Garfield minus Garfield : ฝนตกหลงฤดู ต้นไม้ไม่มีใบ และแมวอ้วนที่หายไป
มองย้อนกลับไปสมัยที่เรายังเชื่อว่าโลกแบน ทันใดนั้นอยู่ๆ มาวันหนึ่งก็มีนักวิทยาศาสตร์ออกมาพิสูจน์หักล้างได้ว่า แท้จริงแล้วโลกเรานั้นกลมดิ๊ก การค้นพบครั้งนี้ไม่ได้ทำให้โลกน่าอยู่น้อยลงแต่อย่างใด ...จะมีบ้างก็แค่เรื่องของการท่องเที่ยว โดยเฉพาะสำหรับใครที่ฝันอยากจะไปชมวิว ณ สุดขอบโลก
ตลอดเวลาที่ผ่านมา มนุษย์เราถูกนักวิทยาศาสตร์ดับเบิ้ลปั้มตราว่า เป็นทั้งสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมและสัตว์สังคมในสปีชีส์เดียวกัน ถึงวันนี้ก็ยังไม่มีการค้นพบอะไรใหม่ๆ ที่จะสามารถหักล้างข้อสรุปนี้ได้ ว่าแล้วพวกเราเลยใช้ชีวิตเกาะกลุ่มเป็นก้อนกันสนุกสนาน ทั้งกลุ่มที่ผูกพันธ์กันทางสายเลือดแบบครอบครัว กลุ่มเพื่อนฝูงเฮฮาปาร์ตี้ และกลุ่มยิบย่อยมีสมาชิกแค่ 2 คนหรือที่เรียกกันว่า คู่รัก...
แต่ในขณะที่เราถูกออกแบบมาเพื่อให้อยู่ร่วมกัน กลับมีผู้คนมากมายที่หวาดกลัวความสัมพันธ์ และแยกไปอาศัยอยู่ตัวคนเดียว (ไม่ตลอดเวลา...แต่ในใจกลับแอนตี้ความผูกพันธ์อยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน) คนพวกนี้มีประสบการณ์ เรียนรู้จากประสบการณ์นั้น และฟันธงว่า การเอาความรู้สึกของตนเข้าไปผูกมัดกับคนรอบข้าง อาจนำพามาซึ่งความเสี่ยงที่จิตใจจะถูกทำร้าย และเมื่อไม่ชอบเสี่ยงก็เลยขอเลี่ยงไปก็แล้วกัน
โดยไม่คำนึงว่านักวิทยาศาสตร์จะว่ายังไง พวกเขาเชื่อว่า ในเชิงความรักนั้น มนุษย์น่ะ - อยู่ตัวคนเดียวก็ได้ เหมือนฝนที่ไม่จำต้องเคารพในการแบ่งฤดูกาลสากล คิดจะตกก็จะตกตามใจฉัน เหมือนต้นไม้ที่ไม่ผลิตใบเขียว เพราะไม่ต้องการพึ่งพาดวงอาทิตย์ งานนี้ไม่มีใครถูกใครผิดแต่อย่างใด
งานนี้ไม่มีใครถูกใครผิดแต่อย่างใด แต่ถึงอย่างนั้น ผมก็ยังอยากจะให้ลองแวะไปดูที่เว็บบล็อกนี้นิดนึงครับ
ผมอ่านเจอที่มาของมันในนิตยสาร a day เล่ม 118 และรู้สึกว่าน่าสนใจจนอยากหยิบมาฝากกัน เรื่องเริ่มขึ้นเมื่อ Dan Walsh หนุ่มวัย 33 นึกสนุกเลยจับเอาการ์ตูน การ์ฟิลด์ มาดัดแปลงลงบล็อกของตัวเอง ขบวนการผลิตชิ้นงานของเขาก็ไม่มีอะไรมาก แค่หยิบเอาการ์ตูนต้นฉบับมา แล้วลบทั้งภาพและคำพูดของเจ้าแมวอ้วนออกไปเท่านั้นเอง
ทีนี้พอใครกดเข้าไปที่เว็บบล็อก Garfield Minus Garfield ก็จะพบเจอแต่นายจอห์นพูดจาอยู่คนเดียว มองในมุมแรก...เราน่าจะดีใจแทนจอห์น เพราะการ์ฟิลด์นี่จัดได้ว่าเป็นเจ้าแมวร้ายจอมขี้เกียจ ชอบพูดจาประชดประชัน แอบกินปลาทองและข้าวของในตู้เย็นอยู่บ่อยครั้ง และสร้างปัญหาให้กับผู้เป็นเจ้าของอย่างนายจอห์นเป็นประจำ ดังนั้นหายๆ ไปได้น่ะดีแล้ว! แต่พอคิดในอีกแง่หนึ่ง เมื่อพิจารณาจากบทสนทนาที่จอห์นพูดแล้วไม่มีเจ้าแมวอ้วนคอยโต้ตอบ เรากลับพบว่ามันช่างเป็นชีวิตในกรอบที่แสนเดียวดายและเงียบเหงาเหลือเกิน
แน่นอนว่าการมีการ์ฟิลด์ในชีวิตอาจมีความเสี่ยงที่จะถูกมันทำร้ายจิตใจ (ชนิดวันต่อวัน) แต่พอไม่มีก็เหมือนชีวิตของจอห์นขาดอะไรไป ถึงตรงนี้ผู้คนที่ต่อต้านความสัมพันธ์คงจะนึกสมน้ำหน้าจอห์นที่ดันปล่อยตัวปล่อยใจไปผูกพันธ์กับเจ้าแมวอ้วน จนต้องมานั่งเสียใจในวันที่มันจากไป
แต่ถ้าเราลองมาตั้งสมมุติฐานกันใหม่...ให้จอห์นไม่เคยเลี้ยงการ์ฟิลด์มาก่อนเลยล่ะ สมมุติให้เขาใช้ชีวิตอยู่ตัวคนเดียวมาตลอด คุณคิดว่าภาพของจอห์นตอนที่พูดอยู่คนเดียวเหล่านี้จะแลดูเหงาน้อยลงไหม?
ถ้าคำตอบคือไม่...ก็อาจหมายความว่า ความสัมพันธ์ นั้นเป็นเรื่องของการเสี่ยงในแบบที่เราไม่มีอะไรจะต้องเสีย ผมหมายถึง แน่นอนว่าการมีความรักอาจสุ่มเสี่ยงต่อความผิดหวัง จบลงที่ตัวคนเดียว และเสียใจเป็นวรรคเป็นเวร แต่ต่อให้เราปิดกั้นตัวเอง เราก็ยังต้องอยู่อย่างไร้ความหวัง เพียงคนเดียวลำพัง และเจ็บปวดใจจากความเหงาอยู่ดี แถมยังเป็นความเจ็บปวดที่จะเกิดขึ้นแน่ๆ ด้วยความที่เราไม่ได้พยายามให้มากพออีกต่างหาก
อันที่จริงแล้ว การที่ใครสักคนจะเลือกใช้ชีวิตเปิดหรือปิดยังไงก็เป็นเรื่องของสิทธิส่วนบุคคล แต่บางครั้งหากเราเผลอไปตกหลุมรัก ใครสักคนที่ปิดใจ' เข้า มันก็อดไม่ได้จริงๆ ครับ ที่จะต้องไถ่ถาม ชี้แจง และพยายามโน้มน้าวเผื่อว่าเขาจะยอมเปลี่ยน(และเปิด)ใจ
มันเป็นความพยายามแบบแอบมีความหวังของผู้ชายที่กำลังมีความรักน่ะครับ เป็นความหวังที่อ้างอิงทั้งหลักวิทยาศาสตร์ซึ่งว่าด้วยการที่มนุษย์เราเป็นสัตว์สังคม และพึ่งพาทั้งความหวังลมๆ แห้งๆ ว่า ตัวเราจะโชคดีได้เป็นคนที่เขาคนนั้นอยากที่จะใช้ชีวิตอยู่ด้วย
แต่ความหวังทั้งหมดนี้คงจะสิ้นสุดลง... ถ้าในอนาคต อยู่ๆ มาวันหนึ่งมีนักวิทยาศาสตร์โพล่มาพิสูจน์หักล้างได้ว่า แท้จริงแล้วมนุษย์เราไม่ใช่สัตว์สังคม เพราะสำหรับผมแล้ว การค้นพบที่ว่าคงจะทำให้โลกใบนี้น่าอยู่น้อยลง
Create Date : 01 กรกฎาคม 2553 |
Last Update : 1 กรกฎาคม 2553 21:25:55 น. |
|
4 comments
|
Counter : 677 Pageviews. |
|
|
|
โดย: อ้อน IP: 61.7.145.137 วันที่: 1 กรกฎาคม 2553 เวลา:22:02:34 น. |
|
|
|
โดย: นัทธ์ วันที่: 8 กรกฎาคม 2553 เวลา:21:36:57 น. |
|
|
|
โดย: เริงฤดีนะ วันที่: 10 กรกฎาคม 2553 เวลา:9:07:31 น. |
|
|
|
|
|
|
|
|
| 1 | 2 | 3 |
4 | 5 | 6 | 7 | 8 | 9 | 10 |
11 | 12 | 13 | 14 | 15 | 16 | 17 |
18 | 19 | 20 | 21 | 22 | 23 | 24 |
25 | 26 | 27 | 28 | 29 | 30 | 31 |
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
คุณชุดนอนอ่านจบแล้วอยากกดไล้แบบ FB แต่ไม่มีปุ่มให้กด
เมื่อกี้กำลังคิดเกลียดประโยคที่ว่า "มนุษย์เป็นสัตว์สังคม" ขึ้นมาพอดี ก็พอดีได้เข้ามาอ่านเจอบล็อกนี้
คำพูดนี้เพิ่มความเหงาเข้ามาในจิตใจมนุษย์อีกพอสมควรเลยนะ
และเป็นคำพูดที่หลอนมากเวลาคิดถึงนักปราชญ์ชาวกรีกค่ะ