AyAtAnA - Blog of many 'ION'
Group Blog
 
<<
มกราคม 2554
 
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
 
30 มกราคม 2554
 
All Blogs
 

Lenses ป่องได้ Retina ก็โค้งได้ เราอาจมาถูกทางแล้ว....

.....หรือเปล่า
ไม่ได้จะชวนคุยเรื่องการเมือง หรืออะไรให้ปวดหัวครับ
เพียงแต่ตั้งหัวเรื่องเอาไว้ เพราะเห็นข่าวเกี่ยวกับ Technology หลายชิ้นแล้วทำให้มานั่งนึกๆดู...ก็แปลกดี

เมื่อเร็วๆนี้ ทีมวิจัยของศาสตราจารย์ Yonggang Huang แห่งมหาวิทยาลัย Northwestern ได้ทำการพัฒนาจอรับภาพแบบโค้งได้เป็นผลสำเร็จ



ได้เห็นข่าวนี้ตอนแรก ก็ทำให้นึกถึงข่าวเมื่อก่อนหน้านี้ เรื่องการประดิษฐ์เลนส์แบบเหลว ที่ใช้เลนส์แบบที่บรรจุไว้ด้วยของเหลวใสภายใน ซึ่งหากเราสามารถควบคุมรูปร่างของเลนส์ให้ป่องมากหรือน้อยได้แล้ว ก็เท่ากับว่าเราจะได้เลนส์ที่เปลี่ยนทางยาว Focus ได้ โดยใช้เลนส์แค่ตัวเดียว โดยบริษัทที่นำไปพัฒนาเชิงพาณิชย์คือ Varioptic




ข้อดีคือไม่เสียแสงเลย ถ้าเป็นเลนส์กล้องคงจะได้ค่า f ต่ำมากๆ เพราะชุดเลนส์ที่ทำจากกระจกหรือพลาสติคทุกวันนี้ ประกอบด้วยชิ้นส่วนเลนส์หลายชิ้น เนื่องจากต้องพยายามให้แสงที่ผ่านเลนส์เดินทางเป็นเส้นตรงตั้งฉากกับจอรับภาพ ซึ่งแป็นแผ่นแบน เลนส์ยิ่งมากชิ้นก็ยิ่งยุ่ง ทั้งเรื่องการหักเหของแสงแต่ละสีที่ไม่เท่ากัน (Chromatic Aberration) และเรื่องความสว่างที่ลดลงไปตามจำนวนชิ้นเลนส์ที่เพิ่มขึ้น



นอกจากเลนส์จะทำตัวให้โค้งหรือเว้าแบบธรรมดาได้แล้ว มันยังทำตัวเลนส์ให้เบี้ยวไปมาแบบไม่สมมาตรได้ด้วย เพื่อให้ทำงานเหมือนเป็นระบบกันสั่น (Optical Image Stabilization) ขนาดจิ๋วนั่นเอง



ซึ่งหาก Liquid Lenses ดังกล่าว นำมาประกอบกับแผงรับภาพที่โค้งได้ด้วยแล้ว ก็จะทำให้มีความยืดหยุ่นมากขึ้นในเรื่องการปรับตัวรับภาพให้โค้งสอดรับตามความป่องของเลนส์ที่เปลี่ยนไป ในภาพข้างล่างที่เป็นระบบต้นแบบ จะเห็นท่อของเหลวต่ออยู่กับชิ้นเลนส์เฟื่อปรับรูปร่างเลนส์ และอีกสองท่อด้านล่างเพื่อปรับความโค้งของตัวรับแสง



อีกหน่อยกล้องในอุปกรณ์ขนาดเล็กก็จะมีคุณภาพมากขึ้น และกล้อง SLR รวมทั้งเลนส์คงต้องเปลี่ยนโฉม การ Zoom อาจใช้การบีบและคลาย แทนการหมุนเข้าหมุนออกของกระบอกเลนส์

เล่ามาตั้งยาว.....เล่าทำไม ?? นั่นน่ะซิ

ทั้งหมดที่เล่ามาข้างบนนั่น ผมว่ามันคือ ส่วนประกอบของลูกตามนุษย์นะครับ เลนส์ที่ป่องได้กับ Retina แบบโค้ง รวมทั้งการมาของ iPhone4 ที่อ้างว่า ณ ความละเอียดระดับ 326 จุดต่อนิ้ว นี่คือขีดจำกัดของ Retina ของตาคนเรา นั่นคือการมีอุปกรณ์บันทึกภาพที่ดีพอและไม่ซับซ้อนคงมาถึงในไม่ช้านี้

ก็เลยบอกว่าเราอาจมาถูกทางแล้ว ธรรมชาติมักจะเรียบง่ายเสมอ

แต่อีกเรื่อง ที่ผมว่าอาจจะยังไม่แน่ใจว่าจะมาถูกทางหรือเปล่า ก็คือ ความเร็วครับ อุปกรณ์ที่ใช้ Chip ประมวลผลทั้งหลาย มีความเร็ว Clock สูงเหลือเกิน เพราะกฎของ Moore เป็นจริงหรือเปล่าไม่ทราบ แม้แต่ Chip ในโทรศัพท์มือถือหลายรุ่นก็ทะลุ 1 GHz กันไปแล้ว และกำลังจะวางขายรุ่นที่เป็น Dual Core กันอีก

ว่ากันว่า ความเร็วของสมอง ทำงานที่เพียงไม่เกิน 200Hz เท่านั้น (ประมาณจากความเร็วของระบบประสาทที่มีระยะเวลาการ Refresh ที่ 5 ms) แต่ก็สามารถวิเคราะห์ข้อมูล จดจำใบหน้า แยกแยะเพศชาย เพศหญิง รวมทั้งเพศฉิง ได้อย่างรวดเร็ว (แต่หลังๆก็มักจะแยกแยะผิดบ่อยครั้ง )

ตอนนี้ความเร็วของ Chip ในอุปกรณ์อย่างเช่นโทรศัพท์มือถือบางรุ่นเร็วกว่าสมองไปแล้ว 5 ล้านเท่า คงต้องตั้งหลักกันใหม่ เพราะการทดลองเชื่อมเส้นประสาทเข้ากับแผงวงจรเริ่มคืบหน้าแล้ว



หากไม่ลด Clock Speed ลงมา อีกหน่อยพวก Android หรือแม้แต่พวกเราๆ (ถ้ายังอยู่)อาจต้องเข้าโรงพยาบาลเพื่อไปลด Clock จากอาการ Neuron ไหม้




 

Create Date : 30 มกราคม 2554
1 comments
Last Update : 1 กุมภาพันธ์ 2554 10:26:22 น.
Counter : 1885 Pageviews.

 

ฤาชาตินี้จะไม่ได้อ่านตอนต่อของพี่ Tesla แล้วหนอเรา

 

โดย: สองดี 8 กุมภาพันธ์ 2554 19:50:56 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


Kalaman
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Think Thinker Thinkest
Friends' blogs
[Add Kalaman's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.