|
| 1 | 2 | 3 |
4 | 5 | 6 | 7 | 8 | 9 | 10 |
11 | 12 | 13 | 14 | 15 | 16 | 17 |
18 | 19 | 20 | 21 | 22 | 23 | 24 |
25 | 26 | 27 | 28 | 29 | 30 | |
|
|
|
|
|
|
|
ธรรมรัฐ - ธรรมราชา : ธรรมาภิบาลพุทธ (ตอน ๕)
เรียบเรียงโดย ศ.ดร.บวรศักดิ์ อุวรรณโณ ราชบัณทิต
ถ้าเราลองนำหลักธรรมาภิบาล (Good governance)
แบบตะวันตกมาศึกษา เราก็จะพบว่าหลักการสำคัญของธรรมาภิบาล
ของฝรั่งนั้นมีอยู่ไม่กี่หลัก กล่าวคือ หลักความโปร่งใส (Transparency)
หลักความรับผิดรับชอบ (Accountability)
หลักการมีส่วนร่วม ( Participation)
หลักนิติธรรม ( Rule of Law)
หลักการตอบสนองผู้มีส่วนได้เสีย (Responsiveness)
หลักการกระจายอำนาจ (Decentralization)
หลักคุณธรรม (Ethics)
หลักประสิทธิภาพ (Efficiency)
ประสิทธิผล (Effectiveness) แต่ถ้าเราดูหลักธรรมาภิบาลพุทธ ซึ่งมีหลักจักรวรรดิวัตร ๔
ทศพิธราชธรรม ราชสังหควัตถุ ๔ แล้ว
เราจะเห็นได้ว่าหลักธรรมาภิบาลฝรั่งนั้น
เน้น กระบวนการ ของการบริหารเป็นหลัก
ในขณะที่หลักธรรมาภิบาลพุทธนั้น เน้นทั้ง
เป้าหมายของการปกครอง กระบวนการบริหาร
และ จิตใจ ของผู้บริหารทั้ง ๓ ประการเป้าหมายของการปกครอง
ในคติพุทธถือ ธรรมาธิปไตย อันเป็นหลักในจักรวรรดิวัตรข้อแรก
ท่านพุทธทาสกล่าวไว้ชัดเจนว่า
ธัมมิกประชาธิปไตย....เอาความถูกต้องเป็นใหญ่...
คือเป็นประชาธิปไตยที่ประกอบไปด้วยธรรม ประชาธิปไตย
ถ้าว่าประชาชนหรือคนแต่ละคนมันไม่มีศีลธรรมและมันก็วินาศ....
อะไรคือความถูกต้อง ?
ความถูกต้องคือ ประโยชน์ และ สุข ของประชาชนนั่นเอง
ดังจะเห็นได้จากพุทโธบายเมื่อครั้งพระพุทธองค์
ให้พระสาวกชุดแรก ๖๐ รูปไปเผยแผ่พระศาสนานั้น
ทรงรับสั่งว่า จรถ ภิกขเว จาริกํ พหุชน หิตาย พหุชน สุขาย โลกานุกมฺปาย
อันแปลว่า ภิกษุทั้งหลาย จงจาริกไป เพื่อประโยชน์
เพื่อความสุข แก่มหาชนหมู่มาก
นี่คือความถูกต้องที่ต้องเป็นไปทั้งเพื่อประโยชน์
และเพื่อความสุขของประชาชน สิ่งใดที่เป็นประโยชน์แต่ก่อทุกข์
หรือสร้างสุขแต่ไม่มีประโยชน์ ก็ไม่ใช่สิ่งที่ถูกต้อง
พระปฐมบรมราชโองการในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่ว่า
เราจะปกครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุข แห่งมหาชนชาวสยาม
ก็คือธรรมาธิปไตยนั่นเอง
นอกจากประโยชน์และสุขแล้ว ธรรมาธิปไตย
ยังถูกขยายด้วยจักรวรรดิวัตรข้อ ๒ และ ข้อ ๓
ก็คือ จะต้อง คุ้มครองคนดี ทุกภาคส่วน (ธรรมิการักขา)
ไม่ว่าจะเป็นข้าราชการ สมณะ นักปราชญ์ พ่อค้า เกษตรกร
รวมไปถึงสรรพสัตว์ทั้งปวง
สิ่งใดไม่ถูกต้อง ไม่เป็นธรรม การกดขี่ข่มเหง ความผิดชั่วร้าย
ก็ต้องปราบปรามไม่ปล่อยทิ้งไว้ให้เกิดภยันตรายแก่ประชาชนคนทั่วไป
ซึ่งเป็นหลักในจักรวรรดิวัตรข้อ ๓ (มา อธรรมการ)
เราจะเห็นได้ว่า พระบรมราโชวาทที่พระราชทาน
เมื่อวันที่ ๑๑ ธันวาคม ๒๕๑๒ ในพิธีเปิดงานชุมนุมลูกเสือแห่งชาติ ครั้งที่ ๖
สะท้อนหลักคุ้มครองและส่งเสริมคนดีและปราบปรามคนไม่ดี
ดังจะขออัญเชิญมา ณ ที่นี้ ความว่า
ในบ้านเมืองนั้นมีทั้งคนดีและไม่ดี
ไม่มีใครจะทำให้ทุกคนเป็นคนดีได้ทั้งหมด
การทำให้บ้านเมืองมีความเป็นปกติสุขเรียบร้อย
จึงมิใช่การทำให้ทุกคนเป็นคนดี
หากแต่อยู่ที่การส่งเสริมคนดี
ให้คนดีได้ปกครองบ้านเมืองและควบคุมคนไม่ดี
ไม่ให้มีอำนาจ ไม่ให้ก่อความเดือดร้อนวุ่นวายได้
พระบรมราโชวาทนี้สอดคล้องกับหลักคุ้มครองคนดี
และปราบปรามคนชั่วในจักรวรรดิวัตรทุกประการลองนึกภาพดูนะครับว่า
ถ้าคนเลวไม่สุจริตขึ้นเป็นใหญ่ ก็ย่อมต้องส่งเสริมคนประเภทเดียวกัน
ลดหลั่นลงไปจากระดับสูงลงไปถึงระดับล่างในพื้นที่
บ้านเมืองจะเดือดร้อนเป็นไฟขนาดไหน ในทำนองกลับกัน
ถ้าคนดีมีความสุจริตขึ้นเป็นใหญ่ ก็ย่อมไม่ส่งเสริมคนชั่ว
แต่ส่งเสริมคนดีจากระดับสูงลงไปจนถึงระดับล่าง บ้านเมือง
ก็จะมีความสงบเรียบร้อยเพียงใด
นี่คือเป้าหมายของการปกครองที่เรียกว่า ธรรมาธิปไตย
ซึ่งฝรั่งไม่ได้เน้น แต่พระพุทธองค์เน้นเป็นพิเศษครับ!.
คัดจาก หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ ฉบับ วันพุธ ที่ 21 กันยายน 2554
............................................
อ้างอิงจาก //www.dailynews.co.th/newstartpage/index.cfm?page=content&categoryID=630&contentID=163147
Create Date : 25 กันยายน 2554 |
|
0 comments |
Last Update : 19 พฤษภาคม 2556 12:19:17 น. |
Counter : 957 Pageviews. |
|
|
|
|
|
|
|
|