|
| 1 | 2 | 3 | 4 | 5 | 6 |
7 | 8 | 9 | 10 | 11 | 12 | 13 |
14 | 15 | 16 | 17 | 18 | 19 | 20 |
21 | 22 | 23 | 24 | 25 | 26 | 27 |
28 | 29 | 30 | |
|
|
|
|
|
|
|
คอมมิวนิสต์แบบไทย ๆ
หลายวันก่อน มีข่าวตามหน้าหนังสือพิมพ์ทำนองว่า
คอมมิวนิสต์คืนชีพ ตามข่าวมีภาพคุณสุรชัย แซ่ด่าน
แต่งชุดคอมมิวนิสต์ด้วย
ช่วงนั้นหนังสือพิมพ์มีการไปสัมภาษณ์คอมมิวนิสต์เก่า
รวมถึงขอสัมภาษณ์นักวิชาการบางท่านเกี่ยวกับ
กระแสคอมมิวนิสต์ในขณะนั้น สังคมไทยก็วิพากษ์วิจารณ์กันไป
แต่ดูเหมือนหลาย ๆ ท่านไม่ได้ซีเรียสกันนัก
แต่หากเหตุการณ์ที่คุณสุรชัยสวมชุดคอมมิวนิสต์ไปเกิด
ในระหว่าง 2516 - 2523 ล่ะก็ เป็นเรื่องแน่ครับ
ประวัติศาสตร์บันทึกเอาไว้ว่า วันเสียงปืนแตกเริ่มมีขึ้น
ในวันที่ 7 สิงหาคม 2508ที่หมู่บ้านนาบัว จังหวัดสกลนคร
นั่นคือ วันที่เจ้าพนักงานใช้อาวุธปราบปราม
สมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์และ สมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์ได้ใช้กำลังอาวุธ
ต่อสู้กับเจ้าพนักงานเป็นครั้งแรก นับแต่นั้นมาคอมมิวนิสต์ก็กลายเป็น
ภัยคุกคามประเทศอันดับหนึ่งและ จ.สกลนคร ก็กลายเป็นพื้นที่สีแดงแจ๊ด
จนกระทั่งทางราชการ หันมาใช้นโยบาย 66/2523
อันเป็นนโยบายที่ทำให้ทางราชการสามารถ
เอาชนะคอมมิวนิสต์ได้ในที่สุด
ครับ นี่คือเรื่องราวคร่าว ๆ เกี่ยวกับคอมมิวนิสต์ที่เราพอจะทราบกัน
อันที่จริง การล่มสลายของพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย
ไม่ใช่เรื่องแปลกแต่สิ่งที่แปลกและน่าสนใจ
กลับเป็นเรื่องของเหล่าสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์ต่างหาก
เอาเข้าจริงแล้ว เรามีข้อมูลเกี่ยวกับพวกเขาน้อยมาก
โดยเฉพาะในระดับแกนนำรู้กันแต่เพียงว่า เหล่าแกนนำนั้น
รับนโยบายมาจากประเทศจีน
อาจมีซ้ายเก่าบางท่านแย้งว่า ไม่ควรใช้คำว่า "รับนโยบาย"
แต่ควรใช้คำว่า "รับการสนับสนุน" เพราะคำว่า "รับนโยบาย"
เท่ากับยอมรับว่า "จีน" มีอำนาจครอบงำ พคท.
ผมเคยทราบมาว่า มีแนวร่วมปัญญาชนจำนวนมากที่ไม่พอใจ
และไม่ต้องการให้จีนเข้ามาก้าวก่ายการทำงานของ พคท.
เพราะมันแสดงถึงความไร้จุดยืนของพคท.
มีเรื่องเล่าที่แสดงถึงความไร้จุดยืนของ พคท. เรื่องหนึ่ง
เมื่อครั้งที่แก็งค์ออฟโฟร์ อันประกอบด้วย
เจียงชิง เหยาเหวินหยวน หลิวป๋อเฉิง จางชุนเฉียว
ขึ้นเป็นใหญ่ในจีนนั้น ทางแกนนำพคท.ได้ประกาศสนับสนุน
แนวทางของแก็งค์ออฟโฟร์ว่าเป็นแนวทางของคอมมิวนิสต์ที่ถูกต้อง
ต่อมา เติ้งเสี่ยวผิงสามารถยึดอำนาจคืนจากแก็งค์ออฟโฟร์ได้
ทาง พคท. ก็ออกมารับรองว่า นโยบายของเติ้งเสี่ยวผิง
คือแนวทางที่ถูกต้อง ส่วนนโยบายของแก็งค์ออฟโฟร์นั้นเป็นสิ่งผิด
เอาเข้าจริงก็เลยไม่รู้ว่า แนวทางไหนกันแน่
คือ สิ่งถูกต้องที่ควรยึดถือสำหรับ พคท.
นั่นเป็นเรื่องในระดับแกนนำ แต่ในระดับแนวร่วมล่ะ เป็นยังไง
หลายท่านคงทราบดีว่า คอมมิวนิสต์ปฎิเสธศาสนาทุกศาสนา
และมองศาสนาว่าเป็นเหมือนยาเสพติดหรือสิ่งหลอกลวง
แต่แนวร่วมคอมมิวนิสต์ไทยหลายท่านกลับไม่ปฎิเสธศาสนาพุทธ
ข้อสังเกตก็คือ การที่วัดป่าแถบจังหวัดสกลนคร
และหลายจังหวัดแถบอีสาน ยังคงอยู่มาได้
โดยไม่ถูกทำลายวอดวายไปเสียก่อน
วัดบางแห่งยังได้อาศัยเหล่าแนวร่วมช่วยก่อสร้างด้วยซ้ำ
เท่าที่ทราบมาก็มี วัดพระธาตุมหาชัย จังหวัดนครพนม
นอกจากการแอบสร้างวัดวาแล้ว ก็ยังมีพระสงฆ์บางรูป
ที่เหล่าแนวร่วมให้ความเคารพนับถือ อาทิ
พระอาจารย์ฝั้น อาจาโร แห่งวัดป่าอุดมสมพร
หลายครั้งที่เหล่าแนวร่วม "จ๊ะเอ๋" กับทหารในวัด
แต่ก็ไม่มีเรื่องกัน ด้วยต่างมีความเคารพในท่านอาจารย์
อย่างไรก็ตาม มีบ้างเหมือนกันที่แนวร่วมบางคนแอบปลอมตัวเป็นพระ
จนทำให้ทหารไทยประสาทเสีย
เล่นเอาหวาดระแวงพระธุดงค์ไปเหมือนกัน
ถ้าหากไปถาม ท่านประธานเหมา ถึงปรากฎการณ์ "คอมมิวนิสต์สร้างวัด"
ผมเชื่อว่าท่านประธานเหมาคงได้แต่ส่ายหน้า และอาจตำหนิเอาด้วย
ถ้าใช้คำหยาบคายก็คือ คอมมิวนิสต์ไทย มันไม่เอาไหน
แต่หากใช้คำสุภาพ ก็คือ คอมมิวนิสต์ไทยมีความยืดหยุ่น (flexible)
สามารถปรับเปลี่ยนตนเองให้สอดคล้องกับสภาพแวดล้อมได้
ความยืดหยุ่นนี้เอง เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้นโยบาย 66/2523
ประสบผลสำเร็จในที่สุด
ข้อใหญ่ใจความสำคัญก็คือ คนไทยในยุคนั้นเป็นคอมมิวนิสต์เพราะอะไร
ถ้าพิจารณาจากการล่มสลายของ พคท. ก็พอจะยืนยันได้ว่า
แนวร่วมจำนวนมากไม่ได้ศรัทธาในหลักการคอมมิวนิสต์นัก
แต่ที่ต้องเข้ามาร่วมกับ พคท. ก็เพื่อต่อสู้เรียกร้องความเป็นธรรม
การต่อสู้ในครั้งนั้น ไม่ได้ทำเพื่อบุคคลใดบุคคลหนึ่งโดยเฉพาะ
เมื่อผนวกกับความยืดหยุ่นอันเป็นคุณลักษณะพิเศษของคนไทย
ทำให้คอมมิวนิสต์ที่นี่มีลักษณะที่ไม่เหมือนกับคอมมิวนิสต์ที่ไหนในโลก
อย่างไรก็ตาม แม้พคท.จะล่มสลาย แต่ผมไม่คิดว่าแนวร่วมแพ้
ตรงกันข้าม สังคมไทย คือผู้ชนะ เพราะสามารถยุติความรุนแรงได้
เมื่อเหล่าแนวร่วมเป็นส่วนหนึ่งของสังคมไทย จึงต้องถือว่าเหล่าแนวร่วม
ยืนอยู่ในฟากผู้ชนะด้วยเช่นกัน ผมเคยเชื่อว่า
ตราบใดที่คนไทยยังคงมีคุณลักษณะพิเศษที่ว่านี้
ต่อให้ประสบปัญหาความขัดแย้งเพียงใดก็คงผ่านพ้นไปได้
จนกระทั่งเกิดปรากฎการณ์ทักษิณขึ้น พร้อม ๆ กับ การที่
กระแสทุนนิยมเล่นงานสังคมไทยอย่างหนักหน่วงที่สุด
ครั้งนี้เอง ที่ผมต้องยอมรับว่า ความยืดหยุ่นที่เคยมีนั้น มันลดลง
ผมเคยลองตั้งคำถามกับตนเอง
อะไรคือองค์ประกอบของความยืดหยุ่นที่ว่า
คำตอบของผมก็คือ
1.พุทธศาสนา
2.วัฒนธรรม
3.สถาบัน
ในยุค พคท.เรืองอำนาจนั้น เราโชคดีที่คนไทย
มีทั้งสามประการนี้ค่อนข้างเข้มแข็ง
โดยเฉพาะบทบาทของสถาบันและพระสงฆ์ฝ่ายอรัญวาสีในพื้นที่สีแดง
ที่มีส่วนในการช่วยชะลอและเหนี่ยวรั้งเหล่าแนวร่วมจำนวนมาก
แต่ในสถานการณ์ปัจจุบัน ต้องยอมรับว่า
บางปัจจัยมีแนวโน้มไม่เหมือนเดิม
ถึงแม้สถาบันจะยังคงเข้มแข็งอยู่
แต่สถาบันสงฆ์และวัฒนธรรมมีแนวโน้มอ่อนแอลง
ในขณะที่วาทกรรมแปลก ๆ เริ่มเกิดขึ้นและเป็นที่ยอมรับ
นั่นคือ "โกงได้ไม่เป็นไร ขอให้มีผลงาน"
กลายเป็นว่าวาทกรรมนี้ ได้นำมาซึ่งความอ่อนแอทางวัฒนธรรม
แทนที่ความอ่อนหยุ่น หากเปรียบเทียบกับในยุคพคท.
แม้ความขัดแย้งจะมีประเด็นอยู่ที่ความเป็นธรรมเช่นเดียวกัน
แต่ในยุค พคท. วาทกรรมนี้จะไม่มีวันได้รับการยอมรับ
จากบรรดาแนวร่วมเด็ดขาด
นี่คือข้อแตกต่างระหว่างยุคพคท.กับยุคทุนนิยม อย่างมีนัยยะสำคัญ
สถานการณ์ขณะนี้ ผมอยากให้ท่านคึกฤทธิ์ยังอยู่จัง
จำได้ว่าในยุคที่ท่านเป็นนายก ฯ ปัญหาเรื่องความมั่นคง
เป็นเรื่องซีเรียสมาก ครั้งหนึ่งเวียดนามถึงขนาดขู่ว่าจะยึดกรุงเทพ
แต่ท่านคึกฤทธิ์ ก็หยอดมุก ทำเอาความเครียดลดลงทั่วประเทศ
ท่านกล่าวว่า พวกเวียดนามมันมาไม่ถึงหรอก
มันติดอยู่แถวบางนานั่นแหละ
ใช่ครับ ก็แถวพระโขนง บางนา รถมันติดซะขนาดนั้น
Create Date : 11 มิถุนายน 2552 |
|
5 comments |
Last Update : 30 กรกฎาคม 2555 22:08:55 น. |
Counter : 1402 Pageviews. |
|
|
|
|
| |
โดย: สหายนำชัย IP: 124.120.23.147 10 ธันวาคม 2552 20:37:39 น. |
|
|
|
| |
โดย: love คอมมิวนิสต์ IP: 58.147.63.195 28 กรกฎาคม 2553 11:25:28 น. |
|
|
|
| |
โดย: สหาย ภาคย์ IP: 110.168.240.133 12 เมษายน 2556 14:08:00 น. |
|
|
|
|
|
|
|