Group Blog
 
 
สิงหาคม 2550
 
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
 
5 สิงหาคม 2550
 
All Blogs
 

Trouble Way





ยายตัดสินใจเขียน My Jerry หลังจากที่ได้เคยส่งจดหมายฉบับเล็ก ๆ ที่เขียนเป็นภาษาอังกฤษง่าย ๆ ถึงอาซวี่ เพื่อขออนุญาตเขา นำเรื่องราวอันดีงามที่เขาทำมา ออกเผยแพร่เพื่อเป็นกำลังใจให้เยาวชนไทยบางคน ที่อาจกำลังสิ้นหวัง ให้ได้มีโอกาสลุกขึ้นมาสู้ชีวิตต่อไป

โน้ตแผ่นเล็กนั้น ได้ส่งให้เขาด้วยมือตัวเอง เมื่อวันที่ 24 เมษายน 2004 ที่สนามบินดอนเมือง จากนั้นจึงเร่งมือเรียบเรียงเนื้อหาต่าง ๆ อย่างตั้งใจ เพื่อให้เสร็จทัน วันเกิด ปี 2005 ของเขา แต่ก็ไม่ทันจนได้


ยายตั้งใจทำหนังสือ เรื่องราวของ Jerry ด้วยความมุ่งหมายเพียง 3 อย่าง คือ

1. เพื่อบันทึก และเผยแพร่เรื่องราวของศิลปินที่ดีมากคนหนึ่งของเอเชีย ในช่วงทศวรรษนี้ ที่เป็นผู้สามารถทำให้คนในเอเชียจำนวนแสน ๆ คน มีความสุขมากมาย และพร้อมใจกันลุกขึ้นมาทำการกุศล เช่นเดียวกับเขา ในนามของเขา

2. เพื่อส่งหนังสือที่เป็นเรื่อวงราวดี ๆ ไปสู่เยาวชน ให้ได้รับรู้คุณค่าของคนดี ๆ คนหนึ่ง เพื่อเป็นกำลังใจให้เด็กที่ด้อยโอกาส ได้ลุกขึ้นมาสู้ ให้เด็กที่มีฝัน ต้องรู้จักคำว่า บากบั่น มุมานะ จึงจะได้ความฝันนั้นมา

3. เพื่อจะหารายได้ส่วนหนึ่ง ไปทำการกุศลในนามของ เจ้าของ คือ Jerry Yan เป็นการขอบคุณในคุณงามความดีของเขา ที่พากเพียรทำมาอย่างต่อเนื่อง โดยไม่หวังผลตอบแทนใด ๆ


เท่านั้นแหละ คือความตั้งใจ แต่ให้ตายเถอะ ไม่นึกว่าการทำหนังสือหนึ่งเล่ม จะทำให้คนฐานะและนิสัยแบบยาย จะต้องได้เผชิญกับอะไรต่อมิอะไรมากมายเหลือเกิน

(ขอเก็บอุปสรรคไว้เล่า ในโอกาสต่อไป จะพยามหาเวลามาเติมให้ครบถ้วนฮับ)



August 26 2007

ได้โอกาส มาจดบันทึกบรรยากาศการทำหนังสือเล่มแรกในชีวิต ไว้สักหน่อย ขืนนานไปกว่านี้อาจจะเลอะเลือนไปเสียหมด

Jan 17 2003 เมื่อดู และหลงรักคุณชายเต้าหมิงซื่อแล้ว ยายติดตามกระแส F4 ที่ดังมากในช่วงที่ละครออนแอร์ และแม้ละครจะจบไปแล้ว ความร้อนแรงก็ยังไม่ยอมหมดไป มีแต่การเรียกร้องให้ นำคอนเสิร์ตของพวกเขาเข้ามา แฟน ๆ ต้องการพบตัวจริงของเขา

เสียงเรียกร้อง ดังไปตามเว็บต่าง ๆ จนกระทั่งพันทิบ ต้องเปิดห้อง F4Forever ขึ้น

จากนั้นบรรดาแฟนคลับของ เอฟต่าง ๆ ก็เข้ามาพูดคุย และต่างก็แสดงจุดยืนชัดเจนว่ารักใครเชียร์ใคร ต่างตั้งคลับของตนขึ้นมา นัดพบ นัดทำกิจกรรม กระทั่งพัฒนาไปถึงการเปิดเว็บของคลับตนเองอย่างเป็นทางการ กันหลายเว็บ

ยายได้ใช้เวลา ที่มีอยู่ไม่มากนัก ในช่วงที่ละครรักใส ๆ หัวใจสี่ดวง [Meteor Gargen = สวนฝนดาวตก] หรือ ชื่อจีนว่า Liu Xing Hau Yuan ภาค 2 กำลังออกอากาศอยู่ รวบรวมรายละเอียดทั้งหมดของละคร เลือกส่วนที่เป็นจุดดึงดูดใจผู้ชม เก็บทั้งรายละเอียดบางส่วน พร้อมวิเคราะห์ไปด้วย ได้ออกมาเล่มหนามาก

เสนอไปที่โรงพิมพ์ไหน เขาก็ส่ายหน้า เขาบอกว่าทำการตลาดไม่ได้หรอก เพราะละครใกล้จบแล้ว และกว่าจะเรียบเรียง จัดพิมพ์ ก็อีกครึ่งปี อะไร ๆ ก็สายไปแล้ว คนอ่านไม่นิยมแล้วแน่นอน

ยายก็ชี้แจงว่า แต่ละครเรื่องนี้และศิลปินกลุ่มนี้ ไม่เหมือน ละครเรื่องอื่น ๆ และศิลปินบางกลุ่มที่ผ่านมานะ คือ จะไม่มาเร็วไปเร็วแบบนั้น ปรากฏว่านักธุรกิจการพิมพ์เวลานั้นเขาไม่คิดแบบยาย เขาไม่รู้จัก F4 ดีพอ ยายสรุปเอาเอง



ต่อมาอีกเป็นปีจึงได้รับคำตอบชัดเจนว่า ความจริงไม่ใช่อย่างที่ยายคิด พวกเขารู้จัก F4 ดี แม้อาจไม่รู้จักดีเท่ายาย และเขารู้ว่าทำการตลาดได้แน่กับศิลปินกลุ่มนี้ แต่คนที่เขาไม่รู้จัก คือยายตะหาก คนเขียนหนังสือเล่มหนา ส่งมาให้เขาเป็นใคร โนเนมคนนี้ ไม่อยู่ในสาระบบการทำธุรกิจของเขาเลย แม้แต่น้อย

สำนักพิมพ์เมืองไทย กำลังเร่งขายงานต่าง ๆ จากคนที่ดังติดตลาดแล้วเท่านั้น และคนเขียน เขาก็หาได้จากเด็กของเขา ข้อมูลก็หาได้จากเว็บต่าง ๆ มากมาย ซ้ำที่สำคัญ คือค่าแรงถูกมาก ๆ รวมแล้วต้นทุนการผลิตจิ๊บจ๊อยมาก แต่สามารถขายได้มหาศาล เรียกว่าในช่วงเวลา 2003-2005 วงการพิมพ์มีผู้รับทรัพย์เป็นกอบเป็นกำ จาก F4 ไปมากมาย และหลายประเทศด้วยจิ


ยิ่งการนำคนมีชื่อเสียงมาเขียน ชนิดที่ไม่ต้องยุ่งเกี่ยวกับค่าตัว ค่าลิขสิทธิ์พวกเขายิ่งถนัด ดังนั้นการที่แฟนตัวจริงคนหนึ่งจะออกมาเขียน แม่สำนวนจะพอได้ เขาก็บอกยังไม่ได้ เพราะเขาไม่ต้องการชื่อคนเขียน เขาไม่พิมพ์แม้แต่ชื่อโรงพิมพ์ หรือคณะผู้จัดทำด้วยซ้ำ และเขาสามารถผลิตออกวางขายได้ภายในเวลาราวสายฟ้าแล็บ

ในเมื่อเหตุการณ์เป็นเช่นนี้ ยายก็ถอดใจจากการที่ตั้งใจจะเก็บบันทึกเรื่องราวของละครดี ๆ ที่เด่นดังที่สุดในเอเชียสักเรื่องหนึ่ง ไว้ในจดหมายเหตุภาคภาษาไทย



แต่ยายไม่ถอดใจจากตัวเอกของเรื่อง ที่เป็นผู้นำพาละครเรื่องนี้ให้ดังคับฟ้า


ยายมุ่งมั่นมาก ที่จะรวบรวมเรื่องราวของเขา เท่าที่ยายจะสามารถทำได้ในเวลานั้น และเพื่อให้งานที่ยายตั้งใจสำเร็จสมอารมณ์ตัวเอง ยายตัดสินใจลาออกจากราชการก่อนเกษียณ 4 ปี

และลงมือเรียบเรียงจัดระบบเรื่องราวทั้งหมดที่เก็บไว้ แปลไว้ มาสะสางให้เข้าที่เข้าทาง โดยตั้งใจจะให้เสร็จทันวันเกิด ช่วงปีใหม่ 2005 ของเจ้าของเรื่อง

ขณะที่เขียนเรื่องราวไปทีละบท ๆ ยายก็คิดถึงเรื่องการจัดพิมพ์ พอดีช่วงนั้นเดือนสิงหาคม 2004 โรงพิมพ์แห่งหนึ่ง นำภาพ Jerry มาขึ้นปก ยายจึงรีบติดต่อไปที่ หน. บก โดยส่งข้อมูลไปง่าย ๆ ว่า ยายกำลังเขียนเรื่องราวของ ศิลปินคนนี้ คุณสนใจจะจัดพิมพ์ไหม

ทางนั้นก็ให้ส่ง เนื้องานไป ยายส่งไป 2-3 บท ทางนั้นโอเค ส่งเด็กมาประกบยาย สัมภาษณ์ยายละเอียดยิบ ยายก็เดาว่า เขาอาจคิดว่าเราไม่ใช่แฟนตัวจริง อาจแค่แอบอ้างชื่อ เพื่อจะนำเรื่องราวจากเว็บมาหารับทาน

เมื่อเขาคุยกับยายละเอียดหมดแล้ว เขาก็นำสามบทแรกของยายไปเขียนออกมาใหม่ โดยเด็กที่เขาส่งมานั่นแหละ ยายก็ถามตรง ๆ ว่า แล้วเรื่องนี้จะใช้ชื่อใครเขียน เขาก็ว่า ก็ต้องเป็นชื่ออาจารย์ ยายก็ว่า แต่นี่ไม่ใช่สำนวนยาย เด็ก ๆ ในเว็บรู้จักยาย และคุ้นเคยกับลีลาบ้าบอของยายแล้ว

เขาก็ว่า ของอาจารย์ยาวไป เล่มต้องหนามาก ยังไง ๆ เขาก็ต้องตัด ยายก็ว่างั้นยายตัดเอง ยายย่อเอง เพราะยายจะรู้ดีว่าตรงไหนควร ละได้ ข้ามได้


และยายขอร้องเขาว่า สำนวนที่เขาเขียนส่งมาให้ยายดูนั้น มันเป็นลีลาแบบนักประโคมข่าว แบบปาปารัสซี ยายไม่ต้องการเช่นนั้น ยายต้องการให้หนังสือนี้เป็นประวัติชีวิตศิลปินดี ๆ คนหนึ่งของเอเชีย หนังสือนี้ควรอยู่ในห้องสมุด ที่เด็ก ๆ จะหาอ่านได้เพื่อความบันเทิง และเพื่อเสริมสร้างกำลังใจ

เขาก็โอเค ให้ยายตัด ๆ ย่อ ๆ เอง จนจบ ซึ่งในเวลานั้น ยายได้ทราบข้อมูลแล้วว่า ยายจะได้ค่าเขียนเรื่อง 10 % เท่าดาราคนอื่น ๆ ที่กำลังทำหนังสือขายกันอยู่

ยายก็ว่า แต่ดาราคนอื่น ๆ เขาแค่พูด ๆ ใสเทปส่งเรื่องมาเท่านั้น ทาง สนพ ต้องจ้างเด็กมาเขียน มาเรียบเรียงใหม่เองทั้งหมด

ส่วนของยาย ยายทำต้นฉบับทุกอย่างสมบูรณ์มาแล้ว พิมพ์มาให้เสร็จ พิสูจน์อักษรมาแล้วด้วย แถมมีภาพประกอบ และจัดอาร์ทมาแบบพร้อมพิมพ์

จะขยับให้ยายเป็น 15- 20 % ได้ไหม ยายจะได้มีเงินพอไปทำการกุศลตามที่ตั้งใจ ... คำตอบก็คือ เป็นไปไม่ได้

และในที่สุด จากการประชุมครั้งสุดท้าย ภายหลังจากการถามไถ่ยายอีกครั้งว่า ตกลงยายไม่ชอบส่วนที่เขาทำมาให้ดูจริง ๆ หรือ จากนั้น เขาให้ยายรออยู่เดือนกว่า และตอบมาว่าเขาจัดพิมพ์ให้ไม่ได้ เพราะห่วงเรื่องลิขสิทธิ์

ซึ่งเรื่องที่เขาห่วงนั้น ยายเคยบอกเล่าไปแล้วว่า มีการส่งจดหมายไปบอกกับ Jerry อย่างเป็นทางการ โดยเพื่อนชาวจีนแล้ว และยายมีจุดประสงค์ชัดเจน ว่าทำเพื่ออะไร อีกทั้งรายได้นำไปเพื่อการกุศลจริง ๆ ... แต่เขาก็ยังคงปฏิเสธอยู่ดี








ยายจึงตัดสินใจ นำเงิน ที่ได้จากการลาออกก่อนเกษียณไปพิมพ์เอง การฝากขายเขาหักเรา 40 % หนังสือเสียหายเราต้องรับไปเองทั้งหมด และควรให้มีการเปิดตัวหนังสือ ซึ่งจะเสียค่าจัดงานไม่มากนัก อีกทั้งการเปิดตัวจะทำให้หนังสือจำหน่ายหมดในเวลาที่รวดเร็วมากขึ้น เขาบอกว่าพิมพ์น้อยขนาดนี้ เผลอ ๆ จะไม่พอขาย อาจต้องพิมพ์เพิ่ม นั่นว่าเข้าไปน่านนนน ....

แต่ในเวลานั้น มีคนเริ่มรับรู้ว่ายายจัดพิมพ์หนังสือ และเสร็จเป็นรูปเล่มแล้ว ยายถูกโจมตี ว่าจะเป็นต้นเหตุให้ Jerry ไม่ยอมมาเมืองไทย เพราะมีคนไทยไปละเมิดลิขสิทธิ์เขา แม้ยายจะอธิบายว่ามีจุดประสงค์อะไร เขาก็ไม่ฟัง คำตอบของผู้ฟัง คือ ใคร ๆ ก็อ้างเรื่องการกุศลกันได้ แต่จริง ๆ จะเป็นไง ใครจะรู้ ...

ยายก็ตัดสินใจไม่เปิดตัว เพื่อไม่ไปทำลายกิจกรรมของแฟนคนอื่น ๆ ที่เขากำลังจะจัดเพื่อเชิญ Jerry มาเมืองไทย และเดินหน้าการจำหน่ายหนังสือ อย่างเงียบเชียบของยายต่อไป แม้ในเว็บของคลับ Jerry ยังไม่เคยเอ่ยถึงหนังสือเล่มนี้สักคำ

ก่อนหน้านั้น ไม่ว่าข่าวเล็กข่าวน้อย ของ Jerry ในเมืองไทย จะมีการเก็บจดบันทึกไว้ทั้งหมด แต่หนังสือของยายที่ทำเป็นรูปเล่มออกมาอย่างสวยงาม เพื่อเชิดชูคุณค่าของ Jerry และเพื่อทำการกุศลในนามของ Jerry กลับไม่ได้รับเกียรตินั้นเลยแม้แต่น้อย ...


สิ่งที่ยายพลาดไปถนัด คือ เมื่อตอนยายเขียนคำนำ อิ อิ เขียนไว้ตั้งแต่ปีมะโว้ เพราะคำนำนี้รีบให้หลานสาวคนหนึ่ง ช่วยแปลเป็นอังกฤษ ส่งไปให้ Jerry รับทราบว่า ยายต้องการนำเงินไปช่วยเด็กกำพร้า Tsunami ในประเทศไทย ในนามของเขา โดยจะถวายเงินนี้แด่สมเด็จพระเทพ เจ้าฟ้าหญิงของไทย ที่ทรงมีโครงการเพื่อการกุศลอยู่มากมาย

ครั้นเมื่อยายตรวจทานต้นฉบับคำนำ เป็นครั้งที่ 3 ซึ่งมันสะดุดความรู้สึกมาตั้งแต่การอ่านครั้งแรก ๆ แล้ว แต่ใจก็เถียงว่าก็มันจริงอย่างนั้นนี่นา ... คือประโยคที่ว่า รายได้หลังหักค่าใช้จ่าย จะนำขึ้นทูลเกล้าฯถวายสมเด็จพระเทพฯ เพื่อเป็นทุนการศึกษาแก่เด็กกำพร้า Tsnami ในประเทศไทย


ที่ว่าสะดุดความรู้สึก คือ

1. เหมือนกำลังนำพระเกียรติยศของพระองค์ท่านมาแอบอ้าง เพื่อเชิญชวนคนให้มาซื้อ

2. เหมือนกำลังอวดตัวว่าฉันจะทำการกุศลนะ พวกท่านควรช่วยเหลือ

ในที่สุด ยายก็เอ่ยปาก บอกเล่า ความสะดุดใจนั้นกับลูกซึ่งไปช่วยเรื่องการจัดอาร์ทอยู่ด้วยในเวลานั้น



ลูกพูดคำเดียว ตัดไปเลย ไม่ต้องป่าวประกาศบอกใคร เราจะทำบุญก็ทำไป ต้องประกาศออกตัวไปทำไม

ยายขีดฆ่าเส้นแดง ลงบนประโยคนั้นทันที ทั้งภาษาไทยและอังกฤษ ...


นั่นคือการทำร้ายตัวเองอย่างสาหัส เพราะคนที่มองเข้ามา คิดว่าที่ยายรีบนำเงินไปถวายพระเทพเพราะกลัวแฟน ๆ จะหาว่าหากินกับ Jerry น่ะซิ


เออหนอ ที่เขาว่า ความรัก ทำให้เกิดความทุกข์ มันเป็นเช่นนี้เอง

ถ้ายายไม่รัก Jerry ไม่ลุ่มหลง คนดี คนเก่ง คนกล้าสู้ชีวิต คนเรียกร้องความยุติธรรม ยายก็ไม่ต้องมาเจ็บปวดในปั้นปลายขนาดนี้


ทีนี้มาดูว่า ผลจากการที่ยายไม่ทำการเปิดตัวหนังสือนั้นมีอะไรเกิดขึ้น หนี่งปีผ่านไป หนังสือของยายยังอยู่ในโกดังฝากขายอีกนับพัน ทั้ง ๆ ที่ยายไปเดินดูตามแผง ไม่มีหนังสือโชว์เลย

พอถึงจุดนั้น ยายก็รู้ว่า ตัวเรานั้น ช่างไม่มีหัวในการวางแผนงานด้านนี้เอาเสียเลยเพราะแทนที่ยายจะรอดูก่อนว่าหนังสือ จะเหลือกลับมาเท่าไหร่ เสียหายบ้างไหม

เราอาจนำหนังสือที่มีรอยยับไม่มาก ส่งไปให้โรงเรียนต่าง ๆ บ้างก็ได้ แต่ยายไม่คิดถึงตรงนั้นเลยสักนิด เมื่อหนังสือเสร็จปุ๊บยังไม่ถึงกำหนดวางจำหน่ายเลยด้วยซ้ำ ยายก็รีบจัดส่งหนังสือใหม่เอี่ยม ไปให้โรงเรียนต่าง ๆ แล้ว มากมายหลายร้อยเล่ม

ส่วนหนังสือที่ยังค้างในโกดัง ยายต้องโทรไปอ้อนวอน ขอร้องให้เขานำออกไปวางตามเทศกาลงานหนังสือ ตามร้านต่าง ๆ นี่คงเป็นเพราะโรงพิมพ์เขาไม่มีอะไรจะเสีย เขาจึงไม่สนใจหนังสือประเภทฝากขายเลย แม้แต่น้อย และที่สำคัญ คนเขียนโนเนม 555 ย้ำ ๆ ๆ คนเขียนโนเนม



และในที่สุด หนึ่งปีผ่านไป ถึงเวลาที่ต้องนำรายได้ขึ้นทูลเกล้าฯถวาย

ยายยังได้เงินค่าหนังสือเข้ามานิดเดียว ต้นทุนยังไม่ได้คืน แถมต้องมีหนี้สินจากการกู้ เพื่อให้มีเงินไปซื้อเช็ค ตกลงกรรมที่ยายก่อไว้มันตามมาทันตาเห็น

ยายทำให้แฟนคลับคนอื่นเขาเป็นทุกข์ เขาเดือดร้อน เขาคับข้องใจ เราเองก็ต้องมารับกรรมกับการขายหนังสือไม่หมด ทุนหายกำไรไม่เห็น

เรื่องของบาปบุญคุณโทษ เป็นเช่นนี้เอง ไม่มีใครจะสามารถหลีกเลี่ยงผลกรรมที่ตนทำไว้ไปได้



ยายได้แต่สำนึกผิด และได้แต่กล่าวคำขอโทษต่อแฟนคลับจำนวนมาก ที่ได้เคยผ่านความทุกข์อย่างแสนสาหัสมาเพราะการกระทำของยาย โปรดให้อภัย และรับรู้ว่าคนทำความผิดก็ได้รับกรรมของเขาแล้วอย่างสาสม เช่นเดียวกัน


แด่ผู้มีมุทิตาจิต ต่อ My Jerry

*-* บรรดา คนรัก Jerry ที่คุ้นเคยกับยาย เมื่อทราบข่าวเรื่องหนังสือ ก็รีบให้การสนับสนุนทันที อาทิเช่น มามาทั้งหลาย หลาน ๆ ที่ใกล้ชิดทั้งหลาย

โดยเฉพาะ ป้าฮู นางฟ้าของ ครจ อิ อิ คนรัก Jerry นั่นเอง

จำได้ว่ากาลครั้งหนึ่งนานนนนน มาแล้ว ราวปลายปี 2003

เราสองคน ยายกะป้ากลับจากบ้านหนูปิ๊บ เพราะไปทำโรงงานอะไรสักอย่าง ที่จะแจกวันมีทติ้งคลับ หรืออะไรจำมะล่ายแย้วคร้าบบบ นานมากกกมาย

ขณะขับรถเพื่อไปส่งป้า ยายก็เผลอเล่าความคิด ให้กับเด็กสาวแปลกหน้าคนหนึ่ง ที่บังเอิญไปมอบความไว้วางใจให้เธอ เพียงหลังจากรับรู้ว่า คนนี้แหละที่เลี้ยงน้ำส้มเรา 555 เมื่อครั้งไปเฝ้า Jerry ที่แชงกรีล่า น้ำส้มแก้วละร้อยละมั้ง ป้าฮูสามารถเลี้ยงตั้งหลายคน โดยไม่รู้จักเราสักนิดด้วยซ้ำ โอ้ !!! คนนี้แหละ ที่คงจะเป็นคนดีแน่นอน เพราะว่าร่ำรวย อิ อิ

... เล่าให้ป้าฟังความคิดไปเรื่อย ๆ เพียงเพราะเห็นฝีมือการเขียนสาส์นรักภาษาอังกฤษของป้า ที่ส่งขึ้นไปให้ Jerry เพื่อกล่าวคำขอโทษแทนแฟน ๆ ชาวไทย เพราะได้ทราบมาว่ามีคนบางคนที่มารอดูหน้าตาของเขา และเมื่อได้เห็น ก็ถึงขั้นสติแตก แวกลงล้อมเข้าไปดึงทึ้ง บีบจับ หยิกหยอก เอาจนหนำมือ เขาได้รับการต้อนรับแบบนี้พวกเราล้วนเสียใจ เราขอโทษ ...

ยายเล่าบอกความฝันเรื่องทำหนังสือให้ป้าฮูทราบ และบอกจุดประสงค์ชัดเจน สามประการเป็นอย่างน้อย ตามที่เล่าไว้แล้วข้างบนโน้น ป้าฮูในเวลานั้น รับฟังโดยดุษฎี อาจจำได้บ้างไม่ได้บ้าง เพราะยายพูดเหมือนกำลังหลับในเสียมากกว่า 5555

แต่เด็กสาวผู้มากฝันกว่ายาย ก็ให้กำลังใจไว้ว่า ได้เลยหากน้าปานจะให้ช่วยเรื่องภาษาอังกฤษ เพื่อประสานอะไรบ้างที่พอช่วยได้ ก็ยินดี

ครั้นเมื่อหนังสือเสร็จ และมีคนกล่าวหายาย ป้าฮูกลับเป็นผู้นึกได้ ว่าเรื่องการถวายเงินกับพระเทพ น้าปานพูดไว้นานแล้ว ไม่ได้มาคิดทำหลังจากถูกเข้าใจผิดแน่นอน หนูจำได้ ... ครั้งนั้นหนูฟังแล้ว ยังรู้สึกดีจัง ที่มีคนคิดทำอะไรดี ๆ เพื่อคนดี ๆ เพียงแต่ ยังนึกไม่ออกว่า จะมีความเป็นไปได้แบบไหนกันแน่ ...

และเมื่อหนังสือเสร็จ ป้าฮูก็ช่วยทำบุญมาตั้งสามหมื่นบาท

อีกท่านหนึ่ง ที่ขอเอ่ยถึง คือคุณย่า ที่ช่วยทำบุญเป็นเงินมากถึงสองหมื่นหกพันบาท


และท่านอื่น ๆ ที่ช่วยสนับสนุนหนังสือ ยายได้แต่อันเชิญสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในสากลโลก โปรดคุ้มครองให้ท่านผู้มีจิตอันเป็นกุศลทุกท่าน จงได้รับความสุข สงบ แข็งแรง ทั้งกายและใจ ตลอดกาลนานเทอญ



*-* น้องชาย และเพื่อนสนิท ช่วยทั้งกำลังใจ และการเงิน ตั้งใจว่าจะเบี้ยวแล้วน้าเนี่ยะ เพราะยังมองไม่เห็นทางหารายได้เลย ( ที่ตั้งใจแน่วแน่ว่าจะเขียน เรื่องราวเกี่ยวกับ ประวัติชีวิตคนริมคลองบางกรวย ที่ยายเกิด และมีความสุขอยู่ที่นั่นตั้งกว่าสามสิบปี ก็ดูจะคล้ายสายลมหนาววววววในเมืองไทย คือบางเบาเต็มที จนแทบจะเหมือนไม่เคยพัดผ่าน ...

อุตส่าห์ วางพล็อตอย่างดี ต้องสนุก ตื่นเต้น เร้าใจ นวนิยายอิงเรื่องราวพื้นบ้านเรื่องนี้ จะต้องเก็บรายละเอียดของชีวิตชาวริมคลองในยุคห้าสิบปีที่ผ่านมา ไว้ให้ลูกหลานศึกษาข้อมูลได้อย่างดีเรื่องหนึ่งทีเดียว

แต่พอพบอุปสรรค จากเรื่องแรก ใจมันหด เพราะเราไม่ใช่นักเขียนมีชื่อเสียงอะไร

เหมือน ๆ กับ ตอนเขียนรายงานฉบับเล็ก ๆ ที่หนาปึก ขณะเรียนปริญญาโท อาจารย์บอก โอ๊ย !!! เสียดายจัง แค่ 2-3 หน่วยกิตเอง น่าจะเก็บเล่มนี้ไว้ทำวิทยานิพนธ์ได้เลยนะ ทั้งเนื้อหา ภาษา และการอ้างอิง

ครั้นมาทำ ผศ. เล่มแรกแผนการสอน อาจารย์ที่ตรวจก็บอก โอ๊ย !!! ฉบับนี้ดีเกินไป ให้เก็บไว้ทำเป็นตำราได้เลย ไปทำแผนการสอนมาใหม่เอาให้เล็ก ๆ และง่าย ๆ กว่านี้ 5555

แล้วเป็นไง สายลมหนาวอันเบาบางงงงงง พัดผ่านมาแล้วก็ผ่านไป ...


ยุคสมัยนี้ คุณไม่ต้องจบเอกภาษาไทย คุณไม่ต้องจบอักษรศาสตร์ คุณไม่ต้องเรียนรู้เรื่องการแต่งประโยค หรือคุณไม่ต้องรู้ตัวสะกดภาษาไทยเลยด้วยซ้ำ คุณก็สามารถเขียนหนังสือได้ คุณสามารถเป็นนักเขียน มีผลงานหลาย ๆ เล่ม แต่ละเล่มล้วนพิมพ์มากกว่าสิบครั้งได้



อนิจจา !!! ความฝันในการเกษียณออกมา เพื่อจะเขียนหนังสือดี ๆ สัก 2-3 เล่ม เพื่อฝากไว้ให้เป็นหนังสืออ้างอิงสำหรับผู้รักการค้นคว้า ดูจะแผ่วบาง ขาดห้วนนนน ยิ่งกว่าลมหนาวในเมืองไทย ที่เสมือนไม่เคยพัดมาปีละสี่เดือน อย่างหนาวยะเยือกเลยด้วยซ้ำ ...


*-* ขอบคุณครอบครัว ญาติพี่น้อง รุ่นพี่ รุ่นน้อง ครูอาจารย์ และลูกศิษย์ทั้งหลาย ให้กำลังอย่างดีเสมอมา ขอบคุณทุก ๆ คนจริง ๆ










 

Create Date : 05 สิงหาคม 2550
0 comments
Last Update : 10 มิถุนายน 2551 23:50:10 น.
Counter : 613 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 


ยายอุ๊ดจัง
Location :
นนทบุรี Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




<. .> ตอนเด็กยิ่งกว่าไฮเปอร์
<. .> ตอนแก่ยิ่งกว่าป้ำเป๋อ
<. .> ตอนสาว ๆ มะมีช่วงนั้นอ่ะ
ชีวิตหายไปกับเศรษฐกิจ และ
การเมืองไทยยยย แง แง


*** สงวนลิขสิทธิ์ ตาม พรบ. ลิขสิทธิ์
พ.ศ. 2539 ห้ามมิให้นำไปเผยแพร่ และอ้างอิง
ส่วนหนึ่งส่วนใด หรือทั้งหมดของข้อความในสื่อ
คอมพิวเตอร์แห่งนี้ เพื่อประโยชน์ทางการค้า
โดยไม่ได้รับอนุญาต เป็นลายลักษณ์อักษร

*** ผู้ละเมิดจะถูกดำเนินคดี
ตามที่กฎหมายบัญญัติไว้สูงสุด

ป.ล.คำแปล หรือ ผลงานของนักร้องและนักแสดง
ต่างประเทศ ก็ได้รับความคุ้มครอง จาก พรบ. นี้
เช่นกัน (อ้างอิงจาก ม.61 พ.ร.บ.ลิขสิทธิื์ 2537)

(คัดข้อความจากบล็อกน้องแป้ง โดยเธออ้างอิง
มาจากคุณโทเค ... ขอบคุณมากทั้งสองท่านค่ะ)





Google
Friends' blogs
[Add ยายอุ๊ดจัง's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.