ระบบการให้น้ำในเชิงการค้า
ระบบให้น้ำในการปลูกกล้วยไม้ในเชิงการค้า

      เนื่องจากกล้วยไม้ที่ปลูกในเชิงการค้ามีหลายพันธุ์ แต่ละพันธุ์มีความต้องการที่แตกต่างกัน โดยเฉพาะมีการใช้วัสดุปลูกและกรรมวิธีการปลูกที่แตกต่างกัน ระบบใช้น้ำที่จะเลือกมาใช้งานจึงแตกต่างกันตามไปด้วย

จากผล ทดลองการติดตั้งระบบการให้น้ำในสวนกล้วยไม้ของเกษตรกร จึงมีข้อสังเกตว่าระบบให้น้ำมิได้ทำหน้าที่ให้น้ำเพียงอย่างเดียว แต่ยัง สามารถใช้ในการให้ปุ๋ยไปทางระบบการให้น้ำ (Feertigation)ใช้ในการจ่ายสารเคมี (Chemigation)  เพื่อป้องกันกำจัดศัตรูพืช และผลพลอยได้คือ การเพิ่มความชื้นในบรรยากาศในช่วงฤดูแล้งซึ่งเป็นช่วงของการระบาดของเพลี้ย ไฟ พบว่าสามารถลดปริมาณเพลี้ยไฟให้น้อยลง (ข้อสังเกตของเกษตรกร)ใช้ล้างดอก และใช้ในการปรับสภาวะแวดล้อมให้เหมาะสมกับความต้องการของกล้วยไม้ ระบบให้น้ำที่ดีสำหรับการปลูกกล้วยไม้ในเชิงการค้าจึงควรเป็นระบบที่สามารถ ใช้งานได้ครบทุกวัตถุประสงค์ดังกล่าวข้างต้นและควรเป็นระบบที่มีโครงข่ายท่อ 2 โครงข่าย เพื่อที่จะได้แยกหน้าที่ของแต่ละโครงข่ายออกจากกันอย่างชัดเจน

โครงข่ายส่วนที่ใช้น้ำน้อย
มีประสิทธิภาพสูงทำหน้าที่ให้น้ำ ให้ปุ๋ย จ่ายสารเคมี ควรติดตั้งในระดับโคนต้นเหนือวัสดุปลูกเล็กน้อยหรือวางอยู่บนวัสดุปลูก หัวจ่ายน้ำที่นำมาใช้ควรเป็นมินิส-ปริงเกลอร์ทีมีอัตราการไหลต่ำ (50 ลิตรต่อชั่วโมงต่ำกว่า)มีรัศมีการกระจายน้ำไม่เกิน 1เมตรหรือน้ำหยดแบบเทป ที่มีระยะจ่ายน้ำทุก 10ซม.ซึ่งในการเลือกหัวจ่ายน้ำจะต้องสัมพันธ์กับกรรมวิธีการปลูกและการ จัดการของสวนแต่ละสวน อาจมีการเลือกใช้ให้เหมาะสม ทั้งนี้ควรคำนึงถึงต้นทุนการติดตั้ง การดูแลรักษาระบบ ผลต่อการเจริญเติบโต และผลผลิตของกล้วยไม้

โครงข่ายส่วนที่ใช้น้ำมาก
ใช้ในการไล่แมลง ล้างดอกและปรับสภาวะแวดล้อม ควรติดตั้งในระดับสูงเหนือต้น และห่างกัน 3-4 ม.ขึ้นอยู่กับหัวสปริงเกลอร์ที่ใช้ และสปริงเกลอร์ที่ใช้ควรมีอัตราการจ่ายน้ำไม่เกิน 200 ลิตรต่อชั่วโมง เพื่อประหยัดน้ำ ค่าลงทุนระบบและทำให้ค่าใช้จ่ายต่ำ 

โครง ข่ายทั้งสองนี้ใช้ท่อประธานและเครื่องสูบน้ำร่วมกัน เพียงแต่มีวาล์วควบคุมแยกการใช้งานออกจากกัน เนื่องจากใช้งานไม่พร้อมกัน ถึงแม้ว่าระบบให้น้ำนี้จะซับซ้อนและเกษตรกรบางท่านอาจจะมองว่าลงทุนสูง แต่มีข้อดีคือมีประสิทธิภาพสูง ใช้แรงงานน้อย ซึ่งจะช่วยลดค่าใช้จ่ายในการผลิต โดยเฉพาะเมื่อมีการให้ปุ๋ยและสารเคมีไปกับน้ำด้วย

ระบบ ให้น้ำเป็นเพียงเครื่องมืออย่างหนึ่ง การเลือกใช้อุปกรณ์ที่ประหยัดน้ำและมี ประสิทธิภาพสูงมาใช้งานเป็นเพียงขึ้นตอนแรก  การจะประหยัดหรือใช้ให้มีประสิทธิภาพได้สูงเท่าไรขึ้นอยู่กับการจัดการของ ผู้ใช้เป็นหลัก

หมายเหตุ รัศมี การกระจายน้ำ และอัตราการไหลของสปริงเกลอร์ ขึ้นกับแรงดันที่ต้นทางของเครื่องสูบน้ำ ระยะห่างใกล้-ไกลจากเครื่องสูบน้ำและขนาดของท่อที่ใช้ สำหรับสวนใหม่ควรมีการออกแบบคำนวณเพื่อเลือกขนาดท่อและเครื่องสูบน้ำที่ เหมาะสม จะช่วยลดค่าลงทุนและค่าใช้งานระบบให้น้ำได้ไม่น้อยทีเดียว สปริงเกลอร์ที่เลือกมาใช้งานควรมีรูปแบบการกระจายน้ำแบบเส้น (Jet) หรือสาย (Spinner)ไม่ควรเป็นแบบฟุ้งกระจายซึ่งจะทำให้เกิดโรคได้ง่าย

แหล่งที่มา : เอกสารวิชาการกล้วยไม้ กรมวิชาการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เอกสารวิชาการลำดับที่ 15/2547 ISBN 974-436-352-5

ขอขอบคุณแหล่งความรู้จาก

• มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
• กรมส่งเสริมการเกษตร
• ศูนย์บริการจัดการเครือข่ายข้อมูลกล้วยไม้
  

ชอบกด Like & Share เป็นกำลังใจให้ด้วยน่ะจ๊ะ

Create Date : 19 ธันวาคม 2555
Last Update : 19 ธันวาคม 2555 10:46:52 น.		0 comments
Counter : 1055 Pageviews.
Share Tweet