|
|
| 1 | 2 | 3 |
4 | 5 | 6 | 7 | 8 | 9 | 10 |
11 | 12 | 13 | 14 | 15 | 16 | 17 |
18 | 19 | 20 | 21 | 22 | 23 | 24 |
25 | 26 | 27 | 28 | 29 | 30 | 31 |
|
|
|
มาราธอนที่ 2 "นักวิ่งขาแรง ไม่น่ากลัวเท่านักวิ่งขาพัง" |
|
..เมื่อเพื่อนบางคน...ตั้งใจจะทิ้งทวนและทิ้งกุเพื่ออำลาวงการ ...ด้วยเหตุผลต่างๆมากมายที่ถูกยกมาอ้าง....สุดท้ายมันก็ดูไม่น่าเชื่อ อยู่ดีนั่นแหละ....เพราะจริงๆจะเลิกวิ่งตั้งแต่มาราธอนแรกจบลงแล้ว โดยให้เหตุผลว่าขอจบมาราธอนแค่หนเดียว....และมาราธอนที่สอง ก็มีแค่หนเดียวเหมือนกัน
......ตอนที่ปลาย่างถูกฝากไว้กับแมว...เมื่อเพื่อนบางคนถูกนำมาทิ้งไว้กับกุ... แรกๆกุก็เครียดว่าจะพาเพื่อนเที่ยวไหนเคยเจอกันแค่ครั้งเดียวตอนไปเขาอกทะลุกุรู้สึกเหมือนยังไม่สนิทกัน....ที่ไหนได้พอเจอกันจริงๆแอบคิดในใจคือเรา สนิทกันตอนไหนเนี่ย....!!!!เพื่อนยังไม่เคยเที่ยวพัทลุงเลยได้โอกาสพาเที่ยว ทางผ่านเพื่อฆ่าเวลาไปรับบิบ....แต่กุดันผ่านจากเขาชัยสนไปออกปากพะยูน เลยไปสิงหนครผ่านเกาะยอไปออกสงขลา....และสุดท้ายเหลือ อีกสิบห้านาทีจะหมดเวลารับบิบ...กุดันขับรถหลงอยู่ในสวน สาธารณหาดใหญ่เพราะหาสถานที่จัดงานไม่เจอ...ขณะนั้นค่ำ แล้ว...สุดท้ายถามทางจนได้คำตอบแน่ชัด..
"เลี้ยวซ้ายแล้วมันจะเป็นสโลปลงไป" กุไม่รอช้าขับลงไปทันที เจอรถจอดอยู่ก่อนแล้วสองคันแอบด่าในใจมาจอดขวางทำบ้าอะไรวะ ..กุขับอ้อมรถทั้งสองคันไป.และเลี้ยวซ้ายทันทีเพื่อจะลงทางสโลป ....ตึง!!!!! เข้าใจว่ารถลงหลุม พอตึงที่สอง....แน่แล้วมันเป็นกระได หยั่งดูท้องรถไม่ครูดกับกระไดกุเหยียบคันเร่งทันที ตึง ๆๆๆๆ !!!! จนครบห้าขั้นผู้ชายสามคนวิ่งมาดูว่าเกิดอะไรขึ้น.... บอกไปว่ามองไม่เห็นว่าเป็นกระไดถ้าสติดีกว่านี้ก็จะบอกว่ารีบไปรับบิบค่ะ ขับรถไปจอดหน้าเต๊นท์เพื่อรับบิบ...และตอนนี้รู้แล้วว่ารถสองคันนั้น จอดทำบ้าอะไรตรงนั้น....รับบิบเสร็จไปพักกับเพื่อนอีกคน .....ตั้งนาฬิกาปลุกตีหนึ่งสี่สิบตื่นมาตายห่าฝนตก แต่กุก็ยังทา ครีมกันแดดทั้งตัว ตอนนั้นกุคิดอะไรอยู่????
......ครั้งนี้เราไปถึงสนามก่อนเวลาสิบห้านาที ไม่ได้ยืดกล้ามเนื้อเหมือนเดิม. ฝนยังตกอย่างชุ่มฉ่ำ...กินกาแฟหนึ่งแก้วที่ผู้จัดไม่ได้เตรียมไว้ให้ไปหาชงกินเองเดินเข้าจุดสตาร์ทยืนตากฝนรอปล่อยตัว....ฉิบบบบ!!!!!!.. ......นักวิ่งมีไม่ถึงสามสิบคนเราหารถ้วยกันแล้วลงตัว...แน่นอน..หลังปล่อยตัววิ่งไปกลางสายฝนตอน ตีสามผ่านถนนใหญ่ยังคงมีแสงไฟส่องทางมีตำรวจ อำนวยความสะดวกสักพักถึงทางแยกเลี้ยวขวาขึ้นเนินเล็กน้อยวิ่งลึกเข้าไป....สองข้างทางเป็นสวนยางพารา... รอบตัวมืดมิด..สายฝนยังคงกระหน่ำอย่างไม่ขาดเม็ด รอบตัวไม่มีใครสักคน ....แต่ในใจกุนี่..เต็มไปหมด.ผีจะหลอกมั้ยวะ....จะวิ่งเหยียบงูมั้ย???? มีโจรปล้นสวาทมั้ย..สวนยางที่นี่มีประวัติมั้ย..ยังๆ ยังมีผ่านวัดอีก ตอนตีสามกว่าๆดีที่วิ่งมาเจอลุงวิ่งนำอยู่....คิดในใจต่อโชคดี ที่แกแก่แล้วค่อยใจชื้นมาหน่อย...ท่ามกลางสายฝน มันช่วยเรื่องเหนื่อยน้อยลงได้เยอะ...ใช้แผนเดิมรวมสมาธิ ด้วยการนับจุดให้น้ำ...แวะจิบมันทุกจุด...ขาไปนับได้ 10 จุด ขากลับ 10 จุดเข่าไม่งอแงหลังกลับตัวเริ่มถามหาเกลือแร่ ....ฉิบห่ายยยย....!!!! ไม่มีเกลือแร่...กิโลที่ 35 เริ่มปวดเข้า พร้อมฝนเริ่มซาเม็ดหลังกระหน่ำมาตลอด.....ขาเริ่มหนักเพิ่มมาก ขึ้นคิดว่าตระคริวกำลังจะมา....ปวดแสบฝ่าเท้าวิ่งลากขาสลับเดิน.... สุดท้ายพาร่างเข้าเส้นชัยจนได้ ด้วยเวลา 4.21 ชม. หลังจากนั้นคือกินมาราธอนทั้งวัน
.....กับมาราธอนที่สอง Hatyai reviving marathon.... เข่าทำระยะได้มากขึ้น.....จังหวะวิ่งดีขึ้น...สมาธิดี กำลังใจดีเลิศ.... มาราธอนนี้ทำให้ได้เรียนรู้ว่า นักวิ่งขาแรงไม่น่ากลัวเท่านักวิ่งขาพัง มันเจ็บปวดจริงๆ....สุดท้ายขอบคุณ อควาแมน!!!! ที่ทำให้เข้าใจคำว่าวีรบุรุษ....
16/12/2018
Create Date : 11 สิงหาคม 2567 |
Last Update : 11 สิงหาคม 2567 2:32:26 น. |
|
1 comments
|
Counter : 128 Pageviews. |
|
|
|
โดย: สองแผ่นดิน วันที่: 11 สิงหาคม 2567 เวลา:22:50:13 น. |
|
|
|
|
|
|
|
|
BlogGang Popular Award#20
|
|
|
| |
|
ฝากข้อความหลังไมค์ |
|
Rss Feed |
| ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]
|
พยาบาลวิชาชีพที่ยังไม่ชำนาญการสักเท่าไหร่ แบ่งปันบันทึก เรื่องราว มุมมอง เรื่องเล่า จินตนาการ
|
|
|
|
(ผมยังวิ่งมินิอยู่ ธ.ค.นี้จะวิ่งฮาล์ฟครับ)