เก็บความทรงจำ..(^_^)..ความสนใจ โลกส่วนตัว ที่เราสร้างเอง
Group Blog
 
 
พฤษภาคม 2555
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
 
29 พฤษภาคม 2555
 
All Blogs
 

หนุ่มบ้านไร่ฯ ตอนที่ 7-2

ปราบอุ้มร่างนับดาววิ่งออกมาจากบ้าน
       “คุณดาว ทำใจดีๆไว้นะ”
       “คุณปราบ...”
       นับดาวเห็นปราบเลือนรางก่อนสติจะหายไป ก่อนที่จะลืมตาขึ้นมาอย่างมึนงง แล้วพบว่านอนอยู่บนเตียง พยาบาลเข็นเข้าห้องฉุกเฉิน ปราบวิ่งตามมาดูด้วยความห่วงใย
       “คุณดาว คุณดาว”
       นับดาวหมดสติไปอีกครั้ง

       ปราบกับน้อยหน่ารออยู่หน้าห้องฉุกเฉิน น้อยหน่าร้องไห้
       “หน่าขอโทษค่ะ หน่าไม่รู้ว่ามันจะเป็นแบบนี้”
       ปราบเงียบไม่พูดอะไร หมอเดินออกมา ปราบลุกขึ้นยืน
       “เบื้องต้นปลอดภัยแล้ว แต่ต้องรอดูอาการอีก 2-3 วัน”
       ปราบกับน้อยหน่ายิ้มออก
       “แล้วก็...”
       ปราบกับน้อยหน่าหน้าเครียด
       “มีหัวโน ฟกช้ำดำเขียว”
       ปราบรีบถามอย่างเป็นห่วง
       “แล้วสมอง...”
       “สแกนดูแล้ว ไม่มีอะไร ปกติดีครับ”
       หมอเดินผ่านไป ปราบกับน้อยหน่ายิ้มได้อีกครั้ง

       เช้าวันใหม่...นับดาวหลับอยู่ในห้องพักผู้ป่วย มีผ้าพันแผลพันเต็มศีรษะ เธอลืมตาขึ้นเห็นอลิสา ปราบ น้อยหน่า ปกป้อง อยู่ในห้อง อลิสาพุ่งเข้าไปหา
       “ดาว เป็นไงบ้าง”
       นับดาวเงียบไป
       “เป็นไง เจ็บตรงไหนมั้ย”
       น้อยหน่าหน้าเสียขยับมาที่เตียง
       “พี่ดาว หน่าขอโทษนะคะ พี่ดาวเป็นไงบ้างคะ”
       นับดาวมองอลิสากับน้อยหน่าด้วยดวงตาที่เหม่อลอย ว่างเปล่า
       “พวกคุณคือใคร”
       ปราบ น้อยหน่า อลิสา ปกป้อง อึ้ง ปราบรีบออกไปนอกห้องไปตามหมอ อลิสาตกใจ
       “ดาว ล้อเล่นรึเปล่าเนี่ย นี่น้าอะซ่าของดาวนะ”
       นับดาวมองอลิสาเหมือนมองคนแปลกหน้า น้อยหน่าหน้าเสีย
       “พี่ดาวจำหน่าได้มั้ยคะ”
       นับดาวกวาดตามอง
       “พวกคุณเป็นใคร...แล้ว...” นับดาวอึ้งไป “ฉันเป็นใคร”
       ปกป้องถอนใจเครียดๆ
       “เอาแล้วไง”

       ปราบเข้ามาในห้องกับหมอ คุยกันมาด้วย
       “พอตื่นมาเห็นหน้าพวกผม เค้าก็ถามพวกผมว่าเป็นใคร”
       หมอพยักหน้ารับรู้ หน้าตาซีเรียส คนอื่นหลีกทางให้ หมอเข้ามาดูนับดาว
       “สวัสดีครับ”
       นับดาวทักทายตอบ
       “สวัสดีครับ”
       “คุณจำได้ไหมว่าคุณชื่ออะไร”
       นับดาวมองหมออยู่ครู่ใหญ่ แล้วส่ายหน้าก่อนจะหน้าเหยๆเหมือนจะร้องไห้ อลิสาตกใจ พูดไม่ออก หมอถามต่อ
       “คุณจำใครในห้องนี้ได้บ้างไหมครับ”
       นับดาวมองทุกคนในห้อง แล้วส่ายหน้า อลิสาร้องไห้
       “โธ่ ดาวหลานน้า”

       ในห้องทำงานแพทย์...หมออธิบายอาการป่วยของนับดาวให้ปราบกับอลิสาฟัง
       “ตอนนี้คนไข้มีอาการความจำเสื่อม คงเกิดจากสมองได้รับการกระทบกระเทือน”
       ปราบอึ้งไป
       “ไหนตอนแรกหมอบอกว่าไม่เป็นอะไร”
       “ผมก็ไม่ทราบว่ามันเกิดขึ้นได้ยังไง เท่าที่ดูอาการคนไข้ คนไข้ยังมีทักษะในการใช้ชีวิตประจำวันได้ แต่จำคนหรือเรื่องราวที่ผ่านมาไม่ได้”
       อลิสากังวลใจ
       “แล้วหลานฉันจะเป็นอย่างนี้อีกนานไหมคะ”
       “ถ้าถามว่าจะหายมั้ย เป็นนานมั้ย วันนี้ยังตอบไม่ได้ ต้องรอสังเกตอาการคนไข้ว่ามีพัฒนาการอย่างไร เราจะรักษาไปตามขั้นตอน”
       “ค่ะ...ฝากคุณหมอด้วยละกันค่ะ”
       “นอกจากเรื่องความจำแล้ว อาการอย่างอื่นไม่มีอะไรใช่ไหมครับ”
       “ครับ ไม่มีสมองบวม ไม่มีเลือดคั่ง กะโหลกและกระดูกปกติดีทุกอย่าง อ้อ มีหัวโนนิดหน่อยครับ เดี๋ยวก็คงหาย”
       ปราบพยักหน้าแต่หน้าตาอสิสายังกังวล

       อลิสาคุยกับปกป้องอยู่ที่ล็อบบี้โรงพยาบาล
       “คุณปกป้องคะ ช่วงนี้ดิฉันยังมีธุระต้องไปเคลียร์ที่กรุงเทพก่อน ก็เลย...”
       “ไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องคุณนับดาวครับ ผมกับไอ้ปราบจะดูแลเขาเขาอย่างดี คุณวางใจได้”
       “เสร็จธุระแล้ว ฉันจะรีบพาเขากลับไปรักษาตัวที่กรุงเทพให้เร็วที่สุด”
       “ตามสบายครับ ไม่ต้องรีบร้อนอะไรหรอกครับ”
       “ขอบคุณคุณมากนะคะ”
       “ไม่มีปัญหาครับ...ถ้ามีอะไรที่ผมช่วยได้ ก็บอกมาเลยนะครับ ไม่ต้องเกรงใจ”
       อลิสายิ้มให้ ปกป้องยิ้มตอบอย่างมีความสุข

       วันต่อมา...อลิสานั่งคุยกับชนะชัยอยู่ในล็อบบี้โรงแรม
       “คือดาวเขาฝากน้ามาบอกว่า ตอนนี้เขาถือศีลงดเป็นเวลาสองสัปดาห์ ซึ่งหนึ่งในนั้นคือการงดพูด จะไม่พูดอะไรกับใครเลยซักคำ”
       “ผมไม่เคยได้ยิน บวชแบบไหนครับงดพูดกันตั้งครึ่งเดือน”
       “ที่นี่เขาเคร่งมากน่ะค่ะ เขาเรียกว่าบำเพ็ญเนกขัมมบารมีแบบพระเตมีย์ใบ้ไงคะ ใครจะพูดจะชวนคุยยังไงก็ไม่คุยด้วย”
       ชนะชัยมองอลิสา ท่าทางเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง
       “น้าอะซ่าครับ ผมขอถามน้าตรงๆนะครับ เรื่องนี้เกี่ยวกับเรื่องที่ผมชวนคุณนับดาวซื้อหุ้นบริษัท
       ผมหรือเปล่าครับ”
       “อุ๊ย ไม่เกี่ยวหรอกค่ะ ทำไมคิดอย่างนั้นล่ะคะ”
       “ฝากบอกคุณดาวด้วยนะครับ เรื่องหุ้นน่ะ ถ้าไม่อยากซื้อก็ไม่เป็นไร อย่าให้ความสัมพันธ์ของเราสองคนต้องมีปัญหาเพราะเรื่องแบบนี้เลย”
       “แล้วคุณแม่คุณไม่ว่าอะไรเหรอคะ”
       ชนะชัยเสียงแข็งขึ้นมาทันที
       “แม่ผมไม่เกี่ยว เป็นเรื่องของผมกับคุณดาว”
       “ค่ะ แล้วน้าจะบอกให้ค่ะ”
       อลิสาตอบรับ ทั้งๆที่ยังกังวลปัญหาของนบดาวเวลานี้

       ตะวันวาดนั่งกินข้าวอยู่ในโรงอาหารของโรงเรียน น้อยหน่าเดินเข้ามา ทั้งสองมองเห็นกัน พีทเดินไปหาน้อยหน่าจากอีกทาง ตะวันวาดก้มหน้ากินต่อ รู้ว่าน้อยหน่าคงเมินเขา แต่อดแอบดูไม่ได้ เห็นพีทชวนน้อยหน่าคุยแต่เธอบอกปัด เดินมาหาตะวันวาดนั่งร่วมโต๊ะด้วย
       “เมื่อคืนพี่ดาวเข้าโรงพยาบาล”
       ตะวันวาดตกใจ
       “หา...เขาเป็นอะไร”
       “หัวกระแทกพื้น ฟื้นขึ้นมาความจำเสื่อมเลย”
       ตะวันวาดอึ้ง น้อยหน่าทำหน้าเหมือนจะร้องไห้
       “ฝีมือฉันเองอ่ะ”
       ตะวันวาดหันขวับมาจ้องหน้า
       “เธอไปทำอะไรพี่เขา”
       น้อยหน่าร้องไห้
       “ฉันไม่ตั้งใจจริงๆนะตะวัน”
       “ใจเย็นๆ ค่อยๆเล่าให้เราฟังก่อน”
       พีทมองมา ไม่ได้ยินว่าน้อยหน่ากับตะวันวาดคุยอะไรกัน พีทมองอย่างไม่สบอารมณ์

       อลิสาเดินมาตามทางเดิน เคาะประตูห้องแล้วเปิดประตูเข้าไป เธอใจหายแว๊บในห้องไม่มีนับดาว ห้องว่างเปล่า
       “อย่าบอกนะว่า...”
       พยาบาลเดินเข้ามา
       “เอ่อ...คือว่า...”
       “ไม่จริง”
       “เราขอโทษด้วยคะ”
       อลิสาปล่อยโฮทันที
       “นับดาว...นับดาว...”
       อลิสาหมดแรงยืน นั่งลงร้องไห้สะอึกสะอื้น พยาบาลแปลกใจ
       “คุณๆ...เป็นอะไรไปคะ”
       “ไม่เป็นไรค่ะ...แล้วศพนับดาวหลานสาวฉันอยู่ที่ไหนคะ”
       พยาบาลอึ้ง
       “ศพเสิบอะไรคะ...คุณนับดาวออกไปพักฟื้นที่ไร่คุณปราบแล้วค่ะ เก็บของไปเมื่อเช้า”
       “อ้าว เหรอ”
อลิสาหัวเราะแหะๆแก้เก้อ

ปราบพานับดาวมานั่งที่มุมโปรดของเธอ

       “เมื่อก่อนคุณนับดาวชอบนั่งตรงนี้มาก บอกนั่งแล้วมีความสุข จำได้ไหมครับ”
       นับดาวมองไปข้างหน้าด้วยสายตาเหม่อลอย
       “มีอยู่คืนนึง คุณยังเคยมาทำผีหลอกผมตรงนี้ด้วย”
       นับดาวส่ายหน้าจำอะไรไม่ได้
       “ขอโทษนะคะ ฉันจำอะไรไม่ได้เลยค่ะ”
       “ไม่เป็นไรครับ วันนี้จำไม่ได้ก็ไม่เป็นไร ไม่ต้องเครียดนะครับ”
       ปราบยิ้มปลอบโยน นับดาวหันไปมองข้างหน้าด้วยสายตาเลื่อนลอยเหมือนเคย
       “เมื่อก่อน ฉันเป็นคนยังไงเหรอคะ ถึงได้พิเรนแกล้งทำผีหลอกคุณน่ะ ฉันเป็นคนนิสัยไม่ดีเหรอ”
       “ไม่หรอกครับคุณเป็นคนมีอารมณ์ขัน ถึงจะขี้โกงไปบ้าง แต่ก็ไม่ได้เลวร้ายอะไร”
       “ฉันเป็นคนขี้โกงเหรอ ฉันเป็นคนไม่ดีใช่มั้ย”
       “ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกครับ คุณเป็นคนขี้โกงแบบน่ารัก”
       นับดาวเงียบไป สายตายังคงเหม่อลอย มือของเธอแอบหยิกต้นขาตัวเองเต็มเหนี่ยวพยายามกลั้นหัวเราะ

       นับดาวนั่งตรงระเบียง มองวิวในไร่ด้วยสายตาเหม่อลอย ปราบพาอลิสาเข้ามา อลิสาถืออัลบั้มรูปมาด้วยหลายเล่ม
       “ผมกับหมอเห็นตรงกันว่าถ้าพามาอยู่ที่นี่น่าจะให้ผลดีกับการรักษามากกว่า”
       “น้าเห็นด้วยค่ะ ที่นี่วิวดี อากาศดี อยู่แล้วไม่เครียดเหมือนอยู่โรงพยาบาล”
       “อีกทางหนึ่งคือคุยกับเค้าเรื่องที่ผ่านมา ก็จะเป็นการช่วยกระตุ้นความทรงจำให้กลับมาได้เหมือนกัน”
       “ค่ะ น้าก็เลยกลับไปเอาอัลบั้มเก่าๆมาให้เค้าดู เผื่อจะช่วยเค้าได้”
       “ดีเลยครับ”
       ปราบกับอลิสามานั่งข้างๆนับดาว อลิสามองหลานสาวด้วยความสงสาร นับดาวหันมามองอลิสาแล้วยิ้มให้
       “หวัดดีจ้ะ นี่น้าอะซ่าของเธอไง จำน้าได้มั้ย”
       นับดาวทำคิดๆ
       “น้าอะซ่า”
       “ใช่จ้ะ จำน้าได้แล้วใช่มั้ย”
       นับดาวส่ายหน้า อลิสาหยิบอัลบั้มมาเปิดให้ดู เป็นรูปนับดาวตอนเป็นเด็กกับอลิสา ไปเที่ยวที่ไหนกันซักที่ นับดาวสวมหมวกด้วย
       “นี่เธอไงนับดาว แล้วนี่ก็น้า”
       ปราบมองรูปแล้วถาม
       “ทำไมคุณดาวทำหน้าแหยๆยังงั้นล่ะครับ”
       “เขาไม่ชอบใส่หมวกน่ะค่ะ แต่ตอนนั้นต้องใส่เพราะเพิ่งไปรักษาเหามา”
       “คุณนับดาวเป็นเหาเหรอครับ หึๆ”
       อลิสาพลิกรูปไปเรื่อยๆ เจอรูปตอนเป็นนักศึกษา อ้วนมากเป็นสิวด้วย
       “ทำไมรูปนี้อ้วนจังครับ สิวก็เยอะ”
       “อ๋อ ตอนก่อนเอ็นท์เขาเครียด กินเยอะมาก กินจนอ้วนปี๋เลย สิวระเบิดเต็มหน้า มาหายตอน
       ขึ้นปี 2 น่ะค่ะ”
       ปราบยิ้มขำๆ ขณะที่นับดาวดูรูปเหล่านั้นด้วยสายตาเหม่อลอย อลิสาพลิกไปเรื่อยๆ เจอรูปนับดาวในชุดบิกินี่ถ่ายที่สระว่ายน้ำ อลิสาเอาให้ปราบดูใกล้ๆ
       “รูปนี่ถ่ายตอนถ่ายปกนิตยสารค่ะ เป็นเล่มแรกที่ดาวเขาได้ขึ้นปกเลย เห็นมั้ยคะ หุ่นดีมากเลย อกเป็นอก เอวเป็นเอว ดูสิคะ ของจริงทั้งนั้นนะคะ ไม่ต้องให้ใครมารีทัชทีหลังเลย”
       ปราบหัวเราะแหะๆ แต่ดูแช่ไม่พลิกเปลี่ยนหน้าเลย นับดาวหน้าแดงวูบหนึ่ง แต่ยังคงมองไปข้างนอกด้วยสายตาเหม่อลอย

       ดึกคืนนั้น อลิสานอนหลับอยู่ข้างๆ นับดาวลืมตาขึ้นดูนาฬิกา ตีสองกว่า เธอเงี่ยหูฟังรอบข้างเงียบสนิท หญิงสาวลองตบแก้มอลิสาเบาๆ
       “อย่านะตาบ้า...บอกว่าอย่า”
       อลิสาตอนแรกดุ แต่แล้วก็ออกอาการเขินๆ นับดาวเซ็งๆ เปลี่ยนมาทุบแขน อลิสาลืมตาตื่นทันที นับดาวรีบเอานิ้วจุ๊ปากไม่ให้เสียงดัง
       “จุ๊ๆ”
       อลิสางงๆ แต่นับดาวปิดปากอลิสาไว้
       “เงียบๆนะคะน้าอะซ่า อย่าเสียงดัง”
       อลิสาพยักหน้า นับดาวปล่อยมือ
       “เธอหายแล้วเหรอ”
       “ดาวไม่ได้เป็นอะไรตั้งแต่แรกแล้วค่ะ”
       “อ้าว นี่เธอแกล้งความจำเสื่อมเหรอ ว่างมากเหรอไงยัยดาว ฉันเป็นห่วงเธอแทบตาย นอนไม่
       หลับมาสองคืนแล้ว ตระเวนไหว้พระไปทั่ว นึกว่าสนุกเหรอ”
       อลิสาเริ่มใส่อารมณ์ เสียงดังขึ้นทุกที นับดาวต้องรีบปิดปาก
       “จุ๊ๆๆ...ช่วยไม่ได้นี่คะ ก็มันน่าปวดหัวจะตาย ดาวยังเคลียร์ทางนี้ไม่เสร็จ น้าอะซ่าก็มากดดันให้
       กลับกรุงเทพ แถมยัยน้อยหน่าก็ดันเกลียดดาวอีก หาว่าดาวจะไปแย่งพ่อเขา เด็กตะวันวาดนั่นก็ทำท่าจะมาชอบดาวอีก แถมนายปราบ...”
       “นายปราบทำไม”
       “ไม่มีอะไรหรอกค่ะ...เอาเป็นว่าแค่นี้ก็ปวดหัวพอแล้ว ดาวเลยแกล้งความจำเสื่อมมันซะเลย สบายใจดี”
       “แล้วทำไมเพิ่งมาบอกเอาป่านนี้”
       “ดาวก็ห่วงน้าอะซ่าเหมือนกันนี่ กลัวน้าอะซ่าเครียด”
       “เชอะ”
       “งั้นทีนี้ น้าอะซ่าก็ไม่ต้องลำบากเอาอัลบั้มเก่าๆมาให้ดาวดูก็ได้นะคะ มันเหนื่อยเปล่าๆ”
       “รู้แล้ว ใครจะบ้าไปขนมาอีกล่ะ”
       นับดาวเผลอโล่งอก อลิสาเห็นแล้วเข้าใจทันที
       “อ๋อ ที่แท้ก็กลัวฉันจะเอารูปทุเรศๆของเธอมาให้นายปราบดูอีกใช่มั้ย”
       “เปล่า ดาวเป็นห่วงน่าอะซ่าจริงๆค่ะ”
       อลิสามองหน้า นับดาวพยักหน้าแข็งขัน อลิสายิ้ม ลูบศีรษะนับดาว
       “ขอบใจนะที่เป็นห่วงน้า”
       อลิสาแอบมองนับดาวแบบรู้ทัน

       วันใหม่...อลิสาเปิดอัลบั้มรูปนับดาวให้นับดาวกับปราบดู
       “นี่ อันนี้เป็นรูปตอน 2 ขวบ ยังแก้ผ้าอาบน้ำอยู่เลย...อันนี้เป็นรูปตอนเธอเล่นอึตัวเอง จำได้ไหม
       จ๊ะดาว...อันนี้โตขึ้นอีกหน่อย ตอนเป็นอีสุกอีใส...นี่ๆๆ ตอนเล่นละครโรงเรียน เป็นฮิปโปโป...”
       นับดาวได้แต่ทำตาเหม่อลอย แอบมองจิกอลิสาแว่บหนึ่ง แล้วเหม่อลอยต่อ อลิสาแอบยิ้มที่แกล้งนับดาวได้ ระหว่างที่อลิสาเปิดผ่านๆไปเรื่อยๆ ปราบตาไวเหลือบไปเห็นรูปหนึ่งเข้า
       “ผมชอบรูปนี้”
       ปราบจับหน้าอัลบั้มหน้าหนึ่ง เป็นรูปนับดาวตอนเด็กโดนขี้ไก่เขียนหน้า แล้วล้างไม่ออก
       “อ๋อ รู้สึกเขาโดนเด็กที่ไหนแกล้งไม่รู้ เอาขี้ไก่ผสมกาวยางมาเขียนหน้าเขา ล้างยังไงก็ไม่ออก”
       ปราบหัวเราะก๊าก
       “ท่าทางจะติดไปหลายวันเลยนะครับ ฮ่าๆๆ”
       นับดาวหันขวับมา
       “ตลกมากหรือไง”
       ปราบกับอลิสาชะงัก นับดาวรู้ตัว ทำตาเหม่อลอยต่อ อลิสาแกล้งถาม
       “นับดาว รู้ตัวแล้วเหรอ”
       นับดาวเหม่อลอยอีกครั้ง ปราบมองๆ
       “เมื่อกี้เขาคงรู้ตัวขึ้นมาแว่บหนึ่ง...อาจเป็นเพราะว่ารูปนี้มันเชื่อมโยงกับไร่ที่เขาอยู่ตอนนี้”
       อลิสาแปลกใจ
       “ยังไงเหรอคะ”
       “เขาโดนเอาขี้ไก่เขียนหน้าที่ไร่นี้แหละครับ”
       “เหรอคะ”
       “งั้นเดี๋ยวผมจะลองไปรื้อรูปเก่าๆของที่ไร่นี้ดู เผื่อจะมีรูปของเขา อาจจะช่วยกระตุ้นความทรงจำ
       เขาขึ้นมาได้”
       “ค่ะ”
นับดาวยังนั่งเหม่อลอย

หนุ่มบ้านไร่กับหวานใจไฮโซ ตอนที่ 7 (ต่อ)

ในห้องเก็บของที่ใหญ่และรกมาก... ปราบลำบากยกกล่องยกลังมุดออกมาเหงื่อโทรมตัว หน้าดำเปื้อน แพ้ฝุ่นไอแค่กๆ แต่ยังรื้อต่อจนเจอกล่องเก่าๆใบหนึ่ง ปราบหยิบออกมา เป่าฝุ่นออก เปิดฝา เจอหนังสืออะไรก็ไม่รู้ ปราบถอนใจ หันไปมอง ยังมีกล่องแบบเดียวกันอีกหลายใบที่เขาจะต้องค้น...

       ทางด้านนับดาวกับอลิสา นั่งคุยกันสองคนในมุมลับตา
       “เมื่อกี้น้าอะซ่าแกล้งดาวทำไมคะ เกือบหลุดแน่ะ”
       “แหม ขำๆน่ะ”
       “ดีนะ นายปราบยังไม่รู้ตัว”
       “พูดก็พูดเถอะ จะเอาไงต่อ จะความจำเสื่อมยังงี้ไปเรื่อยๆเหรอ สักวันเขารู้แน่ว่าเธอหลอกเขา”
       “เมื่อเช้าดาวคิดออกแล้ว ดาวจะแกล้งทำเป็นอาการหนักมากขึ้น แล้วน้าบอกจะต้องพาดาวไปรักษาตัวเมืองนอก ต้องใช้เงินเยอะมาก เขาต้องรับผิดชอบ เพราะลูกสาวเขาเป็นต้นเหตุ บีบให้นายปราบเซ็นขายที่ซะ”
       อลิสานึกตาม
       “เยี่ยมเลยดาว...งั้นเดี๋ยวเย็นนี้น้ากลับกรุงเทพก่อน ไปเตรียมการเรื่องนี้”
       “เอาให้เนียนๆเลยนะคะ จะได้ปิดจ๊อบได้ซะที”
       “ของน้าน่ะไม่ยากหรอก เธอนั่นแหละอยู่คนเดียว อย่าให้รั่วก่อนละกัน”
       นับดาวพยักหน้าอย่างมั่นใจ

       นับดาวนั่งอยู่ริมหน้าต่าง เหม่อมองวิว ใกล้ๆกันตะวันวาดกับน้อยหน่าที่ช่วยกันพับนกกระเรียนกระดาษ น้อยหน่าพับไปร้องไห้ไป
       “มันจะช่วยได้จริงๆเหรอ”
       “ก็เขาว่ากันว่าถ้าพับครบพันตัว มันก็ช่วยได้...เราไม่ใช่หมอ ทางวิทยาศาสตร์เราช่วยอะไรเขา
       ไม่ได้ ก็ช่วยเขาด้วยแรงอธิษฐานละกัน”
       “พับทั้งวันยังได้ไม่ถึงร้อยตัวเลย”
       ตะวันวาดหยุดพับ ดูนกกระเรียนของน้อยหน่า นอกจากช้าแล้วยังพับไม่สวยด้วย
       “นั่นเธอพับนกกระเรียนเหรอ นึกว่านกถึดทือ หน้าตาน่าเกลียดชะมัด”
       น้อยหน่าหัวเราะทั้งน้ำตา
       “ก็ฉันพับไม่เก่งนี่หว่า”
       “ถ้ามันไม่ดูเป็นนกกระเรียน สิ่งศักดิ์สิทธิ์เขาอาจจะไม่นับก็ได้นะ”
       “เอ้า พับใหม่ก็ได้วะ”
       น้อยหน่าเอามือหยิบนกกระเรียนไม่สวยมา จะทิ้ง ตะวันวาดร้องห้าม
       “เฮ้ย ล้อเล่น เขานับหมดแหละ”
       “ไม่เป็นไร ฉันพับใหม่ก็ได้ ฉันอยากให้เขาหายจริงๆ”
       น้อยหน่าเอานกไม่สวยลงถังขยะ
       “คราวนี้จะพับให้เนี้ยบทุกตัวเลย”
       น้อยหน่าตั้งใจพับใหม่ นับดาวแอบชำเลืองดูทั้งสอง รู้สึกผิดอยู่เหมือนกัน พอน้อยหน่ามองมา นับดาวรีบแกล้งเหม่อต่อไป
       “ขอบใจนะตะวันวาด...ความผิดฉันเองแท้ๆ แต่เธอยังมาช่วยฉันพับนกกระเรียนอีก”
       “ไม่เป็นไร”
       ทั้งสองมองตากัน ยิ้มให้กัน แล้วพับนกต่อ
       “นี่ เธอทำผิดแล้ว มิน่า...ต้องทำอย่างงี้”
       ตะวันวาดยื่นมือมาสอนน้อยหน่า มือมาโดนกัน ทั้งสองออกอาการเขิน

       วันต่อมา...นับดาวนั่งเล่นโซโดกุอยู่คนเดียวในห้อง
       “เฮ้อ เซ็งชะมัด ได้แต่นั่งเหม่อไปวันๆแบบนี้ อีกไม่กี่วันความจำเสื่อมของจริงแน่ฉัน”
       ขณะเดียวกันนั้น มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น นับดาวรีบโยนโซโดกุทิ้ง ทำสายตาเหม่อลอย เดินมาเปิดประตู เจอปราบที่เนื้อตัวมอมแมม
       “หมอบอกว่าคุณยังมีทักษะในการใช้ชีวิตอยู่ คุณยังอ่านหนังสือออกใช่ไหม”
       นับดาวพยักหน้า ปราบยื่นหนังสือเล่มหนึ่ง หนาเอาเรื่อง
       “ไดอารี่ของพ่อคุณ”
       นับดาวรับมามอง ท่าทางประหลาดใจจริงๆ แต่ปราบเหนื่อยมาก ไม่ทันได้สังเกต
       “ตอนแรกว่าจะอ่านให้ฟัง แต่มันดึกแล้ว แล้วผมก็เหนื่อยมาก คุณอ่านเองก็แล้วกัน”
       ปราบปิดประตู นับดาวสลัดอาการความจำเสื่อมทิ้ง เดินมานั่งที่เตียงเปิดดูไดอารี่ของพ่อ
       “ไดอารี่ของพ่อเหรอ”

       นับดาวนึกถึงในอดีตเมื่อครั้งที่เธอยังเป็นเด็ก เธออยู่กับอยู่กับนฤทธิ์และอัญชัญผู้เป็นตากับยายของเธอ
       “นับดาว หนูจำไว้นะ พ่อหนูน่ะเป็นคนไม่ได้เรื่อง เขาทำให้แม่หนูตายเพราะฉะนั้นหนูอย่าไปรักเขาอย่าไปคิดถึงเขา”
       อัญชัญหันมาบอกหลาน
       “หนูอยู่กับตากับยายน่ะดีแล้ว ไปอยู่กับพ่อหนู หนูจะโง่ โตขึ้นมาไม่มีความรู้ เป็นได้แค่ชาวไร่จนๆ แต่ถ้าอยู่กับตายาย อนาคตหนูจะได้เป็นคนสำคัญ ไปไหนมาไหนมีแต่คนยกย่อง รู้มั้ย”
       นับดาวมองหน้านฤทธิ์กับอัญชัญ สองตายายยิ้มให้หลาน

       นับดาวทำใจอยู่ครู่หนึ่ง ค่อยเปิดไดอารี่ออก
       ในอดีต...อัญชลีวัยสาวในชุดนักศึกษา เดินผ่านไป นิ่งเป็น นักศึกษาดูปอนๆจับกลุ่มกับเพื่อนกินน้ำกินขนมกันอยู่ นิ่งมองตามไป
       “โอ้โฮ สวยวะ ใครวะ”
       เพื่อนคนหนึ่งมองตามแล้วบอกนิ่ง
       “เขาชื่ออัญชลี แต่แกอย่าฝัน เขาเป็นดาวบนฟ้า แกน่ะหมาวัด”
       นิ่งถอนหายใจ ก้มหน้า แต่แล้วก็ได้ยินเสียงร้องกรี๊ด นิ่งหันไป เจออัญชลีร้องกรี๊ดเมื่อมีงูตัวหนึ่งตกลงมาจากต้นไม้หล่นใส่เธอ คนอื่นรอบข้างไม่กล้าช่วย นิ่งวิ่งไปหาทันที กระชากงูออกมา อัญชลีโล่งอก มองงูในมือมิ่งเป็นงูเขียว
       “ขอบคุณค่ะ...แค่งูเขียวใช่มั้ยคะ”
       “ครับ...แต่เขียวหางไหม้ อันตรายน้องๆงูเห่า”
       “ว้าย”
       อัญชลีตกใจร้องอีกที เมื่อเห็นงูกัดเขา นิ่งก้มมอง ถึงรู้ตัวว่าโดนงูกัดเขากระชากงูออก โยนลงพื้น
       “แล้วคุณโดนมันกัดรึเปล่าครับ”
       อัญชลีดูตัวเอง
       “ไม่เป็นไรค่ะ ว่าแต่คุณเถอะ...”
       “ผมชื่อนิ่งครับ ยินดีที่รู้จักครับ”
       “ค่ะ แล้วคุณไม่เป็นไรเหรอเนี่ย”
       “สบายครับ แค่นี้เอง...”
       นิ่งงงงวย แล้วก็เซล้มตึง

       นิ่งนอนซีดอยู่บนเตียงของโรงพยาบาล เขาอ่านหนังสือบันเทิงอยู่ ขณะเดียวกันนั้น มีเสียงเคาะประตู ดังขึ้น แล้วอัญชลีก็เดินถือกระเช้าเยี่ยมเข้ามา นิ่งเห็นหน้าอัญชลีก็ดูตื่นเต้นขึ้นมาทันที
       “สวัสดีครับคุณอัญชลี”
       “สวัสดีค่ะคุณนิ่ง เรียกฉันว่าเดือนก็ได้ค่ะ ดีใจจริงๆที่คุณไม่เป็นอะไรมาก หมอบอกว่าคุณช่วยชีวิตฉันไว้เลย เพราะฉันสุขภาพไม่ค่อยดี ถ้าโดนกัดล่ะก็ คงจะไม่รอด”
       “งั้นผมยิ่งดีใจที่เป็นคนถูกงูกัดซะเอง”
       อัญชลียิ้มอายๆ
       “ฉันก็ชอบอ่านนิตยสารเล่มนี้ แสดงว่าชอบดูหนังใช่ไหมคะ”
       “ไม่หรอกครับ เล่มนี้เพื่อนมันเอามาทิ้งไว้ให้”
       อัญชลีเงียบไป นิ่งก็เงียบไป สักครู่เขาก็รวบรวมความกล้า
       “เอ่อ...คุณเดือนครับ...ถ้า...ผมหายดีแล้ว เรา...ไป...ไป...”
       “อะไรคะ”
       “เราไปดูหนังกันนะครับ”
       อัญชลียิ้มเขิน

       นับดาวหาวหวอดๆนั่งอ่านไดอารี่ของพ่อ เปิดถึงหน้าที่มีรูปถ่ายเก่าๆ เป็นรูปทั้งสองในชุดนักศึกษายืนจับมือถ่ายรูปด้วยกัน
       “ยี้ น้ำเน่าอะไรอย่างนี้”
       นับดาวหาวอีก วางไดอารี่ลงแล้วล้มตัวลงนอน จะหลับมิหลับมิหลับแหล่ แต่ยังพึมพำกึ่งละเมอออกมา
       “เป็นความรักที่สวยงามจริงๆ...พ่อขา แม่ขา...”

       วันใหม่...นับดาวอยู่คนเดียวในบ้าน อ่านไดอารี่ต่อ
       “หลังจากที่เราเป็นแฟนกันมานานกว่า 4 ปี ในที่สุดก็ถึงวันนี้ วันที่ผมต้องใช้ความกล้าที่สุดในชีวิต ผมแทบจำรายละเอียดอะไรไม่ได้เลยแม้เหตุการณ์จะเพิ่งผ่านไปเมื่อเช้านี้เอง ผมขอเดือนแต่งงาน ผมรู้สึกว่าหลังจากพูดไปแล้ว สิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อไปมีเพียงสองอย่างเท่านั้น หนึ่งคือเธอปฏิเสธโลกของผมคงทลายลงไปต่อหน้า กับอีกอย่างคือเธอตกลง ถึงตอนนั้นผมคงเป็นผู้ชายที่มีความสุขที่สุดในโลก...”
       นับดาวซับน้ำตา พลิกหน้าต่อไป มีรูปถ่ายในงานมงคลสมรสของนายนิ่งกับอัญชลี นับดาวยิ้ม

       วันต่อมา...นับดาว เปิดไดอารี่หน้าที่มีรูปคู่ของนิ่งกับอัญชลีถ่ายคู่กัน ข้างหลังเป็นไร่แห่งหนึ่ง มีป้ายเขียนข้างหลังว่า ไร่แห่งความฝัน หญิงสาวลดไดอารี่ในมือลง ข้างหน้าเธอตอนนี้ เป็นสถานที่เดียวกับที่นายนิ่งกับอัญชลีถ่ายรูปกันไว้ แต่สภาพปัจจุบันค่อนข้างรก
       “เมื่อก่อนนี่คงเป็นไร่ของพ่อ พอพ่อตาย รวมพื้นที่กัน ก็เลยกลายเป็นอย่างนี้สินะ”
       นับดาวนั่งลงเปิดไดอารี่อ่าน

       นิ่งเดินมากับอัญชลี ทั้งสองอยู่ในชุดชาวไร่ นิ่งแบกจอบมาด้วยอันหนึ่ง
       “คุณเดือนครับ จนถึงวันนี้ผมยังไม่อยากเชื่อเลยว่าคุณเดือน สาวสวยที่มีชาติตระกูลสูงอย่าง
       คุณจะยอมมาลำบากกับผมที่ไร่แห่งนี้”
       “คุณพูดแบบนี้หยามน้ำใจฉันนะคะ อย่าลืมสิคะว่าเราเป็นผัวเมียกัน เรามีชีวิตร่วมกันแล้วนะคะ คุณอยู่ที่ไหน ฉันจะอยู่กับคุณที่นั่น”
       “แต่...ผมไม่มีหลักประกันอะไรจะให้คุณเลย ว่าผมจะประสบความสำเร็จ”
       “คุณนิ่ง โลกนี้ไม่เคยมีหลักประกันสำหรับความสำเร็จหรอกค่ะ สิ่งที่เราเชื่อมั่นได้มากที่สุดก็คือความเพียรพยายามของเราเอง”
       นิ่งจับมืออัญชลีจุมพิต
       “ถ้าอย่างนั้น ผมคงไม่ต้องอธิบายอะไรมาก สำหรับของขวัญชิ้นนี้ที่ผมจะมอบให้คุณ”
       นิ่งเดินมาที่ป้ายอะไรสักอย่าง ที่มีผ้ากระสอบคลุมอยู่ เขาเปิดผ้ากระสอบออก เห็นป้ายไม้ เขียนว่า ไร่แห่งความฝัน อัญชลีตะลึง
       “ไร่แห่งความฝัน...เป็นชื่อที่เพราะมากค่ะ”
       “เพราะตอนนี้ผมไม่มีอะไรเลย มีแค่ความฝันเท่านั้น”
       “ไม่สำคัญหรอกค่ะฉันชอบชื่อนี้มาก แต่ว่า ที่คุณบอกจะให้เป็นของขวัญสำหรับ
       ฉัน...”
       “ผมตั้งใจจะใช้ชื่อคุณเป็นเจ้าของไร่นี้”
       “ค่ะ...แต่ที่ฉันจะบอกคือ...มันคงไม่ใช่ของขวัญสำหรับฉันคนเดียวหรอกค่ะ”
       “คุณเดือนหมายความว่าไงครับ”
       “มันเป็นของขวัญสำหรับฉัน...และเจ้าตัวน้อยนี่”
       อัญชลีก้มมองท้องตัวเอง นิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะเข้าใจความหมาย
       “คุณเดือน...ผมจะมีลูกแล้วเหรอ”
       อัญชลียิ้มให้
       “ค่ะ”
       นิ่งดีใจมากตะโกนลั่นทุ่ง
       “ไชโยๆๆ”
       นิ่งหยิบกล้องออกมา ตั้งเวลา แล้ววิ่งมาหาอัญชลี
       “คุณเดือนครับ วันนี้เป็นวันที่ผมมีความสุขที่สุดในโลกเลยครับ ผมมีไร่ในฝัน มีเมียที่รัก และกำลังจะมีลูกด้วย”
นิ่งประคองอัญชลีอย่างมีความสุข

นับดาววางไดอารี่ลง เดินมาที่ที่รกๆ รื้อพวกวัชพืชเถาวัลย์ออก เห็นป้ายไร่แห่งความฝันที่เก่าโทรมตามกาลเวลา นับดาวจับป้ายแล้ว ร้องไห้


       เย็นนั้น...นับดาวเดินกลับมาที่บริเวณบ้าน เจอปราบกับลุงเย็นลงจากรถเอทีวีเดินคุยกันมา นับดาวรีบทำเป็นเหม่อ
       “ตอนนี้ผมก็พยายามซ่อมโรงเลี้ยงไก่ให้มิดชิด ป้องกันทุกทางที่จะทำได้ แต่เขาบอกปีนี้ได้รอบ
       ของมัน หวัดนกจะระบาดหนักมาก”
       “ลองผสมมะระกับขิงลงในอาหารไก่ดู ลุงว่ามันช่วยได้”
       “ผมจะลองดูครับ ขอบคุณมากครับ”
       ลุงเย็นหันมาเห็นนับดาวที่ยืนเหม่ออยู่
       “สวัสดีครับคุณนับดาว”
       “สวัสดีค่ะ”
       “จำผมได้ไหมครับ”
       นับดาวส่ายหน้า
       “เมื่อสามสิบปีก่อน พ่อคุณก็ทำภรรยาผมประสบอุบัติเหตุจนต๊องมาจนถึงทุกวันนี้” ลุงเย็นมองหน้านับดาว “ผมคิดว่าคงไม่ใช่เรื่องบังเอิญหรอกครับ ที่คุณมาเป็นแบบเดียวกับภรรยาผม หรือคุณว่าไง”
       “เรื่องของตัวเองฉันยังจำไม่ได้ แล้วคุณลุงจะมาถามเรื่องของพ่อฉันเนี่ยนะ...สงสัยไม่ใช่ภรรยาลุงเท่านั้นหรอกค่ะที่ต๊อง”
       “ถึงจะความจำเสื่อม แต่ปากยังกล้าเหมือนเดิมนะ”
       “คุณหมอบอกว่าฉันสูญเสียเฉพาะความทรงจำ แต่สมองส่วนที่ใช้วิเคราะห์ว่าจะพูดอะไรกับใครยังใช้งานได้ดีเหมือนเดิม”
       “จำได้หรือไม่ได้ก็ช่างเถอะ ผมเคยบอกแล้วว่าจะตอบแทนสิ่งที่พ่อคุณทำไว้กับผมให้ได้”
       ลุงเย็นมองหน้านับดาว แล้วเดินกลับไป ทันใดนั้นปราบก็โผล่มาเรียกไว้
       “เดี๋ยวครับ”
       ลุงเย็นหันกลับมา ปราบเดินเข้ามาข้างหน้านับดาว เหมือนจะปกป้อง
       “ผมขอเตือนว่า ณ.วันนี้ ที่นี่คือไร่ปรีดาของผม ผมมีหน้าที่ปกป้องดูแลทุกคนในไร่นี้”
       “ลุงรู้ แต่ลุงต้องทำสิ่งที่ต้องทำ”
       “ผมก็เหมือนกันครับ”
       ลุงเย็นกับปราบจ้องหน้ากัน ลุงเย็นเดินจากไป นับดาวแปลกใจ
       “พ่อฉันทำอะไรให้เขาเหรอ”
       ปราบส่ายหน้า
       “ผมก็ไม่รู้ละเอียดนักหรอกหรอกครับ”

       ในห้องตรวจ...หมอเอาไฟฉายส่องตานับดาว โดยมีปราบนั่งอยู่ในห้องด้วย สักครู่พยาบาลก็เข้ามายื่นแฟ้มให้หมอ
       “ผลตรวจค่ะ”
       หมอรับแฟ้มมาเปิดดู อย่างหนักใจมาก
       “อาการเขาไม่ดีขึ้นเลยเหรอครับ”
       “อย่างที่บอกน่ะครับ มีนิดนึงตอนดูรูปสมัยเด็ก แต่ก็แค่นั้น แล้วก็ไม่มีท่าทีอะไรอีกเลย”
       “ผมไม่ได้นอนมาสองคืนแล้ว พยายามทุกทางที่จะสาเหตุให้ได้ แต่เท่าที่ดูผลตรวจที่ออกมาเนี่ย
       ทุกอย่างปกติหมด ไม่เจออะไรเลยซักอย่าง ผมยอมรับว่ามึนมากไม่รู้จะไปทางไหน นอกเสียจากว่า...”
       หมอส่ายหน้า ปราบสงสัย
       “อะไรเหรอครับ”
       “คือถ้าเรื่องนี้เกิดขึ้นกับคนอื่น ผมคงเดาว่าตอนรักษา เขาขาดอ๊อกซิเจน ทำให้สมองเสียหาย ซึ่งอาจจะเกิดจากความผิดพลาดตอนรักษา แต่ผมเป็นคนรักษาเขาเองกับมือ ไม่มีเรื่องแบบนั้นแน่...เอ แล้วมันเพราะอะไรนะ”
       หมอมองนับดาวด้วยความสงสัยและจับพิรุธ นับดาวมองหมอด้วยสายตาเหม่อลอย
       “ผมจะสั่งยาบำรุงให้ก่อนละกัน ให้เขาพักผ่อนมากๆ อย่าให้เครียด”
       พยาบาลแอบมองหมอด้วยสายตาไม่เป็นมิตร

       ค่ำนั้น ปราบพานับดาวกลับเข้ามาในบ้าน เจอนกกระเรียนกระดาษห้อยเป็นโมบายล์เต็มไปทั้งห้อง น้อยหน่ากับตะวันวาดยืนรออยู่ ปราบอึ้งงง
       “อะไรเนี่ย”
       “นกกระเรียนพันตัวค่ะ”
       “ขอให้พี่นับดาวหายเร็วๆนะครับ”
       นับดาวสะอึกเกือบจะร้องไห้ รีบเก็บอาการ ทำตาเหม่อลอย ป้ายวงเดินเข้ามาถาม
       “กินข้าวก่อนเถอะค่ะ วันนี้ป้าทำขนมพิเศษให้ด้วยนะคะ”
       “อะไรเหรอครับ”
       “แปะก้วยนมสดค่ะ พอดีมีซินแสที่ตลาดเขาบอกกินแปะก้วยแล้วช่วยเรื่องความจำป้าก็เลย
       ทำให้คุณดาวกินลองกินดูนะคะ กินเยอะๆเลยนะคะ”
       นับดาวมองป้ายวงด้วยสายตาเหม่อลอย
       “ขอบคุณค่ะ...ดาวขอเข้าห้องน้ำก่อนนะคะ”
       นับดาวเดินไปที่ห้องน้ำ...เธอเข้ามาในห้องน้ำ ปิดประตู เปิดน้ำก๊อกไหลดังซู่ แล้วปิดปากร้องไห้
       “ขอโทษนะ...ฉันขอโทษ...”

       นับดาวสวมชุดนอน อยู่ในห้อง คุยมือถือกับอลิสา
       “น้าอะซ่าเป็นไงบ้าง เมื่อไหร่จะเล่นตามแผนคะ...วันมะรืนเลยเหรอ...ไม่เอา พรุ่งนี้เถอะค่ะ มาพรุ่งนี้เลยค่ะ ดาวทนไม่ไหวแล้ว...ดาวไม่รู้จะอธิบายยังไง น้ามาพรุ่งนี้เถอะนะคะ...ขอบคุณค่ะ”
       นับดาววางสายนั่งถอนใจ ทำใจอยู่ครู่หนึ่งหยิบไดอารี่มาดู
       “พ่อก็อย่าโกรธดาวนะคะ ไร่ของพ่อ เก็บไว้ก็เท่านั้น ให้ดาวขายเถอะนะคะ”
       นับดาววางไดอารี่ลง ปิดไฟ ล้มตัวจะนอน แต่นอนไปสักพักก็เปลี่ยนใจ ลุกขึ้นมา เปิดไฟ หยิบไดอารี่ขึ้นมาอ่านต่อ
       “อีตาลุงเย็นนั่น มันจะอะไรกับฉันนักหนานะ”
       นับดาวเปิดไดอารี่ออกอ่าน

       ในอดีต...นิ่งกำลังคุมคนงานหักร้างถางพง ก่อสร้างคอกวัวอยู่ ตัวเขาเองก็ถือจอบขุดดินกับคนงานด้วย รถกะบะคันหนึ่งวิ่งมาจอด อัญชลีลงจากรถสวมหมวกผ้ากันแดดมีระบายลูกไม้ เดินท้องโย้ถือปิ่นโตมาหา ข้างหลังอัญชลีมีผู้ชายตามมาด้วยอีกคน นิ่งเห็นอัญชลีก็รีบเดินไปหา
       “มาทำไมเดือน ตรงนี้แดดร้อนออก อันตรายด้วย”
       “เอาข้าวเที่ยงมาให้คุณค่ะ แล้วพอดีมีคนมาหาคุณด้วยน่ะค่ะ”
       นิ่ง มองเลยไป ผู้ชายคนที่มายกมือไหว้ นิ่งรีบรับไหว้
       “สวัสดีครับพี่”
       “สวัสดีครับ...ผมชื่อเย็นครับ”

       นับดาวอ่านต่อ
       “ผมเคยได้ยินชื่อของเขามาก่อน ใครๆแถวนี้เรียกเขาว่าพี่เย็น ผมแปลกใจว่าเขามีธุระ
       อะไรกับผม เลยถามเขาไปตรงๆ เขาก็ตอบกลับมาตรงๆเช่นกันว่า...”
       นับดาวพลิกหน้าต่อไป ปรากฏว่าหมดเล่มแล้ว นับดาวพลิกดูปกหลังปกหน้า
       “เฮ้ย ทำไมจบดื้อๆแบบนี้ล่ะ”
       นับดาวขัดใจจวนเจียนจะรู้เรื่องอยู่แล้วเชียว

       วันใหม่...ปราบเปิดประตูห้องเก็บของออก นับดาวยืนอยู่ข้างๆ
       “หลังจากที่ลุงนิ่งเสีย พ่อผมก็ขนข้าวของของพ่อคุณมาเก็บไว้ในนี้ วันก่อนผมรื้ออยู่ทั้งวัน เจอ
       แค่ไดอารี่เล่มเดียว ไม่มีเล่มสองหรอกครับ”
       “ของในนี้เป็นของพ่อฉันหมดเลยเหรอ”
       “ครับ”
       นับดาวเดินเข้าไป ปราบมองตามไปครู่หนึ่งแล้วเดินออกไป นับดาวหยุดมองไปรอบๆ เจอเสื้อผ้า ข้าวของของพ่อ หญิงสาวเดินลึกเข้าไปเรื่อย เจอจอบวางอยู่ เธอหยิบจอบอันนั้นขึ้นมาดู แล้วก็มองไปเห็นหมวกผ้ามีระบายลูกไม้แต่เก่าคร่ำคร่าวางอยู่ใกล้ นับดาวหยิบหมวกผ้าขึ้นมากอดไว้กับอก

       ปราบเดินออกมาหน้าบ้าน เจออลิสาขับรถเข้ามาจอดพอดี
       “สวัสดีครับน้าอลิสา”
       “นับดาวเป็นไงบ้างคะ”
       “อยู่ในห้องเก็บของครับ กำลังดูข้าวของของพ่อเขาอยู่”
       อลิสาพยักหน้าเข้าใจ
       “คุณปราบคะ เมื่อวานน้าได้ได้คุยกับอาจารย์หมอท่านหนึ่ง น้าเล่าอาการของดาวให้ท่านฟัง ท่านบอกว่าเป็นเคสที่ยากมาก ท่านเคยเจอเคสแบบดาวมาแล้ว รักษาไม่ได้”
       “ก็ไม่เป็นไรนี่ครับ หมอเก่งๆในเมืองไทยมีตั้งหลายคน”
       “แต่คนที่น้าไปพบนี่เก่งที่สุดเลยนะคะ ท่านก็เลยแนะนำว่ามีโปรเฟสเซอร์ท่านหนึ่งอยู่ที่เยอรมัน เชี่ยวชาญเรื่องอาการทางสมอง เรียกได้ว่าเก่งที่สุดในโลก เคสที่บอกท่านรักษาไม่ได้ พอส่งไป
       ให้หมอเยอรมันคนนี้ก็รักษาได้”
       ปราบยิ้ม
       “งั้นก็ดีสิครับ”
       “ค่ะ แต่ว่า มันมีปัญหาอยู่นิดหนึ่ง...เรื่องนี้น้าคงต้องพูดกับคุณปราบตรงๆ ไม่ปิดบังอะไร น้ามี
       ปัญหาเรื่องค่าใช้จ่ายค่ะ”
       “น้าบอกตัวเลขได้มั้ยครับ”
       “เขาบอกประมาณสี่แสนยูโร...ประมาณยี่สิบล้านบาท”
       ปราบอึ้งไป
       “บอกตรงๆว่าต่อให้น้าขายบ้านขายทุกอย่างที่น้ามีก็ไม่พอ”
       “แล้วบ้านในกรุงเทพหลังนั้น...”
       “เราเอาไปจำนองมานานแล้วค่ะ เรื่องนี้ดาวเองก็ไม่รู้ น้าไม่เคยบอกเขา อยากให้เขาได้ใช้ชีวิต
       แบบไม่ต้องคิดมาก”
       ปราบถามย้ำ
       “ยี่สิบล้าน...”
       “ความจริง น้าก็ไม่อยากพูดนะคะ แต่ว่าที่ดาวเป็นแบบนี้...”
       “ผมเข้าใจครับ เพราะลูกสาวผม แล้วเรื่องก็เกิดขึ้นในไร่ของผมด้วย เรื่องนี้เป็นความรับผิดชอบ
       ของผมครับ”
       ท่าทางปราบหนักใจอยู่ไม่น้อย

       ปราบเดินออกมาจากห้องผู้จัดการธนาคาร ปกป้องรออยู่ด้านนอก
       “เป็นไงวะ”
       “เขาไม่ให้เรากู้เพิ่มแล้ว”
       “แล้วจะเอาไง อย่าบอกนะว่าจะกู้นอกระบบ”
       “ขนาดกู้ในระบบเรายังเอาตัวรอดได้แบบฉิวเฉียด ขืนกู้นอกระบบก็ตายแน่ๆ”
       ปกป้องถอนใจ
       “เฮ้อ แล้วจะเอาไงวะ”
       “จริงๆเงินสดเราก็น่าจะพอเหลืออยู่นะครับขายรถขายวัวโปะลงไปบ้างก็น่าจะได้ ต่อให้ไม่ถึง
       ยี่สิบล้านก็เถอะ”
       ปกป้องหน้าตื่น
       “ทำแบบนั้นก็กับทุบหม้อข้าวตัวเอง แล้วคนงานที่เหลือในไร่ล่ะ ทุกคนเชื่อเรา ฝากชีวิตไว้กับเรา เราทำแบบนี้ก็เท่ากับทรยศพวกเขานะ”
       “แต่ยังไงเราก็ต้องรับผิดชอบชีวิตของคุณนับดาวนะครับ”
       “เรื่องนั้นอาไม่ได้เถียง ถ้ามีคนมาขอซื้อชีวิตอา10 ล้าน อาก็พร้อมจะขาย แต่อาไม่เห็นด้วยกับที่แกจะทำให้คนงานในไร่เดือดร้อน”
       ปราบเงียบไป ปกป้องตบบ่าหลานชาย
       “ปราบ ถ้าไม่มีทางอื่น แกก็ต้อง...ขายที่”
       ปราบไม่ยอม
“ไม่ครับ ผมขอหาทางอื่นก่อน”
จบตอนที่ 7





 

Create Date : 29 พฤษภาคม 2555
0 comments
Last Update : 7 มิถุนายน 2555 11:28:25 น.
Counter : 1667 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 


atitaya_t
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




สวัสดีค่ะ ขอร่วม gang ด้วยคนค่ะ
Friends' blogs
[Add atitaya_t's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.