ในสถานการณ์ที่โรคไข้เลือดออกยังคงเป็นปัญหาสาธารณสุขที่สำคัญในประเทศไทย การมี เครื่องพ่นหมอกควันมาตรฐานครุภัณฑ์ เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับหน่วยงานราชการ เช่น อบต. เทศบาล หรือโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) ที่ต้องควบคุมและป้องกันการแพร่ระบาดของยุงลายและแมลงพาหะอย่างเร่งด่วน

เครื่องพ่นหมอกควันมาตรฐานครุภัณฑ์ คืออะไร?

คือเครื่องพ่นสารเคมีในรูปแบบหมอกควันหรือละอองฝอยที่ได้รับการรับรองจากหน่วยงานรัฐ และมีคุณสมบัติตาม “มาตรฐานครุภัณฑ์” ที่ออกโดยสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ หรือ สำนักงบประมาณ เพื่อให้สามารถใช้ในโครงการราชการได้อย่างถูกต้องตามระเบียบ

คุณสมบัติที่เครื่องพ่นหมอกควันควรมี เพื่อผ่านเกณฑ์ครุภัณฑ์

1. มีประสิทธิภาพในการพ่นละอองควันละเอียด ขนาดอนุภาคไม่เกิน 30 ไมครอน
2. ใช้วัสดุทนสารเคมี เช่น ถังสแตนเลสหรืออลูมิเนียมอัลลอย
3. ผ่านการรับรองมาตรฐาน เช่น ISO, WHO, CE, TUV
4. มีบริการหลังการขายและอะไหล่รองรับในประเทศ
5. สามารถใช้งานได้กับน้ำยาเคมีที่ได้รับอนุญาตจากกระทรวงสาธารณสุข

ตัวอย่างเครื่องพ่นหมอกควันมาตรฐานครุภัณฑ์ ที่ได้รับความนิยม

ข้อดีของการเลือกใช้เครื่องพ่นหมอกควันที่ได้มาตรฐานครุภัณฑ์

• ✅ เบิกงบประมาณได้ตามระเบียบราชการ
• ✅ มั่นใจในคุณภาพและความปลอดภัย
• ✅ มีการรับประกันและบริการหลังการขาย
• ✅ เหมาะกับการใช้งานในภารกิจควบคุมโรค
• ✅ เพิ่มความน่าเชื่อถือให้หน่วยงาน

แนวทางการจัดซื้อเครื่องพ่นหมอกควันสำหรับหน่วยงานราชการ

1. ตรวจสอบรายการ ครุภัณฑ์ที่สำนักงานงบประมาณอนุมัติ
2. เลือกรุ่นที่ตรงตาม TOR หรือรายละเอียดเฉพาะของหน่วยงาน
3. ตรวจสอบ ใบรับรองมาตรฐานสากล/เอกสารรับรองจากกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์
4. ขอใบเสนอราคาจากบริษัทที่มีทะเบียนผู้ค้ากับภาครัฐ (THAI GPP)

🔗 ลิงก์สินค้าแนะนำ

• 👉 เครื่องพ่นหมอกควัน AIROFOG AT35 – มาตรฐานครุภัณฑ์
• 👉 POWERFOG F35 – เครื่องพ่นหมอกควันผลิตในไทย ได้มาตรฐาน
• 👉 น้ำยาพ่นหมอกควันที่ได้รับอนุญาตจาก อย.

✨ สรุป

การเลือกใช้ เครื่องพ่นหมอกควันมาตรฐานครุภัณฑ์ คือการลงทุนที่คุ้มค่าและยั่งยืนสำหรับหน่วยงานราชการ ช่วยเสริมสร้างระบบสาธารณสุขเชิงรุก ลดการแพร่ระบาดของโรค และสร้างความมั่นใจให้กับประชาชนในพื้นที่อย่างแท้จริงQ&A: คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการใช้เครื่องพ่นหมอกควันในหน่วยงานราชการ

Q&A: คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการใช้เครื่องพ่นหมอกควันในหน่วยงานราชการ

Q1: หน่วยงานราชการควรพ่นหมอกควันบ่อยแค่ไหน?

A: โดยทั่วไปควรมีการพ่นหมอกควันในพื้นที่เสี่ยงทุก 7–10 วันในช่วงฤดูฝน หรือทันทีเมื่อมีการแจ้งพบผู้ป่วยไข้เลือดออก เพื่อหยุดวงจรการแพร่พันธุ์ของยุงลาย

Q2: การใช้เครื่องพ่นหมอกควันปลอดภัยหรือไม่?

A: หากใช้อย่างถูกวิธีโดยเจ้าหน้าที่ที่ผ่านการอบรม พร้อมใช้น้ำยาที่ได้รับการรับรองจากกระทรวงสาธารณสุข จะมีความปลอดภัยสูงและไม่ส่งผลกระทบต่อประชาชนและสิ่งแวดล้อม

Q3: เครื่องพ่นหมอกควันแบบไหนเหมาะกับหน่วยงานท้องถิ่น?

A: ควรเลือกเครื่องพ่นแบบสะพายหลังหรือแบบติดรถยนต์ที่ผ่านมาตรฐาน ISO, WHO หรือ TUV เช่น AIROFOG AT35, POWERFOG F35 หรือ LONGRAY LR-4P