เรือนมรกต
|
|||
ความคิดเรื่องกรรมเก่าในพุทธศาสนา พระพุทธเจ้าตรัสไว้ว่ามีลัทธิเดียรถีย์(ติตถายตนะ) ผิดหลักพุทธศาสนา เพราะเป็นไปเพื่อการไม่กระทำ อยู่ ๓ ลัทธิ คือ (แต่พุทธศาสนาถือหลักการกระทำ) ๑. ลัทธิกรรมเก่า เรียกสั้นๆ ว่า ปุพเพกตวาท สุข-ทุกข์หรือไม่ ย่อมเป็นตามกรรมที่ได้ทำไว้แต่ปางก่อน ๒. พวกลัทธิพระเป็นเจ้าบันดาล เรียกสั้นๆ ว่า อิศวรนิรมิตวาท สุข-ทุกข์หรือไม่ แล้วแต่เทพเจ้าดลบันดาล ๓. ลัทธิแล้วแต่โชค เรียกสั้นๆ ว่า อเหตุวาท สุข-ทุกข์หรือไม่ ย่อมเป็นไปเอง เรื่องกรรมที่เชื่อกันในแง่กรรมเก่านี้ มีจุดพลาดอยู่ ๒ แง่ คือ ๑. ไปจับเอาส่วนเดียวเฉพาะอดีต ทั้งที่กรรมนั้นเป็นกลางๆ ไม่จำกัด ถ้าแยกตามกาลเวลาก็ต้องมี ๓ กรรม ต้องมองให้ครบ คือ ๒. มองแบบแยกขาดตัดตอน ไม่มองให้เห็นความเป็นไปของเหตุปัจจัยที่ต่อเนื่องกันมาโดยตลอด จุดสังเกตในการทำความเข้าใจ หนึ่ง กรรมเก่าที่ทำทั้งหมด คือกรรมที่ได้ทำไปแล้ว ส่วนกรรมใหม่(ในปัจจุบัน) คือที่กำลังทำอยู่ต่อไปก็จะกลายเป็นกรรมเก่า กรรมข้างหน้าก็ยังมาไม่ถึง เช่น ถ้าจะศึกษาหรือตัดสินคน ก็ดูจากกรรมเก่าย้อนหลังไปก็ใช้เป็นประโยชน์ได้ สอง กรรมเก่านั้นสำคัญยิ่งต่อเราทุกคน เพราะเราแต่ละคนที่เป็นอยู่ขณะนี้ ก็คือผลรวมจากกรรมที่สะสมมา กรรมเก่านี้ก็ให้ผลแก่เราเต็มที่อยู่ เช่น เรามีวิสัยขีดความสามารถทางกาย วาจา ทางจิตใจ และปัญญาเท่าไร และจะทำอะไรต่อไปได้แค่ไหน ก็อยู่ที่กรรมเก่าดังว่า สาม แม้กรรมเก่าจะสำคัญมาก ก็ไม่ใช่เรื่องที่เราจะไปสยบยอมต่อมัน แต่ตรงข้าม เรามีหน้าที่พัฒนากรรมเก่านั้นให้ดีขึ้น สรุปวิธีปฏิบัติที่ถูกต้องต่อกรรมทั้ง ๓ ส่วนว่า กรรมใหม่ (ในปัจจุบัน) คือกรรมที่เราทำได้ และจะต้องตั้งใจทำให้ดีที่สุด กรรมเก่า (ในอดีต) เราทำอะไรไม่ได้ แต่เราควรรู้ เอาความรู้จักนั้นมาใช้ประโยชน์ในการแก้ไขปรับปรุงกรรมใหม่ให้ดียิ่งขึ้น กรรมข้างหน้า (ในอนาคต) เรายังทำมันไม่ได้ แต่สามารถเตรียมหรือวางแผนเพื่อจะทำกรรมที่ดีที่สุด ด้วยการทำกรรมปัจจุบันที่จะพัฒนาเราให้ดีงามและงอกงามยิ่งขึ้น เมื่อเวลานั้นมาถึงเราก็จะสามารถทำกรรมที่เป็นกุศลอย่างเยี่ยมยอด จาก ธุรกิจฝ่าวิกฤติ สนทนา-ตอบปัญหาธรรม กับ คุณ เกิดแต่กรรม?: กรรมเก่าเท่านั้นหรือ 16 พฤศจิกายน 2009 เวลา 4:51 น. ปุจฉา: กลายเป็น บุคคลประเภทยอมจำนนต่อชะตากรรมของตนเอง อย่างไม่คิดที่จะสู้ และทัศนะอย่างนี้ยังเป็นช่องทางให้มีคนนำไปใช้อ้างอย่างผิดๆด้วย เช่น นาย ก เห็นผู้หญิงคนถูกกระทำทารุณกรรมทางเพศ แทนที่จะคิดหาทางช่วยเหลือหรือแก้ไข กลับวางเฉยเสียด้วยคิดว่าไม่ควรจะเข้าไปยุ่ง เพราะเป็น "กรรมเก่า"ของผู้หญิงคนนั้นนั่นเอง หรือบางคน ถูกคนอื่นเอารัดเอาเปรียบอย่างซึ่งๆหน้า แทนที่จะหาวิธีแก้ไข ก็กลับมานั่งทำใจว่าปล่อยให้เขาเอาเปรียบไปเถิด มันเป็นกรรมของเราเองที่เคยไปทำไว้กับเขามาแต่ชาติปางก่อน ความเชื่อที่ว่าอะไรๆในชีวิตก็แล้วแต่"กรรมเก่า" บันดาลให้เป็นไปนั้น ไม่ใช่คำสอนในพระพุทธศาสนา เพราะพระพุทธศาสนาสอนว่า สิ่งต่างๆ ในชีวิตของเรานั้นล้วนขึ้นอยู่กับเหตุปัจจัย แวดล้อมต่างๆมากมาย ทั้งเหตุปัจจัยในอดีต ปัจจุบัน และอนาคต ดังนั้นแทนที่พระพุทธเจ้า จะตรัสว่าชีวิตเป็นผลผลิตของกรรมเก่าหรือเป็น ผลผลิตของกรรมในปัจจุบันเพียงอย่างเดียว พระองค์กลับตรัสว่า "เพราะสิ่งนี้มี สิ่งนี้จึงมี" นี่คือคำสอนแบบสายกลางที่ต้องการให้เรารู้จัก มองสิ่งต่างๆ อย่างเป็นกลาง กล่าวคือ รู้จักมองว่าวิถีชีวิตของคนเรานั้นล้วนมีเงื่อนไขมากมาย เข้ามาเกี่ยวข้องให้เป็นอย่างนี้ ไม่ใช่เอียงไปหาลัทธิกรรมเก่าจนสุดโต่ง ถึงขนาดยกความ ลัทธิแล้วแต่พระเจ้าบันดาลก็คือลัทธิที่สอนว่าชีวิตอยู่ภายใต้อุ้งหัตถ์ของพระเจ้า พระเจ้าพอใจจะให้ชีวิตของใครเป็นไปอย่างไร พระองค์ก็ทรงลิขิตไว้แล้ว ลัทธินี้คือที่มาของความเชื่อประเภท "พรหมลิขิต" Free TextEditor |
อุษา
Rss Feed Smember ผู้ติดตามบล็อก : 15 คน [?] All Blog
|
||
Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved. |