Michael Connelly และ The Concrete Blonde
Michael Connelly เป็นอดีตนักข่าวสายอาชญากรรมของหนังสือพิมพ์ LA Times ซึ่งผันตัวมาเป็นนักเขียนนวนิยายแนวสืบสวน-อาชญากรรมที่โด่งดังและเป็นที่ยอมรับมากที่สุดคนหนึ่งในยุคปัจจุบันค่ะ จาก The official website ปัจจุบัน Connelly มีผลงานเป็นนวนิยายทั้งหมด 21 เล่ม(ไม่นับรวม non-fiction และผลงานในฐานะบรรณาธิการ) โดยแบ่งเป็น series ที่มี Harry Bosch ตำรวจสืบสวนประจำ LAPD เป็นตัวเอกทั้งหมด 15 เรื่อง และนิยายเล่มเดี่ยวอีก 6 เล่มค่ะ แพรวสำนักพิมพ์ในเครืออมรินทร์แปล Bloodwork(ภารกิจเลือด) นิยายลำดับที่ 7 ของ Connelly ซึ่งเป็นนิยายเล่มเดี่ยวออกมาครั้งแรกเมื่อปี 2547 ค่ะ โดยออกมาเป็นชุดร่วมกับ The Davinci Code(รหัสลับดาวินชี) ของ Dan Brown และ Tell No One(อย่าบอกใคร) ของ Harlan Coben ขณะที่รหัสลับดาวินชีโด่งดังเป็นพลุแตกและขายดีเป็นเทน้ำเทท่าจนน่าจะเรียกได้ว่าเป็นตัวจุดกระแสความนิยมนิยายแปลแนวสืบสวนของเมืองไทยในยุคนี้ได้เลย และน่าจะเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้อมรินทร์ออกผลงานแนวนี้อย่างต่อเนื่องมาตลอด 5 ปี ส่วนอย่าบอกใครก็ได้รับเสียงตอบรับที่ดีจนทำให้สำนักพิมพ์แปลผลงานของ Coben ออกมาอย่างต่อเนื่องทั้ง 9 เล่มในชุดนักสืบ Myron Bolitar และนิยายเล่มเดี่ยวอีก 6 เล่ม จนไม่น่าเชื่อว่าเราได้อ่านงานของ Coben เกือบครบภายในเวลาเพียงแค่ 5 ปีเท่านั้น(ตอนนี้เรื่องที่ยังไม่ได้แปลคือ Just One Look ซึ่งเป็นนิยายเล่มเดี่ยวเพียงเรื่องเดียวเท่านั้นเองค่ะ) ส่วนภารกิจเลือดนั้นแม้จะเป็นที่กล่าวถึงน้อยกว่า 2 เล่มข้างต้น แต่ก็คงจะมีนักอ่านบางคน(เช่นเจ้าของบล็อกเองเป็นต้น)ที่ชื่นชอบและถูกใจเล่มนี้มากเป็นพิเศษ ก็เลยยังมีผลงานแปลของ Connelly ออกมาเรื่อยๆ จนถึงล่าสุดก็ 6 เล่มแล้วค่ะ โดยแบ่งเป็นนิยายเล่มเดี่ยว 4 เล่ม คือ Bloodwork(ภารกิจเลือด), A Darkness More Than Night(ปริศนาแห่งรัตติกาล), The Lincoln Lawyer(แผนพิพากษา), The Poet(ฆาตกรกวี) และนิยายในชุด Harry Bosch อีก 2 เล่ม คือ The Black Echo(เสียงสะท้อนในความมืด) และ The Concrete Blonde(ฆาตกรคอนกรีต) ทั้งหมดนี้แปลโดยคุณสุเมธ เชาว์ชุติ ซึ่งขอชื่นชมเลยค่ะ ว่าแปลได้ดีมากจริงๆ สำนวนดีมากๆ ตรงไหนต้องแรงก็แรงสะใจ ชอบมากๆค่ะ และในขณะที่งานของ Dan Brown เป็นแนวปริศนาลึกลับที่มีประเด็นทางศาสนา-ประวัติศาสตร์ เป็นที่ชื่นชอบด้วยการดำเนินเรื่องที่ตื่นเต้นรวดเร็วและการผูกเรื่องที่น่าสนใจ(แม้จะถูกบางคนวิจารณ์ว่าพล็อตเบาโหวง เดาง่าย และไม่น่าเชื่อถือ) ส่วนของ Coben นั้นก็เป็นแนวนักสืบสมัครเล่นที่มีจุดเด่นในการเดินเรื่องที่ตื่นเต้นเร้าใจจนวางไม่ลง และพล็อตเรื่องที่เกี่ยวกับคนธรรมดาๆที่ทำให้รู้สึกเข้าถึงได้(แม้ว่าเมื่ออ่านไปหลายๆเล่มจะเริ่มรู้สึกว่ามีความคล้ายคลึงกัน จำพวกเรื่องความลับในอดีตที่ถูกซ่อนไว้น่ะค่ะ รวมไปถึงความไม่สมเหตุสมผลไปบ้าง) ส่วนของ Connelly จะเป็นแนว Police Procedural (แน่นอน ก็ตัวเอกเป็นตำรวจนี่นะ) รวมไปถึง Legal Thriller(เช่นใน The Lincoln Lawyer) และนักสืบสมัครเล่นในบางเล่ม ซึ่งมักจะได้รับคำชื่นชมว่าพล็อตน่าเชื่อถือ สมจริงสมจังและหนักแน่น ตีแผ่ด้านมืดของสังคมและจิตใจ(รวมไปถึงเสียงวิจารณ์ว่าหนักไป มืดมนไป หดหู่ไป และน่าเบื่อ ) <-- ยอมรับว่าตัวเองก็รู้สึกอย่างนี้บ้างตอนที่อ่านเล่ม The Black Echo ค่ะ ขนาดเป็นนักเขียนคนโปรดนะนี่ ทั้งหมดข้างต้นเป็นอารัมภบทค่ะ (เจ้าของบล็อกชอบอารัมภบทยาวๆ แล้วรีวิวสั้นๆค่ะ) ทุกคนเรียกเขาว่า 'ดอลล์เมกเกอร์' ฆาตกรต่อเนื่องที่ร่อนไปทั่วเเอลเอเพื่อข่มขืนและฆ่าบรรดาโสเภณีข้างถนน เมื่อผู้ต้องสงสัยว่าเป็นฆาตกรรายนี้ถูก 'แฮร์รี่ บอช' ฆ่าตาย ทุกคนจึงคิดว่าฝันร้ายของแอลเอได้จบลงเสียที แต่ภรรยาหม้ายของผู้ตายกลับฟ้องร้องบอชและกรมตำรวจแอลเอว่าฆ่าผิดตัว เมื่อระหว่างการพิจารณาคดีกำลังจะเริ่มขึ้นได้มีการพบศพอีกรายที่ถูกฝังอยู่ใต้พื้นคอนกรีตซึ่งมีลักษณะเหมือนเหยื่อของดอลล์เมกเกอร์ พร้อมทั้งส่งโน้ตมาบอกว่าฆาตกรตัวจริงยังลอยนวลอยู่ บอชจึงต้องออกไล่ล่าอีกครั้ง ทั้งเพื่อพิสูจน์ว่าเขาไม่ได้ฆ่าผิดตัวและจับตัวคนที่ทำเรื่องนี้ซึ่งอาจเป็นฆาตกรเลียนแบบมาลงโทษให้ได้ แต่ครั้งนี้เขาต้องสืบลึกเข้าไปนับจากแง่มุมที่ลึกที่สุดในด้านมืดของแอลเอจนถึงที่สุดท้ายที่เขาอยากจะไป...นั่นคือด้านมืดของตัวเขาเอง รูปและเรื่องย่อจากเว็บร้านนายอินทร์ค่ะ เล่มนี้เป็นเล่มที่ 3 ในชุด Harry Bosch ต่อจาก The Black Echo และ The Black Ice ค่ะ ไม่ทราบเหมือนกันว่าทำไมถึงแปลข้ามจากเล่ม 1 ไปเล่ม 3 เลย เดาเอาว่าสำนักพิมพ์คงเลือกแปลเล่มเด่นๆก่อนแล้วรอดูเสียงตอบรับมั้งคะ (ซึ่งทั้งชุดก็ 15 เล่มเข้าไปแล้ว แถมเป็นแนวที่ไม่รู้จะขายได้ซักแค่ไหน เข้าใจอยู่ค่ะ ) อย่างที่เขียนไปข้างบนว่าตอนอ่านเล่มแรกคือ The Black Echo ออกจะเบื่อหน่อยๆ รู้สึกว่ามันยืดและก็หม่นมากค่ะ เล่มนี้เลยเสียวๆเล็กน้อย แต่เอาเข้าจริงกลับชอบมากๆค่ะ และก็เป็นเล่มที่ชอบที่สุดของ Connelly ตั้งแต่ได้อ่านมาเลยค่ะ เล่มนี้เป็นการผสมผสานกันระหว่างแนว police procedural(คือว่าด้วยวิธีการสืบสวนของตำรวจ)กับแนว legal thriller(มีประเด็นกฎหมายและดำเนินเรื่องในศาล) เข้าด้วยกันได้อย่างลงตัว เล่าคร่าวๆคือ Bosch กำลังอยู่ในการพิจารณาคดีฆาตกรรมต่อเนื่องเมื่อ 4 ปีก่อน แต่ขณะเดียวกันก็มีการฆาตกรรมใหม่เกิดขึ้นซึ่งมีความเกี่ยวข้องกับคดีเดิม ดังนั้นเรื่องราวตอนช่วงกลางวันก็จะเป็นการต่อสู้ในศาล ส่วนตอนพักเบรก พักกินข้าว ตอนเย็น รวมไปถึงวันหยุดก็จะเป็นการสืบสวนคดีปัจจุบันค่ะ (ยอดมนุษย์รึเปล่านี่ ) ซึ่งตัวเจ้าของบล็อกเองนั้นชอบนิยายสืบสวนแนว police procedural เป็นอันดับ 1 และชอบ legal thriller เป็นอันดับ 2 ค่ะ เล่มนี้จึงถูกใจมากเป็นพิเศษ ซึ่ง Connelly ก็เขียนได้ดีมากๆในทั้ง 2 part เลยค่ะ จุดเด่นอีกอย่างของเล่มนี้จะว่าไปก็คือจุดแข็งเดิมๆของเค้าน่ะค่ะ ทั้งน่าเชื่อถือ สมเหตุสมผล เข้มข้น จริงจังและหนักแน่น เราชอบการเก็บรายละเอียดมากๆค่ะ อ่านแล้วไม่มีสะดุดเลย รู้สึกว่าการค้นพบแต่ละปมแต่ละประเด็นนี่ถูกวางเอาไว้อย่างดีมากๆค่ะ (เมื่อเทียบกับเล่มก่อนหน้านี้ที่ได้อ่านคือ The Poet ซึ่งตอนจบเรารู้สึกว่าออกจะเว่อร์ไปหน่อย) รอคอยเล่มต่อๆไปของ Connelly และ Harry Bosch อยู่ค่ะ โดยเฉพาะ Brass Verdict(Bosch featuring กับ Micky Haller จาก Lincoln Lawyer) และThe Scarecrow(Jack McEvoy และ Rachel Walling จาก The Poet อีกครั้ง) แนะนำเป็นอย่างยิ่งสำหรับคนชอบนิยายสืบสวนแนวจริงจัง พล็อตหนักแน่น และเล่มนี้ไม่น่าเบื่อแม้แต่นิดเลยค่ะ
Free TextEditor
Create Date : 07 พฤศจิกายน 2552 |
Last Update : 7 พฤศจิกายน 2552 17:13:01 น. |
|
9 comments
|
Counter : 2655 Pageviews. |
|
|
เนื้อเรื่องเค้ามืดหม่นจริงๆอ่านแล้วเครียดตาม ไม่ค่อยมีcomic reliefเป็นผู้ช่วยพระเอกฮาๆเหมือนแนวนักสืบส่วนมากนะคะ อย่างเด็กซ์เตอร์ก็เนื้อเรื่องดาร์กมากแต่เขียนได้ฮามาก
พึ่งอ่านไปแค่หนึ่งเล่มเลยไม่รู้จักนักสืบBoschเท่าไหร่ สงสัยต้องหาเล่มนี้มาดองบ้างเผื่อจะมีนักสืบในดวงใจเพิ่มขึ้นอีกคนค่ะ