บาหลีฯ 13 : โอ บาบี้ บูชายัญ
หมายเหตุ บาลีตอน 13 นี้มีอาถรรพ์ สมเลข 13 ของมัน เพราะถูกเขียนเวลาเที่ยงคืนเศษ ความตั้งใจแรกเจ้าของบล็อกคิดจะตื่นขึ้นมาเขียนหนังสือ (ตื่นตีสามมาเขียนต้นฉบับถึงเช้ามาหลายคืนแล้ว
)
แต่แล้ว ความรู้สึกข้างในมันร่ำๆว่า จงกลับไป หากบล็อกแกงค์ยังต้องการ ก็เลยเปลี่ยนมาอัพบล็อกแทนเขียนหนังสือเสียนี่
ช่วงนี้งานเข้ามากมาย เหมือนน้ำป่าไหลหลากที่เข้าท่วมพี่น้องหลายพื้นที่ยามนี้จริงๆ
ระยะนี้บล็อกอาจว่างเว้นจากการอัพไปบ้าง แม้เจ้าของบล็อกเองอยากแวะมาปลูกตัวอักษรในบ้านรักแรกคลิก และไปเยี่ยมบ้านคนอื่นทุกๆวันก็ตาม (ต่อจากตอนที่แล้ว) โอ บาบี้ บูชายัญ
ตลาดอุบุดอยู่ไม่ไกลจากตลาดสุขาวตีมากนัก แต่ถ้าจะไปโดยเดินเท้า ระยะทางคงทำให้ท้อจนกินนาซีโกเรงได้อีกหลายจาน
ฉันมีบุญได้พี่สาวทั้งสองเป็นผู้นำทางตลอดทริปแต่ช้าแต่นี้ เลยได้นั่งรถสบายๆ ไม่ต้องเที่ยวแบบอาบเหงื่อต่างน้ำเท่าไร ( ตราบใดที่พี่สาวเร่งแอร์เบอร์สูงสุด และจ่อมาเบาะหลังบ้าง)
แต่นั่นแหละ กว่าจะหาที่จอดรถ เล่นเอาเหงื่อท่วม ลงเอยด้วยการอาบเหงื่อต่างน้ำจนได้
เราเดินลัดเลาะร้านสองข้างทางมาถึงตลาดอุบุด ยังไม่ทันเข้าเขตตัวตลาด ก็ได้ยินเสียงเกรี้ยวกราดของแม่ค้าเจ้าถิ่นกำลังพ่นภาษาบาหลีไฟแลบให้ลูกค้าฝรั่งหัวหด
ดูรูปการณ์แล้ว เหมือนว่าแหม่มคนนี้ลองผ้าโสร่งแล้วไม่ซื้อ แม่ค้าเลยฉลองกัณฐ์เทศน์ภาษาบาหลีไปจบใหญ่ๆ
ฉันมองหน้าพี่สาวแล้วรู้สึกว่าคอตัวเองหดตามไปด้วยยังไงไม่รู้ ที่ตั้งใจว่าจะถ่ายรูปเก็บบรรยากาศเลยเก็บไม้เก็บมือสงวนท่าทีไว้ก่อน
กลางตลาดอุบุด ตรงนี้ปลอดแผงแม่ค้า เลยกล้า ยกกล้องถ่าย
เราผ่านแผงโน้นนี้ไปเรื่อย ได้ยินเสียงเชื้อเชิญหวานๆของแม่ค้าอยู่ดีๆ ก็ได้ยินเสียงด่านักท่องเที่ยวยามแม่ค้าไม่ได้ดังใจเป็นพักๆ เหมือนใครมาเปิดทีวีสองช่องพร้อมกัน ช่องหนึ่งเปิดเพลงค่ายเบเกอรี่ มีแต่เพลงรื่นหู ขณะที่อีกช่องเป็นละครน้ำเน่า ฉากตบจูบ
พี่สาวถามว่าอยากซื้ออะไรไหม ฉันส่ายหน้าช้าๆ เดินตามหลังพี่สาวต้อยๆเหมือนศิษย์หลวงตาแพ้อาหารก้นบาตร
ผ้าผวยแม่เอ๊ย ร้านนี้่อุ่นทั้งวัน
โปรดสังเกตลูกเงาะบนแผง มันคือเงาะก่อนถอดรูปจริงๆ เพราะดำมาเชียว
เจ๊ยังกล้าขาย นับถือมากๆ ถ้าฉันไปชะโงกมองเงาะเจ๊ชิดๆ แล้วไม่อุดหนุน จะโดนด่าเปิงไหมหนอ
สรุปว่าเราจบการชอปปิ้งตลาดอุบุดโดยไม่มีอะไรติดมือออกมา เพราะไม่อยากเสี่ยงกับการโต้วาทีกับแม่ค้า หรือรับศีลรับพรจากแผงไหนทั้งนั้น
พี่สาวปลอบขวัญน้องสาว ( ที่ทำเป็นขวัญแขวนไปอย่างงั้น อันที่จริงช๊อบชอบ สมรภูมิการค้าอะไรเทือกนี้ เจออารมณ์ซาดิสต์ดิบเถื่อนบ้าง ชีวิตก็มีรสชาติดีนะ) ด้วยขอเสนอที่ไม่อาจปฏิเสธ พี่สาวบอกว่าจะพาไปชิมหมูหันที่ดังที่สุดร้านหนึ่งในบาหลี
นาซีโกเรงยังครื้นเครงในกระเพาะแต่ฉันก็ไม่ทักท้วงอะไร บางวันเราิหาเลี้ยงชีพแบบ เช้าชาม สายชาม เที่ยงอีกชามก็ได้ใช่ไหม
ป้ายหน้าร้านหมูหันชื่อดัง Babi แปลว่าหมู Guling คือย่างหรือหัน ถ้าอย่างนั้นเด็กบาหลีได้ตุ๊กตาบาร์บี้สักตัวเป็นของขวัญ เวลาเรียก บาบี้จ๋า ก็เหมือนเรียกหมูอู๊ดสินะ
ผู้คนหลามไหลเข้าร้านเหมือนแจกฟรี ร้านนี้ไม่มีนางกวัก แต่หมูมันกวัก
หมูหันหน้าร้าน บอกตรงๆฉันเห็นแล้วสลดมากกว่ากระตุกต่อมหิว สารภาพว่าเห็นสภาพหมูในถาดนี้แล้ว นึกเคารพความกล้าหาญของเบ๊บน้อยที่อุทิศร่างเป็นอาจารย์ใหญ่ให้มนุษย์หลายคน ซึ่งฉันกำลังจะเป็นหนึ่งในนั้น
กว่าจะถึงคิวเรา หมูหันตัวที่ว่าหมดเสียแล้ว ต้องรออาจารย์ใหญ่ตัวใหม่มาส่ง เราต้องคอยช่วงชิงเก้าอี้แล้วนั่งประจำที่ห้ามลุก ไม่งั้นจะเสียม้า เอ๊ย เสียหมู เราเลยสั่งน้ำส้่มมาดับอารมณ์ช่วงรอ
หมูจ๋า เจ้าจะหันไปไหนกัน : อาจารย์ใหญ่ บาบี้มาถึงแล้ว ฉันลุกไปถ่ายแบบประชิดไหล่หมูไม่ได้ เพราะโดนกักไว้ในฝูงชน เลยได้มาแต่ภาพระยะไกล จากตรงนี้ หมูที่โดนเทินบนหัวเหมือนกำลังเข้าพิธีบูชายัญ
จานเอกของร้าน ฉันพยายามถ่ายให้เห็นมุมป้ายสะท้อนบนช้อน แต่ด้วยข้อจำกัดของคุณภาพกล้องและฝีมือ เลยทำได้แค่นี้
ด้วยภาวะหลากอารมณ์ที่สะสมต่อเนื่องตั้งแต่ตลาดอุบุด ถึงบาบี้ บูชายัญ พอข้าวหน้าหมูหันชื่อดังมาอยู่ตรงหน้าจริงๆ ฉันกลับไม่อิ่มเอมกับมันเท่าไร
อีกอย่างฉันไม่นิยมกินของมันๆ และไม่พิสมัยกลิ่นเครื่องเทศแบบแขก เลยกินพอเอารส ได้ชื่อว่ามาถึงแล้ว
แต่ซึ้งพี่สาวทั้งสองที่อดทนรอเป็นเพื่อน เพื่อให้น้องได้ชิมร้านดัง เพราะพี่ๆเคยมาชิมร้านนี้แล้ว
น้ำซุปเครื่องเคียง ฉันซดไปไม่กี่ช้อนเพราะไม่ถูกใจเท่าไร พอพี่สาวบอกว่าถ้วยนี้ราคาแปดสิบบาทไทยเท่านั้น ฉันก็กลั้นใจซดเข้าไปอีก เพราะเสียดาย นึกถึงซุปที่ร้านข้าวมันไก่บ้านเราขึ้นมาทันที อร่อยกว่าแถมมีชิ้นฟักแก้เลี่ยนให้ด้วย
หมาหันประจำร้าน คอยรอเศษอาหารจากลูกค้าตามโต๊ะ ตัวมันกลมดิกเหมือนหมูที่มันกินนั่นแหละ ชอตนี้มันเอี้ยวมาเล่นหูเล่นตากับกล้อง สมชื่อ หมาหันเสียจริงๆ
วันนี้พี่สาววางแผนการเดินทางแบบเบิร์ด เบิร์ด เราเลยไม่ตะลอนไหนไกล พี่บอกว่าวันพรุ่งนี้จะพาไปชะโงกผา เหล่มหาสมุทร
ฉันฟังแล้วอยากตรงเข้าไปกอดพี่สาวให้เต็มอ้อมแขน แต่กลัวพี่สาวร้องว่า อย่านะ บาบี้ !!! พี่หายใจไม่ออก เลยตอบรับเพียงขยิบตา ยิ้มสดชื่นเหมือนเลียงผาเริงไพร
โปรดอ่านต่อฉบับหน้า
Create Date : 27 ตุลาคม 2553 |
|
36 comments |
Last Update : 27 ตุลาคม 2553 10:19:34 น. |
Counter : 3822 Pageviews. |
|
|
|
หนังสือเล่มสามจะออกทันปีใหม่ไหม?