หิมะโปรยปราย
วันนี้วันสุดท้ายที่ชั้นได้มาเยือนปักกิ่ง ในบรรดา 5 วันที่ชั้นได้อยู่ปักกิ่ง ชั้นชอบอากาศวันนี้ที่สุด เพราะนอกจากอากาศจะเย็นแล้ว ชั้นก็ได้พบเจอหิมะเป็นครั้งแรกในชีวิต (น้ำแข็งป่นชั้นไม่นับ เพราะมันเกิดจากน้ำมือมนุษย์นิ ^^) ทำให้ชั้นนึกถึงอารมณ์แรกเจอทุ่งบัวตอง ความรู้สึกประมาณนั้น ถ้าคุณนึกไม่ออก คุณก็ลองนึกดูว่าความรู้สึกดีใจตอนที่ได้ลูกคนแรกมันเป็นยังงัย อ้ะแล้วคนไม่มีลูกหล่ะ งั้นคุณก็คงต้องลองนึกถึงตอนสอบเอ็นทรานซ์ได้นั่นหล่ะ เอ๋แต่เด็กรุ่นใหม่เค้าแอ็ดมิชชั่นกันนี่เนอะ เอาเป็นว่าเป็นความรู้สึกดีกับครั้งแรกในสิ่งที่คุณได้ทำหรือประสบพบเจอละกัน เรามาดูภาพบรรยากาศรอบ ๆ โรงแรมที่ชั้นเก็บมาฝาก และแล้วก็ถึงเวลาออกเดินทาง เช้านี้เราจะไปประตูชัยกัน แต่ระหว่างนั่งรถชั้นเห็นบรรยากาศโดยรอบแล้ว รู้สึกอยากเก็บภาพไว้ ถึงแม้ใจหนึ่งจะกลัวภาพไม่สวยเพราะอาจมีเงาสะท้อนจากกระจกของรถ แต่อีกใจก็แสนเสียดายหากจะปล่อยภาพเหล่านั้นไป โดยไม่ได้บันทึกเอาไว้ดูต่างความรู้สึก ชั้นเลยต้องเสี่ยงดู ได้ภาพอย่างที่เห็น นาน ๆ จะพบสะพานลอยคนข้ามซักครั้ง ไม่เหมือนเมืองไทยมีเยอะแต่ไม่มีคนข้าม รถเกือบทุกคันเป็นแบบนี้ ไม่มีใครคิดที่จะเอาหิมะออกจากรถ และในที่สุดก็เดินทางมาถึงประตูชัย ภาพส่วนนี้ต้องถ่ายภาพจากบนรถเนื่องจากเค้าไม่ให้เราลงไปเดินเพ่นพ่าน เราต้องนั่งรอคิวอยู่บนรถ เพราะเค้าจะเรียกให้ขึ้นประตูชัยเป็นหมู่คณะ ขึ้นไปได้ทีละคณะไม่ปะปนกัน และแล้วก็ได้เวลาปลดแอก เอ้ยปลดปล่อย พอลงจากรถได้ชั้นก็ แช๊ะๆๆ เดินเข้ามาสู่ด้านใน ได้เวลาเดินขึ้นด้านบน เดินขึ้นครึ่งทางแล้วมองย้อนกลับไปที่บันไดทางขึ้น จริง ๆ ต้องเดินเข้าประตูอีกบาน บังเอิญชอบบานนี้เลยถ่ายภาพเก็บมาด้วย ขึ้นมาถึงเค้าก็พาเข้าด้านใน ซึ่งห้ามถ่ายรูป เค้าจะพูดเรื่องประวัติ เป็นเหมือนพิพิธภัณฑ์ พอหมดเนื้อหา ทีนี้ก็เป็นเรื่องการค้า ที่นี่ขึ้นชื่อเรื่องปีเซี้ยะ ก่อนมาที่นี่ บนรถไกด์ท้องถิ่นก็พูดซะจนเราเคลิ้ม มาเจอบรรยากาศเป็นจายยยย อะไร ๆ ก็เกิดขึ้นได้ 555 ชั้นเลยเช่าปีเซี้ยะขนาดกลางมา 1 เค้าแถมตัวเล็กมา 2 เพื่อนขอเช่าต่อไป 1 เพื่อนบอกว่าที่เซี่ยงไฮ้ก็มี แต่สวยไม่เท่าที่นี่ แต่ราคาถูกกว่า เอ่อ ชั้นกลับมาถึงเมืองไทย ก็เลยลองหาข้อมุลดู จริงดังว่า ที่ชั้นเช่ามา 12,000 ถ้ามาเมืองไทยชั้นจะได้ขนาดใหญ่ 2 ตัวเลยทีเดียว แต่ชั้นดุลักษณะแล้วไม่ชอบใจเท่าที่เช่ามาจากประตูชัย ใจจริงชั้นอยากได้สีม่วง น่าจะเป็นอาเกต สีสวยและใน (ไกด์ว่าเกี่ยวกับความรัก) แต่ชั้นเช่าสีดำ เป็นนิล (ไกด์ว่าเกี่ยวกับค้าขาย) ส่วนหยกนั้นชั้นเคยซื้อมาใส่แตกหมด เป็นอันว่าไม่ถูกโฉลกกัน แต่ถึงอย่างนั้นก็อดไม่ได้ตอนไปร้านหยก ชั้นก็ซื้อจี้หยกมาหนึ่งชิ้น ^^ หลังจากออกมา ชั้นถึงได้เก็บบรรยากาศโดยรอบประตูชัย ที่มองจากด้านบนอีกครั้ง มีรั้วกั้นไว้ สังเกตุช่องระหว่างรั้วนี้ไว้นะ ชั้นเอาเลนส์กล้องลอดเจ้าช่องนี้ออกไปแล้วก็ได้ภาพนี้กลับมา จากนั้นชั้นก็เริ่มจะไต้ลงมาล่ะ พอมายืนที่บันไดก็ได้อีกมุมหนึ่ง ประตูทางเข้า เพื่อจะขึ้นบันไดสู่ด้านบน และแล้วก็หมดเวลา หัวหน้าทัวร์เรียกแล้ว เราต้องอำลาที่นี่เพียงเท่านี้ เพื่อเดินทางต่อไปยังตลาดรัสเซีย ชั้นว่าทัวร์บริษัทนี้เวิร์คสำหรับทริปนี้ของชั้น เพราะหัวหน้าทัวร์(คนไทย) ไกด์(คนจีน)ให้คำแนะนำดี อย่างเช่น อย่าให้ขอทาน อย่าซื้อของที่สวนอี้เหอหยวน เพราะจะได้ตังค์ทอนเป็นแบงค์ปลอม ลักษณะตลาดรัสเซีย ก็เหมือนห้างนั่นหล่ะ แต่น่าจะเรียกตลาดนัดติดแอร์ถ้าใครเคยมาพันทิปงามวงศ์วานก็ประมาณนั้น ของที่ขายไม่ใช่ของแบรนด์เนมเท่านั้นเอง สำหรับคำแนะนำตลาดรัสเซีย ไกด์บอกว่า ตัดทอนให้เหลือ 20% จากราคาจริงจึงคอยซื้อ เอ่อ น้องต่อบอกชั้นว่าบางชิ้นต้อง 10% เอาหล่ะซิ ไกด์จึงบอกว่า ถ้าใครซื้ออะไรมา พอขึ้นรถไม่ต้องถามกันนะ เดี๋ยวเสียความรู้สึกเปล่า ๆ ซื้อมาแล้วก็เลยตามเลย ชั้นไม่เห็นเพื่อนร่วมทริปซื้ออะไรมากันเลย สำหรับชั้นซื้อพวงกุญแจแบบ 7 ชิ้น 90 หยวนมั้ง ต่อจากชิ้นละ 25 หยวน ชั้นตัดแค่ครึ่งราคา เพราะชั้นถูกใจ มันก็เท่านั้นเอง ถามถ้าซื้อพวงกุญแจจากเมืองไทยที่ถูกกว่านี้ก็คงมี แต่เพราะชอบงัยก็เลยหยวน ๆ เพราะปกติชั้นซื้อของ playboy ก็อันละ 800-1200 บาท สำหรับเพื่อน ถูกใจชุดคลุมอาบน้ำผ้าแพร ราคา 250 หยวน ชั้นตัดที่ 20% ทันที ชั้นต่อเหลือ 50 หยวน คนขายไม่ยอม ชั้นดึงมือเพื่อนออกจากร้าน คนขายดึงมือเพื่อนอีกข้าง บอกว่า o.k. 555 เพื่อนถูกใจหยกที่สำหรับประทับตรา จริง ๆ ชั้นก็อยากอยู่ แต่ราคาสูงไปซักหน่อย ต่อยังงัยคนขายก็ไม่ยอม อันละ 90 หยวนแล้วแต่ขนาดหยกด้วย เค้าถึงว่า ค้าขาย เล่นล่อเอาเถิดกับความอยาก ถ้าเราไม่แสดงโจ่งแจ้งว่าอยากได้ คนขายย่อมอยากขายถึงแม้จะได้กำไรน้อย แต่ถ้าเราแสดงออกว่าอยากได้มาก คนขายจะเล่นตัว ไม่ยอมลดราคา หลายคนอาจไม่ชอบตลาดรัสเซีย เพราะโก่งราคา แต่ชั้นชอบนะ เราได้ฝึกทักษะการเจรจาต่อรอง การคำนวณ และการค้าขายแบบตลาดโลกเลยทีเดียว เดินได้นิดนึงพอหอมปากหอมคอ ชั้นก็ไปเดินเล่นที่ด้านข้าง ถ้าออกมาจากตลาดรัสเซียจะอยู่ทางซ้ายมือ เป็นห้างแบรนด์ดังทั้งหลาย ก่อนออกมาชั้นได้ลองของ มีชายวัยกลางคน ยืนขายของอยู่หน้าตลาดรัสเซีย เป็นครั้งแรกที่ชั้นโดนคนฉุกกระชากแขวน แต่ชั้นบอกแล้วว่าไกด์สอนมาดี ชั้นกระชากกลับอย่างแรงพร้อมทั้ง say no แล้วเดินฉับ ๆ "อึ้งกิมกี่เลยอ่ะดิ เห็นตัวเล็ก ๆ แต่ก็สู้นะโว้ยยยย" 555 ปิดท้ายก่อนเหิรฟ้ากลับเมืองไทยด้วยสุกี้มองโกล หลายคนบ่นอุบว่าไม่เหมือนอย่างที่คิดไว้ โชคดีหัวหน้าทัวร์เอาน้ำจิ้มสุกี้พันท้ายติดไปด้วย พอกล้อมแกล้ม เนื่องจากน้ำจิ้มเค้ามีแค่ซีอิ้วขาว เราก็วาดภาพซะว่าต้องเผ็ดจัดจ้าน เป็นครั้งแรกที่ลองชิมเนื้อแพะ แหวะเหม็นสาปอย่างแรง สรุปยังงัยชั้นก็รักน้องกุ้งกะน้องปูอยู่ดี กลับมาถึงบ้านเล่าให้พ่อฟังว่า อะไร ๆ ทางโน้นก็จืดหมด ขนาดสุกี้หม้อนี้ยังจืด พ่อบอกว่า คนจีนฉลาดกิน ฉลาดอยู่ เพราะอากาศเย็นและแห้งแล้ง น้ำดื่มบริสุทธิ์มีน้อย อาหารต้องปรุงจืดเข้าไว้ เพื่อไม่ให้ร่างกายขาดน้ำ และเพื่อไม่ให้ร่างกายร้อนเกินไป (ที่เค้าเรียกว่าเป็นร้อนใน) ขืนกินเผ็ด ๆ เค็ม ๆ เปรี้ยว ๆ ชูรสเยอะ ๆ อย่างคนไทย คงตายก่อนพอดี ปล.ในฐานะที่ชั้นทำอาชีพเกี่ยวกับอาหาร ขอบอกเลยว่า พวกที่บอกว่าไม่ใส่ชูรสโกหกทั้งเพ MKนั่นหล่ะตัวดี เพียงแต่มันเป็นหัวชูรสเลยต่างหาก 555 ใครชอบกินอาหารนอกบ้านทุกมื้อ ทุกวัน คุณได้รับปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดโรคมะเร็ง เข้าไปแล้วเน้อ อ้อ ปัจจัยเสี่ยง แปลว่าอาจจะเป็นหรือไม่เป็นก็ได้ ขึ้นกับปัจจัยตัวอื่นร่วมด้วย ขออภัย หากจะวิชาการไปซักหน่อยในตอนท้าย ครั้งหน้าจะพาไปชมความงามของกล้วยไม้
Create Date : 04 พฤษภาคม 2555 |
Last Update : 4 พฤษภาคม 2555 12:51:11 น. |
|
18 comments
|
Counter : 1250 Pageviews. |
|
|
|