เก็บความทรงจำ..(^_^)..ความสนใจ โลกส่วนตัว ที่เราสร้างเอง
Group Blog
 
 
พฤษภาคม 2555
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
 
28 พฤษภาคม 2555
 
All Blogs
 
หนุ่มบ้านไร่ฯ ตอนที่ 7-1


หลังจากการแสดงผ่านไป พิธีกรขึ้นไปดำเนินรายการบนเวที...

       “ผ่านไปแล้วสี่ทีมนะครับ อย่างที่บอกนะครับว่าปีนี้สุดยอดจริงๆแต่ละทีม และสำหรับทีมต่อไป
       บอกได้เลยว่าไม่ธรรมดา แชมป์หลายสมัยเลยครับทีมนี้ ขอเชิญพบกับทีมจากไร่ปรีดาครับ”
       ระหว่างที่พิธีกรทำหน้าที่อยู่บนเวที ที่ด้านหลังเวที ปราบถือกีตาร์อยู่กับน้อยหน่า พวกคนงานอยู่ด้านหลัง นับดาวหันไปบอกกับคนงาน
       “ทุกคนเข้าใจสถานการณ์ดีแล้วนะคะ ลืมเรื่องขุ่นข้องหมองใจที่เกิดขึ้น ลืมเรื่องการประกวดไปซะ ออกไปด้วยรอยยิ้ม จำไว้ว่าเรามาโชว์เพื่อทำให้คนที่เขามาดูเรามีความสุข...แม่นบ่”
       คนงานพูดพร้อมกัน
       “แม่นแล้ว”
       คนงานยิ้มออก นับดาวชูนิ้วโป้งให้ ยิ้มโล่งใจ แต่พอหันมาก็ตกใจ เมื่อเห็นหน้าตาของปราบที่หน้าไม่สู้ดีนัก
       “คุณปราบ ทำไมทำหน้าแบบนั้น”
       “ก็...ผมไม่เคยออกไปแสดงอะไรอย่างนี้”
       นับดาวหนักใจ
       “ไหวมั้ยเนี่ย”
       “พี่ดาวคะ หน่าก็...กลัวเหมือนกันค่ะ...ดูสิคะ มือเย็นเฉียบเลยค่ะ”
       น้อยหน่ายื่นมือให้นับดาวจับ
       “พี่ดาวออกไปด้วยได้ไหมคะ”
       ปราบได้ทีจึงออกคำสั่ง
       “ใช่...ในฐานะที่คุณเป็นคนงานของไร่ ผมขอสั่งให้คุณออกไปด้วย”
       นับดาวเซ็งเลย
       “รู้แล้ว ออกไปด้วยก็ได้”
       พิธีกรซึ่งเชิญทีมไร่ปรีดานานพอสมควรแล้ว พูดเชิญซ้ำอีกครั้ง
       “ขอเชิญทีมไร่ปรีดาครับ”
       นับดาวโผล่หน้าออกไปดูคนดู แล้วก็จะเอ๋กับโจโจ้ที่มองมาบนเวทีพอดี นับดาวรีบหลบหน้าเข้ามา
       โจโจ้พยายามเพ่งมอง แต่นับดาวหายไปแล้ว
       “เมื่อกี้เหมือนยัยนับดาวเลยนี่นา”
       นับดาวหันมาทางปราบ
       “เอ่อ...ฉันท้องเสีย ไม่ออกไปได้ไหม”
       ปราบหน้าเหวอ
       “อ้าว เมื่อกี้คุณเพิ่งรับปากผมอยู่หยก”
       “นะคะ พี่ดาว”
       น้อยหน่ามองนับดาว สายตาวิงวอน นับดาวแอบมองออกไป เห็นโจโจ้ยังปักหลักที่เดิม จ้องมาบนเวที
       หญิงสาวตัดสินใจ
       “เอ้า ออกก็ออก”

       บนเวทีปิดไฟมืด เห็นเงาตะคุ่มๆเคลื่อนเข้าที่ ตะวันวาดเดินมาที่หน้าเวที นั่งข้างๆแม่ สุนทรีหันไปถามอย่างเป็นห่วง
       “พวกคุณปราบเป็นไงมั่ง”
       “ก็เห็นเครียดๆกันครับ ตอนแรกว่าจะโวยแล้วถอนทีมกลับ แต่ก็เปลี่ยนใจขึ้นโชว์ต่อ”
       “คุณปราบเค้าสปิริตสูง ลูกดูคุณปราบเป็นตัวอย่างนะ”
       “ครับ”
       อีกมุมหนึ่ง เพชรสีกับแองจี้นั่งดูอยู่ด้วยกัน เพชรสีสะใจมาก
       “คงไม่รู้จะโชว์ล่ะสิ นึกอะไรไม่ออกก็กลับบ้านไปซะ”
       “ยังมีหน้ามาโวยวายหาว่าเราลอกอีก” แองจี้บอก
       “ถ้าปล่อยให้พี่ปราบไปโวยกับกรรมการ เราอาจจะยุ่งยากก็ได้ เธอทำได้ดีมากแองจี้”
       “แหม หนูก็แค่พลทหารที่ทำตามที่คุณเพชรสีสั่งไว้นะค่ะ ขงเบ้งตัวจริงน่ะคือคุณเพชรสีต่างหาก
       ล่ะคะ”
       เพชรสีหัวเราะชอบใจ ไฟบนเวทีค่อยๆสว่าง เพชรสีอึ้ง เพราะบนเวทีปราบกับน้อยหน่านั่งคู่กัน ในมือปราบมีกีตาร์คลาสสิกตัวหนึ่ง มีมาสค็อตวัวเดินไปมาส่ายก้นไปด้วย ดูน่ารักๆ มีชาวไร่นั่งล้อมวงทั้งสามไว้ บรรยากาศเหมือนแคมป์กองไฟ เสียงคนดูปรบมือต้อนรับ โจโจ้จ้องเขม็งไปที่พวกชาวไร่ที่นั่งล้อมวงอยู่
       “เอ...หรือว่าฉันจะตาฝาดไปเนี่ยที่เห็นนับดาวอยู่ที่นี่”

       ปราบนั่งเกร็งอยู่ วัวเดินมาหา นับดาวนั่นเองที่ใส่ชุดวัวอยู่ วัวเอาก้นกระแทกปราบ คนดูหัวเราะกันเบาๆ นับดาวกระซิบ
       “อย่าสนใจคนดู มีแต่คุณกับน้อยหน่า...มีแต่คุณกับน้อยหน่า”
       ปราบพยักหน้า อย่างเป็นตัวของตัวเองมากขึ้น ปราบดีดกีต้าร์ เสียงอินโทรดังไปทั่วงาน คนดูเงียบ
       น้อยหน่ากำไมค์แน่น มือสั่น นับดาวหันหน้ามาทางน้อยหน่า ยิ้มให้ น้อยหน่าสบตานับดาว ค่อยคลายความกังวลลง น้อยหน่าถือไมค์เริ่มร้องเพลง ปราบร้องคู่ด้วย เพลงเบาๆเพราะๆ กินใจ ปราบกับน้อยหน่ายิ่งร้องยิ่งไม่ประหม่า คนดูเงียบกริบ อินไปกับเสียงเพลงของสองพ่อลูก สุนทรียิ้มไปกับเสียงเพลงของปราบ เพชรสีนั่งนิ่งๆ แต่แองจี้นั่งยิ้มไปด้วย
       ปราบกับน้อยหน่าร้องเพลงจบ คนดูปรบมือเสียงดัง ปราบกับน้อยหน่าและคนงานในไร่ไหว้คนดู คนดูยังปรบมืออย่างต่อเนื่อง สุนทรีปรบมือชื่นชม ตะวันวาดมองแม่แล้วถามขึ้น
       “อาปราบร้องเพลงเพราะไหมครับ”
       “เพราะมาก”
       ตะวันวาดแอบยิ้ม ขณะที่เพชรสีหน้าบึ้ง
       “จะตบมืออะไรกันนักหนา แค่มาดีดกีตาร์ร้องเพลงเนี่ยนะ”
       แองจี้เสริม
       “นั่นสิคะ กากมากๆ ไม่เห็นจะเพราะซักนิดเลย มีแต่พวกหน้าม้าแหละค่ะ ที่ตบมือให้น่ะ”
       เสี่ยไฝเดินมานั่งข้างๆเพชรสี
       “วันนี้ลูกทำได้ดีมากเพชรสี”
       “แต่ไม่รู้พวกกรรมการเขาจะว่ายังไง”
       “ของไร่ปรีดาไม่มีอะไรหรอก น้ำเน่ามาก ของเราน่ะมีสาระกว่าเยอะ พ่อเชื่อว่าเราได้ถ้วยแน่ๆ...เมื่อกี้พ่อเห็นท่านรัฐมนตรีนั่งหน้าเครียดยังกะเป็นริดสีดวง ฮ่าๆๆ มันคงไม่อยากมอบถ้วยให้พ่อหรอก มันคงถือว่าเสียหน้าสุดๆ ฮ่าๆๆ”

       ปราบ น้อยหน่า นับดาว คนงาน เข้ามาหลังเวที ปกป้องรออยู่ พวกคนงานดูตื่นเต้นมาก ปกป้องตบไหล่ตบหลังพวกคนงาน
       “เยี่ยมมากเลย คนดูปรบมือกันลั่นเลย เผลอๆได้ถ้วยนะเนี่ย ถึงไม่ได้ก็ไม่เป็นไร เดี๋ยวคืนนี้ เสี่ยป้องเปิดขวดให้ไม่อั้นเว้ย”
       คนงานเฮ น้อยหน่าเดินเข้ามากับปราบ เธอกอดพ่อไว้
       “คนดูเขาชอบเราขนาดนั้นเลยเหรอคะ”
       “พ่อก็คิดไม่ถึงเหมือนกัน”
       ปราบมองเลยไปเจอนับดาว แต่นับดาวไม่ได้มองมามัวแต่แอบมองออกไปนอกเวที ไม่เห็นโจโจ้ที่หน้าเวที นับดาจ้องมองอยู่ครู่ใหญ่ถึงเห็นโจโจ้เดินอยู่บริเวณร้านของกินที่มาขายในงาน นับดาวโล่งอก

       พิธีกรขึ้นมาบนเวที...
       “เอาล่ะครับ ผลการตัดสินของคณะกรรมการออกมาแล้วนะครับ...รางวัลที่สาม ได้แก่ ทีมจาก
       มาธิลดาไวน์ยาร์ดครับ”
       คนดูเฮ
       “รางวัลที่สองได้แก่ทีมจากไร่...สุวรรณครับ”
       คนดูเฮ
       “และทีมที่ได้ที่หนึ่งได้แก่...”
       เพชรสีลุ้น น้อยหน่าลุ้น
       “ทีมบ้านเสี่ยไฝครับ”
       เพชรสียิ้มแป้น แองจี้ไชโยลั่น พวกปราบดูนิ่งๆ เหมือนทำใจไว้แล้ว พิธีกรรอจนเสียงเฮซาลง
       “และในปีนี้มีรางวัลพิเศษด้วยนะครับ เป็นรางวัลขวัญใจมหาชน ทีมที่ได้คือทีม ไร่ปรีดาครับ”
       น้อยหน่าเฮลั่น กระโดดกอดปราบ พวกคนงานก็ไชโย คนดูปรบมือให้

       เป็นพิธีแจกถ้วยรางวัล เจ้าของทีมมาธิลดารับรางวัลไปแล้ว ผู้ใหญ่ท่านหนึ่งกับเจ้าของทีมเดินลงจากเวทีไป ขณะที่ปราบ เสี่ยไฝ เจ้าของไร่สุวรรณยังยืนอยู่ ท่านรัฐมนตรี ภรรยา และผู้ใหญ่อีกท่าน ยืนกันอยู่ด้านหลัง รัฐมนตรีเข้ามากระซิบกับปราบ เสี่ยไฝระแวง จับตามองเขม็ง แต่ไม่ได้ยินว่าคุยอะไรกัน
       “ผมชอบการแสดงของคุณมากนะ ถามหน่อยสิ คนที่เล่นเป็นวัวน่ะ ใช่คุณนับดาวรึเปล่า”
       ปราบกระซิบตอบ
       “ใช่ครับ ท่านเห็นเหรอครับ ท่านตาดีมากเลยครับ”
       รัฐมนตรียิ้มชอบใจที่โดนชม ตบไหล่ปราบๆเบาๆแล้วกับไปยืนตามเดิม เสี่ยไฝขมวดคิ้ว แต่ไม่ได้พูดอะไร พิธีกรประกาศต่อ
       “ต่อไป รางวัลที่สอง ทีมไร่สุวรรณครับ ขอเชิญท่านผู้ว่ามอบรางวัลด้วยครับ”
       ผู้ว่ามอบถ้วยให้เจ้าของไร่สุวรรณ คนดูปรบมือ ช่างภาพถ่ายภาพ เจ้าของไร่สุวรรณเดินลงเวที
       “ต่อไปเป็นรางวัลให้ผู้ชนะเลิศครับ”
       รัฐมนตรีเดินออกมา พิธีกรประกาศ
       “รางวัลชนะเลิศเป็นของทีมเสี่ย...”
       รัฐมนตรียื่นมือมาคว้าไมค์จากพิธีกร
       “คุณทำแบบนี้ไม่ถูกนะ ทีมที่ได้ที่หนึ่งน่ะสำคัญที่สุด ต้องมอบถ้วยให้เขาทีหลัง เอาทีมรางวัล
       พิเศษมาก่อนละกัน”
       พิธีกรเห็นด้วย
       “แหม จริงของท่านครับ...ทีมที่ได้รางวัลขวัญใจมหาชนได้แก่ ทีมไร่ปรีดาครับ”
       ปราบเดินผ่านหน้าเสี่ยไฝออกไป รับรางวัลกับรัฐมนตรี คนดูเฮ ช่างภาพถ่ายรูป พวกไร่ปรีดาที่อยู่ด้านล่างปรบมือลั่น รัฐมนตรีแย่งเอาไมค์มาจากพิธีกร
       “เอาล่ะครับ ทีนี้ก็ถึงรางวัลที่หนึ่งที่สำคัญที่สุดก็ต้องให้คนที่ใหญ่กว่าผมมามอบให้...ซึ่งจะเป็น
       ใครไม่ได้นอกจากภรรยาของผม”
       คนดูฮา คุณนายเมียรัฐมนตรีเดินออกมายิ้มเขินๆ รับถ้วยจาก เจ้าหน้าที่มอบให้เสี่ยไฝ เสี่ยไฝได้แต่ฝืนยิ้ม

       เมื่อกลับถึงบ้าน เสี่ยไฝขว้างถ้วยรางวัลอัดข้างฝาโครม ถ้วยรางวัลแตกกระจาย
       “ทุเรศ พ่อชนะแล้วมันไม่ให้ถ้วยพ่อได้ไงวะ พ่ออุตส่าห์ทุ่มทุนไปตั้งเท่าไหร่เพื่อให้ชนะ อุตส่าห์เชิญสื่อมาตั้งเยอะแยะ ทุกคนจะได้เห็นภาพตอนมันมอบถ้วยให้พ่อ พ่อบอกนายพ่อให้รอดูได้เลย แล้วมันดันให้นังเมียหน้าโง่นั่นมามอบให้แทน คิดได้ไงวะ ไอ้ชั่วเอ๊ย”
       เพชรสีนั่งอยู่ในห้องด้วย ไม่กล้าพูดอะไร
       “หรือว่า...”
       เสี่ยไฝหันมามองเพชรสี
       “ไอ้ปราบ”
       “คุณปราบเกี่ยวอะไรด้วยล่ะคะ”
       “ก่อนจะมอบรางวัล พ่อเห็นไอ้รัฐมนตรีนั่นไปคุยซิบซิบกับไอ้ปราบไม่กี่คำ ไอ้นั่นก็ยิ้มขึ้นมาทันที ไอ้ปราบอาจจะเป็นคนออกไอเดียให้ไอ้รัฐมนตรีนั่นก็ได้”
       “ไม่มั้งคะ พี่ปราบเขาไม่รู้เรื่องการเมืองหรอกค่ะ”
       “เรื่องที่พ่อเป็นศัตรูกับไอ้รัฐมนตรีนั่นนะ ชาวบ้านที่ไหนก็รู้”
       “แล้วคุณปราบเขาจะแกล้งพ่อทำไมล่ะคะ”
       “เพชรสี เรื่องที่ลูกขโมยไอเดียมาจากทีมของไอ้ปราบน่ะ พ่อรู้นะ แต่พ่อไม่พูดแค่นั้นเอง”
       “เอ่อ...”
       เพชรสีหน้าเสียพูดไม่ออก
       “แต่พี่ปราบเขาไม่ใช่คนแบบนั้นหรอกค่ะพ่อ”
       “อย่ามาเข้าข้างไอ้หมอหมานั่นหน่อยเลย มันคงแค้นพ่อ เลยถือโอกาสแก้เผ็ดพ่อซะ งานนี้พ่อเจ็บใจมากรู้ไว้ด้วย”
เพชรสีไม่กล้าพูดอะไรอีก

วันใหม่...นับดาวกับอลิสานั่งกินกาแฟกันอยู่ในร้าน อลิสาวางหนังสือพิมพ์บันเทิงลงตรงหน้านับดาว มีรูปเอมี่เกาะแขนชนะชัยในงานหัวใจคู่รัก อลิสาอ่านข่าวพาดหัว


       “นับดาวโดนทิ้งแล้วหรือ...” อลิสาเปิดอ่านต่อหน้าใน “ล่าสุด เอมี่แสนหวานสร้างความฮือฮาอีกครั้งด้วยการควงชนะชัยแฟนหนุ่มของนับดาว ไม่ต้องเขียนคำอธิบายก็รู้ว่าเพื่อนรักหักเหลี่ยมโหดกันอีกแล้ว งานนี้เรียกได้ว่าเอมี่บรรจงตัดขั้วดวงใจของนับดาวเลยทีเดียว อย่ากระพริบตาจงอางโดนฉกไข่ยอดมีหรือจะอยู่เฉยๆ นับดาวที่ได้ข่าวว่าไปบวชชีพราหมณ์คงได้แหกผ้าขาวออกมาเอาคืนแน่ๆ”
       นับดาวหน้าเครียด
       “งานนี้ดาวพลาดเองแหละค่ะ ดาวนัดคุณชนะชัยไว้ กะไปฉีกหน้ายัยเอมี่ในงาน แต่พอดาวไม่ได้ไป เลยกลายเป็นเสร็จมันจนได้”
       “ก็แทนที่จะไปงาน ดันมาช่วยนายปราบซะนี่”
       “แต่ทางนี้มันฉุกเฉินกว่านี่คะ”
       “เธอคิดอะไรของเธอ อาไม่เข้าใจ ชนะชัยไม่สำคัญหรือไง เขาเป็นทั้งแฟนเธอ เป็นทั้งหลักประกันทางการเงินของเรา แต่เธอกลับเลือกกลับมาช่วยนายปราบ”
       “ก็มันจำเป็นนี่คะ”
       อลิสามองหน้านับดาว
       “น้าคิดว่าเธอควรกลับกรุงเทพบ้าง ไม่ใช่ปล่อยให้ยัยเอมี่ทำแต้มแบบนี้ คุณชนะชัยถึงเขาจะรัก
       เธอยังไง แต่ขึ้นชื่อว่าผู้ชาย ถ้ามีผู้หญิงไปเชิญชวนอยู่แบบนั้น มันก็เป๋ได้ง่ายๆเหมือนกันนะ”
       “เข้าใจแล้วค่ะ เดี๋ยวอีก 2-3 วันดาวจะไปหาเขาเองค่ะ”
       อลิสามองนับดาว รู้สึกมีอะไรบางอย่างในตัวนับดาวที่เปลี่ยนไป

       ไร่ปรีดา...นับดาวขับรถเข้ามาจอดเห็นรถเพชรสีจอดอยู่แล้ว เธอลงจากรถ น้อยหน่าก็วิ่งมาหา
       “พี่ดาว ยัยเพชรสีมาหาพ่อค่ะ”
       “มานานรึยัง”
       “เพิ่งมาก่อนพี่แป๊บเดียว พายังแองจี้มาด้วย ไม่รู้พวกมันจะมาไม้ไหนกัน”
       “หึ จะมาบอกว่าเรื่องทั้งหมดเกิดจากฝีมือแองจี้น่ะสิ ตัวเขาไม่รู้เรื่องอะไรด้วย”
       “พี่ดาวรู้ได้ไง”
       “ก็ตอนเราจะไปโวยกรรมการ เขาถึงใช้แองจี้มาขู่เราไง พองานเลิกจะได้ออกตัวได้ แล้วมาร้องห่มร้องไห้ขอโทษแทนแองจี้...ไป น้อยหน่า เราเข้าไปป่วนกันดีกว่า”
       น้อยหน่าพยักหน้าแข็งขัน นับดาวหน้าตามาดมั่น
       “คอยดูฝีมือฉันนะยัยเด็กเมื่อวานซืน”

       ปราบนั่งอยู่กับแองจี้และเพชรสี แองจี้นั่งก้มหน้างุด เพชรสีนั่งร้องไห้
       “ถึงแม้ว่าแองจี้จะเป็นคนเสนอไอเดียการแสดง เป็นคนเสนอเพลงที่ใช้ เป็นคนไปขอเลื่อนคิวการแสดงแล้วก็เป็นคนไปขู่คุณปราบที่หลังเวที แต่คุณปราบอย่าโกธรน้องเขาเลยนะคะ จะโทษก็โทษเพชรสีเถอะค่ะ เพชรสีไม่รู้เรื่องอะไรด้วยเลยก็จริง แต่น้องเขาก็เป็นเด็กในบ้านเพชรสี เพชรสีต้องรับผิดชอบการกระทำของเขาค่ะ”
       ปราบเงียบไป เพชรสีแอบสะกิดแองจี้
       “ที่คุณเพชรสีพูดเป็นความจริงทุกอย่างค่ะ หนูไม่รู้ตัวเลยค่ะว่าที่หนูทำน่ะมันไม่ถูกต้อง จนกระทั่งหนูเล่าเรื่องทั้งหมดให้คุณเพชรสีฟัง เธอตกใจมาก ร้องไห้อยู่ทั้งคืน แล้วก็พาหนูมาขอโทษคุณปราบ...หนูขอโทษนะคะ ยกโทษให้หนูด้วยนะคะ”
       ก่อนที่ปราบจะพูดอะไร นับดาวก็เข้ามากับน้อยหน่า
       “สะตอเบอแหลมาก”
       แองจี้ตกใจทำอะไรไม่ถูก เพชรสีหน้าเครียด
       “ว่าใครคะคุณนับดาว”
       “ทั้งสองคนนั่นแหละค่ะ”
       “หยาบคายมากนะคะ นี่หรือคะคำพูดที่ออกจากปากคนที่เรียกตัวเองว่าไฮโซ”
       “ออกจากปากใครไม่สำคัญเท่ากับเข้าหูใคร อีกอย่างคำพูดที่สุภาพๆฉันว่าไม่เหมาะกับรูหูคุณหรอกค่ะ”
       เพชรสีตบโต๊ะปัง ยืนพรวด
       “มากไปแล้วนะยัยนับดาว แกกล้าว่าฉันเหรอ แกวิเศษมาจากไหน หา”
       เพชรสีรู้สึกตัว รีบปรับอารมณ์หันมาหาปราบ
       “พี่ปราบขา เพชรสีไม่ยอมนะคะ พี่ปราบต้องให้คุณนับดาวขอโทษเพชรสีด้วยนะคะ”
       นับดาวไม่สนใจเพชรสี หันมามองหน้าแองจี้
       “เธอก๊อปการแสดงของไร่ปรีดาไปได้ยังไง”
       “หนูแอบมาดูค่ะ แล้วเอาไปเล่าให้คุณเพชรสีฟัง”
       นับดาวยิ้มหยัน
       “มันเหมือนทุกท่าทุกขั้นตอนเลย เธอจำรายละเอียดได้หมดเลยเหรอ”
       แองจี้อ้ำอึ้ง
       “เอ่อ...คือหนูแอบถ่ายคลิปไว้น่ะค่ะ”
       “ว่าแล้ว”
       ปราบหันไปถามแองจี้
       “ตอนคุณเพชรสีดูคลิปน่ะ เขาไม่รู้เหรอว่าเธอแอบถ่ายไปจากไร่ปรีดา”
       แองจี้อึ้งพูดอะไรไม่ออก หันไปมองเพชรสี เพชรสีหน้าตามีพิรุธ น้อยหน่าด่าทันที
       “ไหนบอกไม่รู้เรื่องไง ยัยลวงโลก”
       นับดาวมองเพชรสีอย่างเหยียดหยัน
       “สำหรับคนอย่างคุณ คำว่าตอแหลอาจจะเบาไปด้วยซ้ำ”
       เพชรสีเดินออกมาทันที จ้องหน้านับดาว กำหมัดแน่นจะเข้าไปต่อย นับดาวหลับตาปี๋ น้อยหน่ายื่นขาออกไปขัดก่อน ทำให้เพชรสีเสียหลักเกือบคะมำ เพชรสีหันขวับกลับมา จะเอาคืน เจอปราบเดินเข้ามาห้าม
       “คุณเพชรสีกลับไปก่อนเถอะครับ”
       เพชรสีจ้องหน้านับดาว แล้วหันเดินออกไปโดยไม่มองมาที่ปราบเลย แองจี้รีบวิ่งตามเพชรสีออกไป
       น้อยหน่าตะโกนลั่น
       “เยส”
       ปราบมองตามเพชรสีไป ส่ายหน้ากับตัวเอง

       เมื่อกลับถึงบ้าน เพชรสีเล่นงานแองจี้อย่างหนักจนร้องโอดโอยวิ่งออกมาจากห้อง แองจี้หน้าแดงเป็นปื้น ผมกระเซิง เธอวิ่งมาชนเสี่ยไฝพอดี เสี่ยไฝถอนใจเบาๆ พยักหน้าให้แองจี้ไปก่อนแล้วเดินเข้าไปในห้อง เจอเพชรสีกำลังนั่งหน้าหงิก
       “ทำไมไปลงไม้ลงมือกับแองจี้แบบนั้น ยังไงเขาก็ญาติเรานะไม่ใช่คนงานในไร่”
       “หวังดีค่ะ ตบซะเผื่อจะหายโง่”
       “เกิดอะไรขึ้นเหรอ”
       “เมื่อกี้เพชรสีไปที่ไร่ปรีดา ตั้งใจจะไปขอโทษคุณปราบที่ก๊อปโชว์ของเขา จะอธิบายให้เขาเข้าใจ
       ว่าเราทำไปเพราะเราไม่รู้ แต่กลับ...โดนคุณปราบดูถูกกลับมา แถมยัยแองจี้ดันไปโชว์โง่ให้เขาเห็นอีก หนูไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนแล้ว”
       เสี่ยไฝหน้าตาเครียดแค้นขึ้นมาทันที
       “ไอ้หมอปราบ...”

       นับดาวกำลังอาบน้ำให้เฉาก๊วยอยู่ในคอกม้า ปราบเดินเข้ามาเห็น
       “คุณอยากลองขี่ไอ้เฉาก๊วยดูบ้างมั้ย”
       “ฉันขี่ม้าไม่เป็น”
       “ไม่เคยหัดเหรอ”
       “ไม่เคย”
       “แล้วบอกไฮโซ โธ่เอ๊ย”
       “คุณไปเอาความรู้โหลยโท่ยมาจากไหนว่าไฮโซต้องขี่ม้าเป็นน่ะ จะให้ฉันขี่ไปงานวันเกิดคุณหญิงคนไหนไม่ทราบ”
       “ขี่ไม่เป็นก็ขี่ไม่เป็น ไม่ต้องแถไปเรื่องอื่นหรอก ช่างมันเถอะ ถือว่าผมไม่ได้พูดก็แล้วกัน”
       นับดาวฉุนกึก
       “ก็ได้งั้นฉันจะลองขี่”
       “ไหนบอกขี่ไม่เป็น”
       “คุณก็สอนฉันสิ”
       “งั้นเดี๋ยวพรุ่งนี้จะหาม้าเชื่องๆมาให้หัด”
       “ฉันจะขี่เฉาก๊วย”
       “ไอ้นี่มันม้าพยศ ถ้าคุณจะหัดหัดกับตัวอื่น ขี้เกียจจองศาลาให้”
       “ฉันจะขี่เฉาก๊วย” นับดาวหันไปพูดกับเฉาก๊วย “วันนี้ขอฉันขี่แกหน่อยนะ นะ นะ”
       ปราบลังเล แล้วก็ใจอ่อน
       “ตามใจ”
       จู่ๆปราบก็เข้ามาดมๆที่ซอกคอของเธอ นับดาวตกใจ
       “ทำอะไรอ่ะ”
       “บอกกี่ครั้งแล้วว่าเวลาอยู่ในฟาร์มอย่าใส่น้ำหอม”
       “กลิ่นสบู่ย่ะ”
       ปราบมองซ้ายมองขวา หยิบอาหารม้ามาป่นๆใส่มือแล้วปาดใส่นับดาว ตรงแก้ม ตรงคอ ตรงแขน
       นับดาวร้องวี้ดว้าย
       “กลบกลิ่นให้”

       นับดาวขี่เฉาก๊วย โดยมีปราบคอยจูงประคองไปด้วย
       “ไหนคุณบอกมันพยศ”
       ปราบหันไปถามเฉาก๊วย
       “ทำไมวันนี้เป็นเด็กดีได้วะ ไอ้ก๊วย”
       “คุณไม่ต้องมาคอยจูงเชือกอย่างงี้หรอกเฉาก๊วยมันให้ฉันขี่แล้ว”
       “ตามใจ”
       ปราบปล่อยมือ นับดาวชักใจเสีย
       “นี่...ถ้าเกิดสมมุติจู่ๆมันพยศขึ้นมา ให้ฉันทำไง”
       “ไม่ยากหรอกครับ ขั้นแรกให้กอดมันไว้แน่นๆ พยายามเอื้อมมือประกบฝ่ามือให้ได้ ตั้งสมาธิแล้วก็หลับตา...แล้วก็ท่องนะโมตัสสะ ภควโต พ่อแก้วแม่แก้วจ๋า ช่วยลูกด้วยจ้ะ”
       ตอนแรกนับดาวหลงตั้งใจฟังอย่างจริงจัง พอรู้ว่าโดนอำก็หน้าง้ำ
       “บ้า”
       ปราบปล่อยนับดาวขี่เฉาก๊วยออกไป น้อยหน่ายืนดูเหตุการณ์อยู่ห่างๆ เจิดเดินผ่านมาทัก
       “ผมก็เคยแอบขี่ไอ้ก๊วยเหมือนกัน โดนมันสลัดตก แถมโดนคุณปราบเตะอีก โทษฐานไปขี่ม้า
       แสนรักแสนหวงของเขา แล้วดูดิ๊ เจอคุณนับดาวเข้าไปเชื่องซะหมดราคาเลย”
       “ก่อนหน้านี้เพชรสีก็ขี่ได้ไม่ใช่เหรอคะ”
       “ครับ สงสัยไอ้ก๊วยมันจะชอบผู้หญิงมีฤทธิ์มีเดช”
       เจิดกำลังจะเดินต่อ นึกอะไรขึ้นได้
       “แต่ไม่เหมือนกันอย่างนึงนะครับ”
       “อะไรเหรอคะพี่เจิด”
       “คุณเพชรสีน่ะ ตอนนั้นเขาเอายามาให้ไอ้ก๊วยแล้วตื๊อขอขี่ คุณปราบก็เลยยอม แต่คุณนับดาวน่ะ คุณปราบถึงขนาดออกปากชวนเอง”
       น้อยหน่าพยักหน้ารับรู้ มองไปที่ปราบ ที่กำลังถ่ายรูปนับดาวตอนขี่ม้า ปราบยิ้มไปถ่ายไป

       น้อยหน่าเดินคุยกับตะวันวาดที่ถนนในไร่
       “อะไรนะ เธอกลัวว่าพ่อเธอจะรักพี่นับดาวเหรอ”
       “ถูกต้อง พ่อฉันต้องรักแม่ฉันคนเดียวเท่านั้น”
       ตะวันวาดนิ่งไปครู่หนึ่ง
       “ก็ได้ จะให้ฉันช่วยอะไรก็ว่ามา”
       “ทำไมครั้งนี้ยอมร่วมมือง่ายจัง หรือว่าเธอจะจีบพี่นับดาว”
       “อะไรของเธอ พอจะช่วยก็หาว่ามีผลประโยชน์แอบแฝง ไม่ช่วยก็ได้นะ”
       “ไม่ให้ช่วยจะมาขอร้องเหรอ อย่าขี้น้อยใจหน่อยเลยน่า”
ตะวันวาดแอบยิ้มมีเลศนัย
ตอน 2...
วันต่อมา...ปราบขับรถมาเข้ามาจอดหน้าบ้าน ดับเครื่อง ข้างตัวเขามีถุงใบหนึ่ง ชายหนุ่มหยิบของในถุงออกมา เป็นกรอบรูปน่ารัก เป็นรูปนับดาวขี่เฉาก๊วย เขานิ่งไปนิดนึง แล้วหยิบมาร์กเกอร์ออกมา เขียนลงไปบนกระจกว่า “ขอบคุณมากครับ จากไร่ปรีดา” ปราบเป่าให้แห้ง เก็บรูปลงถุง แล้วเดินลงจากรถไป

       น้อยหน่าแอบดูอยู่ตรงหน้าต่าง พอเห็นปราบเดินจะเข้าบ้าน เธอก็รีบวิ่งมาหาตะวันวาด
       “พ่อเข้ามาแล้ว เสร็จรึยัง ทำไมช้าอย่างงี้”
       “นี่ นึกว่าทำเว็บไซต์ปลอมมันง่ายนึกรึไง...เอ้า เสร็จพอดี”
       ปราบเปิดประตูเดินเข้ามาในบ้าน น้อยหน่าแกล้งไม่รู้ตัว ทำทีเป็นคุยกับตะวันวาด
       “ไม่น่าเชื่อเลยนะ พี่นับดาวเขาจะเป็นคนเจ้าชู้ขนาดนี้ เว็บไซต์นี่ทำละเอียดจังนะ”
       “นั่นสิ...ดูดิ ตั้งแต่เรียนมหาวิทยาลัยแล้ว เปลี่ยนแฟนเป็นว่าเล่นเลย แต่ละคนหล่อๆรวยๆทั้งนั้น”
       น้อยหน่าอ่าน
       “ประวัติเรื่องผู้ชายของนับดาวว้าวแซ่บนั่นขอบอกว่าแซ่บกว่าฉายา นางเริ่มสะสมแฟนหนุ่มตั้งแต่เป็นนักศึกษาปีสองคบไฮโซรุ่นป๋า ปีสี่สลัดไฮโซมาควงนักร้องแร็พเปอร์ขวัญใจวัยโจ๋ โชว์แฟนใหม่หนุ่มเยอรมันในวันรับปริญญา แล้วไปกระชากแฟนหนุ่มนักธุกิจจากดาราสาว แล้วทำสถิติเปลี่ยนแฟนใหม่ 5 คนในเวลา 3 ปี นางก๋ากั่นมาก กินผู้ชายยังไงก็ไม่เต็มกระเพาะ”
       ปราบอึ้ง ตะวันวาดแกล้งหันมาเห็น
       “คุณอา สวัสดีครับ”
       “พ่อ...หวัดดีค่ะ เอ่อ พ่อจะใช้คอมพ์รึเปล่าคะ”
       “อ๋อ เปล่าหรอก อ่านอะไรกันอยู่เหรอ”
       “เอ่อ คือ พวกเว็บไซต์ซุบซิบน่ะค่ะ พอดีเขามีสกู๊ปเรื่องพี่นับดาว แต่เชื่อถืออะไรไม่ค่อยได้หรอก
       ค่ะ พวกนี้นั่งเทียนเขียนไปวันๆ”
       ตะวันวาดทำเป็นแย้ง
       “ใครบอกล่ะ ซ้อสิบสี่เนี่ย กำลังมาแรงที่สุดเลย เขียนข่าวเป๊ะมาก”
       “จะจริงหรือไม่จริงก็เหอะ ยังไงก็เป็นเรื่องส่วนตัวของเขา อย่าไปอยากรู้อยากเห็นเรื่องคนอื่น
       มากนักเลย”
       ปราบเดินผ่านไป น้อยหน่าแอบมองตามเห็นพ่อเดินเข้าห้องไป ตะวันวาดกระซิบถาม
       “เป็นไง ได้ผลมั้ย”
       “เยส”
       น้อยหน่ายิ้ม ตะวันวาดก็ยิ้ม ขณะที่ปราบเข้ามาในห้อง หยิบรูปนับดาวออกมาดู รู้สึกโกธรนับดาวโดยไม่มีสาเหตุ ก่อนจะเก็บรูปเข้าลิ้นชัก

       ปกป้องกำลังคุมคนงานซ่อมโรงเลี้ยงไก่อยู่
       “เฮ้ย ไอ้เป๋ง ทำดีๆสิวะ หาไม้มาดามให้มันแข็งแรงหน่อย อย่างงี้ลมพัดทีเดียวก็เปิดแล้ว มันจะถึงฤดูหวัดนกแล้วนะ อยากให้ไก่ตายนักเหรอไง หา”
       ตะวันวาดเดินเข้ามา
       “สวัสดีครับตาป้อง”
       “หวัดดี ตะวัน ว่าไงเรา”
       “คืองี้ครับ ที่ชมรมผมจะจัดฉายหนังหาเงินเข้าชมรมน่ะครับ ปีนี้เราตั้งใจว่าจะฉายหนังเอาใจผู้ปกครอง จะได้ขายตั๋วง่ายหน่อย ก็เลยจะมาถามตาป้องว่าอย่างอาปราบเนี่ย เขาชอบดูหนังแบบไหน พอรู้ไหมครับ”
       “ปราบเหรอ...ก็ดูทั้งหนังไทยหนังฝรั่ง ดูได้ทุกแนว แต่รายนั้นเขาชอบหนังแบบสุขุมนุ่มลึกแบบดูไปคิดไป ถ้าอย่างตา มันต้องแอ๊คชั่นตู้มๆๆๆ”
       ตะวันวาดดีใจ
       “เป๊ะเลย เหมือนแม่ผมเลย”
       ปกป้องได้ยินไม่ถนัด
       “อะไรนะ”
       “เปล่าครับ ไม่มีอะไรแล้วครับ ไปก่อนนะครับ”
       ปกป้องคิดอะไรได้
       “เดี๋ยวๆๆ...ไอ้หนังที่จะฉายเนี่ย นายเป็นคนจัดงาน ก็แปลว่าล็อคที่นั่งได้สินะ”
       ตะวันวาดยิ้มรับ
       “แน่นอนอยู่แล้วครับ”
       “งั้นตาซื้อด้วย แต่ว่าต้องทำแบบนี้นะ”
       ปกป้องกระซิบกับตะวันวาด

       เอมี่กับโจโจ้มานั่งที่ร้านขนมปังสังขยาในตลาดโต้รุ่ง เอมี่มองซ้ายมองขวาตลอดเวลาที่คุยกัน โจโจ้จิ้มกินไปเรื่อยๆ แต่เอมี่ไม่แตะซักชิ้น
       “ไม่เห็นมีเลย ยัยนับดาวน่ะ เอาแค่หน้าคล้ายก็ไม่เห็นมีมาซักคน”
       “นี่ ไม่ต้องบ่นเลย ฉันบอกแล้วนะว่าคลับคล้ายคลับคลา เห็นแว่บเดียว เธอเองนั่นแหละที่ดันทุรังจะมาหายัยนับดาวที่นี่”
       “ก็ฉันเชื่อสายตาเธอนี่นา หรือฉันไม่ควรจะเชื่อ”
       “พาลสุดๆเลยนะแก กลับกรุงเทพไปเลยสิยะ อยู่ทำไม”
       “ไปก็ได้ แต่ไปหาข้าวกินก่อนเถอะ ฉันหิวแล้ว”
       “จะไปไหนล่ะ ก็นี่ตลาด ของกินเพียบ”
       เอมี่มองไป ทำหน้าเบ้
       “อย่าล้อเล่นน่ะ ท้องไส้ฉันไม่คุ้นเคยกับของกินพรรค์นี้หรอก ไปหาอาหารที่ไม่เป็นพิษต่อระบบย่อยอาหารของฉันที่อื่นเถอะ”
       “รู้สึกจะมีห้างอยู่นะ น่าจะดีพอสำหรับแบคทีเรียในขดลำไส้ใหญ่ของเธอ ไป”
       โจโจ้บอกอย่างหมั่นไส้

       ห้างในเมืองซึ่งมีโรงภาพยนตร์ด้วย มีโรงหนึ่งจัดฉายภาพยนตร์รอบพิเศษของนักเรียน มีตะวันวาดยืนเก็บตั๋วอยู่ตรงทางเข้า มีเสียงพีอาร์ประกาศ
       “ภาพยนตร์รอบพิเศษ โรงที่หนึ่ง ขณะนี้ ท่านสามารถเข้าชมได้แล้วนะคะ”
       พวกผู้ปกครองที่มีตั๋วลุกเดินมาเข้าโรง สุนทรีเดินมา ยื่นตั๋วให้ตะวันวาด
       “เชิญครับ ขอบคุณครับ”
       สุนทรีขยี้ศีรษะลูกชายเบาๆ แล้วเดินเข้าโรงตามมาด้วยนับดาวกับอลิสา
       “ขอบคุณครับ เชิญนั่งตามเลขที่นั่งได้เลยครับ”
       พอนับดาวกับอลิสาเข้าไปแล้ว ปกป้องเล็งอยู่ก็รีบพาปราบตามเข้ามา ยื่นตั๋วให้ตะวันวาด ปกป้องเลิกคิ้วเป็นเชิงถาม ตะวันวาดแอบส่งสัญญาณมือโอเค ปราบก้มลงดูตั๋ว
       “เอ๊ะ ทำไมเลขที่ตั๋วของผมกับอาไม่ติดกันล่ะครับ ก็ซื้อพร้อมกันไม่ใช่เหรอครับ”
       “จริงว่ะ ช่างมันเถอะ เค้าจัดให้ยังไงก็นั่งๆไปตามนั้นนั่นแหละ ไป”
       “ยังไม่ได้ว่าอะไรซักคำ”
       ปกป้องกับปราบเดินเข้าไปในโรง ตะวันวาดดูเวลา บอกกับเพื่อน
       “หนังจะฉายแล้ว ฉันเข้าไปดูก่อนนะเว้ย แกดูความเรียบร้อยให้ที”
       “น้อยหน่ายังไม่มาเลย ไม่รอเค้าเหรอ”
       “เดี๋ยวมาก็ให้ตามเข้าไปละกัน”
       ตะวันวาดเข้าไปในโรง

       อลิสานั่งอยู่คนเดียว รอหนังฉาย ปกป้องเดินมานั่งข้างๆ
       “อะแฮ่ม”
       อลิสาหันมาเจอปกป้อง ตกใจ
       “สวัสดีครับซินญอริต้า”
       “สวัสดีค่ะ บังเอิญจังเลยนะคะ”
       “แถวบ้านผมเรียกพรหมลิขิตครับ”
       อลิสาหน้าแหยเลี่ยนสุดๆ...ปราบเดินมาตามเลขที่ในตั๋ว นั่งลง ปรากฏว่านั่งข้างๆสุนทรี
       “สวัสดีครับคุณสุนทรี”
       “สวัสดีค่ะคุณปราบ”
       “ตะวันวาดเก่งมากเลยนะครับ ตัวแค่นี้แต่รับผิดชอบงานนี้ได้”
       “จริงๆเขาก็เป็นเด็กฉลาดนะคะ แต่ค่อนข้างจะเฉื่อยไปซักหน่อย เคยคุยกับครูแนะแนว เขาบอก
       ตะวันวาดไม่มีพ่อ อาจส่งผลต่อการพัฒนาบุคลิกภาพได้เหมือนกัน”
       “ไม่มีใครมีครบทุกอย่างในชีวิตหรอกครับ เราต้องทำให้ดีที่สุดด้วยสิ่งที่เรามีอยู่”
       “ค่ะ นั่นคือสิ่งที่ฉันบอกครูแนะแนวไป”

ปราบกับสุนทรียิ้มให้กัน ตะวันวาดแอบยืนดูอยู่ เห็นปราบกับสุนทรีคุยกัน เขามองยิ้มๆ แล้วเดินไปนั่งที่ของเขา ข้างๆนับดาว...นับดาวหันมาเห็น ตะวันวาดยิ้มให้ เธอยิ้มตอบ ไม่พูดอะไร ตะวันวาดดูตื่นเต้นมาก วางแขนตรงที่วางแขน ข้อศอกโดนศอกนับดาว นับดาวเฉยๆ ตะวันวาดใจเต้น น้อยหน่าเข้ามา เห็นปราบนั่งกับสุนทรี แล้วเห็นตะวันวาดนั่งกับนับดาว น้อยหน่าหน้าบึ้ง เดินมานั่งข้างหลังตะวันวาด

หนังฉายไปแล้ว เอมี่กับโจโจ้เดินเข้ามา

       “เรื่องนี้ตอนเข้าที่กรุงเทพอยากดูมาก แต่พลาดซะได้ โชคดีมาเจอฉายที่นี่ ต๊าย หนังฉายไปแล้วเห็นมั้ย”
       “แหม ก่อนจะเข้าโรงมันก็ต้องจัดการเข้าห้องน้ำห้องท่าให้เรียบร้อยก่อนสิยะ”
       โจโจ้ค้อน
       “เรื่องนั้นน่ะเข้าใจ แต่ทำไมต้องนานซะขนาดนั้น”
       “ฉันเป็นสุภาพสตรีนะ เข้าใจมั้ย จะให้ล่กๆชุ่ยๆได้ไง”
       ปกป้องทนไม่ไหว พูดเสียงดังลั่นโรง
       “เฮ้ย หนวกหูโว้ย คนจะดูหนัง เดี๋ยวยิงไส้แตก”
       เอมี่กับโจโจ้สะดุ้ง
       “ที่เต็มหมดแล้วฉันไปนั่งตรงนั้นนะ”
       เอมี่เห็นที่นั่งว่างที่หนึ่ง เดินไปนั่ง นั่งข้างๆนับดาวพอดี บ่นเบาๆ
       “ดุยังกะหมา อยากดูหนังเงียบๆไม่ไปดูที่บ้านวะ”
       โจโจ้หาที่นั่งไม่เจอ มีที่เดียว ข้างๆปกป้อง โจโจ้เดินตัวลีบไปนั่งข้างๆ ปกป้องไม่สนใจ มัวแต่ดูหนัง
       นับดาวได้ยินเสียงแล้วชะงัก ค่อยๆเหล่มาดูข้างๆ เจอเอมี่ นับดาวรีบหันขวับ ทำท่าจะลุกออกไป ตะวันวาดถามขึ้น
       “จะไปไหนเหรอครับ พี่นับ...”
       นับดาวเอานิ้วอุดปากตะวันวาด เอียงหน้าเข้าไปกระซิบข้างๆหู
       “อยู่เฉยๆ อย่าพูดอะไร”
       น้อยหน่านั่งข้างหลัง ตกใจ นึกว่านับดาวจูบตะวันวาด นับดาวลุกรีบก้มหน้าลุกออกไป เอมี่มองตามนับดาวไป รู้สึกเงาคุ้นๆ

       นับดาวมองหาที่นั่ง เห็นที่นั่งว่าง เข้าไปนั่งทันที ปรากฏว่าไปนั่งข้างๆปราบ น้อยหน่ามองตามไป เห็นนับดาวไปนั่งข้างปราบ น้อยหน่ากำหมัดแน่น หันมามองตะวันวาด ยื่นหน้าไปกระซิบข้างหูตะวันวาด
       “ไอ้คนทรยศ”
       ปราบชำเลืองมองนับดาว แล้วหันไปดูหนัง นับดาวแอบมองย้อนกลับไปดูเอมี่ เห็นเอมี่มองมาที่เธอพอดี นับดาวรีบเอียงซบเขา ปราบตกใจ แต่ไม่กล้าขยับ
       “คุณดาว...”
       “กลัวผีค่ะ ไม่กล้าดู”
       ปราบงงๆ
       “นี่ไม่ใช่หนังผีนะครับ”
       “ก็ดาวกลัวนี่นา...”
       นับดาวแอบมองไป เห็นเอมี่ยังมองมา นับดาวยิ่งซบ ปราบยิ้มปลื้มน้อยหน่าดูอยู่ กำหมัดแน่น โจโจ้ชำเลืองมองปกป้อง อมยิ้ม
       “คาวบอยซะด้วย น่าหม่ำ”
       ปกป้องมัวแต่ดูหนัง ไม่ได้สนใจ โจโจ้เอื้อมมือไป จะจับขาอ่อนปกป้อง แต่เปลี่ยนใจ ยื่นมือไปไกลขึ้น จับขาอ่อนปกป้องด้านที่ติดกับอลิสา ลูบเบาๆ ปกป้องสะดุ้งเล็กน้อย ชำเลืองมองอลิสายิ้มให้ โจโจ้รีบดึงมือกลับ อลิสามองปกป้องแล้วหันไปดูหนังต่อ ปกป้องยิ้มกริ่ม โจโจ้ยื่นมือไปจับขาอ่อนต่อ ลูบสูงขึ้น ปกป้องห่อปากร้องโอว์เบาๆในลำคอ กระเถิบไปใกล้อลิสา ยื่นมือไปโอบไหล่เธอ อลิสาหันขวับ ปกป้องยักคิ้วให้แบบรู้กัน หนังกำลังเงียบ อลิสาตบหน้าปกป้องเพียะเสียงดังลั่น โจโจ้รีบดึงมือกลับ ขณะที่ทุกคนหันมามองปกป้อง ปกป้องทำเป็นตบยุง
       “ยุงเยอะจังเว้ย”
       ทุกคนเลิกสนใจปกป้อง หันไปดูหนังต่อ ปกป้องกุมแก้มครางซี้ด...เอมี่ยังคาใจ พยายามชะเง้อหน้าไปจะดูหน้า นับดาวเลยซบปราบไม่เลิก เอมี่ตัดสินใจลุกเดินมา นับดาวยิ่งกอดปราบแน่น ปราบได้ใจ จับแขนนับดาวไว้ นับดาวสะดุ้งเมื่อเขาจับมือเธอแน่น
       “ไม่ต้องกลัวนะครับ ผียังไม่มาครับ”
       น้อยหน่าทนดูไม่ไหว
       “ต้องทำอะไรซักอย่างแล้ว”
       น้อยหน่าลุกขึ้น แต่เอมี่เดินตัดหน้า ตรงไปทางนับดาว
       “ขอโทษนะคะ”
       นับดาวทำอะไรไม่ถูก

       โจโจ้ยิ้มกระหยิ่ม ติดใจ เอื้อมมือไปลูบขาอ่อนปกป้องอีก ปกป้องมองอลิสาเห็นอลิสานั่งหน้าเครียด ปกป้องเอะใจ ก้มมองจับหมับ เห็นเป็นมือโจโจ้
       “หา มือแกเองเหรอเนี่ย”
       โจโจ้ยิ้มหวาน
       “สูงวัยอย่างนี้ ชอบอ่ะ”
       ปกป้องต่อยโครม โจโจ้ร้องโอ๊ย หล่นลงไปกองกับพื้น คนทั้งโรงลุกฮือ ปกป้องชี้หน้า
       “ไอ้วิตถาร เพราะแกเลยทำให้ฉันโดนตบเลย”
       เอมี่เห็นคนที่โดนต่อยคือโจโจ้ ก็รีบวิ่งไปดู
       “โจโจ้ เป็นอะไรรึเปล่า”
       “เจ็บ...แต่คุ้ม”
       นับดาวฉวยจังหวะวุ่นวายเข้ามาดึงมืออลิสา
       “รีบไปค่ะน้าอะซ่า ยัยเอมี่มา”
       อลิสาตกใจ สองน้าหลานรีบก้มหน้าแทรกฝูงชน ออกไปนอกโรง

       น้อยหน่าวิ่งออกมา ตะวันวาดตามมาติดๆ
       “หมายความว่ายังไงที่บอกว่าทรยศน่ะ”
       “ทำมาเป็นช่วยฉันแยกพี่นับดาวออกไป แต่พอลับหลังก็ช่วยเขาจีบพ่อฉัน”
       “เธอเข้าใจผิดแล้ว พี่นับดาวลุกออกไปเอง ฉันไม่รู้เรื่อง ฉันให้พ่อเธอนั่งกับแม่ฉันไม่เห็นรึไง”
       “นายตั้งใจจะจับคู่พ่อฉันกับแม่เธอเหรอ ทำงี้ได้ไง”
       “ทำไม แม่ฉันไม่ดียังไง”
       “แม่นายเป็นคนดี แต่ฉันไม่ชอบให้ใครหลอกใช้โว้ย”
       “ที่ฉันไม่บอกเรื่องนี้กับเธอ ก็เพราะเธอไม่ยอมรับความจริงน่ะสิ”
       “ความจริงอะไร”
       “พ่อกับแม่เธอ เขาไม่มีวันกลับมาอยู่ด้วยกันได้หรอก มันจบลงตั้งแต่วันที่แม่เธอเค้า...”
       ตะวันวาดยังพูดไม่ทันจบ น้อยหน่าก็ชกตูม
       “ต่อไปนี้เราไม่ใช่เพื่อนกันอีกต่อไป”
       น้อยหน่าเดินจากไป

       นับดาวขับรถไปโดยมี อลิสานั่งข้างๆ
       “เกือบไปแล้ว ยัยโจโจ้นี่ตาดีจริงๆ เห็นดาวแค่แว่บเดียวในงานเกษตรแฟร์ พายัยเอมี่มาหาดาวถึงที่นี่เลย”
       “ต่อให้โจโจ้ไม่เห็นแล้วไง เธอคิดว่าจะอยู่ที่นี่ได้นานแค่ไหนโดยไม่มีใครรู้น่ะ อย่าลืมนะว่าเธอคือนับดาวว้าวแซ่บ ถ้าเธอยังขืนไม่ยอมกลับกรุงเทพ เรื่องมันจะยิ่งวุ่นไปกว่านี้ เพราะฉะนั้นพรุ่งนี้เรากลับกรุงเทพด้วยกัน”
       “แต่...”
       “ไม่มีแต่”
       นับดาวเงียบไป

       นับดาวเข้ามาในบ้าน เจอปราบนั่งรออยู่ ยิ้มให้เธออย่างอบอุ่น
       “เสียดายนะครับ หนังยังไม่จบเลย เกิดเรื่องวุ่นวายซะก่อน”
       “ค่ะ”
       “ถ้าคุณชอบดูหนัง วันหลังเราไปดูกันอีกนะครับ”
       นับดาวอึ้ง รู้สึกปราบเปลี่ยนไป
       “เอ่อ ค่ะ”
       ปราบยิ้มเขินๆ
       “งั้น...ผมไปนอนก่อนนะครับ”
       นับดาวฝืนยิ้ม
       “ค่ะ”
       ปราบเดินจากไป แล้วก็หันกลับมา
       “คุณดาวครับ”
       นับดาวสะดุ้งเล็กน้อย
       “คะ”
       “ฝันดีนะครับ”
       “ค่ะ ขอบคุณค่ะ”
       ปราบยิ้มให้อีกครั้ง แล้วเดินเข้าห้องไป นับดาวถอนใจ
       “อย่าบอกนะว่าจะจีบฉัน”
       นับดาวรู้สึกว้าวุ่นใจ

       นับดาวเข้ามาในห้อง เปิดไฟ แล้วก็ตกใจ เจอน้อยหน่านั่งรออยู่ น้อยหน่าพูดดัดเสียง
       “ฝันดีนะครับ...ท่าทางพ่อจะชอบคุณแล้วใช่มั้ยคะ”
       “คงยังไม่ขนาดนั้นหรอก”
       “พี่ดาว หน่าขอพูดตรงๆ หน่าชอบพี่ เคารพพี่ ในฐานะที่พี่เป็นพี่เลี้ยง แต่หน่าไม่ต้องการแม่เลี้ยง อย่าพยายาม อย่าคิด อย่าหวัง”
       นับดาวชักโกรธ
       “เธอสั่งฉันเหรอ”
       “หน่าเตือน...อย่าลืมว่าหน่าเตือนพี่แล้วนะคะ”
       น้อยหน่าเดินออกไปจากห้อง ปิดประตู นับดาวล้มตัวนอนบนเตียง เอามือก่ายหน้าผาก ถอนหายใจ
       “ทำไมมันวุ่นงี้นะ เหนื่อยนะว้อย”
       น้อยหน่าออกมานอกห้อง มองกลับเข้าไปยิ้มเจ้าเล่ห์
       “สงสัยเตือนด้วยคำพูดคงไม่พอ”

       วันต่อมา...น้อยหน่านั่งวางแผนอะไรอยู่เงียบๆคนเดียว ตะวันวาดเดินมาหา
       “ไง หายโกรธรึยัง”
       น้อยหน่ามองตะวันวาดแว่บหนึ่ง แล้วลุกเดินหนี ตะวันวาดอึ้ง พีทถือลูกบาสอยู่แถวนั้นพอดี มองเห็นเหตุการณ์ ยิ้มกริ่ม เดินมาหาน้อยหน่า
       “แปลว่าข่าวลือเป็นจริงสินะ”
       น้อยหน่างงๆ
       “ข่าวลืออะไรของนาย พีท”
       “มีคนเห็นเธอบอกเลิกคบกับตะวันวาดหน้าห้างเมื่อวาน”
       “แล้วนายจะดีใจไปทำไม”
       “ไม่ได้ดีใจซักหน่อย”
       “แล้วยิ้มซะขนาดนี้เนี่ยนะ”
       พีทหัวเราะ
       “ไปกันเหอะ”
       “ไปไหน”
       “ผมกำลังจะแข่งบาส ไปเชียร์ผมหน่อยดิ ผมจะได้มีกำลังใจ”
       น้อยหน่าหันกลับมามองตะวันวาดแว่บหนึ่ง
       “ไปก็ไป”
       พีทยิ้ม หมุนลูกบาสบนปลายนิ้วโชว์ หันมาเหล่ตะวันวาดทีนึงแล้วเดินไปกับน้อยหน่า ตะวันวาดตัวชา ไม่เคยรู้สึกอะไรแบบนี้มาก่อน

       น้อยหน่าใส่รองเท้าบู๊ต ในมือมีถุงดำ เดินท่อมๆอยู่แถวหญ้ารกๆในไร่ ตะวันวาดเดินมาหา
       “เธอคุยอะไรกับพีทเหรอ”
       “ไม่ใช่เรื่องของนาย”
       ตะวันวาดยืนอึ้ง น้อยหน่าไม่สนใจ ตะวันวาดหงุดหงิด แต่ทำอะไรไม่ได้ เดินหนีไป
       “ประสาท”
       น้อยหน่าก้มมองอะไรของเธอต่อ แล้วก็พุ่งมือลงไปในกอหญ้าใต้ขอนไม้ หยิบงูเขียวขึ้นมาตัวหนึ่ง

       ค่ำนั้น...น้อยหน่าสวมหมวกไอ้โม่ง ย่องมาที่หน้าต่างห้องนับดาว ในมือมีถุงพลาสติก เธอยกมือไหว้ขอโทษ
       “ขอโทษนะคะพี่ดาว พี่ดาวช่วยหน่ามาเยอะ หน่าขอบคุณ หน่ารักพี่...แต่ว่า...ถ้าพี่จะจีบพ่อของหน่า หน่ายอมไม่ได้หรอกค่ะ”
       น้อยหน่าค่อยยื่นมือลอดเหล็กดัด ดันมุ้งลวดเข้าไป
       “พี่สอนหน่าเองว่าเราต้องใช้สมอง หาจุดอ่อนคู่ต่อสู้ แล้วค่อยโจมตีใช่ไหมคะ”
       น้อยหน่าล้วงมือลงไปในถุง ขยุ้มกำงูเขียวขึ้นมาหลายตัว แล้วยัดงูเขียวผ่านช่องมุ้งลวดเข้าไป

       นับดาวนอนหลับอยู่ กองทัพงูเขียวเลื้อยขึ้นมาบนตัว บางตัวเริ่มไปเปะปะแถวใบหน้า นับดาวนอนพลิกตัวไปมา เกาบ้างอะไรบ้าง จนในที่สุดก็ตื่น เปิดไฟหัวเตียง พอเห็นว่างูเขียวจำนวนมากยั้วเยี้ยอยู่บนตัว นับดาวหวีดร้องลั่น ตกใจกลัวจนขาดสติ ปราบได้ยินเสียงร้องของนับดาวตกใจตื่นรีบวิ่งมาเคาะประตูหน้าห้อง
       “คุณดาว คุณดาว เป็นอะไรไปครับ”
       ปราบกระแทกประตูโครม ร่างถลาเข้ามาเสียหลักล้มอยู่มุมห้อง...น้อยหน่ายืนดูอยู่นอกห้อง ตกใจ หน้าซีด ไม่คิดว่านับดาวจะสติแตกกลัวขนาดนี้
       “พี่ดาว”
       นับดาวเห็นประตูห้องเปิด ก็กระโดดพรวดออกไปแบบขาดสติ ปราบตกใจ
       “ระวัง”
ขานับดาวเกี่ยวขอบเตียง ล้มลง หน้าฟาดพื้นเสียงดัง



Create Date : 28 พฤษภาคม 2555
Last Update : 29 พฤษภาคม 2555 9:16:02 น. 0 comments
Counter : 393 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

atitaya_t
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




สวัสดีค่ะ ขอร่วม gang ด้วยคนค่ะ
Friends' blogs
[Add atitaya_t's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.