ชื่นใจกับชายผ้าเหลือง
บ้านอาเจ้ฯ มีหลานคนเดียวเค้าเลยกลายหัวใจของคนทั้งบ้านแต่ไม่ต้องกลัวค่ะ...ว่าจะสปอยด์แบบลูกคนเดียวบ้านนี้ไม่มีค่ะ...น่าจะตรงกันข้ามมากกว่าน่าจะโดนเยอะกว่าเด็กคนอื่นด้วยซ้ำเพราะคนนี้จะเอาแบบนั้น..คนนั้นจะเอาแบบนี้เราก็มองว่าหลานเป็นเด็กอยู่วันยังค่ำอาเจ้ฯ สอบติดปริญญาเอกไปเรียนที่เชียงใหม่ผ่านไปหนึ่งปี...หลานชายก็สอบติดไปเรียนปริญญาตรีที่เชียงใหม่เหมือนกันเลยกลายเป็นว่า...สนิทกันมากกว่าคนอื่นเดือนที่แล้ว....พี่ชายญาติกัน..มาขอพี่สาวว่าอยากบวชพระซักองค์นึงขอเป็นเจ้าภาพให้หลานได้ไม๊ก็ให้ไปถามคุณพ่อคุณพ่อโอเค...งานบวชหลานชายจึงได้เกิดขึ้นจะว่าตื่นเต้น...ก็ตื่นเต้นนะอาเจ้ฯ ออกแบบการ์ดให้คุณพ่อเอาไปให้โรงพิมพ์ทำออกมาคุณพ่อเค้าก็ตื่นเต้นกับการแจกการ์ดบรรดามิตรสหายเค้าเพราะว่าบ้านเราไม่ได้มีงานมาถึง 15 ปีเต็มบางคนที่ไม่ได้การ์ด .. ก็มาขอ...บ้างก็มาบ่นน้อยใจคุณพ่อกับคุณแม่ไปช่วยงานเค้าตลอดเวลาใส่ซองช่วยงานเค้ามาตลอดคนที่เค้ารักครอบครัวเรา...เค้าก็อยากมางานที่บ้านเราจัดบ้างได้ฟังแบบนี้...ก็รู้สึกดีนะคะรู้สึกว่ามีคนรักเรานี่...มันฟินน์ น่ะค่ะ มันตื่นเต้นจนลืมเชิญคนเยอะเหมือนกันพองานจบ...ถึงได้นึกออกว่าอ้าวววววว...กูลืมพี่คนนั้น...ป้าคนนี้นี่หว่าแต่ไม่ทันแล้วค่ะ....ต้องขอโทษทุกๆ ท่านที่ลืมเชิญด้วยค่ะเพราะที่บ้านไม่ได้จัดงานนานอ่ะค่ะไอ้นั่นก็ลืม...ไอ้นี่ก็ลืม...เป็นความรู้สึกที่บรรยายไม่ถูกค่ะวันที่ได้เห็นหลานเป็นนาค...และต่อมาเป็นพระมันไม่ใช่ความรู้สึกแบบ...ได้เกาะชายผ้าเหลืองพระขึ้นสวรรค์นะคะมันเป็นความรู้สึกแบบ.....เค้าโตเป็นผู้ใหญ่แล้วเหรอเนี่ยอาเจ้ฯ จำได้ว่า...ตัวเองกับพี่สาวคนที่สอง..ยังไปนั่งเฝ้าส่งเค้าเรียนว่ายน้ำส่งเค้าไปเรียนภาษาอังกฤษอยู่เลยไวจัง ญาติมากันเยอะมากๆ ที่มาเยอะที่สุดเห็นจะเป็นญาติสายปทุมธานีมาออกันอยู่หน้าโบสถ์รอเอาซองให้คุณพ่ออาเจ้ฯ มีหน้าที่รักษาซองช่วยงานพอคุณพ่อรับมา...ก็จะหันมาส่งให้อาเจ้ฯ บางคนไม่มีซองมา..เค้าก็เอาเงินสดม้วนเป็นกลมๆ ใส่มือให้คุณพ่อมาคุณพ่อก็เอามายัดใส่มืออาเจ้ฯ อีกทีหลังจากบวชพระเสร็จเรียบร้อยบ่าย 2 คณะของคุณพ่อและคุณแม่ก็กลับพิษณุโลกเพราะญาติฝั่งพิษณุโลก...เช่ารถบัสใหญ่มากันคุณพ่อคุณแม่ก็มากับรถบัสด้วยส่งคณะขึ้นรถกลับพิดโลกเรียบร้อยอาเจ้ฯ ก็กลับบ้านตัวเองที่สายไหมนอนสลบเหมือด...เหนื่อยมากกกกกกกกกก หลับ...มาตื่นเอาอีกทีก็เช้าวันรุ่งขึ้นเลยแล้วไม่รู้ทำไมอยู่ดีๆ อาเจ้ฯ ก็นึกถึงพระน้องเล็กขึ้นมา (ชื่อพระหลานชาย)มันเหมือนเห็นภาพย้อนกลับไปย้อนไปตั้งแต่เค้ายังเล็กๆ จนกระทั่งเข้าเรียนที่เชียงใหม่ ไปเป็นน้องใหม่...เดินขึ้นดอย..ไปออกค่ายอาสาฯ กับเพื่อนๆ เค้าอาเจ้ฯ ย้ายพระหลานชายมาอยู่ที่คอนโดเดียวกัน...แต่คนละห้องก็จะทานข้าวด้วยกันบ่อยเวลาเงินรายได้พิเศษระหว่างเรียนของอาเจ้ฯ ออกมาพระหลานชายจะได้อานิสงฆ์บ่อยที่สุดด้วยการ...ออกไปหาของกินอร่อยๆ แพงๆ ด้วยกันรวมถึงตอนเลิกกับพี่ชายหนุ่มเจ้าสำราญสภาพอาเจ้ฯ ย่ำแย่...นอนตายเป็นซากศพอยู่บนเตียงพระหลานชายจะขึ้นมาดูที่ห้องทุกวัน...ว่าอาเจ้ฯ เป็นยังไงบ้างวันนึงศาสตราจารย์มีปัญหากับมหาวิทยาลัยแกก็ระงับการเป็นอาจารย์ที่ปรึกษา รวมถึงการสอบของอาเจ้ฯ ออกไปก่อนพระหลานชายเป็นคนเดียว...ที่เดินขึ้นมาที่ห้องอาเจ้ฯ มาถามทุกวันว่า...เรื่องไปถึงไหนแล้วพระหลานชายไม่เหมือนเป็นหลานแต่เค้าเหมือนเป็นเพื่อน...เป็นทุกๆ อย่างของอาเจ้ฯ ด้วยพอพระหลานชายบวช....อาเจ้ฯ ก็เป็นห่วงนะ2 วันที่ผ่านมาอาเจ้ฯ ก็เลยไปถวายเพลพระน้องเล็กที่วัดตอนจัดเตรียมอาหารใส่ตะกร้า...รู้สึกมีความสุขมาก พอไปถึงวัดเจอพระน้องเล็กไม่สบาย...นอนป่วยไข้ขึ้นอยู่ตอนเช้าก็เลยไม่ได้ออกไปบิณฑบาตรยังไม่ได้ฉันท์อะไรเลยเตรียมอาหารให้พระเสร็จก็ถวายทีละอย่าง...เห็นพระแอบยิ้มกับอาหารรายการนึงที่อาเจ้ฯ เตรียมไปให้ตอนยังอยู่ในหม้อ...พระถามว่านั่นอะไรเหรอ อ๋อ...ลูกชิ้นทอดไงพระชอบไม่ใช่เหรอ พระหลานชายยิ้มหวานเลยนั่งดูพระหลานชายฉันท์ข้าวที่โยมน้าเตรียมไปให้ฉันท์อย่างเอร็ดอร่อยมาก...เคี้ยวตุ้ยๆ เลย ฉันท์เสร็จก็นั่งคุยเรื่องนั้นนี้..อยู่พักนึงอาเจ้ฯ ก็ขอตัวกลับพระน้องเล้กจะได้จำวัดด้วยเพราะยังมีไข้อยู่นิดหน่อยจะได้พักผ่อนวันนี้....ก็เลยไปถวายเพลอีกครั้งอาเจ้ฯ ทำกับข้าวไม่เก่งก็เลยไปซื้อข้าวหน้าเป็ด ข้าวหมูกรอบ ที่พระชอบเอาไปถวายพระน้องเล็กเห็น...ก็แอบอมยิ้มอีกโยมน้ารู้ใจ...วันอาทิตย์นี้พระน้องเล็กก็จะสึกแล้วเหมือนกับพระท่านได้ปฏิบัติภารกิจของชีวิตท่านผ่านไปอีกภารกิจนึงหลังจากนี้ไป...พระน้องเล้กก็คงต้องไปต่อสู้กับการเรียนต่อให้สำเร็จโยมน้า...ก็จะเป็นกำลังใจให้ท่านนะ