ธันวาคม 2552

 
 
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
31
 
 
All Blog
กบผู้ว้าเหว่และเรื่องสัตว์อื่นๆ - แอร์วิน โมเซอร์


กบผู้ว้าเหว่และเรื่องสัตว์อื่นๆ
ผู้เขียน แอร์วิน โมเซอร์ (Erwin Moser)
ผู้แปล อำภา โอตระกูล
จำนวน 126 หน้า
สำนักพิมพ์เรือนปัญญา
พิมพ์ครั้งแรก พฤษภาคม พ.ศ.2545
พิมพ์ครั้งที่ 2 พ.ศ.2545
ราคา 135 บาท

กบผู้ว้าเหว่และเรื่องสัตว์อื่นๆเป็นวรรณกรรมเยาวชนแปล ประกอบด้วยนิทานเกี่ยวกับสัตว์ 6 เรื่อง โดยนักเขียนชาวออสเตรียน แอร์วิน โมเซอร์ ซึ่งเป็นผู้วาดภาพประกอบในหนังสือเล่มนี้ด้วย รูปสัตว์ต่างๆ ในหนังสือนี้น่ารักมาก ดูสดใส มีชีวิต และเต็มไปด้วยอารมณ์ความรู้สึก นิทานแต่ละเรื่องก็น่ารักค่ะ เป็นเรื่องง่ายๆ เด็กๆ แต่บางเรื่องก็ทำให้เราย้อนคิดได้มากมาย เป็นหนังสือที่ทำให้ยิ้มได้ตั้งแต่ประโยคแรก "นานมาแล้วยังมีกบสีเขียวหน้าตาดีตัวหนึ่ง" จนจบเล่มค่ะ

เล่มนี้ไม่รู้จะยังหาซื้อได้ไหม ขอเล่าให้ฟังก็แล้วกันนะคะ

1. กบผู้ว้าเหว่
เรื่องของกบ(หน้าตาดี)ตัวหนึ่งที่เกิดมาในพงอ้อ และไม่เคยออกไปไหนเลย มันนึกว่าโลกนี้มีแต่พงอ้อ และตัวมันเป็นสิ่งมีชีวิตเพียงสิ่งเดียว มันว้าเหว่มาก จนวันหนึ่งมีพายุฝนตั้งเค้ามา เมื่อได้ยินเสียงฟ้าร้อง มันดีใจมาก นึกว่าเป็นเสียงสิ่งมีชีวิตร้องเรียก มันจึงพยายามโผล่พ้นพงอ้อออกมาเพื่อทักทาย จนโดยพายุพัดหมดสติจมอยู่ใต้บ่อน้ำ โชคดีมีอึ่งอ่างมาพบและช่วยมันเอาไว้ ทั้งยังไปเรียกกบตัวอื่นๆ มา เจ้ากบจากพงอ้อฟื้นขึ้นมาเจอเพื่อนหน้าตาเหมือนกันมากมายก็ดีใจมาก



2. เจ้าลูกเชอร์รี่เดือนสิงหา
เป็นเรื่องของสัตว์ต่างๆ กับลูกเชอร์รี่พิเศษ ลูกเชอร์รี่สีแดงอวบอิ่มน่ากินเป็นที่สุด ลูกเชอร์รี่ในกลางเดือนสิงหาคม (ปกติจะให้ผลช่วงเดือนตุลาคมถึงมีนาคม) เริ่มจากนกกระสาที่คาบหนูนาจะไปป้อนลูกนก มองเห็นเชอร์รี่บนพื้น จึงคาบเชอร์รี่ไปด้วย เพื่อเป็นอาหารพิเศษสำหรับลูกๆ แต่ก่อนจะถึงรัง หนูก็ตกจากปาก เหลือแต่เชอร์รี่ ลูกนกแย่ลูกเชอร์รี่จนหล่นตกลงมาบนรังมดซึ่งก็พากันแปลกใจและกำลังเรียกกันมาลิ้มรสอร่อย เจ้าหนูชื่อออสโคที่ตกจากปากนกกระสาก็วิ่งมาคว้าเชอร์รี่วิ่งหนีไป แต่ไปเจอแมววิ่งไล่จึงยอมสละลูกเชอร์รี่ดึงก้านเชอร์รี่เก็บไว้ แล้วปาลูกเชอร์รี่ใส่แมว แล้ววิ่งหนีไป แมวลองเขี่ยๆ เชอร์รี่ดูเห็นไม่ขยับเขยื้อนก็เลิกสนใจ ต่อมาไก่ตัวหนึ่งมาคุ้ยเขี่ยหากิน มองเห็นลูกเชอร์รี่เข้า แต่กิริยาของมันทำให้ไก่ตัวอื่นๆ รู้ว่าจะต้องมีของอร่อย ไก่ทั้งฝูงจึงกรูเข้าไปแย่งลูกเชอร์รี่กัน สุดท้ายเจ้าไก่ัตัวแรกที่เห็นก็แย่งลูกเชอร์รี่ได้แล้ววิ่งหลบไปเพื่อจะกินมัน แต่แล้วมีเหยี่ยวตัวหนึ่งโฉบลงมา ไก่ตัวผู้มองเห็นจึงร้องบอกอันตราย เจ้าแม่ไก่จึงทิ้งลูกเชอร์รี่แล้วหลบเข้าเล้า เหยี่ยวจึงจิกเอาลูกเชอร์รี่ไปแก้เก้อ ระหว่างนั้นชาวนาได้ยินเสียงไก่ชุลมุนแย่งเชอร์รี่นึกว่ามีอันตรายจึงออกมาดู พอดีเห็นเหยี่ยวจึงยิงปืนไล่ เฉียดปีกไปนิดเดียว เหยี่ยวโมโหที่ลูกเชอร์รี่ทำให้เกือบโดนยิงจึงพ่นลูกเชอร์รี่ทิ้ง ตกลงมากลางรังของหนูนา เหล่าหนูนายังไม่ทันได้แบ่งลูกเชอร์รี่ ก็มีหนูตะเภาตัวใหญ่มาเห็นเสียก่อน แล้วขอแลกลูกแพร์กับลูกเชอร์รี่ พวกหนูนายอมแลกเพื่อความสงบสุขเพราะรู้ว่าถ้าไม่ยอม เจ้าหนูตะเภาต้องก่อกวนไม่เลิกแน่ หนูตะเภาเจ้าเล่ห์เอาลูกแพร์เน่ามาแลกกับลูกเชอร์รี่ก่อนจะวิ่งหลบลงหลุมไป ปล่อยให้พวกหนูนาเข็ดเขี้ยวเคี้ยวฟันที่โดนหลอก ในตอนนั้นเองเจ้าหนูออสโคพร้อมก้านเชอร์รี่ก็กลับมาถึงรัง มันเริ่มต้นเล่าเรื่องการผจญภัยของตัวเองให้เพื่อนๆ ฟัง ข้างหนูตะเภาก็เริ่มแทะลูกเชอร์รี่ แต่มันไม่หวานหอมเหมือนที่หวัง ไม่มีรสชาติ เหนียวๆ ลื่นๆ หนูตะเภาคายทิ้ง เจ้าหนูออสโค่กำลังเล่าเรื่องของตัวเองมาถึงตอนจบและกำลังโชว์ก้านเชอร์รี่ให้เพื่อนๆ ดู ขณะนั้นเองหนูตะเภาก็โยนลูกเชอร์รี่ลงมากลางวงพร้อมตะโกนด่า ลูกเชอร์รี่กลิ้งมาตรงเท้าของออสโคพอดี
"เฮ้ย... นี่ไงลูกเชอร์รี่..."
แล้วปรากฎว่าจริงๆ ลูกเชอร์รี่นั้นเป็นเทียนรูปเชอร์รี่ที่ใช้เป็นของประดับหมวก //ฮ่าฮ่าฮ่า
อ่านเรื่องนี้แล้ว ไหงถึงคิดถึง อำนาจอันหอมหวาน ลาภยศสรรเสริญแสนยวนใจ ไปได้ก็ไม่รู้



3. จดหมายรักของด้วงน้อย
ด้วงมูลสัตว์ตัวหนึ่งตกหลุมรักหอยทากตัวหนึ่ง มันจึงเขียนจดหมายรักแสนหวานถึงหอยทาก และขอร้องให้แมลงหวี่ช่วยนำไปส่งให้หอยทาก ตอนแรกแมลงหวี่เรียกค่าจ้าง ด้วงไม่มีให้ แต่พอแมลงหวี่ได้อ่านจดหมายก็ซาบซึ้ง จึงยอมช่วยด้วง เจ้าแมลงหวี่บินหาหอยทากอยู่สองวันจึงพบ แต่พอเอาจดหมายให้ หอยทากไม่ยอมรับและแสดงอาการรังเกียจด้วงมูลสัตว์ แมลงหวี่จึงต่อว่าหอยทาก ว่าแท้จริงแล้วเธอก็เป็นเพียงหอยที่ผู้คนรังเกียจ และทิ้งจดหมายไว้ที่ริมบ่อ แล้วกลับไปบอกด้วงว่าหาหอยทากไม่พบ อึ่งอ่างตัวหนึ่งผ่านมาเห็นจดหมายของด้วง มันเข้าใจความรู้สึกของด้วงที่มีแต่คนรังเกียจ และมันก็รู้จักหอยทากจอมหยิ่งด้วย มันจึงพอจะรู้ว่าตอนนี้ด้วงคงกำลังนั่งเสียใจอยู่ มันจึงร้องเพลงเสียงดังกังวานไปทั่ว อีกฝั่งของรั้ว ด้วงนั่งเดียวดายอยู่บนกองขยะ ได้ยินเสียงเพลงของอึ่งอ่าง มันรู้สึกว่าเป็นเพลงที่ร้องเพื่อมันโดยเฉพาะ ด้วงฟังเพลงแล้วเคลิ้มหลับไปพร้อมกับฝันถึงหอยผู้เป็นที่รักนั้น



4. กระต่ายขี้กลัว
กระต่ายขี้กลัว 2 ตัว มันกลัวไปหมดทุกอย่าง มีแต่ความวิตกหาเรื่องตกใจกลัวตลอดเวลา ทั้งที่อาศัยอยู่ในทุ่งหญ้ากว้างใหญ่อุดมสมบูรณ์ อากาศก็ดีไม่ค่อยมีพายุฝน หมาจิ้งจอกก็ไม่เคยมี แต่แล้วในวันหนึ่งก็มีแมวป่ามาจริงๆ เจ้ากระต่ายวิ่งหนีสุดชีวิต นอกจากแมวป่ายังมีหมาจิ้งจอกแอบตามมาด้วย กระต่ายขี้กลัวทั้งสองวิ่งหนีมาจนถึงริมป่าอีกด้านหนึ่ง ซึ่งมีกระต่ายตัวหนึ่งอาศัยอยู่ กระต่ายซึ่งตรงกันข้ามกับทั้งสอง มันเป็นกระต่ายสมหวัง เพราะมันมักจะหวังในสิ่งที่มันมีแล้วทั้งสิ้น จริงแล้วมันก็ไม่ค่อยจะมีอะไร แต่มันก็ไม่เคยหวังอะไรมากกว่าที่มันมีอยู่ ความหวังของมันจึงเป็นจริงเสมอ มันอาศัยอยู่ในโพรงต้นไม้ต้นหนึ่ง เมื่อกระต่ายขี้กลัววิ่งมาเจอแล้วเล่าให้ฟังว่าวิ่งหนีแมวป่ามา และขอที่หลบซ่่อน มันจึงเชื้อเชิญให้เข้าไปหลบในโพรงของมัน แมวป่ากับหมาจิ้งจอกตามรอยเท้ามาถึงหน้าโพรง เจอกระต่ายสมหวังนั่งอยู่ เห็นว่าไม่วิ่งหนีก็รู้สึกผิดปกติ กระต่ายร้องทักและเรียกให้ทั้งสองเข้าไปหา จิ้งจอกบอกแมวป่าว่า กระต่ายจะต้องหลอกพวกเขาแน่ และไม่ยอมเข้าไปใกล้ แต่ร้องถามว่าเห็นกระต่าย 2 ตัววิ่งหนีมาทางนี้ไหม กระต่ายสมหวังตอบว่าเห็น และทั้งสองหลบอยู่ในโพรงนี้เอง จิ้งจอกกับแมวป่าไม่เชื่อ และไม่ไว้ใจ รีบวิ่งหนีไปทันที กระต่ายขี้กลัวจึงอยู่กับกระต่ายสมหวัง และกลายเป็นกระต่ายสมหวังด้วยเช่นกัน



5. มอด 5 ตัว
มอด 5 ตัวอาศัยอยู่ในคานไม้ใต้หลังคาแห่งหนึ่ง พวกมันอยู่ี่ที่นี่มาตั้งแต่ปู่ย่าตายาย และไม่เคยออกไปไหนเลย วันหนึ่งพวกมันคุยกันถึงโลกนอกคานไม้นี้ มอดตัวหนึ่งเล่าว่า เจอมดตัวหนึ่งและมันอธิบายให้ฟังถึงทางออกจากคานไม้ มอดอีกตัวไม่เชื่อ อีกตัวก็บอกว่าถึงจะมีจริงแต่ก็เต็มไปด้วยอันตราย อีกตัวบอกว่าชีวิตที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ก็สุขสบายดีแล้ว แต่มอดตัวที่ห้าคิดว่าอาจมีไม้อื่นๆ ที่ดีกว่านี้อยู่ใกล้ๆ ก็ได้ มอดตัวอื่นๆ หัวเราะเยาะมัน แล้วท้าว่าถ้าคิดเช่นนั้นก็ให้ออกไปเลย แทะไม้ไปทางทิศใต้เรื่อยๆ ก็จะไปถึงทางที่มดบอก เจ้ามอดตัวนั้นมุ่งมั่นแทะไม้ไปทางทิศใต้อย่างขยันหมั่นเพียร พร้อมทั้งวาดภาพโลกใหม่ที่สวยงาม มันไม่รู้ว่ามอดตัวอื่นๆ แกล้งบอกทางที่ผิดแก่มัน จริงๆ ต้องไปทางทิศตะวันตก มันจึงแทะไม้ไปตามความยาวของไม้ตลอดเวลา ไม่สามารถออกไปจากคานนี้ได้ มันแทะอยู่นาน 6 ปีจนเหนือยอ่อนและคิดว่ามันต้องตายไปโดยไม่ได้เจอโลกอื่น แต่ก่อนที่มันจะตายมันก็พูดกับตัวเองว่า ถึงอย่างไรมันก็ได้พยายามอย่างดีที่สุดแล้ว



6. หนูวัด
เรื่องของหนูที่อยู่ในโบสถ์ มันต้องการไปอยู่ที่อื่นที่อบอุ่นกว่า สบายกว่า มันจึงแอบหลบเข้าไปในกระเป๋าของคนที่มาโบสถ์ และได้เข้าไปอยู่ในบ้านที่อบอุ่น และแอบกินอาหารในบ้าน เจ้าของบ้านจึงให้แมวมาจัดการ ลูกสาวเจ้าของบ้านสงสารจึงแอบเอาหนูไปไว้ที่ยุ้งข้าว เจ้าหนูอยู่อย่างสุขสบาย แต่แล้วมันก็คิดถึงเพื่อนๆ ที่เคยอยู่ด้วยกันที่โบสถ์ และไม่เห็นประโยชน์ของความสมบูรณ์พูนสุขแต่ไร้เพื่อน มันจึงตัดสินใจกลับไปอยู่ที่โบสถ์กับเพื่อนๆ เช่นเดิม เรื่องเล่าเป็นการผจญภัยที่สนุกตื่นเต้น รูปประกอบก็น่ารักมากค่ะ



หนังสือเล่มนี้ใช้ตอบโจทย์ WWR ข้อ 25-2.[ยาคูลท์] โจทย์บุฟเฟ่ต์: อ่านหนังสือ 4 เล่มในหมวดต่อไปนี้ - นิยายไทย, นิยายแปล, นิยายภาษาต้นฉบับ, รวมเรื่องสั้น, รวมบทความ/สัมภาษณ์, นิยายภาพ/การ์ตูน (ใช้คำว่า "นิยาย" เพื่อให้เข้าใจ แต่จะเป็นหนังสือวิชาการก็ได้)

โดยอ่านร่วมกับกับการ์ตูน บันทึกสี่เท้า จากหัวใจผู้ไร้บ้าน ของ ชนประเสริฐ คินทรักษ์ ฉบับการ์ตูนวาดเส้นโดย เรืองศักดิ์ ดวงพลา

และ

หนังสือรวมบทความ หนังสือรวมบทความความน่าจะแมว ของ องอาจ ชัยชาญชีพ

และ

วรรณกรรมเยาวชนไทย พราวแสงรุ้ง ของ วาวแพร



Create Date : 03 ธันวาคม 2552
Last Update : 5 ธันวาคม 2552 13:23:41 น.
Counter : 2254 Pageviews.

2 comments
  
เรื่องราวน่ารักมาค่ะ เห็นภาพประกอบแล้วสวยมากๆเลย
ขอบคุณมากค่ะ
โดย: นานมี IP: 58.9.108.37 วันที่: 24 กรกฎาคม 2553 เวลา:14:25:26 น.
  
รักหนังสือเล่มนี้มากกกกก :( อ่านละจะร้องไห้ คิดถึงตา ตาแกชอบอ่าน ผมอยากจะติดต่อซื้ออ่ะคับ ที่ไหนมีขาย
โดย: โดว์ IP: 94.197.204.225 วันที่: 26 ตุลาคม 2555 เวลา:6:17:20 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

เที่ยงวัน
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]