"หนุกหนานตลอดวันแอบสร้างสรรค์สาระ(แน)"
Group Blog
 
<<
มิถุนายน 2549
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
252627282930 
 
5 มิถุนายน 2549
 
All Blogs
 

_/|\_ ... พสกนิกรนับล้านพลัน...ผาสุก ... _/|\_




ตอนนี้งานนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติยังดำเนินอยู่นะคะ
ไว้ให้หมดก่อน จะเริ่มเอาภาพมาแปะ อิอิ

วันนี้จะขอพูดถึงรายการทีวี ที่จะเริ่มมีในวันพุธที่ 7 นี้ค่ะ
นั่นคือสารคดี "พระเจ้าแผ่นดิน" จะฉายทางช่อง 9

จะเป็นสารคดีเกี่ยวกับผู้ใดไปไม่ได้ นอกจาก...
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

อย่าพลาดนะคะ...



ทีนี้มาว่ากันถึงภาพข้างบน ที่ทำให้เห็นว่า
พระเจ้าอยู่หัวทรงใส่ใจการเกษตรอย่างมาก
เพราะเล็งเห็นว่าเหมาะกับชาวบ้านในบ้านเรา
จึงมีแนวพระราชดำริ ที่เรียกว่า
"เกษตรแบบยั่งยืน" เกิดขึ้น

การเกษตรแบบยั่งยืน คือ ระบบการเกษตรที่เกื้อกูล
ต่อสมดุลของภูมินิเวศ อันจะนำไปสู่คุณภาพชีวิตที่ดีฃ
และการพึ่งพาตนเองของเกษตรกร
อันอาจสรุปได้ดังนี้

จากด้านเศรษฐศาสตร์ มองว่าจะมีความยั่งยืนในการ
ทำการเกษตร มีผลกำไร (Profitability) มีความมั่นคง
และความปลอดภัยทางด้านอาหาร (Food securit
and safaty)
((ก็ปลูกเอง ย่อมไม่มีสารพิษต่างๆ))
และมี ปัจจัยพื้นฐานในการดำรงชีวิตของเกษตรกร
( Basic needs ) อย่างเพียงพอ
((อันนี้ป้าเข้าใจเองว่า อยากกินอะไร ปลูกไอ้นั่น
ที่เหลือจึงขาย สนอง needs ผู้ปลูกได้บริโภคสิ่งที่ชอบ))


ด้านระบบนิเวศ การทำการเกษตรแบบยั่งยืนจะต้อง
ช่วย ฟื้นฟูและอนุรักษ์ทรัพยาการธรรมชาติและ
สิ่งแวดล้อม ( Conservation of natural resources
and environment )
((ไม่ทำการใช้สารเคมี ปลูกพืชที่หน้าดินเสีย เพราะ
ตนเองต้องถนอมดิน เพื่อปลูกพืชในปีต่อไป ไม่เหมือน
เช่าที่ปลูกพืชที่ทำลายดินเพื่อการค้า))
ทำได้เกิดความหลากหลายทางชีวภาพในไร่นา
( Biodiversity ) ตามแต่ละภูมิเวศที่เป็นอยู่
((เพราะอย่างป้า กินครอบครัวเดียว หลักคือปลูกเพื่อ
กินในครัวเรือน จึงปลูกหลายๆอย่าง และปุ๋ยที่เกิดจาก
ปมราก ใบร่วง ตลอดจนค่าทางเคมีที่พืชใช้จากดิน
ก็จะต่างกัน เมื่อหมุนเวียนเปลี่ยนไปเรื่อยๆ ค่าทางเคมี
ของดิน ก็จะเกิดความสมดุล โดยมิต้องอาศัยสารเคมี))


ด้านสังคม การเกษตรแบบยั่งยืนนอกจากจะสร้าง
ความมั่นคงทางด้านอาหาร และปัจจัยพื้นฐานในการ
ดำรงชีพของคนในสังคมแล้ว สิ่งที่ตามมาคือ ประชาชน
จะมี ความเสมอภาค ในกระบวนการเรียนรู้ ( Equity
in learning process ) เกิดชุมชนเข้มแข็ง ( Solid
society ) มีการสร้างเครือข่ายรองรับ ( Networking )
ประชาชนได้รับความเป็นธรรม ( Socialjustice ) ทำให้
มีเกียรติศักดิ์ศรีเป็นที่ยอมรับในสังคม
((มองโดยรวมก็คือ ได้รับการพัฒนาความรู้ด้าน
การเกษตรต่อเนื่อง จากพืชที่หมุนเวียน มีหัวข้อ
แลกเปลี่ยนพูดคุยในสังคม เกิดความสนิทสนม ส่งผล
ให้มีการรวมตัวกันเพื่อใช้ผลผลิต (((สหกรณ์))) ไปจน
ถึงการปันส่วน มีรายได้ มีกลุ่มงานสังคมรวมที่เป็นเพื่อน
กันต่อไป))



ด้านวัฒนธรรม การพัฒนาการเกษตรแบบยั่งยืน
จะต้องมีความสอดคล้องเป็นที่ยอมรับกับปัจจัย
วัฒนธรรม อันประกอบด้วย ภูมิปัญญา ( Wisdom )
ความเชื่อ ( Beilef ) ค่านิยม ( Value ) ศาสนา
( Religion ) และประเพณี ( Tradition ) สังคม
((หมายความว่า พืชที่ปลูกสอดคล้องกับภูมิปัญญา
ท้องถิ่น เช่นทำตาล ทำหวาก ความเชื่อก็ประเภท
ส้มต้องบางมด สัปปะรดต้องนางแล ประมาณนี้..(มั้ง)
ค่านิยม... นี่คงเป็นเกษตรที่ได้ราคา แต่ศาสนานี่สิ...
ปลูกใบหนาดส่งออก... เอ่อ...คงไม่ใช่ น่าจะเป็นพวก
ปลูกแล้วได้ใช้ในงานเพื่อศาสนา อันอิงต่อไปยัง
ประเพณี พวกกวนกระยาสาทร อะไรนี่แหง...))

นอกเรื่อง
((อย่างนี้การเอากล้วยเหี่ยวๆแขวนหน้าบ้าน ไล่
"ผีแม่ม่าย" ก็เข้าข่าย ภูมิปัญญา ความเชื่อ ศาสนา
ประเพณี ฯลฯ อ่ะจิ อิอิ ))


การมององค์ประกอบหรือภาพองค์รวม ( Holistic
approach ) การเกษตรแบบยั่งยืนจะต้องเป็นระบบ
ที่มีความสัมพันธ์หลากหลายด้านสอดคล้องกัน
เป็นองค์รวมในเวลาเดียวกัน ไม่แยกส่วนจากกัน
ในการพิจารณา ไม่ว่าจะเป็น ลักษณะทางกายภาพ
ของสิ่งมีชีวิต สิ่งไม่มีชีวิต สังคม เศรษฐกิจ และ
นโยบาย เพื่อที่จะทำให้ทั้งกิจกรรมการเกษตร
ภายในไร่นาและกิจกรรมอื่นๆนอกไร่นา มีความ
ประสานสอดคล้องกันทุกด้าน
((อันนี้แปลง่าย คือปลูก เลี้ยง เพาะ ไม่ขัดแย้ง
ไม่ก่อปัญหาไม่ว่ากับใคร เช่นพืช GMO หรือนากุ้ง
กลางนาข้าว ฯลฯ นั่นเอง))

ที่มา

//elearning.spu.ac.th/allcontent/ecn384/study15.htm


ยังมีบทความดีๆ เกี่ยวกับการพัฒนาด้านการเกตร
อีกเยอะเชียวค่ะ

การเกษตรแนวยั่งยืนนี้ สอดคล้องกับแนว
"เกษตรทฤษฎีใหม่" ที่ให้แบ่งส่วนพื้นดิน
เพื่อเก็บกักน้ำ (ไม่ขัดแย้ง แย่งชิงในชุมชน)
(องค์รวม วัฒนธรรม และสังคม )
ปลูกพืชหลายชนิด (ระบบนิเวศน์และเศรษฐศาสตร์)
ทำบ่อเลี้ยงปลาและหญ้าแฝก (ระบบนิเวศน์)

ปัจจุบันมีหลายคน ที่มีที่ดินทิ้งไว้ต่างจังหวัด เริ่มมอง
แนวเกษตรชนิดนี้ เพื่อทำให้ตนเองได้ทดลองดูกันมาก

และพบว่าหลายคนประสบผลดีค่ะ


เมื่อปีที่แล้วโน้น ป้าไปโบกรถเที่ยวแถวสุรินทร์ ยังได้
ไปพักบ้านของคุณลุงท่านหนึ่ง ซึ่งท่านได้จัดบ้านท่าน
เป็นไร่นาสวนผสมตามพระราชดำริ

บ้านสวนของคุณลุงบุญเรือง (ขอเอ่ยนาม) ร่มรื่น
บริบูรณ์ (ระบบนิเวศน์) คุณลุงเต็มใจต้อนรับ
มีน้ำใจมาก (สังคม- องค์รวม) พืชผลมีหลากชนิด
(เศรษศาสตร์ - ระบบนิเวศน์) เก็บกิน และแจกพวกเรา
ตลอดจนชาวบ้านทั่วไป

ป้ายังประทับใจจนทุกวันนี้

ไม่ว่าไปที่ไหนของเมืองไทย เรามักได้รับกุศล
จากน้ำพระทัยของ "ในหลวง" เสมอ

ทรงพระเจริญ





 

Create Date : 05 มิถุนายน 2549
10 comments
Last Update : 6 มิถุนายน 2549 19:30:59 น.
Counter : 1009 Pageviews.

 

แสดงว่า...
แต่ก่อน...ก่อนที่ยังไม่มีปุ๋ยเคมี...
เราก็ทำเกษตรแบบยั่งยืนกันมาใช่มั้ยคับ..

ผมก็อยากโบกรถไปโป่งแยงแอ่งดอย ไปดูวิถีชาวบ้านที่ปลูกไม้ดอกกันข้างบน... อยากเข้าไปอาสาขอทำงานแลกกะค่าค้างคืนที่บ้านชาวบ้านเค้า... ป้าว่าเค้าจะใจดีเหมือนลุงบุญเรืองมั้ยคับ...

อยากไปลงเรือจับปลาไดหมึกด้วย.. ตั้งไว้หลายโปรเจค... ฮี่ฮี่...

 

โดย: namit 6 มิถุนายน 2549 11:26:00 น.  

 

เราก็มีปุ๋ยนะ แต่ไม่เคมี "ขี้ควาย" ไง
หลังหน้านา คอกควาย ที่เราเห็นทำจากไม้ต้นขัดกัน
ทำเป็นคอกแบบหยาบๆ จะถูกรื้อ โคลนในคอก
จะถูกนำดินมาผสม และปลูกพืชหน้าแล้งในนั้น
(พวกพริก ผักที่ใช้ในครัวเรือน) พริกแปลงเดียว
เก็บตากขายได้อ่ะ คิดดูว่างามขนาดไหน
งามขนาดนั้น ใครมาขอก็ให้ บวบ แตง ก็ปลูกพันเสา
ได้เป็นร้อย กินไม่ทันก็ ดอง ทำเส้นใยขัด ฯลฯ

พอหมดหน้าพืช (ดินในคอกจืด) ก็แปรเป็นลาน
สารพัดประโยชน์ คอกควายปีนี้ก็เป็นลานปลูกพืช
ในปีหน้าถัดมาอีก สุดยอดเลย
เพราะเมื่อมองทางวิทยาศาสตร์ มันไม่หมักหมม
ไร้การสะสมของโรค รา ค่าของดินถูกใช้
(องค์รวม สังคม ระบบนิเวศน์ เศรษฐศาสตร์)


ป้าก็อยากโบกเส้นนั้นนะ เพื่อนชวนยิกๆ เพราะเรา
เคยโบกสายแม่แจ่ม - แม่อูคอ มาแล้ว (โบกมาจาก
อินทนนท์อีกที ฮี่ ฮี่) (และโบกมาจากกรุงเทพ ก๊าก)
แต่ไม่รู้จะได้พัก โดยเอาแรงงานแลกหรือเปล่า

เพราะป้ากะลุงบุญเรืองอ่ะ เราโบกแก แล้วก็...
ที่ที่เราจะไปพัก มันเข้าไม่ได้ (เขตสงวนพันธุ์สัตว์ป่า
เพื่อนไม่ได้แจ้งวันแน่นอน)
ลุงแกก็เลย ให้เราไปพักบ้านแกซะงั้น...
ขนาดแกบอกว่า กินตามสบายมะพร้าวน้ำหอม ฯลฯ
ป้าบอก
"ขอเป็ดมาย่างได้ไหมคะ"
ลุงแกยังให้เลย อิอิ

 

โดย: ป้านักท่องเที่ยว IP: 124.120.171.57 6 มิถุนายน 2549 14:30:25 น.  

 

โห.. โบกจากกรุงเทพ...

ผมว่าผมโบกจากแสลงหลวงกลับกรุงเทพก็เจ๋งแล้วนะครับป้า... อิอิ...

 

โดย: namit 6 มิถุนายน 2549 20:43:05 น.  

 

เมื่อวานไปนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติหนูเดินตั้งแต่10.00จนถึง18.00 ไม่เหนื่อยเลยป้า ดูทุกรูป บางรูปดูนานมาก อ่านข้อความแล้วแอบน้ำตาไหล
"ในหลวง" ทรงพระเจริญ

 

โดย: ตุ๊ก IP: 206.73.209.94 7 มิถุนายน 2549 8:32:01 น.  

 

รักพ่อหลวงคะ

 

โดย: แก้วมณี IP: 202.142.219.62 7 มิถุนายน 2549 15:25:19 น.  

 

ไม่เข้ามาเยี่ยมป้าเสียช้านาน
เข้ามาก็ได้อ่านอะไรดีดีอีกแล้ว

อยากไปดูนิทรรศการใจจะขาด แต่กำลังทรัพย์มิสามารถซะแล้ว ฮือ ๆ

 

โดย: หมวยอี๋ IP: 203.188.39.237 7 มิถุนายน 2549 19:42:51 น.  

 

อยากไปดูนิทรรศการบ้างจัง แต่ไม่มีโอกาส

 

โดย: noonak (noonurse ) 7 มิถุนายน 2549 20:25:12 น.  

 

* * * namit
โบกไป + โบกกลับอ่ะ


* * * ตุ๊ก
มีคนแอบเช็ดน้ำตากันหลายคนแหละ
ในห้องภาพประวัติอ่ะนะ


* * * พี่แก้ว
ไปดูแล้วยิ่งรักค่ะ
รักที่สุด ...


* * * หมวยอี๋
สามารถหาดูตามกระทู้ ในพันทิปนี่แหละนะ
มีคนเอามาแปะเยอะเลย ป้าก็ว่าจะแปะเหมือนกัน

แต่กะจะรอให้งานหมดก่อน
และได้ข่าวมาว่า เค้าจะย้ายของในงาน
ไปที่ไหนซักแห่งอ่ะ


* * * noonak
ไปดูกระทู้ในพันทิปนะคะ
กระทู้คุณอุบลวัลย์ ภาพเยอะดีอ่ะ

 

โดย: ป้าหนอน 8 มิถุนายน 2549 0:47:19 น.  

 

ขอบคุณค่ะป้าที่แนะนำ
ไม่มีโอกาสไป ก้อหาดูตามในเว๊ปก้อยังดี

 

โดย: noonak (noonurse ) 8 มิถุนายน 2549 21:47:40 น.  

 

เยอะนะ ลองหาคำว่า "งานนิทรรศการฯ"
หรือ 60 ปีการครองราชย์ สิ

 

โดย: ป้าหนอน 9 มิถุนายน 2549 23:40:30 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


ป้าหนอน
Location :
อยู่ใต้เบื้องพระยุคลบาทในหลวง Svalbard and Jan Mayen

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 11 คน [?]




๐ คนข้างโลก อยู่เงียบๆ อย่างเรียบร้อย
พูดไม่น้อย จึงเขียนมาก แก้ปากหมา
สนใจสิ่ง รอบตัว ทั่วโลกา
จักสรรหา มาสัมผัส วัดด้วยตน
ขอเก็บความ-คิดไว้ ในบันทึก
สนุกนึก ย้อนมาอ่าน กันอีกหน
ได้รำลึก ความคิด ในจิตตน
คงได้ยล ยิ้มบ้าง ในบางวัน...
Friends' blogs
[Add ป้าหนอน's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.