|
| 1 | 2 |
3 | 4 | 5 | 6 | 7 | 8 | 9 |
10 | 11 | 12 | 13 | 14 | 15 | 16 |
17 | 18 | 19 | 20 | 21 | 22 | 23 |
24 | 25 | 26 | 27 | 28 | 29 | 30 |
|
|
|
|
|
|
|
บ๊ะจ่าง จตุคาม Bruce ALmighty และห้องปฏิบัติธรรมของผม
วันอาทิตย์ เปิดเพลงเสี่ยวบ๊ะจ่างไปสองเพลง คนฟังชอบใจมาก จนส่งบ๊ะจ่างมาให้กินจริงๆ
เพลงมันน่ารักดีจริงๆนะครับ เติ้งลี่จวิน เธอก็ร้องดีจริงๆ
บ๊ะจ่างนี่ตามประวัติที่คุณจิตรา ก่อนันทเกียรติเขียนเล่าไว้ เป็นของกินที่เกิดขึ้นเพราะประเพณีของคนจีนในแคว้นนึง ที่ทำขึ้นเพื่อรำลึกถึงขุนนางผู้ซื่อสัตย์ แต่ตกยากคนนึง ชื่อคุกง้วน
เป็นขุนนางดี แต่เกิดผิดยุค ผิดสมัย ดันไปเจอกษัตริย์ที่ขาดทศพิธราชธรรม อย่างก๊กฉู่ และเจอขุนนางคนอื่นที่เกลียดชัง ริษยา จนถูกเนรเทศ ที่สุดแล้วน้อยใจจนไปโดดน้ำตาย (อันนี้ไม่ค่อยฉลาดเลยแฮะ ท่านคุกง้วน)
ชาวบ้านรู้ข่าว ก็พยายามลงไปงมหาศพขึ้นมาทำพิธีแต่หาไม่เจอ เลยเอาข้าวสารไปโปรยในแม่น้ำ ให้กุ้งหอยปูปลากิน เพื่อจะได้ไม่ไปกินศพของคุกง้วน ไปๆมาๆ ก็มีคนคิดทำบ๊ะจ่างขึ้นมาไหว้เพื่อรำลึกถึงคุกง้วน แต่อย่าถามว่าไปๆมาๆทำไมต้องใส่ใบจาก แล้วเกี่ยวไรกะไหว้บรรพบุรุษ
ต้องไปถามคนแถวเสฉวน สมัยคุกง้วนโน่น
ว่ากันว่าวันที่ท่านไปโดดน้ำป๋อมแป๋ม ตรงกับวันที่ 5 เดือน 5 ของจีน ก็เลยถือเอาวันนั้นเป็นวันไหว้บ๊ะจ่าง
เทศกาลบ๊ะจ่างนี่มีแค่ปีละหน ไม่เหมือนเทศกาลสร้างจตุคาม ตอนนี้แทบจะสร้างกันรายสัปดาห์อยู่แล้ว
นึกแล้วก็น่าเหนื่อยใจแทนท่านจตุคาม รามเทพ มิใช่น้อย เพราะเดิมทีท่านปกปักรักษา ชาวบ้านทางทะเลใต้เฉยๆ ตอนนี้มันลุกลามขยายไปทั่วประเทศ
มันคงคล้ายๆ คนเคยมีลูก 3 คน แล้ววันนึงกลายเป็นคุณพ่อลูก 300 ขึ้นมา
ท่านจะเต็มใจหรือเปล่าไม่รู้ล่ะ แต่ผมเห็นคนเรียกท่านเป็น "พ่อ" กันเป็นแถว
พูดเรื่องจตุคามแล้วผมนึกถึงหนังเรื่อง Bruce Almighty ที่จิม แคร์รีย์ เล่นเป็นผู้ชายที่สารพัดจะบ่นพระเจ้า จนวันนึงพระเจ้าหมั่นไส้ เลยบอกว่า.. มา .. เอ็งลองมาเป็นพระเจ้าดูสักเจ็ดวัน จะได้รู้
จิม แคร์รีย์ ถึงได้พบว่า การเป็นคนมีอำนาจสูงสุดในจักรวาล มันไม่ได้เรียบง่าย สวยหรูดูดี อย่างที่เขาคิด โดยเฉพาะเมื่อเวลาที่มีคนสวดภาวนาขอพร ขอให้ถูกหวย ขอโน่น ขอนี่ ขอนั่น จากทั่วโลก ที่ถูกจัดเรียงส่งถึงเขาในรูปของอีเมล์
เท่ากับวันๆนึง เขาต้องอ่านและตอบคำขอของคนเป็นล้านคน ถ้าให้หมด ก็วุ่นวาย ถ้าไม่ให้ ก็จะมีคนด่า อย่างที่เขาเคยทำ
ผมอดนึกสงสัยไม่ได้ว่า สมัยผมเอนท์ทรานซ์ ถ้าจตุคามกำลังฮอตๆ อย่างตอนนี้ สงสัยจะมีนักเรียนห้อยท่านไปช่วยทำข้อสอบด้วยเป็นแถว
ที่จริงสมัยผมเอนท์นั้น เขาฮิตไหว้พระพรหมเอราวัณกัน ผมไม่เคยเข้าไปไหว้ท่านเลย ทั้งๆที่นั่งรถเมล์ผ่านบ่อยๆ ยิ่งตอนเอนท์ ยิ่งไม่กล้าไปบนท่าน เพราะเคยนึกเล่นๆว่า ถ้าคณะผมเขารับ 120 คน มีคนมาบนสัก 200 คน ท่านจะช่วยใคร
ช่วยคนที่ให้ข้อเสนอดีที่สุดเหรอ ไม่หรอกมั้ง... ท่านเป็นพรหมแล้ว อยากได้อะไรวิเศษท่านก็เนรมิตเอาเองได้
อุตส่าห์ทำบุญกุศลมากมาย ได้ไปเป็นตั้งท้าวมหาพรหม แต่ต้องมานั่งดมควันธูป รมกลิ่นควันรถตรงสี่แยก มานั่งดูคนฟ้อนรำชุดเดิมๆ วันละสิบกว่ารอบ แค่นี้ท่านก็เหนื่อยแย่แล้ว วันดีคืนดียังมีคนบ้ามาทุบเล่นซะอีก
ถ้าผมเป็นท่าน คงจะนึกในใจว่า ขอเรากลับไปอยู่สบายๆบนสวรรค์ได้มั้ยนี่
แต่อยู่มาวันนึงนั่งรถเมล์ผ่าน ช่วงใกล้ๆจะสอบ ผมก็นึกเล่นๆขึ้นมาว่า ถ้าผมเอนท์ได้ ผมค่อยเอาพวงมาลัยมาถวายท่านก็แล้วกัน
พอเอนท์ได้ ก็เลยได้ไปไหว้ท่านอย่างเป็นทางการเป็นครั้งแรก เพราะไม่อยากให้ท่านเข้าใจว่าผมเบี้ยว แม้ว่าจะไม่ได้บนโดยเจตนาก็ตาม ฮา...
ทุกวันนี้ ครูบาอาจารย์ ท่านจะเตือนลูกศิษย์ให้ผมได้ยินบ่อยๆว่า ทำบุญแล้วอย่าอธิษฐานให้ได้เป็นเทวดา เป็นพรหมนะ ให้เกิดเป็นมนุษย์ ผู้มีจิตใจสูงดีกว่า จะได้มีโอกาสมาเจริญสติ มาเรียนวิปัสสนาต่อให้เสร็จกิจ
เป็นเทวดา เป็นพรหม ไประยะนึง จนหมดบุญ วันนึงก็ต้องกลับมาเกิดใหม่ มาเริ่มใหม่อีก แล้วก็ต้องลุ้นว่า จะเดินทางชีวิตผิดพลาดเมื่อไหร่
หลายคนที่ผมสนิทด้วย แล้วผมดูว่าใจไม่ปิดมาก ผมจะคอยเตือนว่า.. ชาตินี้ ได้เกิดเป็นมนุษย์ หน้าตาดี ผิวพรรณดี ฐานะดี ครอบครัวดี การงานดี เท่ากับมีบุญเท่าเทวดา แต่มาอยู่ในโลก
ก็อย่าประมาท อย่าทิ้งโอกาสที่จะปฏิบัติธรรมนะ อย่าคิดว่ามีบุญแล้ว บุญเก่าจะไม่มีกรรมมาตัดรอน อย่าคิดว่าบุญเป็นของใช้ไม่หมด
ถ้าใช้อย่างเดียว ไม่สร้างกรรมใหม่ที่ดี ไม่ต่อยอดบุญไปเรื่อยๆ วันนึงก็หมดได้
บุญกุศลที่ดีที่สุด ไม่ใช่การทำสังฆทาน ไม่ใช่การถือศีล อันนั้นมันบุญกุศล ระดับเบสิค พื้นๆ ใครก็ทำได้
ผมเคยได้ยินคนเล่าว่า .. พระพุทธเจ้าบอกพระสาวกว่า
จะบูชาเราด้วยเครื่องหอมชั้นเลิศ ภัตตาหารชั้นเยี่ยม จะสร้างวัดที่สวยที่สุดในโลกให้เรา ก็ยังไม่ได้บุญเท่าการปฏิบัติบูชา
การปฏิบัติในความหมายของท่าน คือการวิปัสสนานี่แหละ
เพราะมีแต่พุทธศาสนา ที่สอนเรื่องวิปัสสนา มีแต่วิปัสสนา ที่พาเราไปสู่การหลุดพ้นจากวังวนแห่งการเวียนว่ายตายเกิด อันนั้นเราพูดกันเรื่องประโยชน์ในขั้นสูงสุดนะ
หรือในระดับรากหญ้า คนธรรมดา ที่มีวิปัสสนาในชีวิต ก็จะเป็นคนที่มีทุกข์น้อยกว่าคนทั่วๆไป
เพราะวิปัสสนาจะพิสูจน์คำสอนหลายอย่าง ที่เราเคยได้ยินได้ฟัง ให้เรา เห็นของจริง เช่น คำสอนว่า สิ่งทั้งหลายในโลก ล้วนแต่เกิดขึ้น ตั้งอยู่ แล้วก็ดับไป
เช่นคำสอนที่ว่า กายนี้ ไม่ใช่ของเรา จิตนี้ก็ไม่ใช่ตัวเรา ตัวเราไม่มี มีแต่ความเห็นผิด สำคัญผิด ว่าตัวเรานี้มีอยู่
เช่นคำสอนที่ว่า ทุกข์ ดับได้ด้วยสติ โดยไม่จำเป็นต้องมีความ"อยาก"ดับทุกข์
เช่นคำสอนที่ว่า สุขก็อยู่กับเราไม่นาน ทุกข์ก็อยู่กับเราไม่นาน
จะดี จะเลว จะสุข จะทุกข์ มันผ่านมา แล้วก็ผ่านไป เหมือนลมที่พัดมาหอบนึง ผ่านไป
ไม่มีอะไรเป็นสิ่งที่เรียกได้ว่า ถาวร ในชีวิต
มีคนถามผมเสมอว่า ผมไปวัดบ่อยแค่ไหน ไปปฏิบัติเข้าคอร์สบ้างหรือเปล่า
ผมตอบไปว่า.. คนทำงาน 7 วันแบบผม ไม่ค่อยมีโอกาสดีอย่างคนอื่น ผมไปวัดน้อยมาก เมื่อเทียบกับเพื่อนๆคนอื่น ที่ปฏิบัติอยู่ด้วยกัน
เพียงแต่ผมถือว่า ทุกที่ที่ผมมีชีวิตอยู่ คือห้องปฏิบัติธรรมของผม ไม่ต้องรอให้อยู่ในวัด แต่เอาวัดมาอยู่ในใจเรา
แล้วก็ปฏิบัติได้จากตรงนี้ นั่งเขียนบล็อค ก็ดูจิตได้..
เขียนดี อ่านแล้วชอบใจ รู้ว่าชอบใจ เขียนไม่ดี เขียนไม่ออก ไม่ชอบใจ รู้ว่าไม่ชอบใจ
อาบน้ำ ก็ดูจิตได้ ก่อนอาบขี้เกียจ ไม่อยากอาบ รู้ว่าขี้เกียจ รู้ว่าไม่อยาก พอเปิดน้ำเจอน้ำเย็น ตกใจ รู้ว่าตกใจ แต่อาบเสร็จแล้วสบาย รู้ว่าสบาย
เดินไปขึ้นรถ ก็เหมือนเดินจงกรม เพราะเรารู้สึกตัว คอยตามรู้การเคลื่อนไหวของกาย และจิต
ขับรถไปทำงาน หรือกลับบ้าน ก็ดูจิตได้ มีคนขับรถน่ารำคาญ รู้ว่ารำคาญ โกรธรู้ว่าโกรธ เห็นความรำคาญ ดับวับไป รู้ว่ามันดับ เห็นความโกรธ จางลงๆ รู้ว่าจางลง
มันดับไป แล้วยินดี รู้ว่ายินดี มันมีอัตตาว่ากูเก่ง กูทำได้ รู้ว่ามีอัตตา
เขียนบล็อดยาวเกินไป เห็นเวลา..สายแล้ว ตกใจรู้ว่าตกใจ ..
เอิกกกก... สุขสันต์วันไปทำงานสายครับ
Create Date : 20 มิถุนายน 2550 |
Last Update : 21 มิถุนายน 2550 23:43:22 น. |
|
23 comments
|
Counter : 1778 Pageviews. |
|
|
|
โดย: Hobbit วันที่: 20 มิถุนายน 2550 เวลา:9:55:23 น. |
|
|
|
โดย: KnightWin วันที่: 20 มิถุนายน 2550 เวลา:12:03:41 น. |
|
|
|
โดย: พี่แหม๋ว...ฟ้าสั่ง:) (ฟ้าคงสั่งมา ) วันที่: 20 มิถุนายน 2550 เวลา:12:07:04 น. |
|
|
|
โดย: run to me วันที่: 20 มิถุนายน 2550 เวลา:13:22:20 น. |
|
|
|
โดย: กุมภีน วันที่: 20 มิถุนายน 2550 เวลา:16:29:07 น. |
|
|
|
โดย: ดาริกามณี วันที่: 20 มิถุนายน 2550 เวลา:17:04:12 น. |
|
|
|
โดย: Q.NUH วันที่: 20 มิถุนายน 2550 เวลา:17:06:12 น. |
|
|
|
โดย: aston27 วันที่: 21 มิถุนายน 2550 เวลา:1:28:24 น. |
|
|
|
โดย: JewNid วันที่: 21 มิถุนายน 2550 เวลา:9:54:13 น. |
|
|
|
โดย: random-4 วันที่: 21 มิถุนายน 2550 เวลา:10:02:04 น. |
|
|
|
โดย: Oakyman วันที่: 22 มิถุนายน 2550 เวลา:0:45:43 น. |
|
|
|
โดย: aston27 วันที่: 22 มิถุนายน 2550 เวลา:7:17:20 น. |
|
|
|
โดย: mint_candy วันที่: 24 มิถุนายน 2550 เวลา:16:22:57 น. |
|
|
|
|
|
|
|
https://www.bloggang.com/mainblog.php?id=beee
----------------------------------------------------
วันก่อนดูรายการอะไรไม่รู้ทางทีวี เค้าบอกว่าวัตถุมงคลเป็นเพียงเครื่องยึดเหนี่ยวให้เราระลึกถึงความดี ให้ทำดี คิดดี แล้วเราก็จะได้รับสิ่งดีๆจากการกระทำของเราเอง ไม่ใช่ยึดแล้วหวังพึ่งเทพ เทวดา แต่ไม่คิดพึ่งตนเอง ฟังแล้วรู้สึกดีค่ะ :)