1 2
3 4 5 6 7 8 9
10 11 12 13 14 15 16
17 18 19 20 21 22 23
24 25 26 27 28 29 30
เพื่อนเก่า แฟนเก่า เพื่อนของแฟนเก่า กับชีวิตคู่
ผมมีเพื่อนสนิทมากอยู่คนหนึ่ง รู้จักกันมาตั้งแต่ราวๆปี 2525 กี่ปีแล้วล่ะ ผมเอานิ้วตัวเองนับแล้วยังไม่พอ อาจต้องขอยืมนิ้วคุณมานับด้วย เอาเป็นว่า รู้จักเธอตั้งแต่เพื่อนที่โรงเรียนผมมันแย่งกันจีบเธอ จนเธอเป็นแฟนกับเพื่อนผม จนเธอเลิก เธอมีแฟน เธอเอนทรานซ์ เธอจบจุฬา เธอข้ามมาเรียนโทที่ธรรมศาสตร์ เธอทำงาน เธอแต่งงาน ผมก็เป็นพิธีกรให้ เธอมีลูก หนึ่งคน สองคน ชีวิตคู่เธอ ปกติบ้าง ไม่ปกติบ้าง เธอก็ยังนึกถึงผม เราคุยกันเป็นระยะๆ ในทุกช่วงชีวิตของเธอ เธอบอกว่า เธอชอบฟังผมอธิบาย เพราะมันทำให้เธอเข้าใจอะไรๆได้มากขึ้น เวลาเธอมีปัญหา เพื่อนสนิททุกคนของผม จะมีลักษณะคล้ายกัน คือ ตัวไม่ติดกัน เพราะผมเป็นคนมีโลกส่วนตัว ผมชอบความสันโดษ ไม่ชอบไปไหนกับคนหมู่มาก ไม่ชอบปาร์ตี้ ไม่ค่อยออกงาน นอกจากคนสนิทกันชวนมา ดังนั้น นิยามเพื่อนสนิทของผม อาจจะไม่ได้มีคำว่า โทรคุยกันทุกอาทิตย์ มันอาจจะเป็นแค่เดือนหรือสองเดือนหน ที่เจอกัน คุยกัน เราก็ยังรู้สึกว่า เราสนิทกัน ความถี่มันไม่สำคัญ เท่าความรู้สึกน่ะ ..ผมว่า เมื่อวาน ผมแวะไปทานมื้อเที่ยงแถวที่ทำงานเธอมา จะว่าไป.. เราก็อยู่ไม่ไกลกันมาก และจะว่าต่อไป.. โลกที่เราอยู่มันกลมกว่าที่เรานึก มีเพื่อนโรงเรียนเก่าของเธอ 2 คน ที่ผมรู้จักดี.. ดีเลยล่ะครับ คนนึงเป็นแฟนเก่าผมเอง .. เป็นแฟนที่เป็นผู้หญิงในอุดมคติของผมมากที่สุด ที่ผมเคยเจอมา (ถ้าเผื่อคุณกำลังจะคิดอะไรต่อ ทุกวันนี้ เธอแต่งงานไปแล้วครับ) ตั้งแต่สมัยเรียนจบใหม่ๆ รู้จักกันเป็นเพื่อนเก่ากันไม่พอ ทุกวันนี้ ก็ทำงานที่เดียวกับเพื่อนสนิทผมอีก แต่คนละฝ่าย แถมทั้งคู่มีเพื่อนสนิทคนเดียวกัน สนิทขนาดที่เป็นคนโทรมาด่าผมเอง เมื่อสิบกว่าปีก่อน ตอนผมเลิกกับแฟนเก่าผม ที่เป็นเพื่อนเขานั่นแหละ เรื่องตอนโน้น เป็นยังไง ขอไม่เล่านะครับ แต่เอาเป็นว่าทุกอย่างมันก็แล้วไปแล้ว ถึงมันจะจบลงเศร้าขนาดนิยายสี่เล่มของทมยันตี รวมกับ กฤษณา อโศกศิน รวมกันก็ยังไม่เท่า ผมก็แอ่นอกรับว่า มันเป็นความโง่ บ้า เซ่อบริสุทธิ์ของผมเอง ระหว่างที่ทานมื้อเที่ยง เธอเล่าให้ฟังเรื่องสารทุกข์สุขดิบ และความยากในชีวิตครอบครัวของเธอ และถามผมหลายอย่าง เรื่องของผมกับอดีตภรรยา ถึงกระบวนการการตัดสินใจจะแยกทาง ผมค่อนข้างตกใจ เพราะจับประเด็นได้ว่า เธอเริ่มไม่ศรัทธา ในการมีชีวิตคู่ เพราะหลายๆคน หลายๆคู่ที่อยู่รอบๆตัวเธอ มันแสดงภาพชีวิตคู่ที่ตะปุ่มตะป่ำ เหมือนเดินบนถนนที่ขรุขระ เป็นหลุมเป็นบ่อ พระท่านเคยแสดงธรรมไว้ว่า จิตใจคน เป็นเหมือนฟองน้ำ อยู่ใกล้น้ำชนิดไหน ก็จะซึมซับเอาน้ำชนิดนั้นมาเป็นของตน คนที่โตมาในสภาพแวดล้อมแบบนึง ทัศนคติ ก็จะเป็นแบบนึง คนที่ครอบครัวดี พ่อแม่ดี ก็แบบนึง ครอบครัวไม่ดี แต่พ่อแม่ดี ก็อีกแบบ ครอบครัวไม่ดี พ่อแม่ไม่ดี แต่ญาติๆที่ช่วยเลี้ยงดี ก็อีกแบบ ถ้าไม่ดีเลยสักข้อ อันนั้นก็อีกแบบ ฉันใด ฉันนั้น คนที่เพื่อนๆ พี่น้อง ญาติๆ มีชีวิตครอบครัวที่ดี ก็จะมีทัศนคติต่อชีวิตคู่ดี ถ้าไม่ดี ก็มีแนวโน้มจะมองอะไรร้ายๆลบๆ ได้ง่ายเหมือนกัน สติ ถึงมีความสำคัญต่อชีวิตคนเรา ด้วยเหตุนี้ ผมมีเวลาคุยกับเธอได้ไม่นาน ในมื้อกลางวัน เราเลยทำในสิ่งที่ปกติไม่ค่อยได้ทำ คือโทรคุยกันอีกทีตอนสี่ทุ่มกว่า คราวนี้ทำตัวเป็นเด็กมัธยม คือคุยกันไปจนเกือบตีหนึ่ง ได้ช่วยให้เพื่อนมีสติในการมองชีวิตคู่ใหม่ในแง่ดี นี่มันรู้สึกดีนะครับ แต่อีกใจนึง ก็รู้สึกว่า โลกนี้มันไม่ค่อยมีความพอดี ไม่มีอะไรแน่นอน ไม่มีอะไรที่เราจะวางใจได้ ว่ามันจะเป็นอย่างนั้น อย่างนี้ เที่ยงแท้ ถาวร ความสุขที่เคยมองไว้ก่อนแต่งงาน มันอาจจะเป็นเหมือนความฝัน ฟังเรื่องที่ญาติของสามีเธอคนนึงแต่งงานได้ไม่นาน ภรรยา ต้องหอบข้าวของกลับไปบ้านพ่อแม่ แล้วก็สะท้อนใจ ส่วนหนึ่ง เพราะคนจำนวนมาก ชอบเลือกคู่ จากความเหมาะสมในแง่สังคม การยอมรับของครอบครัว มากกว่า ความรัก หรือความพอดี เรื่องความคิดความอ่าน การมองโลก การใช้ชีวิต ผมไม่ได้บอกว่า คนจำนวนมากที่ว่า ทำผิดนะครับ แม้ว่ามันจะเป็นเหตุหนึ่ง ที่ทำให้ผมยังไม่สามารถลงเอยกับใครได้ก็ตาม เพียงแต่ผมเห็นว่า ความเหมาะสมจากมุมมองของสังคม และการยอมรับของครอบคัรว โดยพิจารณาจาก profile ปูมหลัง มันก็เหมือนการตัดสินว่าใครจะประสบความสำเร็จในชีวิต จากการดูสมุดพก หรือใบสมัครงานนั่นแหละ แต่ก็นั่นแหละ.. คนที่จะพิสูจน์ได้ว่า สมุดพกคืออดีต ไม่สำคัญเท่าปัจจุบัน ไม่มีผลผูกพันกับอนาคต มีอยู่มากแต่เป็นที่รู้กันไม่มากนัก ที่เรารู้แน่ๆก็มีคนอย่างอัลเบิร์ต ไอนสไตน์ บิล เกตส์ สตีฟ จ๊อบส์ เป็นต้น จะว่าไป.. ทฤษฎีที่ว่า การแต่งงานก็เหมือนการซื้อหวย ก็ยังใช้ได้เสมอ เพียงแต่ถ้าพูดไม่ให้ดูมองโลกในแง่ร้ายมาก ก็ต้องบอกว่ามันเป็นหวยประเภทจับฉลาก น้ำเต้าปูปลามากกว่า หรือเหมือนเลือกทหารว่า จะได้ใบดำ ใบแดง ไม่ถึงขนาด หนึ่งในล้านอย่างสลากกินแบ่งรัฐบาล ผมก็ไม่ทราบจะให้กำลังใจ หรือปลอบใจ คุณที่กำลังจะแต่งงานยังไง เอาเป็นว่า ถ้าไม่อยากผิดหวัง ก็อย่าหวังอะไรมาก ทำให้ดีที่สุด อะไรจะเกิดก็ถือว่า As Good As It Gets ก็แล้วกันนะครับ สุขสันต์วันเสาร์ครับ เกือบลืม เพลงวันนี้ชื่อ sweet memories เพราะบาดใจผมเหลือเกิน นักร้องชื่อ โอลิเวีย เป็นญี่ปุ่น อัลบั้มมีขายที่ร้าน โดเรมี สยามแสควร์ และ True Life Shop พารากอน นะครับ A Girl Meets Bossa Nova 2 ชอบก็ไปซื้อเถอะ อย่า D/L เฉยๆ มันบาปนะคุณ
Create Date : 30 กันยายน 2549
Last Update : 1 ตุลาคม 2549 10:37:40 น.
16 comments
Counter : 1890 Pageviews.
โดย: โสมรัศมี วันที่: 30 กันยายน 2549 เวลา:15:01:52 น.
โดย: โสมรัศมี วันที่: 30 กันยายน 2549 เวลา:15:30:51 น.
โดย: run to me วันที่: 30 กันยายน 2549 เวลา:15:39:54 น.
โดย: แพ็ท IP: 58.147.74.169 วันที่: 30 กันยายน 2549 เวลา:15:55:57 น.
โดย: 304 คอนแวนต์ (304 คอนแวนต์ ) วันที่: 30 กันยายน 2549 เวลา:17:04:30 น.
โดย: บรรณภรณ์ วันที่: 30 กันยายน 2549 เวลา:18:01:11 น.
โดย: Q. IP: 58.181.206.146 วันที่: 30 กันยายน 2549 เวลา:19:40:25 น.
โดย: kittykitten IP: 58.8.137.210 วันที่: 30 กันยายน 2549 เวลา:20:01:21 น.
โดย: random-4 วันที่: 1 ตุลาคม 2549 เวลา:8:55:44 น.
โดย: aston27 วันที่: 1 ตุลาคม 2549 เวลา:9:44:48 น.
โดย: ซออู้ วันที่: 3 ตุลาคม 2549 เวลา:21:07:36 น.
โดย: ฟ้าคงสั่งมา IP: 58.8.10.165 วันที่: 7 ตุลาคม 2549 เวลา:10:14:43 น.
โดย: aston27 วันที่: 9 ตุลาคม 2549 เวลา:22:42:11 น.
โดย: ดำรงเฮฮา วันที่: 14 ตุลาคม 2549 เวลา:21:11:20 น.
โดย: nanja IP: 124.120.109.76 วันที่: 26 ธันวาคม 2549 เวลา:2:38:26 น.
สวัสดีวันเสาร์ค่ะ