ชื่อ อทิตยา มี ลูกชาย 1 ชื่อ อเล็กซานเดอร์............... มีหลานชาย ( เป็นลูกหมา ) 2 ตัวชื่อ โจอี้ กับ จูเนียร์............... เราทั้ง 4 ใช้นามสกุล เดียวกันว่า มังกร ................... มีบ้านอยู่ ใกล้คลอง เจ้าหญิง เมืองอัมสเตอร์ดัม.................. 2แม่ลูก แบกกระเป๋าเที่ยวบ่อย ทำนองว่า ทัศนศึกษา.................... เที่ยวไปมา แม่ติดลม แล้วก็มาติดบลอค บางที ก็ยกขโยงไปทั้ง4 เป็น มังกรแฟมิลี่ สัญจร ............................. รู้จักกัน พอเป็นกระสัย จะได้ ทักทายกัน พอสมควร เจ้า
บนทางรถไฟสายน้ำแข็ง /ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์

โดย ผู้จัดการออนไลน์ 3 มิถุนายน 2550 14:53 น.



นี่คือทางรถไฟสวยที่สุดในโลก คู่มือของการท่องเที่ยวสวิตเซอร์แลนด์ บอกกับผมไว้เช่นนั้น รวมทั้งคำกล่าวอ้างต่อไปว่า ยูรู้ไหม หากยูได้ขึ้นบนรถไฟขบวนนี้ ยูจะทึ่งอึ้งกิมกี่ เพราะเราจะพายูไปตามเส้นทางที่ตัดผ่านตลอดเทือกเขาแอลป์ ผ่านอุโมงค์ 91 แห่ง ผ่านยอดเขาสูง 2,033 เมตร ผ่านทั้ง Furka-Basis ผ่านทั้ง Oberalp ยูเป็นต้องได้ร้องโอ้เยส

ผมได้แต่ทึ่ง โอ้...ฟูก้า โอย...โอเบ้อ ว่าแต่...มันคืออะไรหว่า ? ในครั้งนั้นอยากรู้แทบตาย แต่เวลาไม่ให้เงินไม่มี ทริปไปรีฮันนีมูนครั้งแรกของผมที่สวิสจึงจบลงด้วยอาการติดค้าง ไม่ใช่ยังฮันนีมูนไม่พอนะครับ แต่เป็นความติดค้าง อยากรู้ว่า ฟูก้าและโอเบ้อเป็นฉันใด ยังอยากไปนั่งรถไฟฉึกฉักดูแอลป์ทั้งเทือก

หลังจากก้มหน้าก้มตาทำงานอีกสองปี ผมมีเงินแอบเก็บจำนวนหนึ่ง (แอบจากเจ้าหนี้ ไม่ใช่แอบจากแฟน เพราะคุณเธอไม่กล้าหือ หึ หึ) จึงตัดสินใจชวนหวานใจ เราไปล้างแค้นสวิสกันไหม ไปบนเส้นทางรถไฟสายน้ำแข็ง The Glacier Express หนูดาวสาวในบ้านตกลงปลงใจ อันที่จริง เธอกระตือรือร้นมากกว่าผมอีกแน่ะ แถมนำเสนอแนวคิดว่า พี่ธรณ์ขา (หวานมั้ยครับ) ไหน ๆ เราก็อยากเห็นน้ำแข็งแล้ว เราไม่ไปหน้าหนาวเลยล่ะคะ เอาให้มันหนาวดึ๋ง หนูจะได้น่ากอด (ยิ่ง "ผู้จัดการ" เป็นงานเป็นการมากเท่าใด เราจะไร้สาระมากขึ้นเท่านั้น เพราะเรายึดมั่นในแนวหยิน-หยาง โลกนี้ต้องมีสมดุล)

รวบรัดตัดความตามประสานักเขียนมีโควต้าหน้ากระดาษน้อย ผมเดินทางไปสวิสในช่วงฤดูหนาว เลือกเดือนแห่งความรักด้วยนะ ไอรักจะได้ร้อนฉ่าต่อสู้กับความหนาวรอบด้าน เป้าหมายคือหาทางขึ้นรถไฟ Glacier Express เพื่อนั่งเที่ยวตลอดทั้งเส้นทาง ใช้ระยะเวลา 7 ชั่วโมงครึ่ง นั่งกันให้กลายเป็นไก่แช่แข็งคาโบกี้

รถไฟสายน้ำแข็ง เริ่มต้นเส้นทางที่เมือง Zermatt หากคุณพลิกไปดูหน้าโฆษณาท่องเที่ยวของ "ผู้จัดการ" คุณจะพบทันทีว่า นอกจากเราเป็น “ยามเฝ้าแผ่นดิน” เรายังเป็นหนังสือพิมพ์รายวันที่มีโฆษณาทัวร์มากสุดในประเทศไทย ลงกันหกเจ็ดหน้ากระดาษ มากกว่าเป็นยามด้วยซ้ำ (แหะ แหะ ยามก็เป็น เที่ยวก็ทำ นี่แหละครับยามที่ดี) ลองไล่นิ้วไปมาตามโฆษณาทัวร์นับร้อย รับรองว่า ไง ๆ ก็เจอเมืองชื่อเซอร์แมตต์

เหตุผลสำคัญ คือ Zermatt ถือเป็นเมืองที่มีภูเขาสวยสุดของสวิส พวกเราคนไทยอาจคุ้นกับยอดเขาจุงเฟรา จุดท่องเที่ยวภาคบังคับของทัวร์สวิส แต่ถ้าเป็นคนสวิส ลองถามเขาว่า ภูเขาไหนสวยสุด ? เขาจะบอกว่า ภูเขา Matterhorn ยอดเขาทรงสามเหลี่ยมสูงขึ้นมาโดดเด่นเหนือเทือกเขาแอลป์ กลายเป็นเหมือนสัญลักษณ์แห่งเทือกเขาที่ชาวสวิสภูมิใจ

ผมเคยเล่าเรื่องเซอร์แมตต์ไปแล้วครั้งหนึ่งเมื่อต้นปี จึงขอรวบรัดตัดความว่า เมืองนี้สวยจริงแถมหนาวด้วย แต่ต้องมีเวลาเที่ยว จะมาเพียงแค่ผ่าน คงไม่คุ้มกับค่าใช้จ่ายและเวลาที่เสียไป น่าจะอยู่อย่างน้อยเต็มวัน หรือมีเวลาค้างหนึ่งคืนยิ่งแจ๋วใหญ่ ช่วงนี้อยู่ในหน้าร้อน แต่อากาศที่นั่นแค่ 6 องศา (เช็คมาจากเว็บไซต์ครับ)

การเดินทางจึงเป็นช่วงต่อเนื่อง รถไฟสายน้ำแข็งออกจากเซอร์แมตต์ตอนเช้าครับ วิ่งจากเมืองหนาวในตอนเช้า วิวสวยกรี๊ดมากครับ โดยเฉพาะคนไทยที่ชินตากับเมืองร้อน เจอวิวเทือกเขา หิมะสีขาวปกคลุมไปทั่ว มีเคเบิ้ลคาร์พานักเล่นสกีมุ่งหน้าขึ้นไปบนลานเป็นทิวแถว ดูแล้วตื่นตาตาใจ ยิ่งรถไฟวิ่งเฉียดลำธาร น้ำในนั้นทั้งหมดแข็งโป๊ก น้ำตกก็แข็งครับ ไหลซ้อนลงมาสะท้อนแสงเป็นสีเงินยวง

รถไฟเริ่มลงที่ต่ำ ถือเป็นการแวะพักช่วงสั้น ๆ เพราะเลยจากเมือง Brig นิดเดียว รถไฟขึ้นที่สูงของจริงแล้วครับ นับจากนี้ต่อไปอีกเกือบห้าชั่วโมง เราจะอยู่ในที่สูงเกือบสองพันเมตรโดยตลอด หากเป็นช่วงหน้าร้อน คงเป็นวิวยอดเขาหิมะอย่างที่พอคุ้นตา แต่ตอนนี้เป็นกลางหน้าหนาวครับ ความเย็นนอกรถไฟต่ำกว่าลบสิบองศา โลกรอบตัวจึงกลายเป็นสีขาว

ผมบอกไม่ถูกครับ โลกสีขาวเป็นยังไง เอาเป็นว่า ขาวกันตั้งแต่ฟ้าจรดแผ่นดิน จนเราแยกแทบไม่ออก สีขาวปกคลุมทุกจุดทุกที่ ท่วมหลังคาบ้านขึ้นมาสูงเป็นเมตร บางจุดขึ้นที่สูงจริง บ้านถูกหิมะท่วมไปค่อนหลัง ต้นไม้ไม่มีใบ มีแต่กิ่งก้านสีดำ ดูแล้วลึกลับปนอ้างว้าง แต่สวยนะครับ เป็นความอ้างว้างแบบสวย ๆ คล้ายอกหักแต่รักยังซึ้งใจ

ความตื่นเต้นเริ่มต้นเมื่อเราผ่านอุโมงค์ยาวเหยียด Furka-Basis ผมเคยตื่นเต้นกับถ้ำขุนตานสมัยเด็ก ๆ รถไฟวิ่งผ่านตอนเช้าตรู่ ต้องรีบตื่นขึ้นมาดู จำได้ว่าสนุกสุด ๆ ขนาดถ้ำขุนตานยาวแค่กิโลเมตรเดียวเท่นั้น มาคราวนี้เจอถ้ำเมืองสวิส คิดว่าก็คงแค่ยาวกว่าหน่อยเดียว เดี๋ยวเราจะกลั้นใจขอพรให้ดู (เคยทำมั้ยครับ กลั้นใจตอนข้ามสะพาน อธิษฐานขอให้ได้แฟนสวย ทำทุกครั้งตั้งแต่อายุห้าขวบ ถึงห้าสิบเมื่อไหร่ คุณจะได้สมปรารถนา)

ใครคิดมากลั้นใจที่อุโมงค์ Furka มีหวังได้แฟนสวยในชาติหน้า เพราะอุโมงค์แห่งนี้ยาวเกือบยี่สิบกิโลเมตร ใช้เวลาวิ่งผ่านนานยี่สิบนาทีเศษ เป็นอุโมงค์ที่เจาะผ่านเทือกเขาทั้งเทือก เพื่อทะลุออกมาสู่ดินแดนที่ราบสูง ระดับสองพันเมตร หิมะมากมายจนท่วมโลก แถวนี้แทบไม่มีบ้านเรือน มีแต่ทุ่งโล่งสีขาว บางครั้งรถไฟวิ่งผ่านขอบเหว มองลงไปเบื้องล่าง เห็นทะเลสาบกว้างที่จับแข็งสนิท วิวแบบนี้ไม่เห็นในช่วงฤดูอื่นของยุโรป อยากเห็นต้องมาดูหน้าหนาวเท่านั้นครับ

เรามาถึงเขตที่สูงสุดบนเส้นทาง เป็นเขต Oberalp แต่ดูไม่ค่อยออกหรอกครับ เป็นแค่เนินสูงต่ำเต็มไปด้วยหิมะ จนวิ่งผ่านเข้ามาในเมือง Andermatt เป็นชุมทางรถไฟเก่าแก่ คล้ายทุ่งสงเมืองสุราษฎร์ธานี ปัจจุบันเป็นสกีรีสอร์ตครับ หน้าหนาวคนเพียบเลย เดินลากสกีกันตั้งแต่สถานีรถไฟ อุณหภูมิโชว์ไว้ที่ชานชาลา ลบเกือบยี่สิบองศา โชคดีที่ Glacier Express ออกแบบดีเยี่ยม ภายในอุ่นสบายครับ มีรถเข็นขายกาแฟขายขนมตลอดเวลา ขายหนังสือขายของที่ระลึกก็มีนะ เรียกว่านั่งชมวิวหิมะแบบสบาย

สำหรับผู้ที่ชอบฮันนีมูน รถไฟสายนี้เหมาะมากครับ วิ่งกันฉึก ๆ มีเวลาให้จู๋จี๋ตั้งเจ็ดแปดชั่วโมง มีข้อแม้อย่างเดียวคือระวังเจ้าสาวนอนหลับ เพราะวิวหิมะดูครั้งแรกแปลกดี ดูชั่วโมงแรกก็ยังไหว แต่ดูสักสองสามชั่วโมงจะเริ่มง่วงอย่างรวดเร็ว ปัญหาคือวิวช่วงสวยสุด จะมาตรงกลางระหว่างทริป เราอาจหลับไปก่อนถึง ตื่นมาอีกทีก็เลยแล้ว หากอยากให้ได้รสชาติ ต้องพยายามอดกลั้นลืมตาไว้ให้ลุกโพลง

ความสวยมักมาตอนท้าย กติกานี้ใช้ได้กับรถไฟสายน้ำแข็ง เพราะหลังจากนั่งรถไฟมาห้าหกชั่วโมง เรามาถึงเมือง Chur ซึ่งยังไม่มีอะไรมาก แต่จากนี้แหละครับ จะมีมากแล้ว เป็นช่วงวิ่งขึ้นเขาก่อนถึงจุดหมายปลายทางที่ St. Moritz เป็นเมืองอยู่สูงเกือบสองพันเมตร รถไฟจึงต้องวิ่งตัดผ่านโตรกผาและหุบเขา มีอุโมงค์ให้ลอดเพียบเลย บางจุดเป็นผาสูงชัน ต้องทำสะพานสูงขึ้นมาเกือบร้อยเมตร ก่อนทะลุพรวดเข้าอุโมงค์ที่เจาะทะลุหน้าผาเข้าไป ถือเป็นช่วงสวยสุดบนรถไฟในยุโรป

ผ่านจากอุโมงค์นั้น เราเข้ามาอยู่ในหุบเขาสูงแห่งเทือกแอลป์ แต่ไม่ค่อยเหมือนเทือกเขาที่ผ่านมา เพราะแถบนี้เต็มไปด้วยหมู่บ้านเล็กเมืองน้อยอยู่เป็นหย่อม มีลำธารและทะเลสาบน้ำแข็งกระจัดกระจายทั่วไป บางแห่งกว้างใหญ่จนถึงขั้นมีกิจกรรมแข่งม้าบนทะเลสาบน้ำแข็ง เมืองแถบนี้ถือเป็นแหล่งท่องเที่ยวหน้าหนาวราคาแพง เรียกว่าระดับไฮเอนด์ ไม่เหมือนหลายหมู่บ้าน เช่น จุงเฟรา เซอร์แมตต์ ที่ค่อนข้างธรรมดา จะมีร้านค้าก็แค่ขายของทั่วไป ไม่ใช่ขายเพชรขายของแบรนด์เนมเหมือนที่นี่

เราสิ้นสุดการเดินทางที่ St. Moritz เมืองสุดหรูบนภูสุดหนาว เป็นเมืองที่แตกต่าง ทั้งบรรยากาศแบบหรูหรา ภัตตาคารร้านค้าโรงแรมไม่ใช่แนวหมู่บ้านในยุโรป แต่เป็นสไตล์แหล่งช้อปปิ้งที่อยู่บนยอดเขา ใครชอบซื้อของก็สนุกครับ มีอะไรให้เลือกเยอะเชียว ใครอยากดูภูเขาดูวิวก็นั่งเคเบิ้ลคาร์ 55 เส้นทางรอบเมืองขึ้นไปเที่ยวตรงโน้นตรงนี้ อยากออกกำลังกาย จะไปเล่นเลื่อนก็ได้ ไม่ต้องมีประสบการณ์ครับ ค่าใช้จ่ายก็ถูก แถบนี้มีเส้นทางเลื่อนที่ถือว่าสวยสุดในยุโรปด้วยนะ

จาก Zermatt ถึง St. Mortiz รถไฟสายน้ำแข็งเป็นเส้นทางที่นักฮันนีมูนสมควรไปเที่ยวสักครั้ง เพื่อแต่งเติมพลังให้ชีวิตครับ...






Create Date : 22 สิงหาคม 2551
Last Update : 14 พฤศจิกายน 2552 17:51:37 น. 0 comments
Counter : 418 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

แม่ซานเดอร์
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Group Blog
 
 
สิงหาคม 2551
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
22 สิงหาคม 2551
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add แม่ซานเดอร์'s blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.