|
| 1 | 2 |
3 | 4 | 5 | 6 | 7 | 8 | 9 |
10 | 11 | 12 | 13 | 14 | 15 | 16 |
17 | 18 | 19 | 20 | 21 | 22 | 23 |
24 | 25 | 26 | 27 | 28 | 29 | 30 |
31 | |
|
|
|
|
|
|
|
งานวิจัยเชิงคุณภาพ กับร้าน Love At First Bite เชียงใหม่
งานวิจัยเชิงคุณภาพ (แบบเบื้องต้น)
หมายเหตุ : ผลของการวิจัยเชิงคุณภาพนี้เป็นผลแค่ในเพียงเบื้องต้น
เพื่อฝึกนักศึกษาปริญญาเอกให้รู้จักเทคนิคและวิธีการทำวิจัยเชิงคุณภาพเท่านั้นค่ะ
วันเสาร์ที่ผ่านมา เรียนวิชาวิจัยเชิงคุณภาพ เรื่อง Obervation Participant เป็นการวิจัยเชิงคุณภาพด้วยวิธีการสังเกตุ โดยเราร่วมอยูในเหตุการณ์นั้นด้วย
อาจารย์ก็เลยลองให้ทำวิธีง่ายๆ ด้วยการไปสังเกตุคนในร้านกาแฟ ก็เลยเลือกร้านเค็ก "Love At First Bite" เชียงใหม่ หลายคนคงรู้จักเนาะ ได้ข้อสรุปแบบเออ....เราเองก็นึกไม่ถึงว่ะ ว่างานวิจัยเชิงคุณภาพมันแปลกและดียังงี้นี่เอง ลองฟังสรุปดูขำๆ เนาะ ว่า พวกเราที่เคยไป เห็นจริงดังนี้ป่ะวะ - คนที่ไปร้านเลิฟ ส่วนใหญ่ไม่ใช่คนท้องที่ เป็นคนต่างจังหวัด ดูคล้ายว่าจะเป็นนักท่องเที่ยว ทั้งคนไทย และคนต่างชาติ และเป็นการมาเพื่อพิสูจน์อะไรบางอย่าง
- การมาร้านนี้ 90 % เป็นการมาครั้งแรก (เพราะทุกคนดูตื่นเต้น กับการมาถึงร้าน และจะเริ่มต้นด้วยการถ่ายรูปป้ายร้าน)
- ส่วนใหญ่เดินทางมาด้วยรถตู้ กับรถเก๋งส่วนตัว
- มากันเป็นคู่ มากที่สุด และเป็นครอบครัว ไม่มีใครมาคนเดียวเลย (ต่างจากร้านกาแฟทั่วไปที่มาคนเดียว เพื่อนั่งพักหย่อนใจ...หรือทอดอารมณ์...) - อายุเฉลี่ยของคนในร้าน จะเป็นวัยรุ่นตอนปลาย จนถึง ผู้ใหญ่วัยเกษียณอายุ
- ทุกคนที่นั่งทานจะทานไปและลอบสังเกตุโต๊ะอื่นๆ ดูอากัปกิริยากันและกันไปมา
- ทุกคนใช้เวลาในร้านนิดเดียว แล้วรีบเช็คบิล
- ทุกโต๊ะมีกล้องถ่ายรูป จะถ่ายตัวเองกับถ่ายเค็กเป็นหลัก
- ทุกโต๊ะจะสั่งเค็ก และจะสั่งเค็กในปริมาณที่มากกว่าจำนวนคนที่มา เช่น มา 3 คน สั่งเค็ก 5 ชิ้น
- เค็กที่สั่ง จะทานแบบแบ่งกันทาน เพื่อชิมรส
- เนื้อหาของบทสนทนาของลูกค้า เป็นเกี่ยวกับเรื่องรสชาด ส่วนใหญ่ชื่นชมว่ารสชาดดี
- แต่ไม่มีใครซื้อ Take Home แปลกเนาะ...
- อาหารแนะนำที่ขึ้นป้ายไว้ เป็นอาหารสตูว์เนื้อ แต่ร้านนี้เป็นร้านเค็ก (ส่วนนี้แหล่ะ ที่ Professor บอกว่าเป็นข้อผิดพลาดของธุรกิจเค้า ซึ่งร้านเค้กที่คนมุ่งเน้นเข้ามาเพื่อทานเค็ก และทุกคนชื่นชมรสชาดของเค็ก แต่ดันไปแนะนำอาหารคาว ควรจะแนะนำอาหารของเราที่ลูกค้าชื่นชอบมากๆ ซึ่งก็คือเค็กนั่นเอง)
- โต๊ะติดกันมากกว่าปกติ ซึ่งระยะห่างของโต๊ะบอกถึงความเป็นส่วนตัวของลูกค้าในการทำให้รู้สึกว่ารีแล็กซ์ (โอ๊ววว อันนี้ไม่เคยรู้เลยเว้ย)
- ลูกค้าจะเลือกนั่งทานในสวนก่อน จึงจะเลือกเข้าไปนั่งในร้านที่ติดแอร์ และในสวนนั้นจะเลือกนั่งโต๊ะธรรมดาก่อน เมื่อไม่มีโต๊ะในสวนแล้ว จึงจะเลือกนั่งโต๊ะสูงตัวนี้ เป็นโต๊ะสุดท้ายค่ะ
- บางคนพยายามเอางานมาทำ แต่ทำไม่ได้เพราะโต๊ะติดกันเกิน ไม่มีสมาธิ (ดังนั้นคนมาร้านแบบนี้จะมาแบบทาน ไม่พักผ่อนคิดอะไรเหมือนไปร้านกาแฟปกติ อืมม์ จริงแฮะ)
- และทุกโต๊ะเมื่อเช็คบิลเสร็จแล้วไม่ทิปพนักงาน (หมายความว่า การบริการในส่วนอื่นของร้าน ได้แค่ระดับปกติ คือ พึงพอใจเท่านั้น จึงไม่ทิป เอ...คิดไม่ถึงแฮะ )
หลายเรื่องเราคิดไม่ถึง อาจารย์ก็จะเชื่อมโยงความคิดไปสู่การตลาดของธุรกิจบริการให้ว่าหมายความว่าอะไร ซึ่งถ้าต้องอธิบายในที่นี้...มันยาวไปนิดส์นึง เจ้ขอละไว้ก่อนละกันเนาะ
เราไม่เคยคิดเรื่องละเอียดอ่อนพวกนี้เลย ถ้าเราไม่ได้เรียนงานวิจัยเชิงคุณภาพ เพราะว่าปกติเราไปเลิฟ ก็แค่ไปซื้อเค็กแล้วก็จบ กลับบ้าน
ไปคราวนี้ได้อะไรกลับออกมาเยอะเหมือนกัน ........มิน่าเล่า Professor ที่ทำงานวิจัยเยอะๆ เค้าถึงเก่ง แล้วมองอะไรได้ต่างจากเราเยอะ สนุกดี เลยอยากเล่าให้ฟังจ้า... เพราะมาเรียนป.เอกนี่ได้ทำไรแปลกๆ เยอะ...เลย แต่ไม่ได้เล่าให้ฟัง วันนี้มีเวลาเลยมาเม้าท์ให้ฟังน้ออออ
ซึ่งอาจจะถูกหรืออาจจะผิด ก็เป็นการฝึกฝนด้วยการปฏิบัติจริงน่ะค่ะ ต้องขออภัยผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องมา ณ.ที่นี้ด้วยค่ะ
Create Date : 19 มกราคม 2553 |
Last Update : 19 มกราคม 2553 22:57:20 น. |
|
3 comments
|
Counter : 1865 Pageviews. |
|
|
|
โดย: **mp5** วันที่: 23 มกราคม 2553 เวลา:20:46:01 น. |
|
|
|
โดย: ซาท้าพัดโถะ วันที่: 7 พฤษภาคม 2553 เวลา:2:07:03 น. |
|
|
|
| |
|
|
เลิฟแอทฯ นี่เราเคยไปสมัยมันยังไม่ค่อยดังค่ะ พอดังแล้วยังไม่ได้ไปอีกครั้ง ไม่รู้ว่ารสชาติเป็นยังไงบ้างแล้ว
แต่การวิจัยโดยการสังเกตนี่ต้องละเอียดอ่อนและรู้จักเชื่อมโยงเพื่อการวิเคราะห์จริงๆ เลยนะคะ
อวยพรให้ได้ไปวัดสุโทนฯ ในวันอันใกล้นี้นะคะ