Both Sides Now
ใครที่รู้จักผมเป็นการส่วนตัว จะทราบว่าผมเป็นนักฟังเพลง เวลาตอบกระทู้ บางทีผมก็ยกเนื้อเพลงมาเล่าให้ฟัง บ้างก็เล่าถึงชีวิตของนักร้องศิลปินบางคน ที่ใช้อ้างอิงกันได้
แต่หลายคนอาจไม่ทราบว่า ข้อเสียในการเป็นนักฟังเพลงของผม คือผมจะสนใจในรายละเอียดส่วนดนตรี มากกว่าเนื้อร้อง
นั่นคือเหตุที่หลายๆครั้ง ผมรู้จักเพลงดีๆมานานแสนนาน โดยไม่รู้เลยว่า ความหมายของมันคืออะไร เพลงดีๆหลายๆเพลง ก็เลยกลายเป็นเพลงธรรมดาๆสำหรับผม
เหมือนชีวิตของหลายคนที่อ่านอยู่ .. บางที เรามีสิ่งดีๆใกล้ๆตัว แต่เราไม่เคยรับรู้ หรือมองเห็นค่าของสิ่งนั้น
ต้องรอให้มีเหตุการณ์อะไรสักอย่าง มาเตะหัวใจเราให้ตื่น มาเห็นความจริง มาเปลี่ยนมุมมองที่เราเคยมี มามองในด้านที่เราไม่เคยเห็น หรือเห็นแต่ไม่เคยสนใจมาก่อน ................. ช่วงส่งท้ายปีเก่าเมื่อราว สาม-สี่ปีก่อน ผมไปดูหนังเรื่อง Love Actually พนันได้ว่าหลายคนชอบหนังเรื่องนี้ เหมือนกัน
ผมไปสะดุดเพลงเข้าเพลงนึง ในหนัง ที่ผมรู้จักมานานแล้ว .. แต่ไม่เคยใส่ใจให้ค่าอะไรเป็นพิเศษ
เพลงชื่อว่า.. Both Sides Now ร้องโดย Joni Mitchell ครับ จะว่าไปตอนที่ได้ยินเพลงนี้ในหนัง ผมก็ยังเหมือนเดิม คือชอบดนตรีของฉบับนี้มาก แต่ก็ไม่ได้สนใจเลยว่าเนื้อเพลงเขาร้องอะไรบ้าง
จนกระทั่งผมไปนั่งฟังเพลงนี้ ที่ออฟฟิศเก่า แล้วเจ้านายผมมานั่งฟังด้วย แล้วแกก็เล่าให้ฟังว่าเนื้อเพลงนี้มันดียังไง
แกบอกว่า เนื้อเพลงเล่าถึงมุมมองของคนสามวัย
จากวัยเด็ก ที่ชอบมองท้องฟ้า เห็นเมฆแล้วก็จินตนาการไปสวยงาม พอโตขึ้น เมฆกลับกลายเป็นตัวขวางแสงแดด ตัวสร้างฝนและหิมะ เป็นต้นเหตุของอุปสรรคไม่ให้เราได้ทำหลายอย่างที่อยากทำ พอมองย้อนกลับไป.. เออนะ ดูเหมือนตอนเด็กๆเราไม่เคยรู้จักเมฆเลย
พอเป็นวัยรุ่น วัยหนุ่มสาว เราก็มีมุมมองความรักแสนหวานสีสวย แต่พอรักกลับกลาย ฝันสลาย ถึงได้เห็นอีกด้านของความรัก
เห็นทั้งมุมของการรับ และการให้ .. การพบและพลัดพราก เห็นว่ามันก็แค่อีกเรื่องราว ที่เกิดขึ้น ตั้งอยู่และดับไป ในชีวิตยึดมั่นถือมั่นกับมันไม่ได้
มองย้อนกลับไป.. เหมือนกับเราไม่เคยเข้าใจความรักเลย
พอเลยวัยหนุ่มสาวไป เป็นผู้ใหญ่ มองย้อนดูชีวิต ที่เห็นและเป็นไป ผ่านชีวิตแต่ละวันมาก็มาก ทั้งดี ทั้งร้าย ทั้งได้ และเสีย
มองย้อนกลับไป ถึงได้เห็นว่า ชีวิตก็เป็นคล้ายภาพลวง เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป ยึดมั่นอะไรไม่ได้ เหมือนเราไม่รู้ ไม่เข้าใจ ความจริงของชีวิต
นายเก่าผมบอกว่า.. บางทีคนที่รู้จักชีวิตมากที่สุด คือคนที่รู้ตัวว่า.. เราไม่ค่อยรู้อะไรเกี่ยวกับมันเลย
คนที่ฉลาดที่สุด.. คือคนที่รู้ตัวว่าตัวเองโง่มากนั่นแหละ
เพราะถ้าอัตตามันบังตา มันก็ไม่เห็นความจริง บางทีความจริงอยู่ใกล้แค่ไรผม ติ่งหู ปลายจมูก ก็ไม่เคยเห็นเลย ว่ามันมีอยู่
ฟังแล้วขนลุกครับ ...
เสียดายที่ผมเอาเพลงมาใส่ไม่เป็น ใครทำเป็นช่วยแนะนำผมหน่อย คราวหลังพูดเรื่องอะไรแบบนี้ จะได้ฟังเพลงด้วย
เนื้อเพลงที่ว่า อยู่ข้างล่างนี่ครับ :)
Rows and floes of angel hair And ice cream castles in the air And feather canyons evrywhere Ive looked at clouds that way
But now they only block the sun They rain and snow on evryone So many things I would have done But clouds got in my way Ive looked at clouds from both sides now From up and down, and still somehow Its cloud illusions I recall I really dont know clouds at all
Moons and junes and ferris wheels The dizzy dancing way you feel As evry fairy tale comes real Ive looked at love that way
But now its just another show You leave em laughing when you go And if you care, dont let them know Dont give yourself away
Ive looked at love from both sides now From give and take, and still somehow Its loves illusions I recall I really dont know love at all
Tears and fears and feeling proud To say I love you right out loud Dreams and schemes and circus crowds Ive looked at life that way
But now old friends are acting strange They shake their heads, they say Ive changed Well somethings lost, but somethings gained In living evry day
Ive looked at life from both sides now From win and lose and still somehow Its lifes illusions I recall I really dont know life at all Ive looked at life from both sides now From up and down, and still somehow Its lifes illusions I recall I really dont know life at all
สุขสันต์วันอังคาร .. วันนี้วันพระครับ :)
Create Date : 14 มีนาคม 2549 |
Last Update : 14 มีนาคม 2549 9:17:36 น. |
|
21 comments
|
Counter : 1465 Pageviews. |
|
|
|