คนหลง
เมื่อจิตมีดวงเดียว เมื่อมีชีวิตอยู่ได้รับทุกข์ฉันใด เมื่อตายไปก็จะได้รับทุกฉันนั้น หรือเมื่ออยู่ได้รับสุขฉันใดเมื่อตายก็จะได้รับสุขฉันนั้น 


   บุคคลใดไม่ได้ทำบุญให้ทาน รักษาศีล ตั้งแต่ยังมีชีวิตอยู่ ผู้นั้นเป็นคนหลง
   บุคคลผู้ใดอยากได้ความสุขแต่มิได้ ทำตนให้ได้รับความสุขไว้ก่อน ตั้งแต่เมื่อยังมีชีวิตอยู่ ผู้นั้นเป็นคนหลง
   บุคคลผู้ใดอยากให้ตนพ้นทุกข์ แต่ไม่ได้ทำตนให้พ้นทุกข์เสียตั้งแต่เมื่อยังมีชีวิตอยู่ ผู้นั้นเป็นคนหลง
   บุคคลที่เข้าใจว่า เมื่อยังมีชีวิตอยู่นี้เป็นอย่างหนึ่ง ตายไปแล้วเป็นอีกอย่างหนึ่ง ผู้นั้นก็เป็นคนหลง
   บุคคลทั้งหลายอยากพ้นทุกข์ ปราถนาสุข เข้าใจว่ามีอาหารดีกิน มีเครื่องนุ่งห่มสวยๆ มียารักษาโรค นอนโรงพยายาลแพงๆ  มีที่อยู่หรูๆ คือความสุขอันแท้จริง กลายเป็นปล่อยให้ความโลภ เข้ามาประทับในจิตใจ ทำทุกวิธีเพื่อให้ตัวได้รับความสะดวกสบายสนองความอยาก เมื่อไม่ได้มาโดยชอบธรรม จึงเลือกทำชั่ว เช่น ลักขโมย 
ทุตจริต คอรัปชั่น โกง ปล้น ผู้นั้นคือคนหลง
    บุคคลใดถือตัวถือตนว่าเด่นกว่า เก่งกว่า ด้อยกว่า หรือตัวเสมอกับเขา เมื่อถูกกระทบกระทั่งเข้าก็เกิดความไม่พอใจ เกิดโทสะขึ้น เมื่อเกิดขึ้นแล้วหากระงับไม่ได้ก็จะนำให้ ทะเลาะวิวาทกัน ทำร้ายกัน ฆ่ากัน เป็นเหตุให้ตัวเองเดือดร้อน โลกเดือดร้อน อยู่กันอย่างเดือดร้อน หวาดระแวงกัน ผู้นั้นคือคนหลง
     บุคคลมีความคิดเห็นที่ผิด จากการไม่ใช้ปัญญาพิจารณาให้ถ่องแท้ถี่ถ้วนก่อน เมื่อเกิดขึ้นแล้วก็เป็นเหตุให้ไม่รู้บุญไม่รู้บาป ไม่เชื่อบุญไม่เชื่อบาป ชักนำให้ไปทำความชั่วความไม่ดี เช่น ประมาท ทะเลาะวิวาท แก่งแย่งชิงดี อวดดี เกียจคร้าน อกตัญญู บ้ากาม หูเบา ผู้นั้นคือคนหลง


 
   สาเหตุที่พูดถึงคนหลง เพราะผู้เขียนคยอยู่ในสถานการณ์ที่ทุกข์ใจแสนสาหัส แม่ป่วยเป็นโรคความดัน เบาหวาน และไตวาย ครอบครัวต้องเข้า-ออก โรงพยาบาลสัปดาห์เว้นสัปดาห์ เป็นเวลาเกือบห้าปี เนื่องจากคุณแม่อาการทรุดๆ ทรงๆ และหนักซ้ำเข้าไปอีก พี่ชายป่วยเป็นมะเร็งลำไส้ ผ่าตัดใหญ่นอนโรงพยาบาลติดต่อกัน 4 เดือน ผู้เขียน น้องชาย และพ่อต้องผลัดกันไปนอนเฝ้า เข้า-ออก โรงพยาบาลบ่อยไม่มีเงินเพียงพอจ่ายค่าห้องพิเศษต้องนอนห้องผู้ป่วยรวม ความเจ็บ-ความตายเห็นทุกวัน ผู้เขียนรับไม่ไหวกลัวต้องสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รัก ทำทุกวิธี บนบานศาลกล่าว ให้หมอดูหมอผีทำพิธีต่อชะตาสะเดาะห์ ที่ไหนเขาบอกว่าดีศักสิทธิ์เราไปหมด ไปขอให้แม่และพี่ชายอยู่รอดปลอดภัย สุดท้ายวันนึงเห็นอาการของทั้ง 2 ท่านทรุดลงเรื่อยๆ เห็นความทรมารของคนเจ็บ เราจึงกลับมาถามตัวเองว่า "นี่เราทำทุกอย่างไปเพื่ออะไร เพื่อให้คนป่วยกลับมาดีขึ้น แล้วก็กลับไปทรมาน แบบนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า เราทำเพื่อพวกเขาหรือเพียงเพราะเรากลัวต้องสูญเสียเสีย" ถามตัวเองแบบนี้ซ้ำไปซ้ำมากระทั้งวันนึงได้เปิดฟัง "คิริมานนทสูตร" ถึงได้เข้าใจว่านี่เรากำลังหลงทางอยู่เหรอ เรากำลังฝืนธรรมชาติ ฝืนชะตากรรม จึงกลับมานั่งพิจารณาเหตุการณ์ต่างๆที่ครอบครัวประสบมาก่อนนี้ จึงเข้าใจได้ว่าเมื่อถึงคราวป่วยก็ต้องป่วยเมื่อถึงคราวตายก็ต้องตายหลีกหนีไม่ได้ ผู้เขียนจึงเปลี่ยนจากการเดินสายขอชีวิตเป็นศึกษาธรรมะ หาสิ่งดีๆ หาคำพูดที่ฟังแล้วทำให้จิตสงบ หัวใจปลอดโปร่งผ่อนคลายจากอาการป่วยทางกาย ทำให้จิตใจไม่เศร้าหมองขณะหมดลมหายใจ กระทั้งวันนึงทั้ง 2ท่านบอกกับพวกเราว่าไม่กลัวตายแล้ว ไม่มีอะไรห่วงแล้ว ผู้เขียนไม่รู้ว่าขณะจิตที่ทั้ง 2 ท่านดับไปนั้น เบิกบานหรือเศร้าหมอง แต่อย่างน้อยเราก็ยังได้มีโอกาสสนทนาธรรมกันในครอบครัวเล็กๆ ในช่วงเวลาที่ช้าแต่ก็ยังไม่สาย พี่ชายเสียก่อนคุณแม่ 1ปี และคุณแม่เสียไปเมื่อเดือนกันยายน62 อย่างสงบ.....

       เราต่างเดินทางไปสู่ความตาย ไม่มีสิ่งใดช่วยให้เรารอดพ้นไปได้ พระพุทธองค์แนะนำเส้นทางที่ดีสี่สุดให้แล้ว อย่ามัวเสียเวลาหาเส้นทางใหม่ ศึกษาแผนที่ที่ท่านชี้แนะให้เข้าใจถ่องแท้แล้วเราจะไม่หลง



รูปถ่ายโดย : ผู้เขียน
ขอขอบคุณสถานที่ถ่ายรูป : ไร่ พิธิวิฒน์ ฟาร์ม
ขอขอบคุณความรู้ดีๆ : https://www.scdc5.forensic.police.go.th/ , https://th.wikipedia.org/











 



Create Date : 11 กรกฎาคม 2563
Last Update : 11 กรกฎาคม 2563 18:07:22 น.
Counter : 409 Pageviews.

0 comments
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

สมาชิกหมายเลข 5990242
Location :
ระยอง  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed

 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]



ทางเดินของเราไม่มีหลักการ ไม่มีปรัชญา มันคือประสบการณ์ ล้วนๆ
กรกฏาคม 2563

 
 
 
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
24
25
26
27
28
29
30
31
 
 
11 กรกฏาคม 2563