หงสาจอมราชันย์ : ความลักลั่นย้อนแย้งจึงอยู่ตรงที่...
หงสาจอมราชันย์ : เฉินเหมา (เรื่องและภาพ) : ม.ประภา (แปล) : บุรพัฒน์ คอมมิคส์
ด้วยความที่หงสาจอมราชันย์มีพื้นเพมาจากนวนิยายสามก๊ก ซึ่งเป็นเรื่องราวที่เต็มไปด้วยกลการศึกชิงไหว อุดมไปด้วยเล่ห์กลการเมืองชิงพริบ และชุกชุมไปด้วยพิชัยยุทธ์สงครามซ่อนเงื่อน หนำซ้ำยังเต็มไปด้วยชื่อตัวละครทั้งนายทหาร แม่ทัพ และกุนซือนับร้อยพัน ชื่อเมือง ตำบล ถนนสายน้ำนับหมื่นแสนที่มีให้จดจำ จนหลายต่อหลายคนตั้งแง่กับหงสาฯว่า มันจะยากแก่การอ่านไหม หรือในภาษาชาวบ้านก็คือ แล้วมันจะอ่านรู้เรื่องไหมเนี่ย!!!
ปัญหาที่ว่าท้าตีท้าต่อยวางมวยกับความรู้สึกคนที่ยังไม่เคยอ่านอยู่พักนึง...สุดท้ายกลุ่มคนที่เคยอ่านแล้วจึงยื่นมือเข้าช่วยเหลือ ด้วยวิธีให้คำแนะนำว่า ก่อนอ่านหงสาฯ ควรลองฝึกซ้อมอ่านนิยายสามก๊กมาบ้างสักไฟต์สองไฟต์เพื่อสร้างความคุ้นเคย ฟังดูเหมือนจะเป็นทางแก้ที่ดี แต่หลังจากวิธีการนี้ถูกแปะโปสเตอร์ลงประกาศในหลายเว็บบอร์ด มันก็ก่อให้เกิดศึกมวยนอกรอบขึ้นด้วย 2 กระแสความคิดที่ขัดคานกัน
กระแสแรกมาจากมุม(แดง)ของคนที่ไม่เห็นด้วยกับวิธีการนี้ พวกเขามองว่าลำพังการจะเสพความสุขจากการ์ตูนนั้นไม่ควรที่จะยุ่งยากขนาดนั้น...ไม่ควร...ไม่เว้นแม้กับหงสาจอมราชันย์ เหตุผลของฝ่ายนี้อธิบายว่า เราจะเกี่ยงงอนว่าเนื้อหาของการ์ตูนจะซับซ้อนหรือวกวนไปทำไม? ในเมื่อการ์ตูนมันก็มีเนื้อหาที่สมบูรณ์พร้อม มีบทสรุปความเป็นมาครบถ้วนกระบวนความ และมีส่วนอ้างอิงในตัวของมันเอง มันไม่ได้หมายความว่าเราจะต้องไปอ่านนิยายเพื่อหาคำตอบที่การ์ตูนเก็บงำซักกะหน่อย ปริศนาที่การ์ตูนก่อ การ์ตูนมันก็พร้อมที่จะอธิบายและแก้ปมให้ในหน้าต่อๆไป(หรือบางครั้งก็ในเล่มต่อๆไป)อย่างมีความรับผิดชอบ
แต้มต่อของฝ่ายนี้ก็คือ การที่พวกเขาไม่สนับสนุนให้คนที่อยากลองอ่านหงสาฯไปหานิยายมาอ่านก็เป็นเพราะ... พวกเขาไม่เชื่อว่านิยายจะอ่านง่ายกว่าการ์ตูน ด้วยมันทั้งไม่มีภาพ ทั้งยังเรียกร้องความอดทนและการตีความมากกว่าการ์ตูนหลายเท่า เราจะจินตนาการใบหน้าของโจโฉจากตัวอักษรได้ชัดเจนเท่ากับการที่เราเห็นภาพการ์ตูนของโจโฉได้อย่างไร? มันจะไม่เป็นการง่ายกว่าหรือ หากบรรดานายทหารและกุนซือทุกเหล่าทัพมี ภาพหน้าตา คอยช่วยให้เราจดจำได้ง่ายขึ้น
ทั้งนี้ยังไม่นับจุดบอดที่ใหญ่ที่สุดของวิธีการนี้ ก็คือหากเราเลือกที่จะอ่านนิยายก่อน ...นั่นก็เท่ากับเราไปเสียเวลาอ่านนิยายเพื่อที่จะ สปอย ตัวเอง!!! เพราะหงสาฯนั้นมีพื้นเพมาจากนิยาย แม้จะมีการต่อยอดความคิดเพิ่มเติม แต่ก็ยังต้องบอกว่ากว่า 80% ยังยืนอยู่บนพื้นเดิม ฉะนั้นหากเราไปอ่านนิยายก่อน...เราก็จะรู้ล่วงหน้าเลยว่าใครจะแพ้ใครจะชนะในแต่ละสมรภูมิ รวมไปถึงใครจะต้องตาย ใครจะเป็นฆ่า ใครจะย้ายฝั่งไปอยู่กับใคร อะไร ยังไง และทำไม...จะรู้ทั้งหมดไหม? คงไม่...แต่รู้ราว 80% และมันจะเป็นไปได้ไหมที่ไอ้ 80% ที่ว่า มันจะทำให้การย้อนกลับมาอ่านการ์ตูนภายหลังมีรสชาติกร่อยๆ
กลับกัน แง่มุม(น้ำเงิน)ของกลุ่มคนที่เห็นด้วยกับวิธีการอ่านนิยายก่อนการ์ตูนก็มีเหตุผลของตัวเองเช่นกัน ด้วยเกจิอาจารย์จากเวอร์ชั่นนิยายเหล่านี้มักมองว่า หงสาฯคือสามก๊กยกระดับที่กลับชาติมาเกิดในยุคของตัวเอง เพราะการ์ตูนเรื่องนี้เติมเต็มจินตนาการที่ขาดหายไปจากเวอร์ชั่นนิยาย ช่วยอุดช่องโหว่ของทุกเนื้อหาปีกย่อย และเพิ่มเติมความสมจริงของทุกการตัดสินใจของตัวละคร
แถมเมื่อเฉินเหมาผู้แต่งเลือกที่จะจงรักกับเนื้อหาเดิมของสามก๊กและภักดีกับจินตนาการของตัวเองไปพร้อมๆกัน หงสาฯจึงเปี่ยมไปด้วยแง่มุมใหม่ๆชวนตระการตา ทั้งชีวิตความเป็นอยู่คนผู้คน มวลหมู่พ่อค้าวาณิช ความรักความแค้น และการปัดฝุ่นอุดมการณ์ของตัวละครที่เคยเก่าเก็บให้ดูทันสมัยมากขึ้นกว่าที่เคย เมื่อนำปัจจัยเหล่านี้มาประกอบกับสำนวนการแปลของม.ประภา ซึ่งแปลได้คมคายไม่ยิ่งหย่อนกว่านิยายแปลข้ามชาติดีๆ การ์ตูนหงสาจอมราชันย์ในสายตาของคนที่เคยอ่านนิยายจึงถูกจัดขึ้นหิ้งว่าเป็น ของสูง ที่มือสมัครเล่นควรเตรียมตัวก่อนรับชม เตรียมตัว...ทั้งเพื่อให้พร้อมรับกับเนื้อหาและเพื่อให้ไม่ทำให้เกิดเหตุการณ์อ่านการ์ตูนดีๆพลาดจนเสียของ...
และด้วยความเชื่อนี้เองที่ทำให้คนกลุ่มนี้ไม่แคร์ว่าการอ่านนิยายก่อนจะไปสปอยการ์ตูน เพราะพวกเขาเชื่อมั่นว่า แม้เราจะรู้เนื้อหามาก่อนแต่ด้วยการเล่าเรื่องอันเฉียบคมและเนื้อหาที่ถูกจินตนาการของผู้แต่งเติมเต็ม มันจะช่วยให้เรายังสนุกสนานไปกับหงสาฯได้อย่างคุ้มค่าการ์ตูนดี มิหนำซ้ำ หากเรารู้เรื่องมาก่อนจะได้ไม่เกิดอาการ หน้ามึน ระหว่างอ่าน ว่าตัวละครตัวนี้กำลังพูดถึงใคร หรือใครเป็นใครทำอะไรลืมไปแล้ว รวมไปถึงเราจะรับรู้ถึงความช่างคิดของเฉินเหมาผ่านเนื้อหาที่เพิ่มเติมมาจากต้นฉบับนิยาย ในแบบที่คนที่ไม่เคยอ่านนิยายจะไม่มีทางได้รู้(เพราะอ่านสามก๊กเวอร์ชั่นนี้เป็นเวอร์ชั่นแรก)...และไม่มีวันได้รู้...
ทุกครั้งเมื่อผมพบเห็นคนที่ยังไม่เคยอ่านสามก๊กนึกอยากจะลองอ่านหงสาฯ แล้วมาตั้งกระทู้ถามว่าตนควรจะอ่านนิยายก่อนดีไหม ผมมักจะพบเจอกับเหตุผลทั้ง 2 ข้างต้นวางมวยแลกเข่าตีศอกกันกลางกระทู้ชนิดความเห็นต่อความเห็น เรียกได้ว่า ไม่มีใครยอมถอยให้ได้พักหายใจ และไม่คิดจะอยู่ให้ครบยกแล้วนับคะแนนกันเลยทีเดียว และเมื่อต่างฝ่ายต่างก็มีหมัดเด็ดเป็นอาวุธคู่กายแบบนี้ ผลที่ได้ส่วนใหญ่จึงมักจบลงด้วยการเสมอกัน... ให้เจ้าของกระทู้และคนที่อยากลองอ่านต้องกลับบ้านไปนั่งกุมหัวต่อไปว่าตกลงแล้วตูจะเอายังไงกับชีวิตดี
เห็นเข้าบ่อยๆ...ผมก็พลันนึกถึงสำนวนที่ม.ประภาเคยเอ่ยไว้ในการ์ตูนเรื่องนี้ว่า ลักลั่นย้อนแย้ง เพราะเจ้าปัญหาที่ว่า ควรอ่านนิยายก่อนไหม นี้มันช่างแสนจะลักลั่นย้อนแย้งสิ้นดี!!!
เคยทราบที่มาของสำนวน ลักลั่นย้อนแย้ง นี้ไหมครับ ผมเองก็เพิ่งทราบมาจากเว็บบอร์ดของพันทิปมาอีกที เรื่องมันมีอยู่ว่า ณ ตลาดแห่งหนึ่ง มีพ่อค้า 2 คนต่างกำลังร้องป่าวประกาศเร่ขายสินค้าของตน โดยพ่อค้าคนแรกพูดบรรยายสรรพคุณว่า หอกของร้านตนนั้นคือหอกวิเศษที่สามารถเจาะทะลุบุกทะลวงได้ทุกสรรพสิ่ง ส่วนถัดไปไม่ไกลพ่อค้าอีกคนก็กำลังโอ้อวดว่า โล่ของตนนั้นแข็งแกร่งยิ่งกว่าเพชรและสามารถป้องกันศาสตราวุธได้ทุกชนิด เล่นพูดใส่กันแบบนี้ก็เลยลำบากคนเดินตลาดที่ต้องมานั่งสับสนว่าตกลงแล้วคนไหนพูดจริง คนไหนโกหกกันแน่ และเมื่อความจริงเลือกที่จะเล่นตลกร้ายแบบนี้เอง...จึงเป็นที่มาของสำนวน ลักลั่นย้อนแย้ง
ดังนั้นผมจึงมองว่า ปัญหาที่ว่าควรอ่านนิยายก่อนดีไหม เป็นเรื่องที่ลักลั่นย้อนแย้ง... เพราะหากเรามองที่มาของสำนวนดูดีๆ เราจะพบว่า หากพ่อค้าทั้ง 2 ไม่ได้มาขายอยู่ตลาดเดียวกัน ทั้งคู่คงจะขายดีเป็นเทน้ำเทท่า ส่วนคนเดินตลาดคงจะได้มีหอกที่ทรงพลังและโล่ที่ทนทานใช้สอยกันทุกครัวเรือนไปแล้ว แต่เมื่อเรานำมันมาเปรียบเทียบกัน ข้อดีที่เป็นความจริง ของสินค้าทั้งสองจึงฆ่ากันเอง และไม่มีใครได้ประโยชน์ทั้งพ่อค้า 2 คนและคนซื้อที่อยากได้
...ไม่มีใครได้ประโยชน์ทั้งคนแนะนำทั้ง 2 เหตุผลและคนที่กำลังนั่งกลุ้มอยากลองอ่านหงสาฯใจจะขาด...
ทำไมเราไม่คิดเสียว่า ในเมื่อทั้งสองก็ต่างเป็น ข้อดี ในตัวมันเองอยู่แล้ว (เพียงแต่เป็นข้อดีคนละแบบ) จะ(ยิ่ง)ดีแค่ไหน หากเราได้ถือทั้งหอกที่ทรงอณุภาพในมือขวา และถือโล่ที่แข็งแกร่งทนทานในมือซ้าย หรือไม่อย่างน้อยๆ เราก็ยังได้ถือหอกหรือโล่เอาไว้สักอย่าง ดีกว่าไม่ถืออะไรเลย เราควรจะอ่านนิยายมาก่อนไหมไม่ใช่คำถาม ไม่ใช่คำตอบ และไม่ใช่ทางออกของการตัดสินใจ
เหมือนกับที่เหตุผลแรกนั้นสมเหตุและเหตุผลที่สองนั้นสมผล ความลักลั่นย้อนแย้งที่แท้จริงจึงอยู่ตรงที่...ทำไมคุณยังไม่อ่านมันสักที...
Create Date : 07 มีนาคม 2551 |
Last Update : 15 เมษายน 2553 15:26:20 น. |
|
11 comments
|
Counter : 3489 Pageviews. |
|
|
|
โดย: nikanda วันที่: 8 มีนาคม 2551 เวลา:0:55:42 น. |
|
|
|
โดย: ปลิวตามลม วันที่: 8 มีนาคม 2551 เวลา:10:26:04 น. |
|
|
|
โดย: ดุจเดือน วันที่: 8 มีนาคม 2551 เวลา:22:42:13 น. |
|
|
|
โดย: นัทธ์ วันที่: 9 มีนาคม 2551 เวลา:19:58:33 น. |
|
|
|
โดย: kazim IP: 124.121.23.73 วันที่: 10 มีนาคม 2551 เวลา:9:42:27 น. |
|
|
|
โดย: หนูตาล IP: 58.9.167.143 วันที่: 12 มีนาคม 2551 เวลา:15:19:35 น. |
|
|
|
โดย: beerled IP: 203.154.187.189 วันที่: 14 มีนาคม 2551 เวลา:12:50:48 น. |
|
|
|
โดย: ม. ประภา IP: 49.230.81.235 วันที่: 1 เมษายน 2558 เวลา:9:55:17 น. |
|
|
|
|
|
|
|
|
| 1 |
2 | 3 | 4 | 5 | 6 | 7 | 8 |
9 | 10 | 11 | 12 | 13 | 14 | 15 |
16 | 17 | 18 | 19 | 20 | 21 | 22 |
23 | 24 | 25 | 26 | 27 | 28 | 29 |
30 | 31 | |
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
ความลักลั่นย้อนแย้งที่แท้จริงจึงอยู่ตรงที่...ทำไมคุณยังไม่อ่านมันสักที..."
เห็นด้วยค่ะ....อย่างเราเป็นต้น
ไม่เคยอ่าน.....ทั้งสองอย่างเลยค่ะ
แต่ไม่ใช่เพราะมัวคำนึงว่าอ่านแล่มไหน...จะดีกว่ากันหรอกนะคะ
เพียงแต่ไม่ใช่แนวที่ถูกตาต้องใจเท่านั้นเอง