คนไทยกินข้าว ไม่ได้กินหญ้า : ดร.อัมมาร - ดร.นิพนธ์ จาก ไทยรัฐ
คนไทยเอาข้าวที่ไหนมากิน เป็นทัศนะจาก ดร.นิพนธ์ พัวพงศกร
นักวิชาการเกียรติคุณ รักษาการผู้อำนวยการวิจัย
นโยบายเศรษฐกิจรายสาขาด้านการพัฒนาอุตสาหกรรมชนบท
และ ดร.อัมมาร สยามวาลา นักวิชาการเกียรติคุณ
สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ)
สะท้อนหลายประเด็นชวนให้คนไทยทั้งประเทศติดตาม
นับตั้งแต่รัฐบาลเพื่อไทยเริ่มดำเนินการจำนำข้าวเปลือกทุกเม็ด
ตั้งแต่วันที่ 3 ตุลาคม 2554 จนถึง 30 กันยายน 2555
ได้รับซื้อข้าวตามโครงการจำนำนาปี 2554/55
และนาปรังปี 2555 ทั้งสิ้น 21.475 ล้านตันข้าวเปลือก
ข้าวเปลือกจำนวนนี้ ถ้าคิดเป็นข้าวสารจะได้ทั้งสิ้น 13.3 ล้านตัน
พูดง่ายๆก็คือมีข้าวเปลือกเข้าโครงการจำนำรวม 61.6 เปอร์เซ็นต์
ของผลผลิตข้าวในปี 2554-2555
ถ้าคิดเฉพาะการจำนำข้าวนาปรังปี 2555 ก็พูดได้ว่า
รัฐบาลประสบความสำเร็จในการนำข้าวเปลือกทุกเม็ด
เข้าสู่โครงการจำนำตามนโยบายที่พรรคเพื่อไทยหาเสียงไว้
ผลที่ตามมา ราคาข้าวเปลือกในประเทศถีบตัวขึ้นสูงกว่า
สมัยรัฐบาลประชาธิปัตย์ที่ไม่มีการจำนำ อยู่ในยุคที่เรียกว่า...
ข้าวเปลือกแพง ข้าวสารถูก
สิ่งที่น่าแปลกใจ ราคาข้าวสารขายปลีกในประเทศกลับมีราคาถูก
ทั้งๆที่ข้าวสารส่วนใหญ่นอนสงบนิ่งอยู่ในโกดังกลางของรัฐบาล
ขณะที่คนไทยต้องกินข้าวทุกวัน ปีละไม่ต่ำกว่า 10.410.7 ล้านตัน
เมื่อพลิกดูข้อมูลการบริโภคและการใช้ทำพันธุ์ข้าวจากการสำรวจรายได้
รายจ่ายครัวเรือนของสำนักงานสถิติแห่งชาติ
และกระทรวงเกษตร สหรัฐอเมริกา จะพบว่าราคาขายปลีกข้าวสาร
ในช่วงเดือนตุลาคม 2555 เฉลี่ยเพียงกิโลกรัมละ 22.19 บาท
ถูกกว่า...ราคาข้าวสารในช่วงเดือนตุลาคม 2553 ถึงกรกฎาคม
2554...ซึ่งเป็นยุครัฐบาลอภิสิทธิ์ที่ไม่มีการแทรกแซงราคาตลาด
คำถามตามมา อะไร? คือเหตุผลที่ทำให้รัฐบาลประสบความสำเร็จ
ในการทำให้ราคาข้าวสารถูก การตรึงราคาจะต้องเกิดจาก
นโยบายระดับสูงของพรรคเพื่อไทยที่ไม่มีการประกาศต่อสาธารณะ
นั่นเป็นเพราะรัฐบาลรู้ดีว่าการจำนำจะทำให้ราคาข้าวสารในประเทศ
แพงขึ้นอย่างแน่นอน หากปล่อยให้ข้าวมีราคาแพงรัฐบาล
จะถูกโจมตีอย่างรุนแรง
ว่ากันตามกลไกรัฐในการจำนำข้าวและระบายข้าว
หลังรับซื้อ ข้าวเปลือกมาจากชาวนา รัฐก็จะสั่งให้โรงสีในโครงการ
ประมาณ 1,000 แห่ง สีแปรสภาพเป็นข้าวสารภายใน 7 วัน
รัฐบาลจ่ายค่าจ้างสีแปรสภาพแก่โรงสีตันละ 500 บาท...
ค่ากระสอบ ค่าขนส่ง...ในรูปข้าวสารแทนการจ่ายเป็นเงินสด
ยิ่งกว่านั้นรัฐยังกำหนดอัตราส่งมอบต้นข้าวที่ต่ำกว่าอัตราปกติ
ของโรงสีที่มีประสิทธิภาพ เช่น ในการสีแปรสภาพข้าว 5%
รัฐบาลกำหนดให้โรงสีส่งมอบต้นข้าวเพียง 450 กิโลกรัม
แทนที่ต้องส่งมอบต้นข้าวสารเข้าโกดัง 500 กิโลกรัม
ผลคือ...ทำให้โรงสีในโครงการจำนำมีข้าวสารส่วนเกินอยู่ในมือ
ประมาณ 40 กิโลกรัมต่อการรับจำนำข้าวเปลือกทุกๆ 1 ตัน...
ถ้ารวมจำนวนข้าวสารของโรงสีทั้งหมดจะตกอยู่ที่ 0.67 ล้านตัน
อีกผลกระทบที่ชัดเจนจากการจำนำ...ปริมาณการส่งออกข้าว
ของภาคเอกชนลดลงเหลือเพียง 5.77 ล้านตัน
ในช่วงเดือนมกราคม-ตุลาคม 2555 เทียบกับ 9.63 ล้านตัน
ของช่วงเวลาเดียวกันในปี 2554
เหตุผลสำคัญเป็นเพราะราคาข้าวส่งออกของไทยแพงกว่าคู่แข่งมาก
ประเด็นปัญหาระบายขายข้าวมีเรื่องมีราวสืบสาวกันไปพอสมควรแล้ว
ปัญหาอยู่ที่การตรวจสอบข้อมูลการระบายข้าวของรัฐบาล
เป็นไปด้วยความยากลำบาก ทั้งๆที่ข้าวทั้งหมดที่อยู่ในมือรัฐบาล
เป็นข้าวของประชาชน ใช้เงินภาษีของประชาชน
แต่รัฐกลับปิดบังข้อมูลสต๊อกข้าว ข้อมูลสัญญาการซื้อขายกับต่างประเทศ
รวมทั้งไม่มีการเปิดเผยถึงวิธีการขายให้องค์กรหรือหน่วยงาน
ทั้งในประเทศและต่างประเทศรู้ โดยอ้าง ความลับทางการค้า
จากการสอบถามอนุกรรมการระบายข้าวบางท่าน
ก็ไม่ปรากฏว่าคณะอนุกรรมการได้มีการประชุม
เรื่องการขออนุมัติซื้อขายข้าวของรัฐบาล
ทราบเพียงแต่ว่าบริษัทเอกชนสามารถทำเรื่องขออนุมัติซื้อข้าวจากรัฐได้
แต่ก็ดูเหมือนว่าคณะอนุกรรมการจะไม่ได้มีบทบาทใดๆ
ในการพิจารณาคำขอซื้อข้าวจากภาคเอกชนเลย...
กระบวนการทำงานในการจำนำข้าวทุกขั้นตอนถูกผูกขาดตัดตอน
โดยกระทรวงพาณิชย์เพียงฝ่ายเดียว
ข้อมูลการระบายข้าวที่โปร่งใสที่สุดคือ การประมูลข้าวรวม 5 ครั้ง
แต่เอกชนสามารถประมูลได้เพียง 3 ครั้ง...
รวมเป็นข้าวจำนวน 0.3209 ล้านตัน
การขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐเป็นข้อมูลที่ลึกลับที่สุด
เพราะนอกจากกระทรวงพาณิชย์จะยืนยันว่า
เป็นการทำสัญญาแบบจีทูจีแล้ว กระทรวงยังไม่ยอมเปิดเผยข้อมูลอื่นใด
ยกเว้นจำนวนการขายให้ 3 ประเทศ ได้แก่ จีน อินโดนีเซีย โกตดิวัวร์
อย่างไรก็ตาม หากเรายอมรับว่ารัฐบาลไทย
ขายข้าวให้รัฐบาลต่างชาติทางอ้อมผ่านบริษัทเอกชน
เราก็สามารถตรวจสอบข้อมูลการส่งออกข้าวของรัฐ
จากส่วนต่างระหว่างปริมาณการส่งออกข้าวของภาคเอกชน
ที่รายงานโดยสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย กับปริมาณการส่งออกข้าว
ของกรมศุลกากรที่เป็นตัวเลขทางราชการที่ต้อง ถูกต้อง
เพราะใช้เป็นฐานสถิติการส่งออกนำเข้าของประเทศ
ผลการตรวจสอบการส่งออกข้าวของรัฐบาลไทยพบว่า
ในช่วงเดือนกันยายน 2554-ตุลาคม 2555
ไทยมีปริมาณการส่งออกไปยังประเทศ 3 ประเทศ
เพียง 1.03-1.19 ล้านตัน
ตัวเลขนี้รวมการส่งออกของภาคเอกชน
เพราะปริมาณส่งออกไปยังอินโดนีเซียและโกตดิวัวร์
มีมากกว่าที่รัฐบาลประกาศ ขณะที่รัฐบาลประกาศว่า
ขายข้าวจีทูจีไปแล้ว 1.46 ล้านตัน
ข้อเท็จจริงประการหนึ่ง...มีข่าวชัดเจนว่า
รัฐบาลอินโดนีเซียปฏิเสธไม่ซื้อข้าวครบ 3 แสนตันตามสัญญา
เพราะปัญหาคุณภาพข้าว ถ้าสมมติว่าโกตดิวัวร์ซื้อข้าวครบตามสัญญา
จำนวน 2.9 แสนตัน และจีนซื้อข้าวผ่านบริษัทนายหน้าของไทย
1.9 แสนตัน ...เท่ากับว่ารัฐบาลไทยก็ขายข้าว
ส่งออกได้เพียง 7.2 แสนตัน ไม่ใช่ 1.46 ล้านตัน
ตามที่ปรากฏในเอกสาร รู้ลึก รู้จริง จำนำข้าว
ข้อสรุปในช่วงแรก...ข้าวส่วนต่างจำนวน 0.74 ล้านตัน
เอาตัวเลข 1.46 ลบด้วย 0.72...น่าจะเป็นข้าวที่
บริษัทเอกชนที่ไม่สามารถขายให้รัฐบาลต่างประเทศ
นำมาขายต่อภายในประเทศ...
ตลอด 10 เดือนแรกปี 2555 กระทรวงพาณิชย์ขายข้าว
ทั้งในและต่างประเทศไม่น่าจะเกิน 1.1-1.844 ล้านตัน
จากข้าวสารที่อยู่ในโกดัง 13.3 ล้านตัน
ปัญหาตัวเลขสต๊อกข้าว ไฉนต้องเฉไฉ...ปิดบัง
หรือเพราะถ้าเผยให้เห็นตัวเลขชัดๆ
คนไทยทั้งประเทศจะรู้ว่ามีขบวนการล่มหัวจมท้าย
กับบริษัทเอกชนเอาข้าวไปขายต่อ ทำกำไรเข้ากระเป๋าตัวเอง.
โดย ไทยรัฐ คอลัมน์สกูปข่าว ฉบับพิมพ์ วันพุธ 17 มกราคม 2556
Create Date : 17 มกราคม 2556 |
|
0 comments |
Last Update : 15 มิถุนายน 2556 14:41:10 น. |
Counter : 1450 Pageviews. |
|
|
|