Group Blog
 
 
มิถุนายน 2548
 
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
2627282930 
 
22 มิถุนายน 2548
 
All Blogs
 
รับน้องนั้นหรือ...คือรับขวัญ

วันนี้คือวันดี คือวันที่เราพร้อมกัน
ตั้งใจและใฝ่ฝัน จะกระทำซึ่งความดี
เริ่มสู่ศิริราช คือบทบาทอันเริ่มมี
ภาระและหน้าที่ อุทิศตนเพื่อตนฤา

เรียนแพทย์ใช่เพื่อแพทย์ ใช่เพื่อรับความนับถือ
พันธะของแพทย์คือ เพื่อผู้คนที่ทนทุกข์
ผู้คนยังจนยาก ต้องลำบากและบั่นบุก
เดือดร้อนและซอนซุก กี่แสนล้านในบ้านเรา

ควรเราต้องเล่าเรียน และพากเพียรเพื่อพวกเขา
บากบั่นเพื่อบรรเทา บำบัดทุกข์ที่รุกราน
เขาเป็นเช่นพ่อแม่ ผู้ปกแผ่และเอาภาร
เลี้ยงคนด้วยผลงาน จากหยาดเหงื่อเลือดเนื้อนั้น

ดำริพระบิดา ดำรัสมาดั่งคำขวัญ
"ศึกษาที่สำคัญ มิใช่อยู่ที่รู้ล้น
หากอยู่ที่รู้ใช้ นำรู้ไปให้เกิดผล
ประโยชน์แก่ผู้คน และสังคมตามสมควร"

พระองค์ทรงอุทิศ อีกใกล้ชิดประชามวล
เข้าถึงอย่างทั่วถ้วน เพื่อรู้ทุกข์ที่แท้จริง
ควรเราเร่งศึกษา พระเจตนานี้ใหญ่ยิ่ง
ก้าวไปใช่ก้าวทิ้ง ก้าวเท้าหาประชาชน

"ฉันใช่สอนให้เห็น เธอเป็นหมอสำคัญตน
แต่เธอต้องเป็นคน คือคำตรัสที่ทรงเตือน"
วิชาความสามารถ ความรู้อาจไม่คลาดเคลื่อน
สิ่งหนึ่งซึ่งอาจเลือน คือมนุษยธรรมและน้ำใจ

ฉะนี้น้องต้องตระหนัก ประจักษ์ค่าแห่งคำไข
เป็น"คน"คือเป็นใคร ใช่เป็นหมอแต่พอตัว
ควรน้องต้องเข้มแข็ง และแข็งแกร่งไม่ขาดกลัว
โพยภัยที่พันพัว กล้าเผชิญดำเนินนำ

เหตุผลและปัญญา กับหน้าที่ที่เป็นธรรม
จงเจตจำนงจำ จะรับใช้ประชาชน

บทกวีนิพนธ์ รับขวัญแพทย์ศิริราช : เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์


ขึ้นต้นด้วยคำกลอนรับขวัญเพราะช่วงนี้กระแสรับน้องดูเหมือนจะแรงจนเกินพอดี และกลบเอาความเป็นจริงที่มีไปจนหมด
มีหลายเรื่องราวในงานรับน้องที่เป็นประโยชน์และสาเหตุของการเริ่มต้นนั้นเป็นสิ่งสำคัญที่ทุกคนลืมเลือนมันไป

ความเป็นจริงแล้วเรื่องราวของการรับน้อง ระบบโซตัส ระบบว้ากนั้นแตกต่างกัน จนไม่น่านำมารวมกันให้เวียนหัว เพราะเมื่อเริ่มต้นแต่ละที่มีการนำไปใช้ตามความจำเป็นและเหมาะสม

และวันนี้เราคงพูดถึงเฉพาะการรับน้องเท่านั้น
ขอยกประวัติการรับน้องข้ามฟากที่ศิริราชนั้นมีความเป็นมาที่ค่อนข้างเก่าและเริ่มต้นมานานดังที่จะเห็นหลักฐานจากหนังสือ สารศิริราชเล่ม3 หน้าที่ 267-271 ปี 2494 ข้อความว่า

"...ในการแข่งขันฟุตบอลระหว่างคณะแพทยศาสตร์และคณะวิทยาศาสตร์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เมื่อพ.ศ.2474 ได้มีเหตุการณ์ไม่งามเกิดขึ้น คือแบ็คฝีเท้าเยี่ยมของทีมคณะแพทย์ฯได้ถูกผู้เล่นในทีมตรงข้ามวิ่งเข้าต่อยอย่างดื้อๆ

เป็นการกระทำซึ่งทางสโมสรสาขาศิริราชสืบทราบว่าได้มีการตระเตรียมวางแผนการณ์ไว้ก่อนแล้ว จึงได้ส่งหลักฐานไปทางสโมสรกลาง เรียกร้องอย่างแข็งขันให้จัดการลงโทษแก่ผู้กระทำผิดนั้น ได้มีการพิจารณาไต่สวนกันหลายครั้ง นับเป็นเหตุการณ์ใหญ่ประจำปี แต่ในที่สุดบรรยเวกษ์ก็ได้อะลุ้มอล่วยให้เลิกแล้วกันไป

นิสิตย์แพทย์ส่วนมากไม่พอใจในการตัดสินนั้น เพราะรู้สึกตัวว่าถูกเหยียดหยาม และข้อที่ทำให้เดือดแค้นยิ่งขึ้นกว่าธรรมดาก็คือ ผู้ที่ลงมือต่อยนั้นเป็นนิสิตเตรียมแพทย์ ซึ่งในปีต่อไปก็จะต้องข้ามฟากมาเรียนที่ศิริราชนี่เอง

ได้มีเสียงหมายมั่นจะแก้มือด้วยประการต่างๆ ซึ่งไม่ต้องสงสัยว่าจะต้องรู้ไปถึงหูพวกที่เป็นต้นเหตุนั้น แต่ครั้นใกล้เวลาที่พวกใหม่จะต้องมาเรียนที่ศิริราช คณะกรรมการสโมสรสาขาศิริราชก็ได้คิดเห็นกันว่า หากจะทำการแก้แค้นดังที่คิดๆกันไว้นั้นจะได้ผลร้ายมากกว่าดี เพราะจะทำให้เกิดการแตกแยกในหมู่คณะ เป็นการทำลายความสามัคคี ซึ่งเป็นสิ่งที่พวกแพทย์เทอดทูนยิ่งกว่าสิ่งใดๆ

ดังนั้นชาวศิริราชจึงได้ตกลงเลือกทางกุศล เอาความดีเข้าหักความไม่ดี และปรึกษากันตกลงที่จะทำความประหลาดใจอย่างยิ่งยวดให้แก่พวกใหม่ ซึ่งกำลังกระสับกระส่ายด้วยความร้อนตัว คือแทนที่จะเกณฑ์ให้ลงกราบขอขมาเรื่อยมาตั้งแต่ท่าโป๊ะแล้วจับตัวโยนน้ำ

กลับจะจัดการเลี้ยงต้อนรับเป็นการแสดงการให้อภัยและเชื่อมสามัคคีไปด้วยพร้อมกัน นั้นคือเหตุดั้งเดิมของงานต้อนรับนิสิตใหม่ ซึ่งเท่าที่ทราบ ดูเหมือนจะเป็นครั้งแรกในประเทศไทย"

ดังนั้นในความหมายของประเพณีการต้อนรับน้องใหม่นั้น แท้ที่จริงเป็นการแสดงความชื่นชมยินดีที่ฝ่ายเป็นพี่ต้องการรับขวัญน้องใหม่ สมาชิกใหม่ ด้วยความปรีดาปราโมทย์

และผลลัพธ์นั้นก็คือความตื้นตันในน้ำใจไมตรีของผู้ที่เป็นน้อง ก่อให้เกิดความรักใคร่นับถือกันอย่างจริงจัง และก่อให้เกิด spirit ซึ่งจะทำให้เราไม่เห็นแก่ตัวเป็นใหญ่และเห็นแก่หมู่คณะ

ซึ่งจะเกิดผลลัพธ์ที่ดีได้นั้นคงต้องอาศัยการการกระทำตัวเป็นตัวอย่างของรุ่นพี่และการกระทำตามของรุ่นน้องประกอบกัน
และแน่นอนว่า การกระทำนั้นต้องมีพื้นฐานมาจากความเมตตากรุณาของพี่เป็นหลัก และความหวังดีที่ถูกที่ควรเป็นองค์ประกอบ

สิ่งสำคัญที่เป็นหัวใจของการจะทำอะไรกับน้องนั้นต้องมีหลักยึดคือ เอาใจเขามาใส่ใจเรา ...
เพราะสิ่งที่เราไม่ชอบเรารับไม่ได้ น้องก็รับไม่ได้เช่นกัน
สิ่งที่เรารับได้แต่ไม่สมควรกระทำสำหรับผู้หญิง ถ้าเราเป็นผู้หญิงเราจะทำอย่างั้นหรือ

คิดถึงน้องผู้มาใหม่ก่อน ให้ความสำคัญกับน้องเป็นสำคัญนั่นจึงจะก่อให้เกิดสิ่งดีๆ

กระทู้ประสบการณ์รับน้องสมัยเรียนมหาวิทยาลัยจากJJ-Book



Create Date : 22 มิถุนายน 2548
Last Update : 22 มิถุนายน 2548 21:06:24 น. 1 comments
Counter : 2269 Pageviews.

 
ความคิดเยี่ยมมากเลยหากทุกคนมุ่งประโยชน์โดยอยู่บนพื้นฐานของการเสียสละและเอื้ออาทรระหว่างกัน
บ้านเมืองเราคงจะดีกว่านี้เน้อะ


โดย: zouthfern (fern_south ) วันที่: 23 กรกฎาคม 2548 เวลา:14:50:11 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

eccoiris
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add eccoiris's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.