มิถุนายน 2553
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
27282930 
 
24 มิถุนายน 2553
 
 
ตอนที่ 1 ภาพหวนกลับ

“คุณธราครับ”
เจ้าของชื่อที่กำลังจดจ่ออยู่กับเอกสารตรงหน้าเงยขึ้นมองไปทางคนสนิท และยังรับรู้ได้ถึงน้ำเสียงตระหนกระคนเหนื่อยหน่ายกับเรื่องที่กำลังจะเอ่ยบอก
“คนงานที่เหมืองกำลังเถียงกับคุณจิอยู่ครับ”
ชายหนุ่มที่กำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้ที่จัดเข้าชุดกับโต๊ะทำงานขนาดใหญ่ ที่เหมือนเป็นการบอกชัดถึงความรับผิดชอบ ที่จะต้องแบกรับค้ำจุนมากกว่าความสะดวกสบายเหมือนอย่างที่ใคร ๆ มักจะมองแบบนั้น ร่างสูงขยับลุกขึ้น ก่อนจะถอนใจออกมาเบา ๆ อย่างให้รู้ถึงอารมณ์ที่ไม่ต่างจากคนสนิทนัก
“งานไม่เสร็จตามแผน...ให้คนงานทำล่วงเวลา...แต่จะไม่ยอมจ่ายเพิ่ม” น้ำเสียงเข้มเอ่ยเรียบ ๆ เชิงถาม
“ครับ” คนสนิทตอบแบบไม่ต้องคิดนาน
“ไอ้จิเอ๊ย...” เอ่ยเหมือนอยากจะบ่นสั้น ๆ แค่นั้น
ธราก้าวพ้นจากเก้าอี้ ก่อนจะเดินไปทางหน้าต่างที่เหมือนช่วยเปิดให้เห็นสิ่งแวดล้อมภายนอก ที่ตรงกันข้ามกับภายในห้องทำงาน
ใบหน้าเจ้าของห้องนั้นนิ่งขรึม เพราะภาระความรับผิดชอบต่าง ๆ ที่แบกไว้เต็มบ่า ซึ่งก็ทำให้คนใกล้ชิดพลอยได้รับกระแสของความรู้สึกนี้เข้าไปด้วย
คนสนิทกำลังมองเจ้านายของเขา ด้วยรู้อยู่แก่ใจว่าเหตุอะไรถึงทำให้ชายหนุ่มตรงหน้านิ่งจนไม่เคยเห็นแม้แต่รอยยิ้ม เพราะตั้งแต่วันที่บิดามารดาเสียชีวิตจากอุบัติเหตุเครื่องบินตก เจ้านายของเขาก็ต้องเข้ามารับผิดชอบทุกอย่าง
ถึงแม้ชายหนุ่มจะมีน้องชายร่วมสายเลือดที่น่าจะช่วยแบ่งเบาความรับผิดชอบไปได้บ้าง แต่เรื่องที่เกิดขึ้นแทบจะไม่ซ้ำในแต่ละวัน ยิ่งเหมือนทำให้คนตรงหน้าต้องคอยเข้าไปแก้ไขอยู่ตลอด ทั้ง ๆ ที่งานปกติก็มากพออยู่แล้ว
“คุณธรา...จะให้เอาเงินเดือนคุณจิจ่ายแทนอีกหรือเปล่าครับ” ประโยคที่ถามย่อมทำให้รู้ว่าเหตุการณ์นี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่เพิ่งเกิดขึ้น
“ฉันไม่อยากให้คุณย่าเดือดร้อนบ่อย ๆ ” คนที่ยังยืนมองออกไปทางนอกหน้าต่างตอบ
ภาพสิ่งแวดล้อมที่อยู่ตรงหน้า ‘เหมืองแกรนิต’ กับบรรยากาศโดยรอบที่ผสมปนเปไปด้วยเหล่ากิจกรรมต่าง ๆ เริ่มทำให้ หัวตาปวดตุบ ๆ และมันกำลังทำให้เขาเห็นสิ่งที่ไม่อาจบอกให้ใครได้รับรู้ เพราะมันอาจจะเหมือนเป็นการเพ้อฝันฟุ้งซ่าน
รถแมคโครขนาดใหญ่ด้านล่างที่กำลังขุดขนย้ายก้อนหินตามสภาพ หากยัง สะท้อน ให้เห็นภาพที่ขนานกันลาง ๆ ของปั้นจั่น ที่กำลังขนย้ายชักรอกก้อนหินขนาดใหญ่ขึ้นไปตามความลาดชันของ...
...หุบเขากษัตริย์ในยุคสมัยหนึ่งแห่งแผ่นดินอียิปต์...
ธราต้องสะบัดหน้าเบา ๆ เพราะ ‘ภาพ’ ที่กำลังก่อกวนตรงหน้านี้ เคยเกิดขึ้นในสมัยที่เขายังเรียนอยู่ แม้จะไม่บ่อยนัก แต่ขณะนี้ภาพเหล่านี้กำลัง หวนกลับ มา จนทำให้เขาอดแปลกใจไม่ได้ เพราะยิ่งเขาอยู่ท่ามกลางบรรยากาศของเหมืองเมื่อไร ‘ภาพ’ ก็ชัดเจนขึ้นเรื่อย ๆ
“คุณธราครับ” น้ำเสียงเรียกเป็นกังวล “เป็นอะไรหรือเปล่าครับ”
เจ้าของชื่อหันกลับมาทางต้นเสียง ที่เหมือนช่วยดึงสติไม่ให้ภาพเหล่านั้นพาเขาออกไปไกล จากเรื่องวุ่นวายที่น้องชายเขามักจะสรรหามาให้ไม่ซ้ำในแต่ละวัน
“ปวดตานิดหน่อย” บอกพลางถอนใจเบา ๆ ก่อนจะเอ่ยให้คนสนิทไปจัดการเรื่องที่เพิ่งเข้ามารายงาน “ภีมฤ...นายไปดูให้ฉันหน่อย...ถ้าตกลงกันไม่ได้...”
เสียงเพลงโทรศัพท์มือถือดังขึ้นแทรกบทสนทนา ทำให้เจ้าของห้องต้องหมุนตัวกลับมาจากหน้าต่าง มือใหญ่หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู ยิ่งเห็นชื่อบทหน้าจอ ยิ่งส่ายหน้าพลางขมวดคิ้ว
‘ไอ้นี่อายุยืน’ พี่ชายอดคิดไม่ได้
“ว่าไง” รับสายต้นเรื่อง
“พี่ธรา...” น้ำเสียงร้อนรนมาตามสาย “พวกคนงาน...ทำงานไม่เสร็จ...จะให้ผมจ่ายค่าแรงเพิ่ม” เริ่มต้นอธิบาย “ผมให้เริ่มงานตั้งแต่เช้า...ป่านนี้ยังไม่เสร็จ...จะมาเอาเงินเพิ่ม...ไอ้พวกนี้” บ่นยาวมาตามสาย
“แกมาทำงานกี่โมง” เสียงเข้มถามสั้น ๆ
“ผม...ก็ให้พวกนั้นทำงานไปก่อน...แล้วค่อยมาตามดูไง” คนตอบเริ่มอารมณ์เสีย เหตุเพราะกว่าตนเองจะมาก็ปาเข้าไปบ่ายโมง ก็ทำให้คนงานอู้สบาย จากที่ไม่มีคนคอยคุม
“ถ้าส่งของไม่ทัน...แกจะทำยังไง” พี่ชายยิงคำถามใหม่
“ถ้าจะให้ทันก็ต้องจ่ายเงินเพิ่ม” บอกวิธีแก้ที่เพิ่งคิดได้
“ฉันจะไม่จ่ายเพิ่ม จากการที่แกขาดความรับผิดชอบ” เสียงพี่ชายยืนยัน
“พี่ธรา...ถ้าไม่จ่ายเพิ่มแล้วจะส่งของทันได้ยังไง” ปลายสายเริ่มขึ้นเสียง
“ถ้างั้น...ฉันเอาเงินเดือนแกไปจ่ายค่าแรงแทนอีก...ตกลงไหม” เริ่มยื่นข้อเสนอเก่าอีกหน
“พี่หักเงินจนผมไม่มีจะกินอยู่แล้ว” น้องชายเริ่มโวยใหม่เหมือนให้รู้ว่าไม่เห็นด้วย
“ถ้าคุณย่าไม่เดือดร้อน...ฉันจะหักเงินให้แกกินแกลบแทนข้าวอีกแน่ ๆ” คนพูดรู้ดีว่าจะต้องเปลี่ยนวิธีที่จะให้คนในสายรับผิดชอบงาน เหตุด้วยวิธีหักเงินนั้นไม่ได้ผล เพราะคนเดือดร้อนเป็นหญิงชราที่ยังให้ความสงสารหลานชายเสมอ แม้จะรู้อยู่ว่าอะไรเป็นอะไร
“งั้นคราวนี้พี่จะจ่ายเพิ่มใช่ไหมครับ” น้ำเสียงหนักเริ่มยิ้มกริ่ม
“ใครบอกแกล่ะ” เสียงเข้มแย้งสั้น ๆ
“อ้าว...แล้วจะให้ผมทำยังไง” เริ่มโวยต่อ
“ภีมฤจะกระจายคนงานที่จะเข้ากะใหม่มาให้...แต่แกจะต้องอยู่คุมจนกว่าของจะขึ้นรถหมด...ไม่อย่างงั้น...ฉันเอาเรื่องแกแน่” บอกพลางหันไปพยักหน้าให้คนสนิทไปจัดการต่อ
“งั้น...ก็ให้พี่ภีมฤมาคุมคนงานแทนผมด้วยเลยสิ” เริ่มโยนหาคนรับผิดชอบต่อ
“แกจะไปเจอสาว ๆ ในสภาพครบสามสิบสองหรือเปล่า...ไอ้จิ” เสียงเข้มเริ่มห้วน
“ครับ ๆ” กลัวพี่ชายเอาเรื่อง “ผมจะอยู่จนขนของเสร็จก็แล้วกัน” ต้องรับคำอย่างเสียไม่ได้ เพราะรู้ว่าตระกูล ‘ณทชัย’ อยู่มาได้จนทุกวันนี้ก็เพราะคนนี้เพียงคนเดียว
ธรามองคนสนิทที่กำลังเปิดประตูห้องออกไป ก่อนจะถอนใจเบา ๆ กับน้องชายที่ไม่ค่อยจะยอมรับผิดชอบงาน แต่ถ้าหากเป็นเรื่อง ‘ผู้หญิง’ ต้องยกให้ถึงความชำชอง ที่แม้แต่ตัวเขาเองก็ปวดหัวแทน ‘สับราง’ ที่รถไฟชนกันหลายขบวน แต่เจ้าตัวก็ยังเอาตัวรอดไปได้อย่างเหลือเชื่อทุกครั้ง
“วันนี้...สาวคนไหนจะมาเป็นตุ๊กตาในรถให้แก” อดถามไม่ได้
“น้องลิลครับ”
“หือ?...อย่าบอกนะ...ว่าแกนัดลูกสาวคนเล็กของคุณชัชนนท์” เสียงเข้มกำลังแปลกใจ
“ถูกต้องครับบบบ” ลากเสียงยาวตอบพี่ชาย
“ไอ้จิ...แกระวังหน่อย...คุณชัชนนท์ไม่เหมือนใคร”
“คุณชัชนนท์ก็ส่วนคุณชัชนนท์สิครับ” ไม่ได้สนใจคำเตือนพี่ชาย “ลูกสาวคนนี้สวยซะด้วย...แต่ได้ข่าวมาว่าพี่สาวสวยกว่าน้องสาว...ผมว่าจะควงน้องสาวไปพลาง ๆ ก่อน...ผมมีเวลาตั้งสองอาทิตย์ ถ้าสาวเจ้าไม่ทำให้เบื่อซะก่อนนะครับ” น้ำเสียงยังสนุกที่ได้ควงสาว ๆ ไปเรื่อย
“สองอาทิตย์” เสียงเข้มของพี่ชายทวนเสมือนคำถาม
“อ้อ...ลูกสาวคนโตอีกสองอาทิตย์ถึงจะกลับจากอังกฤษครับ” บอกสิ่งที่เตรียมแผนไว้ในใจ
“ฉันเตือนด้วยความหวังดี...คราวนี้แกไม่เคี้ยวง่าย ๆ เหมือนสาว ๆ ที่แกเคยควงหรอก” คนบอกย่อมรู้ข้อมูลเป็นอย่างดี
“ผมเป็นเขยคุณชัชนนท์...ธุรกิจของเราจะได้ต่อรองง่ายขึ้นไม่ดีหรือครับ” คิดง่าย ๆ กับเรื่องธุรกิจ
“ถ้าแกได้เป็นนะ” บอกสั้น ๆ
“พี่พนันกับผมไหมล่ะ” เริ่มชวนเล่นสนุกเหมือนกำลังเป็นต่อ
“เอาสิ” พี่ชายใจป้ำ
“ผมขอเงินปันผลของพี่ครึ่งหนึ่ง” ยื่นข้อเสนอ
‘หึหึ’ เสียงหัวเราะในลำคอของพี่ชายที่รู้ว่าบางเรื่องคนที่อยู่ในสายก็ต่อรองได้ดี
“แล้วถ้าแกแพ้ล่ะ” ถามกลับบ้าง
“ผมก็ให้ส่วนของผมครึ่งหนึ่งไงล่ะ” บอกข้อเสนอที่พอจะมีน้ำหนักเท่ากัน
“ฉันรับพนันกับแก...ทั้ง ๆ ที่หุ้นของแกน้อยกว่าฉันก็ได้” ย้ำให้รู้ว่า ‘รู้ทัน’ แต่ก็ยังยอมในฐานะสายสัมพันธ์พี่น้อง
“พี่บอกคุณย่าตั้งแต่เนิ่น ๆ ได้เลย ว่าจะต้องเตรียมตัวมีหลานสะใภ้ได้แล้ว” ยังเชื่อมั่นในฝีมือจีบสาวของตัวเองอยู่เสมอ
‘อืม’ เสียงเข้มรับคำอยู่ในลำคอ ก่อนจะเปลี่ยนหัวข้อสนทนา
“พรุ่งนี้บ่าย...แกจะต้องไปประชุมเรื่องเปิดตลาดใหม่กับฉัน”
“พี่ไปคนเดียวเถอะ” น้ำเสียงเหนื่อยตามหัวข้อที่พี่ชายเปลี่ยน
“ถ้าแกไม่ไป...ฉันจะให้แกเข้าไปขุดหินพร้อมฉันอาทิตย์หน้า” บอกข้อต่อรองให้เลือกเอา
“ไปก็ได้” รับคำอย่างเสียไม่ได้
ธรากดวางสายน้องชายตัวดี ก่อนจะหันกลับไปมองทัศนียภาพด้านล่างผ่านหน้าต่างอีกรอบ หากคราวนี้ ‘ภาพ’ เมื่อครู่ไม่ปรากฏให้เห็นอีก
ชายหนุ่มกำลังตั้งคำถามกับตัวเองอย่างหนัก ‘ภาพเหล่านี้’ ทำไมถึงกลับมาอีกหลังจากห่างหายไปนานหลายปี

ความเย็นโรยตัวในยามค่ำคืน ตามสภาพอากาศของผืนแผ่นดินในดินแดนภาคเหนือตอนล่างของประเทศ อีกทั้งยังรายล้อมด้วยแร่ธาตุในดิน ที่ช่วยให้คนในพื้นที่ได้ยังชีพต่อเติมชีวิตให้สมบูรณ์
‘เรือนไทย’ สองชั้นรูปทรงที่ออกแบบนั้น ผสมผสานให้สอดรับกับความทันสมัยตามเวลาที่หมุนเวียนเปลี่ยนแปลง อีกทั้งยังโดดเด่นอยู่ท่ามกลางพื้นที่กว้าง เพียงให้เป็นที่พักอาศัยของหญิงสูงวัยที่สูญเสียบุตรชายคนเดียว แต่ยังมีหลานรักสองคนเป็นเสมือนกำลังใจ เพื่อที่จะมีชีวิตดำเนินอยู่ต่อไปได้
ห้องนั่งเล่นชั้นล่างตกแต่งเรียบง่าย แต่แฝงไปด้วยอารยธรรมแห่งแผ่นดินเกิด ที่ให้ความสงบและเป็นเสมือนที่พักพิงสำหรับผู้อยู่อาศัย
หญิงสูงวัยรูปร่างท้วมใบหน้าแฝงไปด้วยความเมตตาอย่างอบอุ่น กำลังนั่งอยู่บนตั่งตัวยาวที่เพิ่มพนักพิงเพื่อให้สะดวกสบายยิ่งขึ้น สายตาที่กำลังเริ่มฝ้าฟางจดจ่อกับหนังสือพิมพ์รายวัน ที่เป็นเสมือนประตูเปิดกว้างสำหรับโลกทัศน์ในปัจจุบัน อีกทั้งยังให้ความบันเทิงภายใต้ความยุ่งเหยิงซับซ้อนของสังคม
“คุณย่าครับ” เสียงเข้มของหลายชายเรียก
ชายหนุ่มร่างสูงใหญ่เดินเข้ามาใกล้หญิงอาวุโส ที่สายตาภายใต้กระจกแว่นตา กำลังสนใจเหล่ากิจกรรมในสังคมผ่านกระดาษแผ่นโต อีกทั้งกรอบ ‘โฆษณา’ ขนาดกลางที่ทำให้เป็นหัวข้อเริ่มต้นบทสนทนา
“อาทิตย์หน้า...จะมีงานแสดงวัตถุโบราณ...หลานฉันคงไม่พลาดอีกแน่” น้ำเสียงเนิบ ๆ กึ่งเย้ากึ่งเหน็บ
‘หึหึ’ เสียงหัวเราะเบา ๆ ในลำคอ ก่อนจะเข้าไปกอดร่างท้วมที่แกล้งชำเลืองค้อนให้นิด ๆ
“ผมก็ชอบของผมมาตั้งนานแล้วนี่ครับ” เสียงเข้มนุ่ม ๆ ของธรา “ไม่งั้นผมจะอยู่กับย่าได้นาน ๆ หรือครับ” น้ำเสียงเย้าผู้สูงวัยกลับบ้าง
“อยู่นานแค่ไหนเชียว...ไม่เคยครบเดือนล่ะไม่ว่า...ยังจะมาหาว่าย่าอยู่ในจำพวกวัตถุโบราณที่หลานสะสมไว้เต็มบ้านที่กรุงเทพ...จนไม่มีที่จะเก็บ ต้องเอามาให้คนแก่ช่วยเฝ้าที่นี่” ว่าพลางเอามือลูบแก้มสาก ๆ ของหลานชาย ที่เอาจมูกโด่งเข้ามาหอมแก้มอย่างเอาใจ
“ผมไม่ได้หมายความว่าอย่างงั้นสักหน่อย...แต่ผมว่าของโบราณของผมมันชอบอยู่กับคุณย่านะครับ” ยิ้มนิด ๆ ประกอบคำพูดที่ยังล้อเลียนไม่เลิก
“ฟังพูดเข้า” แกล้งทำเสียงเคร่งใส่ พลางค้อนส่งให้หลานชายคนโตวงใหญ่ ก่อนจะถามเข้าเรื่องใหม่ เพราะเจ้าตัวยังลอยหน้าอยู่ใกล้ ๆ “แล้วเจ้าน้องชายตัวดีของเราไปไหนซะล่ะ”
“มันไปหาหลานสะใภ้ให้คุณย่าอยู่ครับ” บอกเรื่องที่เจ้าตัวท้าพนันกันไว้
“ไอ้ที่เคยมาวี้ด ๆ ที่นี่...ไม่เอานะ” คนบอกยังจำได้ถึงรถไฟที่สับรางไม่ทัน แล้วมาชนกันดังสนั่นถึงในบ้าน
เสียงหัวเราะเบา ๆ ของชายหนุ่ม ที่กำลังเปลี่ยนอิริยาบถขอยืมตักผู้สูงวัยหนุนนอนอย่างสบายอารมณ์
“อยู่ดี ๆ ทำไมมาพูดถึงหลานสะใภ้ให้ย่ากัน” อดถามอย่างแปลกใจไม่ได้ ใบหน้าผู้สูงวัยก้มมองใบหน้านิ่งขรึมที่ไม่ค่อยจะเห็นรอยยิ้ม
“ไอ้จิ...มันจะเอาลูกสาวคุณชัชนนท์มาเป็นหลานสะใภ้ให้คุณย่าครับ” คนบอกไม่ได้ใส่ใจเท่าไรนัก
“อะไรกัน” น้ำเสียงแปลกใจ “ลูกสาวคนไหน” ถามพลางหันไปหยิบเงาะในถาดใกล้มือมาแกะเปลือก เตรียมให้คนที่ยังยืมตักหนุนศีรษะอยู่
“คุณย่าอยากได้คนไหนล่ะครับ” ถามพลางอ้าปากรับเงาะลูกเล็กจากผู้สูงวัย
เสียงหัวเราะเบา ๆ ของหญิงสูงวัย ก่อนจะปรามฝากพี่ชายไปให้เจ้าตัวที่น่าจะกำลังคิดว่าหาหลานสะใภ้ให้ย่าได้ง่าย ๆ
“จะคนไหน...เจ้าจิก็เอามาเป็นหลานสะใภ้ให้ย่าไม่ได้หรอก”
“ทำไมล่ะครับ” น้ำเสียงเข้มแปลกใจเป็นอย่างมาก
หญิงสูงวัยยังมองหลานชายที่แทบจะหยุดเคี้ยวผลไม้ที่ป้อนให้ รอยยิ้มเล็ก ๆ ทำให้ใบหน้าที่ดูอบอุ่นอ่อนโยนเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัว
“หนึ่งในสองสาว จะมีหนึ่งคนมาเป็นหลานสะใภ้ใหญ่ของย่า” เสียงเนิบ ๆ บอก ก่อนจะยิ้มละไมให้หลานชายที่กระเด้งลุกขึ้นจากตักแทบไม่ทัน และแทบจะกลืนเม็ดเงาะเข้าไปด้วย
“อะไรนะครับ” คราวนี้เสียงเข้มดังกว่าเดิมกับความหมายที่กำลังเข้าตัว
สายตาของผู้เป็นย่ากำลังมองหลานชายคนโตตรงหน้าผ่านกระจกแว่นตา พร้อมด้วยรอยยิ้มเสมือนอยากให้รู้ไว้ว่าใครกันแน่ที่จะได้หนึ่งในสองสาวมาเป็นหลานสะใภ้ให้ตน
เธอมองเห็นสายตาคมลึกที่สอดรับกับใบหน้านิ่งขรึม จนมักจะโดนค่อนแคะว่าคล้ายดั่งรูปสลักบนหินแกรนิต ซึ่งแตกต่างจากน้องชายเจ้าของฉายาหนุ่มเจ้าสำอาง ที่มีใบหน้าเกลี้ยงเกลาพอ ๆ กับอิสตรี
“คุณย่า...รู้ได้ยังครับ” หลานชายกำลังแปลกใจ “ที่นี่...นอกจากเก็บของเก่าไว้แล้ว ยังเลี้ยงกุมารทองไว้ด้วยหรือไงครับ” เริ่มมองประเด็นว่าเป็นเรื่องล้อเล่นของผู้สูงวัยมากกว่าที่จะจริงจัง
เสียงหัวเราะเนิบ ๆ ของหญิงสูงวัย ที่รู้ถึงอารมณ์หลานชายคนโตว่ากำลังแปลกใจระคนสับสน อีกทั้งยังรับรู้เหมือนว่าเป็นเรื่องตลกขบขัน
“กุมารทองบอกด้วยหรือเปล่าครับ...ว่าคนไหน” เย้าพลางขมวดคิ้วนิด ๆ เพราะอ่านแววตาตรงหน้าออกแล้วว่า...ไม่ได้ล้อเล่น
มือที่มีริ้วรอยเหี่ยวย่นยกมือใหญ่ของหลานชายขึ้นมา สายตาที่ผ่านเวลาของชีวิตมาไม่น้อย กำลังมองแหวนบนนิ้วก้อยของมือซ้าย ก่อนจะสัมผัสบนหัวแหวนเบา ๆ
“คงต้องให้สิ่งนี้บอกหลานเอง”
ธรามองนิ่งบน ‘หัวแหวน’ สีแดงของ อำพันใส และสะท้อนให้เห็น ‘ขนสัตว์ปีก’ ที่อยู่ภายในโดดเด่นชัดเจนอย่างหายากยิ่ง เพราะโดยปกติธรรมชาติของอำพันมักจะเป็นสีเหลืองทอง
‘อำพัน’ หนึ่งในอัญมณีที่หลายยุคหลายแผ่นดินยกให้เป็นเสมือน ‘ตัวแทน’ และ ‘ความเชื่อ’ ในพิธีกรรมทางศาสนา อีกทั้งยังเป็นที่ยึดเหนี่ยวผูกโยงจิตใจ หรือแม้กระทั่งทำให้ผู้คนบางยุคแสวงหาไขว่คว้าเพียงเพื่อ คุ้มครองตัวตนใน ‘ผืนภพ’ ต่อ ๆ ไป
“ก่อนวันที่หลานเกิด...ย่าฝันว่า...มีใครคนหนึ่ง...แต่งตัวไม่ใช่คนในแผ่นดินนี้...เขาอุ้มหลานมาส่งให้ย่า...และบอกว่า...” สายตาฝ้าฟางทอดมองหลานชาย ก่อนจะยิ้มให้อย่างอ่อนโยน “ให้รับหลานไว้ที่แผ่นดินนี้ด้วย...สุดผืนภพแล้ว”
สายตาคมลึกมองผู้สูงวัยตรงหน้า หากแววตากำลังตื่นตระหนกกับเรื่องราวที่เพิ่งได้รับรู้เป็นครั้งแรก
“คุณย่าไม่เคยเล่าให้ผมฟังเลย” ธรากำลังประติดประต่อเรื่องกับ ‘ภาพ’ ที่เห็นและห่างหายไปจนกระทั่งวันนี้...
“ย่าไม่เคยเชื่อ...จนได้แหวนวงนี้มา” เสียงเนิบ ๆ กำลังเฉลยสิ่งที่เก็บไว้นานแสนนาน
“ครับ?” น้ำเสียงสูงทวนเสมือนคำถาม
“ย่าเข้าไปในงานประมูลอัญมณี...และแหวนวงนี้ก็เป็นเครื่องประดับเดียวที่เหมือนจงใจรอให้ย่าประมูล...และพอย่าได้แหวนนี้...คน ๆ นั้นก็ปรากฏตัวที่นี่อีก...ให้เก็บสิ่งนี้ไว้ให้หลาน”
“แล้วเกี่ยวอะไรกับลูกสาวคุณชัชนนท์ด้วยล่ะครับ” ชายหนุ่มกำลังอยากฟัง ในสิ่งที่เขาเองก็แทบไม่อยากจะเชื่อ ถ้าภาพเหล่านั้นไม่ได้มาปรากฏให้เห็นอีก
“วันที่ประมูลมีแหวนสองวง” เสียงเนิบเย็น ๆ ตอบ “แหวนทั้งสองวง...เหมือนรอย่าและนายชัชนนท์”
“เป็นไปได้ยังไง” เสียงเข้มหายไปในลำคอ แต่กำลังหวนคิดถึง ‘ภาพ’ ที่ไม่ใช่บนแผ่นดินนี้
“หลานมาไกลมากนะ” สายตาฝ้าฟางยังมองหัวแหวนอำพัน “คนที่จะเคียงข้างหลาน...น่าจะต้องมาไกลเหมือนกัน...แต่อยู่ในผืนภพเดียวกันแล้วล่ะ”
‘สุดผืนภพ’ ชายหนุ่มกำลังทบทวนสิ่งที่ได้ยินกับ ‘ภาพ’ ที่เห็น ย่อมแสดงว่าเขาไม่ได้ประสาทหลอนหรือคิดไปเอง ‘เฉลย’ กำลังจะเป็นหนึ่งในบุตรสาวของเจ้าของธุรกิจเดินเรือขนส่ง ที่เขามักจะเฉียดพบอยู่เป็นประจำในแวดวงของธุรกิจ
ที่แน่ ๆ คนที่จะไปหยั่งให้ตะกอนที่นอนนิ่งมานานในภาคภพหนึ่ง กำลังจะทำให้เป็นเพียง ‘คลื่นกระทบฝั่ง’ หรือเปล่า
“ผมน่าจะคุยกับคุณย่าตั้งนานแล้ว” คำบอกยังไม่เท่ากับสิ่งที่อยู่ในใจ
“มีอะไรเกิดขึ้นกับหลาน” คนถามย่อมจับอารมณ์หลานชายได้
หลานชายเริ่มต้นเล่าเรื่องที่เคยเห็นทั้งหมดให้คนตรงหน้าฟัง ‘ภาพ’ ที่ปรากฏขึ้น ตั้งแต่เขาจำความได้ จนกระทั่งห่างหายไปนานและวันนี้หวนกลับมาอีกครั้ง ‘เหมือง’ จะเป็นจุดเริ่มต้นให้เขาค้นหาสิ่งที่ฝั่งอยู่ในความทรงจำ และเหมือนกำลังรออะไรบางอย่าง ‘ปลดปล่อย’ หรือ ‘ผูกพัน’

เสียงรถที่แล่นเข้าในบริเวณบ้านเรียกให้คนทั้งสองหันไปทางต้นเสียง ซึ่งฟังเหมือนว่ากำลังไม่สบอารมณ์กับอะไรสักอย่าง เพราะจากเสียงปิดประตูรถที่น่าจะพังคามือคนปิด ตามด้วยเสียงฝีเท้าที่ย่ำเข้ามาในบ้าน ที่แน่ ๆ เสียงเท้าหนัก ๆ ซึ่งคนในบ้านฟังดูแล้วน่าจะทำให้พื้นทะลุมาตลอดทาง
“ไงไอ้น้องชาย” พี่ชายทักเจ้าของเสียงที่ทำลายความสงบของคนทั้งบ้าน “สาวไม่ถูกใจ...หรือว่าสับรางไม่ทันอีกล่ะ”
“มีดีอะไรถึงกล้าโทรมายกเลิกนัด” จิรัฏฐ์โมโหหัวฟัดหัวเหวี่ยง
ใบหน้านิ่งขรึมของพี่ชายเลิกคิ้วนิด ๆ กับคำพูดที่ทำให้รู้สาเหตุของเสียงที่ดังลั่นไปทั้งบ้าน
“นายไม่เคยใส่ใจไม่ใช่หรือ” เสียงเข้มถามหยั่ง
“แต่ผมเสียหน้านะครับ”
“สรุป...นายคบผู้หญิงเพราะกลัวเสียหน้านี่เอง” คนเป็นพี่ช่วยซ้ำ
“พี่ธรา” ขึ้นเสียงเพราะยังค้างอารมณ์มาจากตัวการ
“หรือไม่จริง” พี่ชายย้อนถามระคนสะใจ
“คอยดูเถอะ...ถ้านายจิรัฏฐ์คนนี้ไม่ได้ควงก็ผิดไปล่ะ” เสียงหนักเข่นเขี้ยวตัวการ เพราะโดนยกเลิกนัดเป็นครั้งแรกตั้งแต่ควงผู้หญิงมา
พี่ชายได้แต่ส่ายหน้าให้กับคนที่ยังยืนอารมณ์เสีย แต่กำลังหวนคิดถึงคำพูดของผู้สูงวัย หนึ่งในสองสาวที่จะเป็นคำเฉลยเรื่องราวของ ‘ภาพ’ ที่วนเวียนหวนกลับมาให้เห็นเด่นชัดอีกครั้ง...ก่อนจะหันไปทางผู้สูงวัยที่กำลังจะเล่นงานหลานรักคนเล็ก
“จิ...ผู้หญิงนะ...ไม่ใช่ตุ๊กตา” เสียงเนิบ ๆ ปรามให้รู้ว่า ไม่เหมือนหลายคนที่หลานชายเคยควง
“สวย...หยิ่งนัก...ลูกสาวคนเล็กนี่” ยังเข่นเขี้ยว
“ที่ย่าเตือน...เพราะบุคลิกสองสาวไม่เหมาะกับแกแน่ ๆ”
ชายหนุ่มที่กำลังหัวเสียมองใบหน้าผู้สูงวัย เหมือนกำลังแปลกใจกับเรื่องที่ไม่คิดว่า...คนตรงหน้าจะใส่ใจ โดยเฉพาะบุตรสาวของคนที่เกี่ยวโยงกันทางธุรกิจ
“คุณย่าพูดเหมือนรู้จักทั้งสองคนอย่างงั้นแหละครับ” จิรัฏฐ์อดถามอย่างแปลกใจไม่ได้
“คนเล็กเปรี้ยวสดใส...แต่คนโตสวยเฉียบแปลก ๆ” เสียงเนิบเชิงบอก แต่เหมือนให้ข้อมูลหลานชายคนโต
“คุณย่าอยู่ถึงนี่...ยังเคยไปเห็นลูกสาวคุณชัชนนท์อีกหรือครับ” หลานชายคนเล็กเริ่มกลับมาเตรียมไล่เลียงคนที่น่าจะรู้ข้อมูลดีที่สุด
“อ้าว...ย่าไม่ใช่พวกหลังเขาสักหน่อย...อีกอย่างของแบบนี้...รู้บ้างไม่ได้หรือไง” เริ่มย้อนกลับ เพราะรู้ทันคนที่จะคาดคั้นเอาเรื่อง
“คุณย่ารู้ได้ยังไงครับ” คนที่อารมณ์ค้างกลับมา เริ่มหาประเด็นข้อมูลเตรียมเล่นงานตัวการที่โทรมายกเลิกนัด
“สองปีก่อน...ที่ย่าไปอังกฤษ...พอดีไปเจอทั้งพี่ทั้งน้องเลย...ทั้งสองคนกำลังช่วยกันหาข้อมูลเรื่องเรือส่งกลับมาให้คุณพ่อของเขา...ตอนนั้นย่าได้คุยกับลูกสาวคนโต...ไนล์...ยังมีน้ำใจช่วยพาย่าไปหาของที่อยากได้อีกด้วย” เสียงเนิบเล่าสั้น ๆ ชำเลืองมองใบหน้านิ่งขรึมของหลานชายคนโต
ธราขมวดคิ้วนิด ๆ ‘ไนล์’ กับ ‘ลิล’ ชื่อไหนควรจะคุ้นกับเขามากที่สุด ชายหนุ่มกำลังคิด แต่รู้สึกเหมือนว่าชื่อของสองสาวไม่ช่วยอะไรเขาเลย เสียงถอนใจเบา ๆ กับความวุ่นวายที่เพิ่มขึ้นมาในชีวิตอีกหนึ่งเรื่อง หากคราวนี้...
...ความละเอียดอ่อนของ ‘ความรัก’ ต้องใช้ความรู้สึกของ ‘หัวใจ’ ช่วยตัดสิน...
“ยังไงผมก็มีสิทธิ์ทั้งสองคนแหละครับ” เบี่ยงประเด็นใหม่ โดยกำลังเตรียมสนใจคนที่กำลังจะกลับมา
“จิ...ไม่มีผู้หญิงคนไหนชอบผู้ชายจับปลาสองมือ” ผู้เป็นย่าเริ่มปราม
“ผมต้องใช้สองมือค่อย ๆ เลือกปลานี่ครับ...” ยังสนุกกับเกมส์ของความเป็นชายหนุ่ม
“เลือกแบบไหนกัน” คนปรามรู้ว่าเริ่มพูดไปก็เปล่าประโยชน์ ก่อนจะหันไปขอความช่วยเหลือหลานชายคนโตดีที่สุด
“ปลาเป็นจับไม่ง่ายเหมือนปลาตายหรอกนะ” เสียงเข้มของพี่ชายแฝงความหมาย
ชายหนุ่มผู้เป็นน้องชะงักไปนิดหนึ่งกับถ้อยคำที่ทำให้รู้ความหมายลึก ๆ ว่าที่ผ่านมา ‘ผู้หญิง’ แบบไหนที่เขาได้มาง่าย ๆ
“พี่กลัวจะแพ้พนันผมใช่ไหมล่ะถึงพูดแบบนี้” กลบเกลือนความคิดที่เริ่มรู้สึกได้
“ฉันเคยแพ้พนันแกหรือไง” ความสุขุมอย่างคนที่เข้าใจโลก ย่อมไม่เคยประมาท
“ต้องมีครั้งแรกบ้างล่ะน่า” หน้าง้ำใส่พี่ชายที่รู้ตัวมาตลอดตั้งแต่เด็กว่า ‘คนนี้’ กำราบเขาอยู่หมัดแค่ไหน อีกทั้งยังดูแลเขาอย่างดีเสมอมา
‘หึหึ’ เสียงหัวเราะเบา ๆ ในลำคอของพี่ชาย หากสายตายังจับอยู่บนใบหน้าเกลี้ยงเกลาที่ยังมีร่องรอยกรุ่นของอารมณ์ก่อนหน้านี้
“ผู้หญิงที่ทำให้แกรู้จักชีวิตจริง ๆ จะทำให้แกยอมหมอบราบคาบ” เสียงเข้มแทรกบอก อย่างคนที่รู้จักชีวิต ที่อยู่บนพื้นฐานของความรับผิดชอบอยู่ตลอดเวลา
“ผู้หญิง...ก็เหมือนกันหมดแหละครับ” คนเคยมีสาวรายล้อมย่อมไม่เคยรู้ถึง ‘ผู้หญิง’ ในความหมายที่แท้จริง
ผู้เป็นย่าส่ายหน้านิด ๆ ให้กับหลานชายคนเล็ก ที่เธอรู้อยู่แก่ใจถึง ‘ความรับผิดชอบ’ ที่เทียบไม่ได้กับพี่ชาย ซึ่ง ณ เวลานี้ ‘สายสัมพันธ์’ ยังเทียบเคียงกับ ‘ความเคารพ’ อย่างเท่ากัน
หากวันข้างหน้าสิ่งที่จะเกิดขึ้น ‘อารมณ์’ จะทำให้เบี่ยงเบนความผูกพันหรือเปล่า...หรือ...จะมี ‘ใคร’ ก้าวเข้ามาเปลี่ยนแปลงตัวตนให้หวนมองชีวิตอย่างจริงจัง
‘ผืนแผ่นดิน’ แต่ละยุคแต่ละอารยธรรมย่อมผูกโยงด้วยสายสัมพันธ์ ส่วน ‘จิตวิญญาณ’ แห่งความผูกพันย่อมมีความหมายในตัวของมันเอง...อะไรจะเป็น ‘ต้นเหตุ’ ให้ค้นหา ‘คำตอบ’ ของภาพที่เกิดขึ้น
แม้สายธารแห่งอารยธรรมจะค่อย ๆ ไหลผ่าน ตามช่วงของวันเวลามาอย่างยาวนาน หากยังเทียบไม่ได้กับ สายใยบาง ๆ ของ ‘ความรัก’ ที่หากไม่มี ‘ศรัทธา’ ย่อมเปราะบาง แต่ก็เหนียวแน่นอย่างไม่น่าเชื่อยาม ‘มั่นคง’ และกำลังจะรอพิสูจน์ ‘หัวใจ’ อยู่บนผืนแผ่นดินหนึ่ง



Create Date : 24 มิถุนายน 2553
Last Update : 1 กรกฎาคม 2553 14:49:47 น. 0 comments
Counter : 448 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 
 

B_Zircon
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




นิยามของผู้เขียน 'อักษร' ทุกตัวเสมือนดาบสองคม จึงเป็นหน้าที่ของ 'นักเขียน' ที่ต้องถ่ายทอดด้วยจิตสำนึกในความรับผิดชอบต่อสังคม หาก ‘อักษร’ ตัวใดส่งผลกระทบต่อบางแง่บางมุมในความรู้สึกของผู้อ่าน ‘ผู้เขียน’ ขอน้อมรับคำติชมไว้แต่เพียงผู้เดียว

ติดตามผลงาน เพทายสีฟ้า ได้ที่เพจด้านล่างนะค่ะ

สนใจเครื่องประดับสไตล์อียิปเชิญที่ Isis fortune shops ค่ะ

มีปัญหาทางบัญชีปรึกษา

[Add B_Zircon's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com
pantip.com pantipmarket.com pantown.com