Group Blog
 
<<
พฤศจิกายน 2558
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
2930 
 
5 พฤศจิกายน 2558
 
All Blogs
 
แก้ปัญหา 3 จชต.ใช่ยาก หากรู้ทางโจร (โดย พลเอกหาญ ลีนานนท์)



เป็นบทความเก่าที่พลเอกหาญเคยเขียนไว้เมื่อปี 2556

แต่ผมอ่านแล้วก็ยังรู้สึกว่าทันสมัย

และอธิบายสถานการณ์นไว้อย่างน่าสนใจ

อ่านแล้วอยากให้ คสช.

ดึงพลเอก หาญกลับมาช่วยงานจังครับ

...................................................................

วันที่ 09 ตุลาคม พ.ศ. 2556 เวลา 10:53:30 น.

โดย พลเอก หาญ ลีนานนท์

...................................................................

"รู้เขา รู้เรา-รบ 100 ครั้ง ชนะ 100 ครั้ง"

วาทะกรรมของปราชญ์ทหาร ชาวจีน

ขอนำมาเป็นความนำเพื่อเป็นข้อคิด

ของบรรดาทหารแก่ รุ่นพี่ รุ่นน้อง

ที่เกษียณราชการไปแล้ว

หรือแม้แต่ที่ยังรับใช้ชาติอยู่

...................................................................

เคยคิดกันบ้างหรือไม่ว่า การก่อความไม่สงบ

ด้วยการก่อการร้ายของทหารอาร์เคเค

ติดอาวุธเพียง 7,000-8,000 คน

โจรฯทำอย่างไรที่สามารถยันกำลังทหาร

และกำลังกึ่งทหารในพื้นที่ 3 จชต.

ซึ่งมีมากกว่าหลายสิบเท่าได้ และทำให้ฝ่ายเรา

มีการสูญเสีย บาดเจ็บ พิการ ตาย

ปัจจุบันนี้มียอดผู้เสียชีวิตทั้งชาวบ้าน

และเจ้าหน้าที่รักษาความมั่นคง

(ทหาร,ตำรวจ,ตชด.,อส.ต่างๆ)

มีจำนวน 5,000 เศษ

และบาดเจ็บพิการอีก 10,000 เศษ

...................................................................

สถานการณ์ก่อการร้ายที่ 3 จชต.

ได้ยืดเยื้อมาเกือบครบ 10 ปีแล้ว

(บทความนี้ พลเอกหาญ เขียนเมื่อปี 2556)

ถ้าจะนับตั้งแต่เกิดเหตุร้ายเมื่อ 4 มกราคม 2547

โจรคงจะมีกูรูผู้เชี่ยวชาญการวางแผน

และการรบแบบกองโจรชั้นยอดเยี่ยม

สามารถทำให้ฝ่ายเราซึ่งมีกำลังมากกว่า

และเหนือกว่า ในศักยภาพการรบ

แต่ไม่สามารถทำให้การก่อความไม่สงบยุติลงได้

สถานการณ์ที่ 3 จชต.

ปัจจุบันนี้เป็นสถานการณ์สงคราม

...................................................................

สงครามจะยุติลงได้ก็ด้วย "สงครามเท่านั้น"

...................................................................

ในอดีตที่ชาติไทยของเราติดอยู่ในสงครามเย็น

เกือบ 20 ปี แต่สามารถผ่านสงครามเย็น

มาได้ด้วยยุทธศาสตร์ "การเมือง นำการทหาร"

แต่ถ้าศึกษาให้ลึกลงไปในยุคศาสตร์ "

การเมืองนำการทหาร" นั้นก็จะพบว่า

ก่อนจะบรรลุชัยชนะในทางการเมืองนั้น

ต้องใช้กำลังปฏิบัติการทางทหารก่อนทั้งสิ้น

ซึ่งผมต้องให้เกียรติกับกองทัพบกที่รู้ทัน

โจรก่อการร้ายในช่วงนั้นคือ กองทัพปลดแอก

ของพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย (ทปท.)

ซึ่งมีฐานที่มั่นอยู่ทางภาคเหนือ

คือเขาค้อ จ.เพชรบูรณ์ ฐานที่มั่นภาคอีสาน

ที่ภูพาน จ.สกลนคร ฐานที่มั่นภาคใต้

ที่เขาน้ำค้าง จ.สุราษฎร์ธานี ฐานที่มั่น

(เบสแอเรีย) คือพื้นที่ที่ฝ่ายโจร

คือ ทปท. ยึดพื้นที่นั้นๆ ได้แล้ว

หมายถึงฝ่ายโจรมีอำนาจรัฐซ้อน

อำนาจรัฐของฝ่ายรัฐบาล การเมือง

และการปกครองในพื้นที่เป็นของโจรฯ

อำนาจของข้าราชการฝ่ายปกครอง

และตำรวจมีตามตัวหนังสือเท่านั้น

เพื่อมิให้สงครามกองโจรฯในสงครามเย็น

ก้าวไปสู่ขั้นรุกได้ ทบ.จึงได้ออกคำสั่ง

ให้ทุกกองทัพภาค ทำการรุกทางทหาร

ต่อที่หมายสำคัญในพื้นที่ของ ทภ.ต่างๆ

ปรากฏว่า ฐานที่มั่นของ ทปท.

ที่ภูพานพื้นที่ ทภ.2 และที่เขาค้อ

พื้นที่ ทภ.3 ถูกฝ่ายเรา

จับยึดและทำลายได้หมด

เว้นทาง ทภ.4 ซึ่งฝ่าย ทปท.ยังคงดำรง

การต่อสู้ไปได้อย่างยืดเยื้อจนกระทั่ง

เมื่อ ทบ.ส่ง พล.ท.หาญ ลีนานนท์

ไปเป็น มทภ.4 ห้วงเวลาปี 24-26

สงครามเย็นช่วงสุดท้ายในชาติ

ก็ได้ยุติลงอย่างสิ้นเชิงด้วยนโยบายใต้ร่มเย็น

ของ "แม่ทัพหาญ" เพราะฐานที่มั่นหลัก

ที่เขาน้ำค้าง จ.สุราษฎร์ธานี และฐานย่อยๆ

ของ ทปท.ที่พัทลุง, ตรัง และนครศรีธรรมราช

ถูกฝ่ายเราตีแตกและจับยึดได้หมด

เมื่อหมดกำลังติดอาวุธ และสูญเสีย

ฐานที่มั่นทุกภาคของประเทศ

"พรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย"

ก็หมดโอกาสที่จะโค่นล้มรัฐบาล

และยึดอำนาจทางการเมือง

เปลี่ยนแปลงรูปแบบการปกครอง

ให้เป็นไปตามที่ พคท.ต้องการได้

...................................................................

อย่างไรก็ดี เชื่อว่า พคท.มิได้ตาย

หรือหายไปจากแผ่นดินนี้

ตราบใดที่อำนาจเผด็จการอิทธิพล

และอำนาจมืดยังมีอยู่ในสังคม

ของประเทศไทยตั้งแต่ระดับชาติ

จนถึงระดับท้องถิ่น

...................................................................

เมื่อหันมาดูสงครามที่

3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ (3 จชต.)

ซึ่งขบวนการโจรก่อการร้ายบีอาร์เอ็นโคออดิเนต

ประกาศยืนยันว่า ตนเป็นผู้รับผิดชอบ

การก่อการร้ายต่างๆ ที่เกิดขึ้นแต่ผู้เดียว

การก่อการร้ายที่ 3 จชต.นั้น

แตกต่างกว่าการก่อการร้าย

ในสงครามเย็นในอดีตโดยสิ้นเชิง

เรื่องสำคัญฝ่ายเราต้องทำความเข้าใจให้ชัดเจน คือ

1.การก่อการร้ายที่ 3 จชต.นั้น

ฐานที่มั่นของโจรในสงครามนี้อยู่ในหมู่บ้าน

โจรวางกำลังทหารอาร์เคเค 8-12 คน

ไว้ในแต่ละหมู่บ้านสีแดง

อำนาจการปกครอง และการเมือง

เป็นของโจรฯชาวบ้านไม่มีใครเห็น

หรือรู้จักอาร์เคเค แต่ก็รู้ว่า

ทุกย่างก้าวของตนนั้นอยู่ในสายตาของ

กลุ่มอาร์เคเค โดยตลอด

ใครที่ยืนเป็นกลาง หรือพูดกับ

เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง ทหาร ตำรวจ บ่อยๆ

ไม่ช้าก็ตายหรือหายไปจากหมู่บ้านโดยไม่รู้สาเหตุ

ชาวบ้านกลัวโจรฯยิ่งกว่าฝ่ายปกครองและตำรวจ


2.โจรฯมีหน่วยการเมือง เรียกว่า อาเยาะห์

อยู่ในหมู่บ้าน อาเยาะห์เป็นหน่วยเปิดใครๆ ก็รู้จัก

เพราะอาเยาะห์เข้าใกล้ชิดชาวบ้าน

เกาะติดมวลชนหนุ่มสาว ใครมีอุดมการณ์

"ปลดปล่อยรัฐปัตตานี"

ก็จะคัดส่งไปฝึกเป็นอาร์เคเค

ที่เหลือปลุกระดมเป็นแนวร่วม

หน้าที่สำคัญของอาเยาะห์

ส่งกำลังบำรุงหาข่าว ให้ที่พักหลับนอน

เมื่ออาร์เคเค กลับจากปฏิบัติการ

หรือพาอาร์เคเคหลบหนีเมื่อหมู่บ้านถูกตรวจค้น


3.หน้าที่สำคัญของแนวร่วม

คือช่วยให้อาร์เคเคสำเร็จภารกิจทางทหาร

เช่น วางตะปูเรือใบ หน่วงเหนี่ยวกำลังฝ่ายเรา

ที่เข้าไปช่วยแก้ปัญหา ทำการวางเป้าลวง

เพื่อให้ฝ่ายเราหลงไปติดกับดักแล้วทำลายเสีย

ด้วยการยิงซุ่มยิง หรือวางระเบิดแสวงเครื่อง ฯลฯ


4.ข้อแตกต่างที่สำคัญ ระหว่างสงครามเย็น

และสงครามปัจจุบันที่ 3 จชต.

4.1 สงครามเย็น ฝ่าย พคท.ต้องใช้เวลา

เพื่อสร้างกองกำลังเรียกว่า

กองทัพปลดแอก (ทปท.)

ให้ใหญ่โตเข้มแข็ง มีศักยภาพทางการรบ

เท่าเทียมกับกำลังทหาร (กองทัพ)

ที่ค้ำจุนฐานอำนาจของรัฐบาล

จึงจะโค่นล้มรัฐบาลได้

ซึ่งอาจต้องใช้เวลา 10-20 ปีหรือมากกว่า

4.2 สงครามก่อการร้าย ปัจจุบันที่ 3 จชต.

เรียกว่า การก่อการร้ายแนวใหม่

ภาษาสากลว่า นี-โอ เทเรอริสซึ่ม

หรือ การก่อการร้ายที่ไร้ผู้นำ

จัดกำลังเป็นหน่วยขนาดเล็กคล่องตัว 2-4-6 คน

เคลื่อนที่รวดเร็วด้วย จยย.3 คัน

ไปได้ทุกภูมิประเทศ ทั้งในเมือง-นอกเมือง

ถึงยอดดอย คุมถนนได้ทุกสายไปได้อย่างเสรี

4.3 โจรฯมีทักษะการใช้อาวุธยิง

จากมือปืนที่นั่งท้าย จยย.เมื่อคนขับเร่งเครื่อง

ประกบเหยื่อตายทุกราย ไม่ว่าผู้เคราะห์ร้าย

จะขี่ จยย.หรือขับรถยนต์

4.4 ด้วยการจัดที่คล่องตัวในข้อ 4.2

และมีความชำนาญในการใช้

อาวุธสังหารร้ายแรง ข้อ 4.3

พร้อมทั้งมีการข่าวที่ดีเพราะรู้เห็น

การเคลื่อนไหวของฝ่ายเราตลอดเวลา

เนื่องจากไปตั้งฐานปฏิบัติการในหมู่บ้าน

จึงสามารถรวบรวมกำลังได้ล่วงหน้า

ให้มีกำลังเหนือกว่าฝ่ายเรา

ทุกการยุทธ (ปะทะ) ที่เกิดขึ้น

โจรฯมีกำลัง 30-40 คน

แต่ฝ่ายเราจะมีเพียง 8-12 คน

จึงเป็นฝ่ายถูกบดขยี้

หรือที่เรียกว่าถูกทำลายล้าง

(จับ-ยึด-ฆ่า-เผา) โจรฯ รู้จักทำกำลังน้อย

ให้เป็นกำลังมากแต่ฝ่ายเรา

มีกำลังมากกว่าทำให้เป็นกำลังน้อย

ผมว่าโจรนั้นทำถูกตามหลักการสงคราม

ทั้งๆ ที่ทหารอาร์เคเคเรียนการรบเพียง 1 เดือน

แต่สำหรับฝ่ายเรานั้นอาจารย์ยุทธวิธี

ที่โรงเรียนเสนาธิการทหารบก

ของผมมิได้สอนเช่นนี้แน่นอน

4.5 ข้อสังเกตที่นักการทหาร

ไม่ควรมองข้ามคือสงครามที่ 3 จชต.นั้น

ฝ่ายโจรใช้กำลังเพียงน้อยๆ

ตามที่กล่าวในวรรคต้นแต่สามารถ

ยันกำลังรบฝ่ายเรา ซึ่งเหนือกว่าในทุกๆ ด้านได้

และทำให้ฝ่ายเราพบกับการสูญเสีย

เป็นประจำทหารของเรา

ที่ได้รับการฝึกดีเป็นพิเศษ (พวกแบเร่ห์แดง)

แล้วยังเคยถูกจับไปฆ่าตัดคอ

หากปล่อยให้เหตุการณ์เช่นทุกวันนี้

ดำรงอยู่ต่อไปสักวันหนึ่งหมู่บ้านสีแดง

อาจถูกปลดปล่อยอย่างเงียบๆ

นายอำเภอ ตำรวจและผู้ว่าฯ

มารู้ตัวเอาก็ต่อเมื่อ ย่างไปไหนไม่ได้

เพราะในพื้นที่เต็มไปด้วยโจรอาร์เคเคติดอาวุธ

ซึ่งประกอบกำลังจากแนวร่วมจัดตั้ง

และเอาอาวุธมาจากคลังแสงโจรที่ฝังไว้ในหมู่บ้าน

มาถึงตรงนี้ก็ขอถือโอกาสเตือนท่าน

ที่เคยพูดว่าปัญหาใต้ (3 จชต.) นั้น

มันมีมานานแล้ว...ค่อยๆ แก้ไป

"...ไม่ใช่ครับ" มันต้องคิดใหม่ทำใหม่

มันต้องจบโดยเร็ว....จึงขอให้บรรดา

"ทหารแก่ไม่มีวันตาย" มาช่วยน้องๆ

ทหารใหญ่ที่ยังรับราชการอยู่

ให้มองเห็นลู่ทางเอาชนะโจรใต้ให้สำเร็จโดยเร็ว....

...................................................................

(ที่มา:มติชนรายวัน 8 ต.ค.2556)





Create Date : 05 พฤศจิกายน 2558
Last Update : 5 พฤศจิกายน 2558 22:02:15 น. 0 comments
Counter : 1907 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ART19
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 8 คน [?]





ความเสมอภาคที่แท้จริง คือ
การที่ทุกคนต้องมีหน้าที่
การทำหน้าที่ของตนเอง
จะเป็นสิ่งที่กำหนดว่า
เราควรได้รับอะไร แค่ไหน
Friends' blogs
[Add ART19's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.