Smile Bao - ซาลาเปาหน้าแตกไส้หมูแดง...เนื้อฟู ๆ นิ่ม ๆ
 ในที่สุดเราก็ทำซาลาเปาหน้าแตกได้....ลองทำมาหลายสูตรแล้วที่เป็นของเว็บไซด์คนไทย แต่ก็ไม่สามารถทำให้เป็นผลสำเร็จได้ จนสุดท้ายก็เลยลองหาสูตรจากประเทศอื่นบ้าง จนมาเจอเว็บหนึ่งของคุณ Lily's Wai Sek Hong ซาลาเปาของเขาหน้าแตกบานมากจริง ๆ เราเจอเว็บของเขาผ่านของอีกคน แต่เราต้องการดูของต้นฉบับก็เลยแทร็กกลับไปที่เว็บไซด์ของคุณ Lily's Wai Sek Hong ซึ่งเขาเขียนค่อนข้างละเอียดแต่ข้อมูลค่อนข้างกระจายกันอยู่คนละหน้าบล๊อค ต้องเอาหลายบล๊อคของเขามารวมกันจนออกมาเป็นสูตรที่เขียนวันนี้ กว่าจะรวมข้อมูลการทำซาลาเปาของเขาออกมาได้ใช้เวลาเหมือนกัน ต้องเสิร์ชหาข้อมูลหลาย ๆ อย่างในหลายเว็บไซด์ เพราะมีส่วนผสมบางตัวที่เราไม่รู้จัก เช่น Kansui กับ Wheat Starch ว่ามันคืออะไร กว่าจะรู้ว่ามันคืออะไร หาซื้อได้จากที่ไหน ใช้เวลานานพอสมควร เพราะชื่อแต่ละชื่อที่ใช้เรียกของแต่ละประเทศมันต่างกันมาก ไปลองเดินหาซื้อในตลาดแถวบ้านก็ไม่มีใครรู้จัก ที่สำคัญเขาทดลองทำหลายเวอร์ชั่นมาก แต่เราใช้เวอร์ชั่นแรกของเขามาทำ เพราะเวอร์ชั่นอื่นเราว่ามันฟูเกินไป ถ้าใครสนใจเข้าไปดูที่เว็บไซด์เขาได้นะคะ //lilysbest.blogspot.com/2012/03/smile-paubao.html เราใช้เทคนิคการทำของคุณ Lily กับของ คนอื่น ๆ ที่นำของคุณ Lily ไปทำมาผสมกันนะคะ บางเทคนิคที่เราเขียนในนี้อาจจะไม่ได้อยู่ในเว็บของคุณ Lily ตอนแรกที่ทำก็กลัวว่าจะสำเร็จไหม มันจะเหมือนที่แล้ว ๆ มาหรือเปล่าที่เจ้าของสูตรทำออกมาแล้วน่าทาน แต่ของเราทำออกมาแล้วทำไมมันไม่ได้เหมือนอย่างเขา แต่พอมาทำของคุณ Lily แล้ว พอผลที่ออกมามันได้อย่างที่เราต้องการ มันบอกความรู้สึกไม่ถูก มันดีใจ ภูมิใจ อยากจะรีบเอาซาลาเปาของเราไปอวดกับคนในครอบครัวเร็ว ๆ เราจะใช้สูตรนี้เป็นสูตรประจำเวลาทำซาลาเปาหน้าแตก ตัวแป้งจะออกหวานนิด ๆ เนื้อซาลาเปาจะฟูนิ่มมาก ๆ ผิวด้านนอกไม่เหนียวเลย ยิ่งทานร้อน ๆ อร่อยมาก ที่สำคัญไม่เหม็นกลิ่นแอมโมเนีย และสีไม่เหลืองด้วย ***หลาย ๆ คน ถามหาน้ำก๋านโสย แล้วหาซื้อไม่ได้ ไม่ต้องกังวลนะคะ เพราะเราลองทำโดยไม่ใส่น้ำก๋านโสยแล้ว ตัวขนมก็แตกสวยงามดีค่ะ*** ส่วนผสมแป้งเชื้อ (จะได้แป้งเชื้อน้ำหนัก 345 กรัม ใช้ทำซาลาเปาได้ 24 ลูก) - แป้งซาลาเปา (เราใช้ยี่ห้อ Mam Made) 230 กรัม
- น้ำตาลทราย 1 ช้อนโต๊ะ
- ยีสต์ 1 ช้อนโต๊ะ
- น้ำเปล่า 125 ml (เพิ่มได้ถ้าแป้งแห้ง)
วิธีทำแป้งเชื้อ  ใส่ส่วนผสมทุกอย่างยกเว้นน้ำ ผสมให้เข้ากัน ใส่น้ำลงไป แล้วนวดจนกระทั่งแป้งเนียนนุ่ม ถ้าใช้เครื่องนวดจะใช้เวลาในการนวดประมาณ 10 นาที แป้งก็จะเนียนนุ่มดี ถ้าแป้งยังแห้งไปเติมน้ำเพิ่มได้ ครั้งละ 1 ช้อนโต๊ะนะคะ ของเราไม่ต้องเติมน้ำเลย แป้งเนียนนุ่มกำลังดี (เราเคยอ่านเจอในเว็บของคนไทย ที่บอกว่าถ้าจะทำซาลาเปาไส้แตกอย่านวดแป้งนานเพราะจะทำให้หน้าไม่แตก แต่อันนี้ไม่ต้องห่วงเลยค่ะ จะนานเท่าไรก็ได้ ขอให้แป้งเนียนนุ่มเป็นพอ)  ภาพบนเป็นแป้งที่ได้หลังจากที่นวดจนแป้งเนียนนุ่มดีแล้ว  เอาแป้งเชื้อที่นวดจนเนียนนุ่มดีแล้วใส่ลงไปในโหลพลาสติก แล้วกดให้แป้งเชื้อแบนเป็นระนาบเดียวกันแล้วทำเครื่องหมายเอาไว้บนโหลเพื่อวัดระดับการขึ้นของแป้งเชื้อ หลังจากนั้นให้เอาพลาสติกเร็ป ปิดปากโหลให้สนิท แล้วใช้มีดกรีดที่พลาสติคประมาณ 3-4 รอย แล้ววางแป้งเชื้อไว้ในอุณภูมิห้องปกติ 1 คืน หรืออาจจะมากหรือน้อยกว่านั้นขึ้นอยู่กับสภาพอุณหภูมิ หลังจากนวดแป้งเสร็จก็ประมาณ 4 ทุ่มเราทิ้งไว้แล้วมาทำในวันรุ่งขึ้นตอน 10 โมงเช้า ก็ใช้เวลาประมาณ 12 - 13 ชั่วโมง ถ้าทิ้งไว้นานกว่านั้นตามสูตรต้นฉบับจะต้องมีการปรับส่วนผสมของแป้งโดว์ลงอีก แป้งเชื้อที่ได้จะขยายตัวอีกเท่าหนึ่งของระดับเดิมที่เราขีดไว้ ถ้าแป้งขึ้นเป็นเท่าตัวแล้วเรายังไม่ใช้ หรือใช้ไม่หมดให้เก็บแป้งเชื้อในภาชนะที่ปิดสนิทดี แล้วเก็บไว้ในช่องแช่แข็งนะคะ เพื่อหยุดการเจริญเติบโตของยีสต์ พอจะใช้ให้เอาออกมา คลายความเย็นที่อุณภูมิปกติ แล้วค่อยเอามาใช้งาน  ลักษณะของแป้งเชื้อที่ได้จะเป็นฟอง พอกรีดดูจะเป็นเส้นไย แป้งมีกลิ่นเปรี้ยว ๆ ตัวแป้งจะเหนียว ๆ นืด ๆ หมายเหตุ อ้างอิงจากเจ้าของสูตร เขากล่าวไว้ในเว็บว่า ถึงแม้ว่าแป้งเชื้อที่ได้จะไม่มีกลิ่นเปรี้ยว ๆ หรือเป็นฟอง แต่พอเราเอาแป้งเชื้อไปทำซาลาเปาต่อ ตัวซาลาเปาก็ยังหน้าแตกอยู่ดี เพราะเขาเคยทำแล้วเป็นอย่างนั้นมาแล้ว ส่วนผสมแป้งโดว์ (ทำได้ประมาณ 8 ลูก) ส่วนที่ 1 - แป้งเชื้อ 115 กรัม
- น้ำตาลทราย 55 กรัม
ส่วนที่ 2 - ผงฟู (double action) 1 ช้อนชา (แบ่งใช้ 2 ครั้ง ครั้งละ 1/2 ช้อนชา)
- แอมโนเนีย 1/2 ช้อนชา
- น้ำก๋านโสย (Kansui หรือ น้ำขี้เถ้า) 2 หยด เล็ก ๆ
- น้ำเปล่า 3 ช้อนชา (แบ่งใช้ 2 ครั้ง โดย 2 ชช กับ 1 ชช.)
ส่วนที่ 3 - แป้งซาลาเปา 5 ช้อนโต๊ะ
- แป้ง Wheat Strach (แป้งฮะเก๋า) 4 ช้อนโต๊ะ
- เนยขาว 1 ช้อนโต๊ะ
หมายเหตุ น้ำก๋านโสย มีชื่อเรียกหลายอย่างเช่น Lye Water (จีน) / Kansui (ญี่ปุ่น) /น้ำขี้เถ้า (ไทย) เป็นน้ำด่างชนิดหนึ่งที่ใช้ในการหยุดการเจริญเติบโตของยีสต์ที่มีค่าความเป็นกรดได้ น้ำก๋านโสยที่ใส่มันเล็กน้อยมาก ๆ จนเราคิดว่าถ้าไม่ใส่ก็ไม่น่าจะมีผลอะไรมาก แต่เท่าที่อ่านจากเว็บไซด์คุณ Lily และเว็บอื่นที่นำของคุณ Lily ไปทำ มีคนถามเขาเหมือนกันว่าถ้าไม่ใส่จะเป็นอะไรหรือไม่ คำตอบคือเนื้อซาลาเปามันจะไม่ค่อยขึ้นฟู ถ้าหาไม่ได้จริง ๆ ให้ใช้ เบคกิ้งโซดาประมาณ 1/8 ช้อนชาแทน เพราะเท่าที่หาข้อมูลจากเว็บไซด์ต่าง ๆ แล้ว เบคกิ้งโซดามีค่าความเป็นด่างเหมือนกัน และมีส่วนผสมค่อนข้างใกล้เคียงกับน้ำก๋านโสย เราเห็นมีคนหนึ่งใช้เบคกิ้งโซดาแทน ซาลาเปาก็หนาแตกเหมือนกัน แต่เขาใช้ส่วนผสมค่อนข้างต่างกับเจ้าของสูตร เราก็ยังไม่เคยลองแบบไม่ใช้ก๋านโสยเหมือนกัน ไม่รู้ว่าผลที่จะได้จะเป็นอย่างไร  ขวดแรกทางซ้ายเป็นน้ำก๋านโสยที่พิมพ์ออกมาจากเว็บไซด์หนึ่งแล้วเอาไปให้คนขายของพวกอุปกรณ์ทำขนม ที่ตลาดเก่า แถวเยาวราชดู เขาบอกว่า เป็นยี่ห้อที่มีขายในประเทศจีน ไม่มีการนำเข้ามาขายในประเทศไทย แต่เขามีน้ำก๋านโสย แต่ไม่ได้ติดยี่ห้อ ขายเป็นขวด (สีเขียวตรงกลาง) ขวดละประมาณ 70 บาท) ส่วนขวดสุดท้ายเราแบ่งน้ำจากขวดสีเขียวมาไว้ในขวดเล็กที่มีที่หลอดบีบเพื่อง่ายต่อการใช้งาน ส่วนแป้ง Wheat Starch ก็คือแป้งที่ได้มีการเอาโปรตีนหรือกลูเตน (Gluten) ออกไปแล้ว เวลาสุกจะมีลักษณะใสเหนียว จะนิยมใช้สำหรับทำติ่มซำ เช่น ฮะเก๋า ฝั่นโก๋ หรือ เผือกทอด เป็นต้น เวลาที่ไปซื้อ แป้ง Wheat Starch ให้บอกคนขายว่าซื้อแป้งทำฮะเก๋า ขายเป็นกิโล เราซื้อที่ตลาดเก่า แถวเยาวราช ร้านเดียวกับที่ซื้อก๋านโสย เป็นร้านขายอุปกรณ์ทำขนม หรือ อาจหาซื้อได้ตามซุปเปอร์มาร์เก็ต อย่างล่าสุดที่เจอคือใน TOPs สาขาเซ็นทรัลบางนา ด้านหน้าถุงจะมีรูปฮะเก๋า หรือ ติ่มซำ วิธีทำแป้งโดว์  นำแป้งเชื้อกับน้ำตาลทรายผสมกันจนกระทั่งน้ำตาลทรายละลายดี อย่าใช้มือในการนวดแป้งนะคะ เพราะแป้งที่ได้หลังจากผสมน้ำตาลจะค่อนข้างเหลว แนะนำให้ใช้พายพลาสติกแบบแข็ง ๆ มาช่วยในการนวดละลายน้ำตาล  แป้งที่ได้หลังจากที่น้ำตาลละลายหมดแล้ว จะค่อนข้างเหลว  ผสมส่วนผสมที่สอง ผงฟู 1/2 ช้อนชา + แอมโมเนีย + น้ำเปล่า 2 ช้อนชา + น้ำก๋านโสย 2 หยด ผสมให้ส่วนผสมทั้งหมดเข้ากันดี (เวลาใส่น้ำลงไปในผงฟูจะมีเสียงฟู่ ๆ แล้วมีฟอง แสดงว่าผงฟูใช้ได้นะคะ ถ้าไม่เป็นอย่างที่กล่าวมาสันนิฐานว่าผงฟูหมดอายุ ให้เปลี่ยนอันใหม่ได้เลย) เสร็จแล้วเทลงไปในแป้งเชื้อ แล้วผสมจนเข้ากันดี  แป้งเชื้อที่ผสมส่วนผสมที่สองแล้ว จะมีลักษณะเหมือนแป้งเปียก จะค่อนข้างเหลว  ใส่ส่วนผสมที่สาม คือ แป้งซาลาเปา + แป้ง wheat starch (แป้งฮะเก๋า) ลงไปผสมกับแป้งเชื้อ ผสมให้ส่วนผสมเข้ากันจนหมดผงแป้งและรวบเป็นก้อนได้  หลังจากนั้นเราก็ย้ายแป้งไปนวดต่อที่เคาเตอร์ จนกระทั่งแป้งมีความนิ่มและเนียนดี ในขั้นตอนนี้ถ้าแป้งเหลวหรือแห้งเกินไปสามารถเติมน้ำหรือแป้งครั้งละ 1 ช้อนโตะ ซึ่งจะขึ้นอยู่กับสภาพของแป้ง  เมื่อแป้งเนียนนุ่มดีแล้ว ให้ใส่เนยขาวลงไปแล้วทำการนวดจนกระทั่งแป้งโดว์ที่ได้เนียนและนุ่มดี ตัวแป้งที่ได้จะนุ่มมือมาก ๆ ค่ะ  แป้งที่ได้หลังจากที่ใส่เนยขาวแล้ว หลังจากนั้นให้ผสมส่วนผสมที่เหลือในส่วนที่สองคือ ผงฟู 1/2 ช้อนชา + น้ำเปล่า 1 ช้อนชา เข้าด้วยกัน (เหมือนเดิมค่ะ ถ้าผงฟูยังใช้ได้อยู่ เวลาที่ผสมลงกับน้ำจะเป็นฟองฟู่ และมีเสียงฟู่ขึ้นนะคะ ถ้าไม่เป็นอย่างนี้ สันนิฐานไว้ก่อนว่าผงฟูอาจจะหมดอายุแล้ว) แล้วให้แผ่แป้งให้เป็นแผ่นสีเหลี่ยม (ลืมถ่ายรูปขั้นตอนนี้เลย) แล้วทาผงฟูผสมน้ำลงบนตัวแป้ง แล้วทำการนวดจนกระทั่งแป้งมีความนิ่มเนียนดี ไม่ติดมือ (ตรงขั้นตอนนี้ถ้าตัวแป้งโดว์ที่ได้ค่อนข้างเหลวให้เติมแป้งลงไปครั้งละประมาณ 1 ช้อนโต๊ะ) หลังจากนั้นให้คลึงแป้งให้เป็นแท่งยาว ๆ ตัดให้ได้ก้อนแป้งทั้งหมด 8 ก้อน (ก้อนละประมาณ 30 - 34 กรัม โดยประมาณ) แล้วเอาผ้าขาวบางหรือภาชนะอื่นใดปิดแป้งไว้เพื่อกันลม  นำแป้งก้อนแรกมาแผ่เป็นแผ่นกลม ๆ ใช้แป้งนวลเล็กน้อยโรยบนเคาเตอร์และไม้คลึงแป้งซาลาเปาให้เป็นแผ่นกลม ๆ (เราใช้วิธีคลึงแผ่นเรียบเท่ากันนะคะ ไม่ได้ให้ตรงกลางนูนกว่าแต่อย่างใด)  การห่อซาลาเปาเพื่อให้ซาลาเปาหน้าแตก ไม่จำเป็นต้องจับจีบให้สวยงามนะคะ แต่ขอให้เนื้อแป้งที่จะอยู่ส่วนบนของซาลาเปามีปริมาณเยอะ ๆ เพื่อที่เวลานำไปนึ่งซาลาเปาจะได้หน้าแตกสวย (ถ้าตรงหัวซาลาเปาแป้งบางหรือน้อย ซาลาเปาจะหน้าแตกน้อย) ส่วนไส้อย่าใส่เยอะมากเกินไปเพราะจะทำให้ซาลาเปาไส้แตกได้ ให้ใส่แค่ประมาณ 1 ช้อนโต๊ะพูน ๆ  ซาลาเปาที่ได้หลังจากหลังจากห่อแล้ว ตัวแป้งจะนุ่มมากค่ะ ห่อได้ง่าย เวลาเราห่อ เราใช้นิ้วโป้งกับนิ้วชี้ด้านขวาประคองและบีบตัวแป้งที่ถูกจับให้เป็นจีบที่ถูกส่งมาจากนิ้วกลาง โดยนิ้วกลางจะเป็นนิ้วที่ใช้ในการเพิ่มจีบเข้ามาเรื่อยๆ เพื่อป้อนจีบให้กับนิ้วโป้งกับนิ้วชี้ ส่วนนิ้วโป้งด้านซ้ายก็คอยดันไส้ให้ลงไปในตัวแป้ง ไม่ให้ทะลักออกมาตอนที่จับจีบ เสร็จแล้วให้บิดแป้งด้านบนให้ปิดสนิท (ขอโทษด้วยค่ะไม่สามารถถ่ายรูปมาให้ดูได้ เพราะทำคนเดียวไม่มีคนคอยถ่ายรูปให้) แต่อย่างที่บอกสูตรซาลาเปาหน้าแตกไม่จำเป็นต้องจีบสวย แค่รวบตัวแป้งให้ห่อไส้ให้มิด แล้วแป้งด้านบนเยอะ ๆ ก็พอค่ะ ไม่ต้องสนใจความสวยงามก่อนนึ่ง เพราะพอนึ่งแล้วไส้ก็จะแตกไม่เห็นจีบแล้วค่ะ  วางซาลาเปาที่ห่อแล้วลงบนกระดาษ (หาซื้อได้ตามร้านขายอุปกรณ์เกอรี่)  ซาลาเปาที่ห่อไส้เสร็จแล้ว ให้ใส่ในลังถึงสำหรับนึ่งเตรียมไว้เลยค่ะ แป้งมันนุ่มมาก ถึงเราจะห่อให้สวยยังไง พอวางลงไป ลายจีบก็แทบจะหายหมดเลย... อย่าลืมหาผ้าขาวบางเปียกหมาด ๆ มาคลุมแป้งไว้นะคะ เดี๋ยวผิวซาลาเปาจะโดยลม เราใช้ชามผสมใบใหญ่คลุมไว้เลย  หลังจากนั้นก็ไปเตรียมต้มน้ำ ใส่น้ำประมาณ 1/3 ของหม้อนึ่งนะคะ เติมน้ำส้มสายชูลงไปด้วย 1 ช้อนโต๊ะ แล้วก็เปิดไฟแรง ๆ ให้น้ำเดือดจัด ๆ เลยค่ะ  พอน้ำเริ่มเดือดจัด ๆ เราก็ฉีดน้ำเปล่าลงไปที่ตัวซาลาเปาเล็กน้อย (ไม่ต้องเยอะมากนะคะ แค่ให้ซาลาเปามีความชุมชื้นขึ้น) แล้วก็เอาไปนึ่งได้เลย ย้ำนะคะ ว่าน้ำต้องเดือดจัดจริง ๆ ให้นึ่งด้วยไฟแรงประมาณ 10 นาที หลังจากนั้นลดไฟลงเป็นอ่อน แล้วนึ่งต่อ อีก 1 นาที เมื่อครบ 1 นาทีแล้วให้ปิดไฟ ให้ทิ้งซาลาเปาไว้ในหม้อนึ่งอีกประมาณ 2 นาที โดยอย่าเพิ่งเปิดฝาหลังจากที่ปิดไฟโดยเด็ดขาด หมายเหตุ - ถ้าหม้อนึ่งของใครมีความร้อนระบายออกมาจากตัวฝาหม้อให้เอาผ้าชุบน้ำไว้วางกันไว้รอบ ๆ ฝาเพื่อป้องกันไม่ให้ความร้อนออกมา ยิ่งร้อนซาลาเปายิ่งหน้าแตกค่ะ
- ที่ลดความร้อนลงหลังจากที่นึ่งไป 10 นาที และให้พักไว้ในหม้อนึ่งหลังจากปิดไฟ เพื่อที่จะไม่ให้อุณหภูมิในหม้อนึ่งลดระดับกระทันหัน ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ซาลาเปาหดตัวได้
- ถ้ายังมีกลิ่นแอมโมเนียเหลืออยู่ ให้นึ่งต่ออีกประมาณ 2 - 3 นาที
- ถ้าทานซาลาเปาไม่หมดในทันที ให้เก็บซาลาเปาใส่ภาชนะที่มิดชิด ใส่ในช่องแช่แข็ง เมื่อจะทานก็ให้เอาออกมาอุ่นประมาณ 7 - 10 นาที โดยการนึ่ง
 โชว์ค่ะ ทุกลูกหน้าแตกหมดเลย ไส้หมูแดง เราได้ไส้หมูแดงมาจากหนังสือทำซาลาเปาที่ซื้อมา แล้วเราปรับปรุงรสชาติใหม่ เนื่องจากว่าหลังจากทำตามสูตรแล้ว เรามีความรู้สึกว่าไส้มันจืดไป เลยเพิ่มและลดปริมาณเครื่องปรุงบางอย่าง แล้วก็เพิ่มบางอย่างที่ไม่มีในสูตรเข้าไปด้วย ส่วนผสม - หมูเนื้อแดง (มีมันผสม) 450 กรัม
- น้ำมันงา 3 ช้อนชา
- น้ำตาลทราย 1 ช้อนโต๊ะ + 2 1/2 ช้อนชา
- ซีอิ้วขาว 1+1/2 ช้อนโต๊ะ
- สีผสมอาหารสีส้ม 1/4 ช้อนชา (เราใช้แบบผง)
- น้ำมันหอย 2 +1/2 ช้อนโต๊ะ
- ซีอิ้วดำ 1 ช้อนชา
- พริกไทยป่น 1 + 1/2 ช้อนชา
- รากผักชีตำละเอียด 2-3 ราก
- น้ำเปล่า 1+1/2 ถ้วย
- แป้งข้าวโพด 3 ช้อนโต๊ะ
- น้ำมันพืช 2 ช้อนโต๊ะ
วิธีทำ  หั่นหมูให้เป็นลูกเต๋าเล็ก ๆ อย่าหั่นให้ใหญ่มากนะคะ พยายามให้เล็ก ๆ เข้าไว้ ส่วนหมูถ้าหมูเนื้อแดงที่ซื้อมาไม่มีมันติดเลย แนะนำให้ใส่หมูสามชั้นลงไปด้วย เพื่อให้ไส้หมูแดงมีความนุ่มขึ้น โดยใช้หมูเนื้อแดง 350 กรัม + หมูสามชั้น 100 กรัม (อย่าลืมเอาหนังหมูสามชั้นออกด้วย) แต่ที่เราซื้อมามันมีมันหมูแทรกอยู่แล้ว เลยใช้หมูแดงล้วน ๆ  ใส่ส่วนผสมทั้งหมดยกเว้น น้ำมัน+น้ำ+แป้งข้าวโพด ลงให้หมูที่หั่นไว้แล้ว ผสมให้เข้ากันดี หมักไว้ 30 นาที  ใส่น้ำมันลงกระทะ ตั้งให้ร้อน  เอาหมูที่หมักไว้ลงผัดให้พอสุกที่ผิวด้านนอก  ใส่น้ำเปล่าลงไป แล้วเคี่ยวหมูไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งน้ำงวดลง แต่อย่าจนถึงขนาดแห้งนะคะ เพราะถ้าแห้งไปพอใส่แป้งข้าวโพดลงไปจะทำให้ตัวหมูแห้งเกินไป  พอใส่แป้งข้าวโพดแล้วจะได้ไส้หมูแดงอย่างภาพข้างบน ไม่แห้งแต่ไม่แฉะเกินไป ทิ้งไว้ให้เย็นตัวดีแล้วค่อยนำไปใส่ซาลาเปา  อันนี้แบบบานหลายแฉก  ตอนที่เห็นซาลาเปาก้อนนี้เรานึกถึงคำว่า smile ที่เจ้าของสูตรเขาใช้เลย เพราะมันเหมือนซาลาเปากำลังฉีกยิ้มให้กับเรา  อันนี้ยิ่งเหมือนแยกเขี้ยวให้เลย ซาลาเปานิ่มมากค่ะ ตัวเนื้อฟูนิ่ม ผิวรอบนอกนิ่ม ไม่เหนียว ไม่มีกลิ่นแอมโมเนียติดอยู่เลย ผิวซาลาเปาก็ขาวดี ไม่เหลือง
Create Date : 30 กันยายน 2555 |
Last Update : 3 พฤศจิกายน 2556 22:06:49 น. |
|
113 comments
|
Counter : 128516 Pageviews. |
 |
|