ภาพสิ่งดีดีก่อนวันเกิด 18-20 ก.ค. 61 ณ วัดป่าทรัพย์ทวีธรรมาราม จ.นครราชสีมา
ปกติแล้วในห้วงวันเกิดของคุณนายอุ้มสี (นางเกิด 21 กรกฎาคม) นางจะต้องไปปฏิบัติธรรมที่วัดอัมพวันของหลวงพ่อจรัญ ที่อ.พรหมบุรี จ.สิงห์บุรี อุ้มทำอย่างนี้ติดต่อกันเป็นเวลา 3 ปีแล้ว เพื่ออุทิศบุญกุศลให้คุณพ่อทวี วิเสโส และคุณแม่จิราพร วิเสโส ที่ล่วงลับไปแล้ว
แต่มาปีนี้ได้รับการจองตัวจากน้องปุ้ม จิราวัฒน์ อมรไชย จองคิวอุ้มมาร่วม 2 เดือนแล้ว หลังจากที่เห็นป้ายโครงการปฏิบัติธรรมประจำปีของชมรมจริยธรรมและธรรมาภิบาล ของโรงพยาบาลวารินชำราบ จ.อุบลราชธานี ติดป้ายเชิญชวนในลิฟท์ ชวนมาปฏิบัติธรรมในวันที่ 18-20 ก.ค. 61 ณ วัดป่าทรัพย์ทวีธรรมาราม อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา นั่นจึงเป็นที่มาของคุณนายอุ้มสีที่ได้มาร่วมทริปบุญสีขาวเป็น 1 ใน 22 คนเจ้าค่ะออเจ้า
นัดรวมพลกันที่โรงพยาบาลวารินชำราบ ล้อหมุนในเวลา 04.00 น. ของเช้าตรู่วันพุธที่ 18 กรกฎาคม 2561 อุ้มกับน้องปุ้มตื่นตีสาม และมาถึงโรงพยาบาลในเวลาตีสามครึ่งมาคนแรกเลย แต่ล้อหมุนในเวลา 05.00 น. เพราะว่ามีใครบางคนเลทไปนีสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสหนึ่ง และขอขอบคุณผู้ใหญ่ใจดีที่ทำข้าวกล่องประมาณ 30 กล่องมามอบให้กินกันบนรถ ว่าแต่ว่า "แจ่ว" อยู่ไหนหนอ....สงสัยว่ามีใครบางคนลืมหยิบมาทิ้งไว้ที่ป้อมยามหน้าโรงพยาบาล
หลังจากเลทกันแล้วยังแวะปั้ม ปตท. 5 ปั้มอีกต่างหาก ด้วยความไม่รู้ว่า "พระอาจารย์จอน"รออยู่ ดังนั้นเมื่อเลทมาเจอ "กลุ่มเรื่อยเปื่อยแวะทุกปั้ม" ก็งานเข้าสิคะพี่น้อง
จึงโดนอบรมเรื่องเวลารู้สึกผิดกันถ้วนหน้าเลยค่ะ คราวหน้าจะไม่มีแล้วนะคะ นี่เป็นเรื่องเดียวของวันแรกที่มาถึงค่ะ และโดนริบมือถือกันทุกคนแต่พอตอนท้ายพระอาจารย์ก็คืนแล้วก็ให้ไปกินมื้อเที่ยง ที่รุ่นก่อนโรงพยาบาลพระพุทธบาท จ.สระบุรี ทำอาหารเป็นโรงทานเลี้ยงค่ะ (ซึ่งที่นี่ก่อนกลับทุกกลุ่มที่มาปฏิบัติธรรมจะต้องทำอาหารเปิดเป็นโรงทานทำอาหาร)
หน้าตาอาหารน่ากินนะคะ
จากนั้นนำกระเป๋าไปเก็บยังที่พัก ผู้หญิงนอนที่ตึกแรกซ้ายสุด สำหรับผู้ชาย 4 คน (นับพลขับ) นอนที่อาคารสองตึกกลางนั้นแหละค่ะพระอาจารย์จอนยังไม่ให้อาบน้ำ
เพราะจะเริ่มภารกิจแรกเป็นการใช้ความสมัครใจพายเรือแคนูไปเก็บดอกจอกแหน ที่ขึ้นดกดื่นมีมากมายในหนองน้ำหลังวัด (แต่ไม่ได้ให้เก็บทั้งหมดดอกนะคะ เรียกว่าทุกกลุ่มที่เน้นย้ำว่าถ้าไม่ใช่ ส.ว.ได้ทำกิจกรรมนี้ค่ะ)
พระอาจารย์จอนสอนเป็นแก่นธรรมว่า เป็นการปฏิบัติธรรมด้วยการกล้าที่จะเอาเอาชนะความกลัวของตัวเอง ลุยไปเก็บไปโกยจอกแหนด้วยการพายเรือแคนนูพร้อมใส่ชูชีพ หลายคนพายเรือเป็นก็วันนี้แหละเนาะ
เรียกว่าเป็นการหยิบเอาเรื่องใกล้ตัวใกล้วัดมาเป็นบททดสอบจิตใจของสมาชิกโรงพยาบาลวารินชำราบ เชื่อมโยงเข้ากับความสามัคคี การมีน้ำใจ และการแบ่งปันน้ำใจให้กัน เรียกว่าให้โจทย์อะไรมากลุ่มนี้ปฏิบัติตามไม่มีเกี่ยงงอนตามประสา EMS 1669 มาไกลเครมไวภารกิจลุล่วง
พระอาจารย์จอนได้ให้ปริศนาธรรมที่ลึกซึ้งกินใจที่ว่า
"ชีวิตของพยาบาลถือว่าเป็นชีวิตที่ได้ทำบุญ ทำกุศลตลอด เพราะเราได้มีโอกาสดูแลทั้งกายและจิตใจ ไม่เฉพาะของผู้ป่วย แต่ได้ดูแลญาติผู้ป่วยทุกๆ คน"
"ดังนั้น การเตรียมพื้นฐานชีวิตของผู้ที่จะเป็นพยาบาลนั้นต้องเตรียมจิตใจให้ดี ให้เป็นพยาบาลที่มีจิตใจดี มีความสุข และเปี่ยมไปด้วยความเมตตา การฝึกใจ ต้องเน้นมาฝึกที่กาย เพราะใจเป็นนามธรรม เป็นสิ่งที่ไม่มีตัวมีตน ถ้าอยากให้ใจยิ้มกายเราต้องยิ้มก่อน ถ้าอยากจะผู้ป่วยมีความสุข พยาบาลทุกคนต้องมีความสุขก่อน เราจะมีความสุขได้ เราต้องใจดี ใจสบาย ใจไม่มีทุกข์"
"ดังนั้น การมาปฏิบัติธรรมที่นี่ จึงมุ่งเน้นไปที่การทำให้ใจดี ใจสบาย ใจมีความสุข เพื่อให้ทุกๆ คนได้ผ่องถ่ายความสุข และแชร์ความสุขซึ่งกันและกัน" เป็นหลักธรรมที่ลึกซึ้งกินใจมากค่ะ
จากนั้นเวลาเกือบ 17.00 น. พระอาจารย์จอนนำทาง 4 คันโฟว์วิวมาดูกระทิงที่เขาแผงม้าค่ะ น่าจะเป็นความโชคดีของกลุ่มวารินชำราบที่มาก็ได้ขึ้นมาเขาแผงม้าเลย เพราะได้ยินกลุ่ม SCG เล่าให้ฟังว่าเขามาปฏิบัติธรรม 3 วันฝนตกตลอดทั้ง 3 วัน เพิ่งจะได้ขึ้นมาดูกระทิงพร้อมกลุ่มเรานี่แหละ อเมซิ่งกับภูมิอากาศมากค่ะ
เมื่อมาที่เขาแผงม้า จ.นครราชสีมาต้องห้ามพลาดที่ขึ้นมาดูกระทิง ภาพนี้ไม่ใช่กระทิงสาวนะคะ ณ เขาแผงม้าแห่งนี้ตั้งอยู่ในเขตพื้นที่ตำบลวังน้ำเขียว อำเภอวังน้ำเขียว จังหวัดนครราชสีมา ในอดีตเขาแผงม้าที่นี่เป็นป่าผืนเดียวกับ "เขาใหญ่" ซึ่งเต็มไปด้วยความอุดมสมบูรณ์ สัตว์ป่านานาชนิดอาศัยอยู่อย่างชุกชุม ตลอดทั้งยังเป็นป่าต้นน้ำของลำห้วยหลายสายที่ไหลรวมกันเป็น "ลำพระเพลิง" ก่อนลงสู่แม่น้ำมูนซึ่งเป็นเส้นชีวิตหลักของผู้คนในแผ่นดินอีสานบ้านเฮา
มีกล้องส่องทางไกลมองให้เห็นบรรยากาศรอบๆ เขาแผงม้าและกระทิง จะเห็นได้ว่าเมื่อกาลเวลาผ่านไปมีการตัดถนนทะลุกลางป่าเทือกเขาพนมดงรัก ทำให้ชาวบ้านจากต่างถิ่นอพยพเข้ามาบุกเบิกถือครองที่ดินในบริเวณเขาแผงม้ามากขึ้น จนส่งผลให้ดินจึงเสื่อมสภาพลง จากแต่เดิมมีผืนป่าที่อุดมสมบูรณ์กลับกลายสภาพเป็นภูเขาหัวโล้น ต้นน้ำที่เคยชุ่มฉ่ำกลับแห้งผาก ประกอบกับทุ่งหญ้าที่ขึ้นปกคลุมกลายเป็นเชื้อเพลิงอย่างดีในหน้าแล้ง ไฟป่าโหมไหม้ทั้งกลางวันและกลางคืนจนผู้คนขนานนามว่า "ภูเขาไฟ"
ต่อมามูลนิธิคุ้มครองสัตว์ป่าและพรรณพืชแห่งประเทศไทยฯ ได้เสนอตัวเข้าร่วมโครงการปลูกป่าถาวรเฉลิมพระเกียรติฯ บริเวณเขาแผงม้า โดยเริ่มจากบนเขาลงสู่พื้นล่าง และได้รับความร่วมมือกับชาวบ้านในท้องถิ่นร่วมด้วยช่วยกันปลูกป่าฯ ทำให้เขาแผงม้าในวันนี้กลับกลายเป็นผืนป่าสีเขียวชอุ่มตลอดทั้งปีค่ะ
ดูกระทิงเสร็จกลับมาในเวลา 18.00 น. ไม่ต้องอาบน้ำนะคะมาสวดมนต์เย็นเลยค่ะ เริ่มเวลา 18.00 น. ก็เป็นอันว่าวันที่ 18 กรกฎาคม 2561 หมดไป 1 วัน ส่วนวันพฤหัสบดีที่ 19 กรกฎาคม 2561 หลายคนบอกว่าให้มาถึงศาลาก่อนตี 3 เราก็เป็นงงเพราะปกติทั่วไปสวดมนต์เช้า่จะเริ่มตีสี่... ก็เลยมีการปลุกกันตื่นในเวลา 02.30 น.มาถึงศาลา 02.50 น. แบบง่วงๆ เลยค่ะ ขาและน่องตึงมากจากการโกยจอกแหนออกจากหนองน้ำ
สิ่งที่เป็นไฮไลต์ของการฟื้นตัวของสภาพป่าเขาแผงม้า จ.นครราชสีมา นั่นก็ึิอ คือการกลับมาของฝูงกระทิงป่า 4-10 ตัว ในช่วงฤดูฝนของปี พ.ศ.2538 ทางมูลนิธิคุ้มครองสัตว์ป่าฯ จึงเฝ้าติดตามกระทิงฝูงนี้อย่างใกล้ชิด ศึกษาเส้นทางสร้างแหล่งอาหารพร้อมกับการวางแผนป้องกันการไล่ล่ากระทิงอย่างเข้มงวด ทำให้ฝูงกระทิงรู้สึกปลอดภัย และใช้เป็นที่อยู่อาศัย มีการผสมพันธุ์และออกลูกออกหลานใหม่ ๆ ทุกปี ปัจจุบันคาดว่ามีกระทิงที่เขาแผงม้ามี 50 ตัว มูลนิธิคุ้มครองสัตว์ป่าฯ จึงมีจัดเป็นแหล่งศึกษาธรรมชาติ สำหรับเยาวชนและผู้สนใจ
สำหรับวันเวลาที่แนะนำในการดูกระทิงที่เขาแผงม้า สามารถมาชมได้ทุกวันตลอดทั้งปี ซึ่งช่วงเวลาที่กระทิงออกหากินมักเป็นในช่วงตอนบ่ายและตอนเย็น ที่จะมีโอกาสได้พบเห็นตัวได้มากกว่าเวลาอื่น
หลังจากเราใจดีใจสบายกันกับวิวและบรรยากาศบนเขาแผงม้าแล้วก็กลับมาทำวัตรเย็นกันต่อ แล้วกลับมาอาบน้ำก็เข้านอนกันในเวลา 21.30 น.
เช้าวันที่ 19 กรกฎาคม 2561 พวกเราพากันตื่นอาบน้ำในเวลา 02.30 น. จนมานั่งสมาธิในเวลา 02.45-04.00 น. แล้วทำวัตรเช้าในเวลา 04.00-05.00 น. แล้วเดินออกมารอใส่บาตรในเวลา 06.00 น.
ขากลับเดินเข้าวัดเก็บตกบรรยากาศสีม่วงตลอดทางเข้าวัดทุกอย่างจะทาด้วยสีม่วง
หลังจากกินข้าวเช้ากันเสร็จล่ะ ไม่รู้ว่าโจทย์คนอื่นๆ เป็นอย่างไร แต่สำหรับอุ้ม-น้องปุ้ม-น้องสาม พระอาจารย์ให้ไปนับที่นอน ที่อยู่ในอาคารนอนผู้หญิงทั้งหมดในแต่ละห้องมีเท่าไหร่บ้างแล้วมารายงานอาจารย์ ตึกนอนมี 4 ชั้น ไม่มีลิฟท์ มีห้องนอนชั้นละ 8 ห้อง ไม่ได้นับว่าห้องน้ำในแต่ละชั้นมีกี่ห้อง ก็จดไปรายงานอาจารย์เสร็จเรียบร้อยค่ะ แล้วพระอาจารย์ก็มีโจทย์ใหม่ว่าให้ทุกห้องให้มีที่นอนห้องละ 10 ผืน ทั้งสามสาวก็กลับไปแบกที่นอนห้องไหนที่ไม่ครบ 10 ก็ไปเติมให้ครบ 10 ห้องไหนที่เกินก็แบกและลากไปใส่จนครบทุกห้องแล้วค่ะ ประทับใจน้องสาม นางแบกจากชั้นสี่ลงมาไว้ที่ชั้นหนึ่งแล้วเซนึกว่าจะตกบันไดหัวฟาดพื้น จะได้ใช้กระเป๋ากู้ชีพซะแล้ว โชคดีที่นางเป็นยิมนาสติกทวินพลิกตัวเกลียวสามชั้นกลับมายืนได้คงทนถาวร คริคริ แซวน้องสามจ้า จากนั้นคุณนายอุ้มสีนางก็ไปล้างห้องน้ำไป 2 ห้อง แล้วลงมากวาดลานวัดอีก 20 นาที
แล้วโจทย์ต่อไปก็คือการทำพานพุ่ม 4 พุ่ม และขนมลูกชุบ อุ้มเลือกปักดอกไม้ใส่พานพุ่ม เป็นการใช้ศีล สมาธิ ปัญญา และความตั้งใจ ตั้งแต่ตัดกระดาษจนมาคลี่กระดาษจนออกมาเป็นดอกดาวเรืองที่สวยงาม แล้วส่งมาให้อุ้มปักลงบนโฟมรูปหยดน้ำ จนสำเร็จเสร็จก่อนสวดมนต์เย็นเล็กน้อย จากนั้นก็สวดมนต์เย็นเสร็จก็แยกย้ายไปอาบน้ำนอน คืนที่สองนี้เข้านอนตอนสี่ทุ่ม
โชว์ลูกชุบฝีมือน้องปุ้มและพี่น้องผองเพื่อน ชิมไม่ได้เลยไม่รู้ว่ารสชาติอร่อยหรือไม่ไว้ค่อยรอกินในเช้าวันศุกร์น่ะค่ะ แล้วบ่ายวันนี้ก็มีบางส่วนออกไปตลาด หลังจากกินอาหารที่กลุ่มๆ อื่นทำมาให้กิน 2 วันแล้ว วันนี้เป็นคิววารินชำราบลงไปตลาดเพื่อซื้อของมาเตรียมทำเพื่อเปิดโรงทาน ในเวลา 06.30 น.พร้อมทั้งอากหารสำหรับเวลา 10.00 น.
เข้าสู่เช้าวันศุกร์ที่ 20 กรกฎาคม 2561 วันนี้ฝนตกปรอยตั้งแต่เช้าเลยค่ะ
หลังจากนั่งสมาธิและสวดมนต์ตอนเช้าเสร็จก็เริ่มทำกับข้าวกัน..
สำหรับอุ้มแล้ว...อุ้มว่า "แจ่ว" แซ่บนัว...อร่อยที่สุดในงานเลยค่ะ แล้วขอ-บอกว่าพอขึ้นโต๊ะให้พระให้คนกิน...เป็นสิ่งแรกที่หมดก่อนเพื่อนเลยค่ะ
เมนูที่จะเปิดโรงทานในตอนเช้าตั้งแต่เวลา 06.30 น. ก็คือข้าวจี่และก๋วยจั๊บเมืองอุบล (ข้าวเปียกเส้นค่ะ)
ส้มตำยกมาเปิดตำแหลกกันในงานนี้นะคะ โปรดสังเกตว่าไม่มีเนื้อสัตว์เลยนะคะเพราะเป็นเจหมด แม้แต่ปลาร้าก็ปลาร้าเจนะคะ
โดยอาชีพก็คือพยาบาลแต่ทำกับข้าวยังกะยกกุ๊กและ Chef มาจากเมืองอุบลมาทำกับข้าวในงานนี้โดยตรง
เน้นอาหารแบบกินง่ายๆ แต่อร่อยนะคะ อุ้มคอนเฟิร์ม
ถึงแม้บางอย่างคุณนายอุ้มสีจะไม่ได้กินแต่นางชิมก่อนเสริฟหมดน่ะค่ะ คริคริ
นึกถึงคำคนที่เคยพูดว่าถ้าโลกนี้ไม่มีคำว่า "อุปสรรค" พวกเราก็จะไม่รู้จักคำว่า "พยายาม" เป็นเช่นไร
ก็เลยได้เรียนรู้ถึงสัจธรรมจากวัดเพียบเลยค่ะเพราะทุกๆ วันของวันใหม่คือโอกาสที่ได้เปลี่ยนแปลงชีวิต
เพราะทุกๆ โจทย์ที่ "พระอาจารย์จอน" ให้มาคือบททดสอบการแก้ปัญหา เพราะฉะนั้นเมื่อไม่มีใบของลูกชุบเราก็มีต้นแก้วของวัดให้เราได้ไปตัดใบมาใช้ คริคริ
จากนั้นมีการสวดมนต์ไหว้พระและก็มีการถวายอาหารพระและกินข้าวกันเสร็จเรียบร้อย ภารกิจงานบุญ 3 วัน ของพยาบาลจากโรงพยาบาลวารินชำราบ จ.อุบลราชธานีก็เป็นอันเสร็จสมบูรณ์ ต่อไปเป็นการรับใบประกาศจากหลวงพ่อกัณหา สุขกาโม ที่กุฏิท่านในช่วงบ่ายค่ะ
สามารถบริจาคเงินสบทบทุนให้แก่วัดป่าทรัพย์ทวีธรรมารามกับโครงการใจดีใจสบาย เพื่อใช้ในการก่อสร้าง "อาคารเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี" (ศูนย์อุบัติเหตุและฉุกเฉิน) โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา ซึ่งเป็นอาคารสูง 15 ชั้น ซึ่งหลวงพ่อกัณหา สุขกาโม ท่านเมตตารับเป็นองค์ประธานในการจัดหาทุน และบอกบุญมายังพุทธศาสนิกชนทั่วประเทศ
สำหรับผู้ที่มีจิตศรัทธาสามารถบริจาคสมทบทุนได้ที่ "บัญชีใจดีใจสบาย สมทบทุนสร้างอาคารอุบัติเหตุ โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา" บัญชีธนาคารกรุงไทยเลขที่บัญชี 337-0-33286-8
น้องตั้มสรุปค่าใช้จ่ายในการมาปฏิบัติธรรม 18-20 กรกฎาคม 2561 หักค่ารถ ค่าอาหาร และโรงทาน มีเงินเหลือในนามของกลุ่มฯ สมทบทุนในการก่อสร้าง "อาคารเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี" ศูนย์อุบัติเหตุและฉุกเฉิน โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา เป็นจำนวนเงิน 3,079.-บาท สาธุ
ได้ความรู้จากพระอาจารย์จอน..ว่าทำไมพระพุทธรูปถึงได้มี 2 องค์ และมีสีขาวและสีดำ องค์ที่อยู่ด้านหน้าด้านนอกเป็นสีขาวตามสีปกติของปูนพาสเตอร์ เนื่องจากก่อนจะทำพิธีหล่อพระประธานสีดำ (องค์ที่อยู่ในศาลปัจจุบัน)ซึ่งเป็นโลหะสัมฤทธิ์ ก็จะทำองค์สีขาวขึ้นมาก่อน จากนั้นเมื่อพระองค์สัมฤทธิ์หล่อเสร็จ ก็ยกออกมาประดิษฐานไว้ด้านหน้า ต่อมามีคนมากราบไหว้บูชาอยู่เนื่องๆ ก็เลยประดิษฐานไว้ตรงนั้นเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน
สำหรับองค์พระด้านในทำไมถึงมีสีดำ พระอาจารย์จอนกล่าวต่อมาว่า เป็นเพราะโรงหล่อทำสีดำมาให้ โดยหลวงพ่อกัณหา สุขกาโม ได้มีเมตตากล่าวกับโรงงานที่หล่อพระประธานว่า "ทำให้เต็มที่สุดฝีมือ จะทำสีอะไรก็ให้โรงหล่อตัดสินใจเอาเองเลย เพียงแต่ขอให้คนมาเห็นพระประธานชื่นชมว่าองค์พระงดงาม ดังนั้นโรงหล่อจึงได้ปั้นพระประธานเป็นสีดำด้วยประการละฉะนี้" กราบขอบพระคุณพระอาจารย์จอนด้วยค่ะ
พระอาจารย์จอนให้โอวาทก่อนกลับบ้านพร้อมมอบหนังสือและซีดีธรรมะกลับมาปฏิบัติต่อที่บ้านค่ะ กราบขอบพระคุณพระอาจารย์ที่ให้ปริศนาธรรมที่ดีและจะได้นำมาปฏิบัติต่อไป
อาจกล่าวได้ว่าไม่ใช่เป็นเรื่องบังเอิญที่ทำให้เราได้มาเจอกัน แต่อุ้มคิดว่าหากเป็นเรื่องของความตั้งใจมั่นในสายบุญที่เรามีร่วมกันทำให้เรามาเจอกันในวันนี้ ว่าแล้วทริปบุญ(หล่นทับ)ของอุ้มก็มีต่อในวันที่ 27-29 กรกฎาคม 2561 พาพี่อ้อม คนผ่านทางมาเจอ ไปปฏิบัติธรรมที่วัดอัมพวัน จ.สิงห์บุรี เนื่องในวันเกิดพี่อ้อม (28 กรกฎาคม 2561) แปลกอุ้มได้มาวัดอัมพวันในวันเข้าพรรษาเป็นปีที่ 4 ติดต่อกันเลยค่ะเป็นที่อัศจรรย์จริงๆ
และทั้งหมดทั้งมวลอุ้มขออุทิศบุญกุศลให้คุณพ่อทวี วิเสโส และคุณแม่จิราพร วิเสโส ที่ล่วงลับไปแล้ว ตลอดทั้งพันโทคำ วิเสโส-นางฉวี วิเสโลและครอบครัววิเสโสที่ล่วงลับไปแล้ว ตลอดทั้งเจ้ากรรมนายเวรของอุ้มธีรมา วิเสโส เอาบุญมาฝากค่ะ
ขอขอบคุณ เพลง : HAPPY DAY : อัลบั้มกะโหลกกะลา : วงแม่น้ำ BG : คุณลักกี้ / กล่องเขียนคอมเม้นท์ : คุณ lozocat โค้ดแต่ง BLOG : ป้ามด & น้องดอกหญ้าเมืองเลย ของแต่ง BLOG ทุกอย่างมาจาก : คุณป้าเก๋า ชมพร & น้องญามี่ & คุณเนยสีฟ้า ภาพจากกล้องของวัดป่าทรัพย์ทวีธรรมาราม & กล้องของน้องตั้ม & ภาพจากพี่น้องผองเพื่อน
| | |
| |
ครบรอบวันเกิดในวันนี้
Happy to you
My dear youngest sister.
ขอให้สูสวี วี่วี
มีความสุข เฮงๆ รวยๆ
อยูดี มีแฮง