++Guilin++

หลังจากหนีเพื่อนไปเที่ยวกุ้ยหลินในวันปีใหม่แล้วฟร้อนมีรูปงามๆ มาฝากเพื่อนดูกันค่ะ ไม่พูดพล่ำทำเพลงแระ โพส์เลยดีกว่า อิอิ

วันที่ไปกุ้ยหลินต้องตื่นตั้งแต่เช้า เอ๊า...ไม่เรียกเช้าสิ เพราะนอนตอนตีหนึ่งตื่นมาอาบน้ำแต่งตัวออกเดินทางไปสนามบินก็ตีสามครึ่งได้(อันนี้เรียกเช้าเปล่าน่า) เพราะต้องรอเช็คอินตอนตีสี่ เครื่องออกตอนหกโมงเช้า มันช่างหน้างัวเงียเสียจริงๆๆ วิญญายังติดอยู่กับที่นอนที่บ้านอยู่เลย พอขึ้นเครื่องมาได้ก็ถ่ายๆ (ถ่ายรูปน่ะ) เลยได้รูปตะวันขึ้นมาฝากเพื่อนๆด้วยแหละ เอ๊า...ชมเลย












ก็เห็นว่ามันงามอ่ะน่ะเลยเก็บมาฝากกันเยอะเลย อิอิ





นี้ก็เป็นที่สนามบินกุ้ยหลินแล้วค่ะ เกือบโดนตำรวจจับซะแระ คือเรื่องของเรื่องน่ะวันนั้นที่ไปกับสายการบินเนี้ย มีผู้โดยสารไม่มากเท่าไหร่ ทำให้การจ๊อบพาสเป็นไปได้อย่างรวดเร็วมาก แต่เจ้ากำข้าน้อยเกิดท้องเสียซะงั้นวันที่เดินทาง เพราะปล่อยขีประนาวุธไปแล้วหนึ่งลูกบนท้องฟ้านั้น(บนเครื่องบิน) แล้วพอลงมาถึงภาคพื้นดินก้าวขาเดินไม่เท่าไหร่มันดันจู่โจมแบบกระทันหันอีกรอบนึง แล้วห้องน้ำดันอยู่ข้าง ตม ซะด้วยสิ ต้องเลือกเอาแล้วสิงานนี้น้องฟร้อน ว่าแกจะเข้าช่องไหนดี ระหว่างช่องทางของการข้ามแดน หรือช่องทางระหว่างก้น เลือกเอา... ในเมื่อเดินมาถึงขั้นนี้แล้ว ขอเลือกช่องทางระหว่างก้นก่อนแล้วกัน เพราะถ้าปล่อยไว้คงแย่ๆๆๆกันทั้งบาง แล้วดันเข้าห้องน้ำนานจน ตม จ๊อบพาสหมดแล้วเหลือแต่ของฟร้อนแล้วของแฟน แฟนก็พยายามไปยืนด้านหน้า ตม เพื่อจะบอกให้รู้ว่ายังมีคนอยู่ เพราะที่นี้หมดคนแล้วจะปิดประตูทางเข้าออกหมดเลย แล้วจะออกไม่ได้ เจ้าหน้าที่ก็มองหน้าอยู่นาน จนมีการไปตามถึงห้องน้ำด้วย แต่ไม่ส่งเสียงอะน่ะ อิอิ พอออกจากห้องน้ำมามีการขอค้นด้วย แต่ดีที่มีอยู่ของโรงแรมยืนยันว่าพักที่ไหนจริงไม่งั้นอาจมีนอนในที่ห้องกงเป็นแน่แท้

พล่ามซะยาวมาดูรูปกันต่อดีกว่า....





โรงแรมที่เข้าพักค่ะ อยูกลางใจเมืองกุ้ยหลินเลยเชียว ชื่อโรงแรง 0773 grand ห้องพักสะดวกสะบายดีค่ะ แถมราคาประหยัดด้วยตกที่ราคา 190 RMB ตกเป็นเงินไทยประมาณ 950 บาทต่อคืนค่ะ


พอเข้าพักเอาของไปเก็บแล้วเราก็รีบออกไปหาอะไรกินกันก่อนเพราะเที่ยงกว่าแล้ว เลยเข้าร้านที่อยู่ติดกันกับโรงแรมสั่งอาหารโลด หิวมากหนาวด้วย วันที่ไปถึงอุณหภูมิที่ 4-7 องศา หนาวกว่าที่คิดซะอีก เพราะเช็คที่แรกแค่ 7-14 เท่านั้นเอง งานนี้เลยต้องหาอะไรร้อนๆกินกันค่ะ มาดูกันมามีอะไรกินกันบ้าง





ชื่อร้านอะไรนั้นก็ไม่ทราบได้ค่ะ เพราะภาษาจีนไม่ได้เรื่องเลย ท่านผู้ใดมีความรู้เรื่องอ่านภาษาจีนโปรดอ่านให้ด้วยน่ะค่ะ แล้วทางร้านจะจัดชุดชาจีนมาให้หนึ่งชุด แต่ชาจีนที่นี้เป็นแบบต้มผสมกับรากบัว ที่รู้ก็เพราะว่ามันมีกลิ่นรากบัวด้วยน่ะค่ะ ที่บ้านทำซุปรากบัวกันบ่อยๆ เลยรับรู้รสชาติด้วยการชิมน่ะค่ะ





จานแรกนี้เป็นเห็ดหูหนูเย็นคลุกน้ำมัน อร่อยแบบเย็นๆค่ะ รสชาติใช้ได้เลยค่ะ





ส่วนรายการที่สองนี้สิที่รอคอยเลยแหละค่ะ เป็นซุปสาหร่ายแห้ง อร่อยค่ะ เสียดายสาหร่ายแข็งไปนิดนุง รู้สึกอุ่นขึ้นมาทันที่เลยล่ะค่ะ





ส่วนจานที่สามจานสุดท้ายก็เป็นเนื้อผัดน้ำมันหอยค่ะ มองไม่ค่อยเห็นเนื้อสักเท่าไหร่ แต่จะเห็นหัวหอมเยอะม๊ากกก พอลองชิมหัวหอมดู เอ๊าะ..หวาน กรอบ อร่อยดีจัง แต่ถึงจะกรอบอร่อยยังไงก็ยังเหลือหัวหอมบานเลยค่ะ เพราะที่สั่งมาเนี้ยจานใหญ่มากๆๆ เลย สองคนกินกันไม่หมดเลยแหละค่ะ ขอย้ำเลยค่ะว่าเยอะจริงๆ เยอะม๊ากกกก มื้อนี้ก็อิ่มไปหนึ่งมื้อแระ ทั้งอิ่มทั้งถูกด้วยค่ะ มื้อนี้จ่ายไป 570 RMB เงินไทยที่ 260 บาทค่ะ ที่นี้อิ่มแล้วเราก็พร้อมลุยกันแล้วค่าๆๆๆ





ออกมาเดินเล่นหน้าโรงแรม ยังไม่คิดจะไปไหนไกลเดินเล่นๆ แถวๆนั้นก่อนดีกว่า





เดินดูต้นไม้ใบหญ่าแถวนั้นก่อน เค้าจัดต้นไม้ได้สวยเชียวค่ะ ไม่รู้ว่าเป็นผักหรือเป็นไม้ประดับอะน่ะค่ะ แต่เห็นแล้วนึกถึงสลัดขึ้นมาทันทีเลย เค้าจะปลูกไว้รอบๆตัวเมืองเลยทีเดียว





พอเดินไปได้หน่อยเดียวสายตาไปปะทะกับของกินอีกแล้วครับท่าน ยิ่งเป็นของชอบด้วย เค้าทำได้หน้ากินมาก สวยโดนใจเลยแหละ นั้นก็คือเก๋าลัดนึงค่ะ ซื้อมา 30 RMB 15 บาทเท่านั้น ได้มาเกือบครึ่งกิโล อร่อยหวานมาก กรอบด้วย แถวหนาวๆแบบนี้ได้ของร้อนๆมากินแก้หนาวอร่อยเหาะไปเลย แต่ด้วยว่าความที่หนาวเนี้ย จับลูกเก๋าลัดไม่มีร้อนเลย แถมกัดปากตัวเองจนเลือดนองยังไม่รู้ว่ากัดโดนปากเลย จนแฟนบอกว่าทำไมปากมีเลือดล่ะ นั้นแหละถึงได้รู้ว่ากัดปากตัวเองเข้าให้แล้วสิเรา ไอ้เราก็คิดว่ากัดโดนเบาๆไม่ถึงกับเลือดไหล แต่ที่ไหนได้แดงเถือกเลยค่า คิดดูเอาเองแล้วกันว่าหนาวขนาดไหน อิอิ





กลางตัวเมืองก็จะมีวิวสวยๆให้เราได้เดินดูกันด้วยค่ะ เลยแวะถ่ายรูปกันเล่นๆ ฆ่าเวลาไปพล่างๆ เพราะคิดว่าพรุ่งนี้จะไปเที่ยวกับทัวร์ วันนี้เลยคิดจะเดินชมรอบๆโรงแรมดูก่อน แบบเบาสบายๆ....





เดินไปเลื่อยๆก็มาเจอป้ายอันนี้เข้า มีที่เที่ยวในตัวเมืองด้วย แถมตั้งอยู่ตรงกลางใจเมืองเลยด้วยช้ำไป ที่นี้คือ guilin Elephant hill and Etretat Elephant hill of France ค่ะ หินที่มีหน้าตาคล้ายงวงช้างจิ้มงวงลงไปในน้ำเพื่อดื่มน้ำ (เค้าว่าอย่างนั้นน่ะค่ะ)





ตรงนี้เป็นจุดเที่ยวกลางตัวเมือง ยังไงเสียต้องมีค่าผ่านประตูเข้าไปชมอยู่แล้วค่ะ ค่าตั๋วหนึ่งคน 40 RMB เงินไทย 200 บาทค่ะ แต่ไม่ใช้แค่จะดูช้างกินน้ำน่ะค่ะ เพราะข้างในยังมีสวน และ โรงเหล้า และเขาให้เราปีนขึ้นไปชมวิวด้วยค่ะงานนี้ไม่ได้เดินชมวิวแบบเบาๆ สบายๆแล้วสิเนี้ย...








มีเรื่อค้ำท่อให้นั่งด้วยค่ะ อันนี้ไม่ได้ถามราคาการนั่งมาเพราะอยากถ่ายรูปอย่างเดียว อิอิ สังเกตุว่าไม้ไผ่อะไร ทำไมลำใหญ่จังเลย แอบดุแบบตาติดลำแพ ได้ความว่าเดี๋ยวนี้กลายเป็นท่อพลาสติกไปแล้วเพื่อเป็นการอนุรักษ์ไม้ไผ่ค่ะ





แบบมีหลังคาก็มีค่ะ








จะถ่ายรูปกับเป็นน้ำก็ 10 RMB 50 บาทค่ะ ขึ้นไปนั่งบนเรือแล้วถ่ายได้เลย แต่ห้ามนำเรือออกค่ะ






เดินตามป้ายที่มีติดไว้เลยค่ะ





ชมวิวข้างทางไปด้วย น้ำที่นี้ใสๆค่ะ แต่แปลกที่ไม่ยักเห็นปลาตัวเป็นๆว่ายน้ำเลยค่ะเนี้ย





น้ำใสมะค่ะ แต่ไม่ยักกะเห็นตัวปลาเลย เหอๆๆ











นี้ก็เป็นจุดกลางสวนแล้วค่ะ ก็จะมีแผ่นหินตั้งอยู่ตรงกลางลานกว้างเลยค่ะ





มีที่ให้เลือกถ่ายภาพได้เยอะเลยค่ะ แต่ฟร้อนขอแบบรีบๆค่ะ เพราะหนาวแข็งหนาวขามากเลย ยืนอยู่กับที่ไม่ได้ค่ะ เพราะที่นิ้วเท้าเกิดอาการเหมือนไฟช๊อต แล้วก็มีอาการชาแบบแป๊บๆ แล้วตามาด้วยความเย็นที่เหมือนมันมีก้อนน้ำแข็งติดอยู่ที่ปลายเท้าและนิ้วค่ะ เลยต้องรีบเดินๆๆๆ หรือหาที่อุ่นๆอยู่ เช่นหน้าแอร์ตู้ค่ะ เพราะแอร์ที่นี้เปิดที่ 32-34 องศา เลยไม่รู้สึกหนาวเมื่อเจอกับเครื่องแอร์
เพราะจะอุ่นมากๆ เอามือไปอังให้คลายหนาวได้บ้างค่ะ





แวะดูแผนที่กันแป๊บค่ะ





ตอนนี้ฟร้อนแวะเข้ามาที่พิพิธภัณฑ์เหล้าค่ะ ที่ฟร้อนเรียกโรงเหล้าน่ะค่ะ อิอิ





จะมีเครื่องมือการทำเหล้าในสมัยก่อนให้ได้ชมกันค่ะ และเหล้าร่วงให้ชมมากมายเลย ตั้งแต่เหล้าในสมัยท่านขงทั้งหลายกันเลยทีเดียว





ชมภาพกันค่ะ





เขาใช้น้ำที่แม่น้ำนี้ในการผลิตเหล้าค่ะ








ที่เห็นเป็นลางน้ำนั้น เขากลั่นแล้วให้มันไหลผ่านลางอันนี้ แล้วถึงจะเอามาลงขวด จริงแท้แค่ไหนอันนี้ก็ไม่ทราบได้น่ะค่ะ






แล้วก็มาถึงจุดที่ขายเหล้ากันค่ะ แฟนกำลังเลือกซื้อเหล้าอยู่ เลยได้ทีขอชิมแบบหวาน๙กหนึ่งจอกเล็กๆ อืม...มันทำให้ร่างกายอุ่นขึ้นจริงๆค่ะ มิน่าคนที่นี้พอหนาวๆก็กรึบกันที เลยได้ขวดเล้กๆมาสามขวด ราคาเท่าไหร่แล้วลืมเพราะมั่วแต่ถ่ายรูปค่ะ แถมยังมีโอ่งเหล้ายักษ์ด้วย มันน่าลงไปนอนแช่จริงๆเลย แถมมีแบบที่กินเพื่อเป็นยาโป๊ะด้วย ซึกก็จะหมักด้วย งู ตะขาบ ในโหลยักษ์อีกเช่นกัน แถมมีรังมดดำที่ใหญ่มากๆอีกโหลนึง อันนี้ไม่ได้รักการอนุญาตให้ถ่ายภาพค่ะ เลยไม่มีรูปมาลงให้เพื่อนๆชมกันน่ะค่ะ





ท่านผู้นี้คือคนที่คิดค้นการทำเหล้าเป็นคนแรกของจีนค่ะ (อันนี้เดาเอาน่ะค่ะ)





แวะชมกันไปค่ะ เดินเลื่อยๆ





เราจะเดินขึ้นไปบนนั้นกันค่ะ เพื่อถ่ายภาพวิวมาให้เพื่อนๆชมกัน(เพื่อตัวเองด้วยจ๊ะ)





ระหว่างทางเดินขึ้นก็ถ่ายกันไปค่ะ ใบไม้ยังเปลี่ยนสีเลย สงสัยคงหนาวไม่น้อยแน่ๆ อิอิ








เรือใหญ่ก็สามารถลอยลำได้ในแม่น้ำตื้นๆน่ะเนี้ย

















นั้นอะทางขึ้นเขา คุณแฟนเดินตัวปลิวไปโน้นแล้วทิ้งให้หมูเดิมตามหลังคนเดียว แงๆๆ





หมูอย่างฟร้อนเลยหอบแฮ๊กๆ อยู่ด้านหลังคนเดียว แต่ไม่เป็นไรใจเกินร้อยยยยย ค่า





เลือกกันไปค่ะว่าจะไปทางไหน ส่วนฟร้อนขอแบบไกล้ที่สุ๊ดจะดีกว่า





และแล้วก็เดินไปถึงยอดเขา แต่ดันลืมถ่ายรูปมาเสียเนี้ยเพราะคนเยอะมาก ไม่มีที่ว่างให้ถ่ายรูปเลย จึงเดินกลับมาข้างล่างเสียเลย...





ต้นไม้เนี้ยดูๆแล้วเหมือนมังกรเลยค่ะเลยถ่ายมาให้ดู อิอิ หลังจากเดินกันจนเหนื่อยแล้วก็จะกลับเข้าที่พักกันแล้วล่ะค่ะ





ทางโรงแรงจะจัดชุดผลไม้รับลองไว้ให้หนึ่งชุด หลังจากแขกเข้าห้องพักแล้วออกไปเดินเล่น เหมือนๆจะเซอร์ไพร์อะไรประมาณนี้น่ะค่ะ เข้าห้องพักได้จัดการอาบน้ำพักผ่อน นอนเอาแรงกันก่อน เดี๋ยวค่ำ จะออกไปเดิน และหาของกินอีกค่ะ





ตื่นมาทุ่มกว่าก็จัดแจงแต่งตัวแล้วออกไปหาอะไรกินกันก่อนที่จะไปเดินช๊อปค่ะ





จากร้านนี้ค่ะ





มีเม็ดแตงมาให้แถะเล่นฆ่าเวลาระหว่างรออาหารค่ะ





ชุดนี้จะมีเม็ดแตง น้ำชาต้มขิง ทิชชู ตะเกียบ ถ้วย ชาม ช้อน แก้วน้ำชา ชาร์ดมาเป็นตัวบังคับเรียบร้อยแล้วในราคา 5 บาท ต่อหนึ่งชุด ทุกที่จะต้องเสียค่าชุดน้ำชาค่ะ ยกเว้นร้านแบบข้างทางจะเป็นถ้วยอลูมิเนียม อันนั้นไม่คิดเงินค่ะ แต่ที่ฟร้อนเลือกินที่ภัตคารเนี้ย ขอปลอดภัยเรื่องสุขภาพนิดนุงน่ะค่ะ เพราะเห็นร้านข้างทางแล้วไม่ไหวจริงๆค่ะ กินที่ภัตคารก็ไม่แพงน่ะค่ะ ถูกแถมปลอดภัยด้วย อิอิ





ไปไหนก็ต้องพกถุงมือไปด้วยค่ะ เพราะหนาวมาก ขนาดถุงมือคู่นี้ยังเอาไม่อยู่เลยค่ะ ซื้อมาจากฮ่องกง แต่ใช้ไม่ได้กับจีนค่ะ เพราะจีนหนาวกว่ามากเลย





จานนี้บอกแฟนว่าอยากกินอะไรที่มันเป็นหมูหน่อยแบบขาหมูอะไรประมาณเนี้ย แต่งั้ยได้จานนี้มาก็ไม่รู้ แต่ก็อร่อยดี แปลกๆ จานนี้เป็นเนื้อหมูทอดกรอบ(ออกแข็งๆ) เอาไปผัดกับถั่วฝั่กยาวดองเค็ม และพริกแห้งดองเค็ม(อันนี้เหมือนพริกน้ำส้มบ้านเราเลย แต่รสชาติเค็มดี)





ดูเนื้อกันหน่อย





จานนี้ผัดผัก สั่งสองอย่าง ยังกินไม่หมดเลยค่ะ








ข้าวหนึ่งโถ กินกันไม่หมด ทั้งข้าวทั้งกับ แต่คนที่นี้กินกันดุมากๆๆ เห็นมากันสีคน กับข้าวเต็มโต๊ะ หันไปมองอีกที่หมดแระ แถมเป็นผู้หญิงด้วยน่ะ โอ้....สุดยอดจริงๆๆ เช็คบิลรอบนี้หมดไป 220 บาท มื้อนี้ก็อิ่มกันไปอีกมื้อแล้ว หลังจากนี้ก็จะไปช๊อปกันแล้วค่ะ แต่ไม่ได้ถ่ายรูปบรรยากาศมาให้ชม เพราะหนาวมากมือแข็งกดชัดเตอร์ไม่ลงจริงๆ (ขออภัย)





งั้นมาชมของที่ฟร้อนช๊อปมาแล้วกันน่ะค่ะ นี้รองเท้าบูธแบบขำๆ แต่อุ่นมากๆ เพราะใส่รองเท้าผ้าใบเอาไม่อยู่ ใส่ที่มาเลรองเท้าผ้าใบใส่สบาย ระบายลม ไม่ร้อน ไม่อับ แต่มากุ้ยหลิน ลมเข้ารองเท้า เท้าแข็ง เลยต้องเปลี่ยนมาใส่คู่นี้แทน ราคาก็ไม่แพงค่ะ 40 RMB 200 บาทเท่านั้นเอง ข้างในปุด้วยขนเทียมค่ะ อุ่นมากๆ





ถุงมือใหม่ 20 RMB 100 บาท





กระเป๋าน้ำร้อนไฟฟ้า 20 RMB 100 บาท ได้กระเป๋านี้ช่วยชีวิตแท้ๆ กลางคืนนอนกอดกระเป๋าน้ำร้อนมันช่างอุ่นดีแท้ๆเลยค่ะ อิอิ



วันนี้ก็จบด้วยการช๊อปปิ้งก่อนนอนเป็นที่เรียบร้อยแล้วน่ะค่ะ ไว้ติดตามตอนที่สองได้ในเร็วนี้ เพราะรูปและที่เที่ยวยังคงมีอีกเยอะค่ะ แล้วพบกันตอนที่สองน่ะค่ะ


ขอบคุณทุกท่านที่แวะมาเยี่ยมชมค่ะ ตอนสองเชิญเข้ามาชมอีกน่ะค่ะ

Create Date : 06 มกราคม 2553		15 comments
Last Update : 11 มกราคม 2553 8:34:11 น.
Counter : 2274 Pageviews.
Share Tweet