บป่วย เรามักสวดมนต์อธิษฐานขอให้ความเจ็บป่วยของเขาหายไป บางครั้งอยู่ห่างกันคนละซีกโลก เสียงสวดมนต์เหล่านี้จะมีผลทำให้สุขภาพเขาดีขึ้นจริงหรือไม่

อาจารย์สมพรอธิบายดังนี้..
คลื่นสวดมนต ์ เป็นคลื่นบวก เพราะเกิดจากจิตใจที่ดีงาม ปรารถนาดีต่อผู้ป่วย และเมื่อเราคิดจะส่งสัญญาณนี้ออกไปสู่ที่ไกลๆ มันจะเดินทางไปในรูปของคลื่นไฟฟ้า ซึ่งมนุษย์มีเซลล์สมองที่สามารถส่งสัญญาณคลื่นไฟฟ้าและสารเคมีได้ถึง สิบยกกำลังสิบ คลื่นนี้จึงเดินทางไปได้ไกลๆ

บางทีพ่อกำลังป่วยหนักอยู่ที่นี่ แต่ลูกอยู่ต่างประเทศ ก็สามารถรับคลื่นนี้ได้และรู้ว่ามีใครกำลังไม่สบาย ที่เราเรียกว่าลางสังหรณ์หรือสัมผัสที่หก การรับรู้ได้หรือไม่ขึ้นอยู่กับผู้รับผู้ส่งด้วยถ้าคนไหนรับสัญญาณคลื่นแห่งบทสวดมนต์ได้จึงได้ผล เหมือนเราเปิดวิทยุ ถ้าคนฟังปิดหูก็จะไม่ได้ยิน ดังนั้นถ้าต่างฝ่ายต่างเปิดรับคลื่นบวกที่เราส่งไปผู้ป่วยก็จะได้รับและทำให้อาการป่วยดีขึ้นได้ ไม่ใช่เรื่องของความมหัศจรรย์แต่เป็นหลักธรรมชาติทั่วไป

เลือกสวดมนต์อย่างไรดี
แล้วบทสวดที่เลือกควรใช้บทไหนดี อาจารย์สมพรแนะนำว่า

"
น่าแปลกที่บทสวดในศาสนาส่วนใหญ่ไม่ค่อยมีจังหวะขึ้นๆ ลงๆ เหมือนจังหวะเพลง จะมีโทนเสียงแค่ไม้เอกไม้โทเท่านั้น สักสามสี่พยางค์มาสวดซ้ำไปมาได้ทั้งนั้น"

พระพุทธศาสนา มีบทสวดมากมายหลายบท ให้เลือกใช้ตามความชอบ ยกตัวอย่างเช่น อิติปิโส หรือ นะโมตัสสะ นะโมพุทธายะ หรือสัพเพสัตตา ฯลฯ เลือกท่อนใดท่อนหนึ่งแล้วสวด วนไปวนมาหรือโพชฌงค์ที่หลายคนนิยมสวดให้ตัวเองหรือคนไข้หายป่วย

"
ข้อที่น่าสังเกตคือ บทสวดโพชฌงค์ 7 จะมีความแตกต่างจากบทสวดอื่นๆคือคลื่นเสียงของบทสวดจะมีแค่เสียงสระ มีแค่สองจังหวะคลื่นเสียงจากบทสวดจึงทำให้เกิดคลื่นที่เยียวยาได้ดีที่สุด"

อยากให้ตัวเองและผู้อื่นมีสุขภาพกายใจเป็นสุขและยังน้อมนำกุศลจิต เริ่มจากการสวดมนต์เป็นประจำด้วยสมาธิ

ยายเองก็เป็นผู้หนึ่ง ที่เห็นคุณประโยชน์การสวดมนต์ คุณล่ะสวดมนต์กันบ้างหรือยัง ลองปฎิบัติดูแล้วคุณๆจะรู้ว่าการสวดมนต์มีประโยชน์มากกว่าสาระที่คุณอ่านข้างต้น นะคะ อยากหายกันไวๆ ก็ต้อง สวดมนต์และวิปัสสนา ดังคำกล่าวคำนี้ค่ะ  .... สวดมนต์เป็น ยาทา .. วิปัสสนาคือ ยากิน ....




Create Date : 08 สิงหาคม 2555
Last Update : 8 สิงหาคม 2555 8:56:21 น. 3 comments
Counter : 1879 Pageviews.

 
สวดมนต์ทำให้จิตใจสงบ เพราะเกิดสมาธิในการอ่าน

ทำให้ไม่ค่อยวอกแวกหรือมีเรื่องอื่นเข้ามากวน

นอกจากนี้ถ้าได้นั่งสมาธิอย่างน้อย ๆ วันละ 5-10 นาที

ก็ทำให้จิตใจสงบขึ้นได้เยอะเลย อย่างเราช่วยทำให้ใจเย็นขึ้น

เมื่อก่อนใจร้อนมาก ๆ


โดย: เด็กน้อยตัวแสบ วันที่: 8 สิงหาคม 2555 เวลา:10:09:42 น.  

 
ยินดีกับการให้เพื่อเป็นธรรมทานนะคะ เราเคยพบกันในเว็บพยากรณ์ ติดตามผลงานตลอด ขอบคุณและยินดีที่ได้รู้จัก


โดย: ร้านคลองถมมอลล์ (jaideeja ) วันที่: 8 สิงหาคม 2555 เวลา:10:10:26 น.  

 
ยินดีกับการให้เพื่อเป็นธรรมทานนะคะ เราเคยพบกันในเว็บพยากรณ์ ติดตามผลงานตลอด ขอบคุณและยินดีที่ได้รู้จัก



โดย: ร้านคลองถมมอลล์ (jaideeja ) วันที่: 8 สิงหาคม 2555 เวลา:10:10:26 น.

----------------------------------------------------------------------------

ยินดีที่รุ็จักเช่นเดียวกันค่ะ คุณ.ร้านคลองถมมอลล์ (jaideeja )


โดย: คุณยายกลิ่นโสม วันที่: 9 สิงหาคม 2555 เวลา:7:40:36 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

คุณยายกลิ่นโสม
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 24 คน [?]




New Comments
Friends' blogs
[Add คุณยายกลิ่นโสม's blog to your web]
Links
 
MY VIP Friends


 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.