บาหลีฯ 6 : เหยียบแรกคลิก
บันเทิงคดี ชุด บาหลีและการเดินทางของหอยเชอรี่ ตอน 6 เหยียบแรกคลิก
' หญิงไทยคนหนึ่งมาบาหลี ด้วยหวังจะจาริกอย่างวิเวกดั่งก้อนหินก้อนเล็กๆ เที่ยวเนิบช้าดั่งหอยทากตัวเล็กๆ ต่อเมื่อพบทุ่งนาขั้นบันไดอยู่ตรงหน้า ก้อนหินก้อนนั้น และ หอยทากตัวนั้น ก็สาปตัวเองเป็นหอยเชอรี่ ด้วยอยากตั้งรกรากอยู่ในทุ่งนานั้น ตราบอายุขัย ' (ความหนึ่งในสมุดบันทึก)
เช้าวันใหม่ของการเดินทาง พี่สาวผู้รู้ใจน้องสาวเอาใจน้องเป็นที่ตั้งด้วยการพาไปชมทุ่งนาข้าวขั้นบันไดชื่อดัง - Tegalialang
เมื่อเดินทางไปถึง ยังไม่ทันที่ฉันจะวางสองเท้าลงแตะพื้นดี กองทัพนักขายก็มาล้อมหน้าหลังราวกับฉันเป็นดาราดังเสียแล้ว แต่ที่ได้ตำแหน่งนางฟ้ามหาตื้อที่สุด เห็นจะเป็นเด็กหญิงนัยตาโศกคนนั้น
มือซ้ายของเธอถือโปสการ์ด ส่วนมือขวาถือไม้แกะสลักพยายามยึดยื้อให้ฉันเป็นลูกค้าของเธอสุดชีวิต ฉันทำใจเย็นยอมให้เด็กหญิงเดินตามไปถึงทุ่งข้าว ฉันกระโดดลงไปลึกแค่ไหน เธอก็ไถลตัวตามลงไปถึงนั่น
ความงามของหุบทุ่งนาชั้นบันไดตรงหน้าถูกเบียดบังด้วยดวงหน้าเล็กๆของเด็กหญิงที่ดักหน้าดักหลังไม่ลดละ เสียงเล็กแหลมของเธอทำให้ฉันหงุดหงิดอยู่ไม่น้อย
ฉันเดินทางข้ามทะเลมาไกล หวังจะฟังเสียงต้นข้าวล้อลมในอากาศ แต่เสียงต้นข้าวที่ Tegalialang ล้อลมเป็นวลีว่า only one dollar ๆๆๆๆๆๆๆ
แล้วเสียงลม-อนลี่วัน ดอลลาร์ -ก็สะดุดลงเมื่อฉันหยุดเดิน หันกลับมายิ้มให้เธอและพูด
" อิสสะมา ตาลิกัง โบจิง "
เด็กหญิงจอมตื้อทำหน้าเหรอ เดาไม่ออกว่านังผู้หญิงคนนี้มันพูดภาษาอะไรกันแน่
" อิสสะมา ตาลิกัง โบจิง " ฉันพูดซ้ำด้วยหน้าตาจริงจัง
...ประโยคนี้แปลว่าอะไรฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน ...
อันที่จริงมันคือมุขส่วนตัวที่ฉันประดิษฐ์ขึ้นใช้เวลาโดนนักขายของต่างชาติมาตื๊อ ประโยคมั่วๆด้วยภาษามั่วๆ ทำให้พวกเขาถอยทัพกลับไปนักต่อนัก ใครจะเอามุขฉันไปใช้บ้างฉันก็ยินดีอย่างยิ่ง
เด็กหญิงจบการขายด้วยการเกาหัวแกรก ไม่น่าเชื่อว่าประโยคมั่วๆของฉันจะทำให้เด็กแปลกหน้าคนหนึ่งมีรังแคขึ้นศีรษะได้กระทันหันขนาดนี้
ฉันอ้อยอิ่งชมทุ่งนาอีกไม่นานก็หันหลังให้ความงามข้างหน้า เพราะเสียง อนลี่ วันดอลลาร์ฟื้นคืนชีพมาหลอนฉันไม่หาย
จากนั้นพี่สาวก็พาพวกเราไต่ดอยไปชมภูเขาไฟอากุง และภูเขาไฟบาตูร์ ที่คินตามนี
ระหว่างทางขึ้นดอยไปชมภูเขาไฟ สองข้างทางร่มรื่นด้วยไร่ส้ม และไร่ผลไม้หลายชนิด ฉันเปิดกระจกหน้าต่างสัมผัสไอเย็นบางๆจากนอกรถ อยากหลับตาพริ้มทำหน้าชวนฝันแบบนางเอกมิวสิควีดีโอ แต่ก็เสียดายวิวสองข้างทาง เลยหรี่ตาพอประมาณ แล้วแอบมองวิวไปด้วย
แค่นี้ก็ได้อารมณ์ ชิว ชิว คล้ายกำลังโลดแล่นบนถนนยางมะตอยเลนเล็กๆในเขตไร่ส้มแถวอ.ฝางแล้ว
เทวี และ ตินท์ - สองนักเรียนประถมที่ฉันแวะทักทายระหว่างทาง
ร้านขายผลไม้ข้างทาง เห็นเผินๆนึกว่าผลไม้กองเต็มตะกร้า ที่แท้เขาเอางอบมาคว่ำ เป็นฐานวางผลไม้ให้เด่นสวยต่างหาก
ร้านขายแมวไม้แกะสลักที่เราแวะ ระหว่างทางไปคินตามนี
จากสัมผัสทางตาตรงกรอบกระจกหน้าต่างรถ ฉันเร้นกายเป็นนกน้อยบินเล่นในไร่ส้มพักหนึ่งก็เอ่ยปากขอพี่สาวแวะข้างทาง เพื่อลงไปถ่ายรูปต้นส้มแสนน่ารักของชาวบ้านแถวนั้น
ขณะเดินบุกเข้าไปในเขตไร่ ฉันนึกหวั่นอยู่บ้างว่าจะโดนเป่าหัว สังเวยชีพเพียงเพราะอยากถ่ายรูปต้นส้มไหมหนอ ฉันจึงเลือกถ่ายตรงต้นส้มที่อยู่ชิดถนนมากที่สุด พร้อมจิตอกุศลก็คิดว่าเดี๋ยวถ่ายรูปเสร็จ จะปลิดมาลองชิมสักลูกดีไหม
ฉันเดินบ่ามเข้าไปอย่างใจเย็น สองมือประคองกล้องเล็ง และกดชัตเตอร์ไปที่ผลส้มลูกปลั่ง
เผละ...
เสียงนั้นดังขึ้นพร้อมกับความรู้สึกนุ่มหยุ่นที่ฝ่าเท้าซ้าย เมื่อก้มลงมอง ฉันก็พบว่ารองเท้าข้างซ้ายของฉัน กลายเป็นขนมปังปอนด์จุ่มเนยสีเหลืองตุ่นจนชุ่ม...ไปเสียแล้ว
'ขี้วัว' อันเป็นผลผลิตคุณภาพส่งตรงจากบั้นท้ายวัวบาหลี มีลักษณะข้นเนียนเหมือนโจ๊กฟักทองที่ใช้ป้อนเด็กอ่อน แต่เมื่อติดหนึบกับวัตถุใดๆ เช่นรองเท้า หรือ ฝ่าเท้ามนุษย์จะกลายสภาพเป็นกาวลาเทกซ์ชั้นดีที่พร้อมจะประทับรอยและกลิ่นพิกลไว้แทบชั่วฟ้าดินสลาย
ฉันคงทำบาปไม่ขึ้นเสียจริงๆเพราะแค่คิดว่าอยากจิ๊กส้มสักลูกก็โดนฟ้าทำโทษให้เหยียบขี้วัวเต็มๆเสียแล้ว
ฉันเขยกเท้าไปขอน้ำที่บ้านชาวไร่แถวนั้นล้าง เพราะลำพังน้ำดื่มที่ติดรถมาคงไม่ช่วยอะไร ช่วงเวลาขณะที่ฉันล้างโจ๊กฟักทองออกจากรองเท้า ฉันพยายามนึกว่าตัวเองกำลังจะทำปลาทอดขมิ้น เพื่อประโลมใจให้ผ่านพ้นวิกฤตโจ๊กฟักทองนี้ไปได้อย่างสันติ
เมื่อเราถึงจุดชมวิว ก็ได้เวลาอาหารกลางวันพอดี เราสามสาวชวนกันแวะร้านอาหารบุฟเฟ่ท์ชื่อดังของคินตามนี เพราะร้านนี้มีวิวดีๆเป็นมหรสพระหว่างมื้ออาหาร
ลมหวิว วิวหรู ภูงาม อาหารอร่อย
บุฟเฟ่ท์อาหารบาหลี อร่อยปานกลางแต่วิวหรู ภูงามทำให้อะไรๆก็อร่อย จากซ้ายไปขวา ตามเข็มนาฬิกาที่ 8.00 น - - สลัดกาโด้กาโด้ / ข้าวผัดอะไรกันนี่ / ผัดมาม่าสูตรเจ / ปอเปี๊ยะเจ๊ชืด / ไก่ย่างแดงเดือด / และไข่เจียวเบอร์มิวด้า (ตั้งชื่อตามรูปทรงสามเหลี่ยมของมัน : )
ภูเขาไฟอากุง
ภูเขาไฟบาตูร์
หลังอิ่มท้องและอิ่มตา พวกเราพากันหอบท้องตึงๆกลับมาขึ้นรถเพื่อเดินทางต่อ ฉันขอเปิดกระจกหน้าต่างเหมือนเคยเพราะชอบเอาหน้ามาอังลมนอกรถเล่น
ระหว่างผ่านไร่ส้มในเส้นทางขากลับ เราสามสาวนิ่งขึงตรึงกับที่เมื่อมีสิ่งแปลกปลอมจากนอกรถ ปลิวเข้ามารัญจวนใจถึงในห้องโดยสาร
พี่สาวถามขึ้นลอยๆว่า พวกเราได้กลิ่นอะไรคุ้นๆไหม
ฉันตอบอย่างมั่นใจ 'กลิ่นเดียวกับโจ๊กฟักทองที่หนูเพิ่งเอารองเท้าไปจุ่มนั่นแหละค่ะ...'
(โปรดติดตามตอนต่อไป)
Create Date : 22 กันยายน 2553 |
Last Update : 23 กันยายน 2553 15:39:47 น. |
|
17 comments
|
Counter : 2340 Pageviews. |
|
|
|
โดย: โตเหมี่ยว วันที่: 23 กันยายน 2553 เวลา:9:55:14 น. |
|
|
|
โดย: addsiripun วันที่: 23 กันยายน 2553 เวลา:10:43:20 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 23 กันยายน 2553 เวลา:11:56:04 น. |
|
|
|
โดย: chenyuye วันที่: 23 กันยายน 2553 เวลา:11:59:10 น. |
|
|
|
โดย: haiku วันที่: 23 กันยายน 2553 เวลา:12:04:29 น. |
|
|
|
โดย: กลิ่นดอย วันที่: 23 กันยายน 2553 เวลา:13:01:20 น. |
|
|
|
โดย: chenyuye วันที่: 23 กันยายน 2553 เวลา:14:08:43 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 23 กันยายน 2553 เวลา:16:26:31 น. |
|
|
|
โดย: diamondsky วันที่: 23 กันยายน 2553 เวลา:19:21:38 น. |
|
|
|
โดย: กลิ่นดอย วันที่: 23 กันยายน 2553 เวลา:22:35:23 น. |
|
|
|
โดย: โตเหมี่ยว วันที่: 24 กันยายน 2553 เวลา:6:24:55 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 24 กันยายน 2553 เวลา:6:49:54 น. |
|
|
|
โดย: chenyuye วันที่: 24 กันยายน 2553 เวลา:9:28:31 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 24 กันยายน 2553 เวลา:11:43:31 น. |
|
|
|
โดย: เศรษฐกร IP: 125.24.4.4 วันที่: 25 กันยายน 2553 เวลา:21:58:48 น. |
|
|
|
โดย: noinanai วันที่: 26 กันยายน 2553 เวลา:19:34:23 น. |
|
|
|
|
|
|
|
|
| 1 | 2 | 3 | 4 |
5 | 6 | 7 | 8 | 9 | 10 | 11 |
12 | 13 | 14 | 15 | 16 | 17 | 18 |
19 | 20 | 21 | 22 | 23 | 24 | 25 |
26 | 27 | 28 | 29 | 30 | |
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
หน่อยมีความสุขเช่นกันที่ได้แวะมาบ้านของพี่
พาหน่อยเที่ยวบาหลี ชอบมากๆค่ะ บรรบากาศดีมากๆ
วิวสวยสุดๆ
หน่อยขำโจ๊กฟักทองค่ะ อิอิ