เรื่องวุ่นวายของชีวิตในแต่ละวัน
Group Blog
 
<<
ธันวาคม 2551
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28293031 
 
4 ธันวาคม 2551
 
All Blogs
 
กามเทพผิดคิวตอนที่ 13

...........


Create Date : 04 ธันวาคม 2551
Last Update : 1 มกราคม 2552 11:54:03 น. 20 comments
Counter : 286 Pageviews.

 
รุ่งเช้าหลังจากบอกลาทุกคน อรชุนจับไหล่เธอจ้องตาแล้วบอกว่าเขาจะรอเธอในวันที่เหลืออยู่

บุษบงรำไพเดินทางกลับมาถึงกรุงเทพฯอย่างทุลักทุเล เธอลากกระเป๋าออกมามองหารถแท็กซี่ขณะที่โทรศัพท์หารามิล เขานิ่งอึ้งอยู่อึดใจก่อนจะบอกที่อยู่ให้เธอไปพบ

“คุณภัทรกำลังจะมาถึง คุณจะมาถึงที่นี่ก่อนครึ่งชั่วโมงไหม” เขาสั่งวางอำนาจอย่างเช่นเคย แต่บุษบงรำไพยิ้มแฉ่ง ใครจะไปโกรธคนที่ไม่ได้ออกไปเที่ยวในวันหยุดยาวได้เล่า ลืมความร้ายกาจของเขามาทั้งสัปดาห์

“ฉันจะรีบไปค่ะ”

บุษบงรำไพไปถึงอาคารคอนโดมิเนียมประดับหินอ่อนราคาแพงระยับ ย่านใจกลางเมืองที่พักเขาในเวลายี่สิบสองนาที ถนนหนทางว่างเปล่าจึงทำให้เธอไปถึงได้เร็วขึ้น พอมาถึงบุษบงรำไพจึงนึกได้ว่าสภาพของเธอคงจะทุเรศน่าดูจากการลงเรือหนึ่งชั่วโมงนั่งรถมาอีกสามชั่วโมงต่อด้วยแท็กซี่อีกยี่สิบนาทีเพียงเพื่อมาพบเขาเท่านั้น บุษบงรำไพนึกดีใจที่มาถึงก่อนเวลาเล็กน้อย เธอจะแต่งเติมสีหน้าและเปลี่ยนเสื้อผ้าจากกางเกงยีนส์เก่าๆเสื้อยืดยับๆเป็นชุดน่ารักที่ซุกอยู่ในกระเป๋าใบโตและเธออาจจะขอฝากกระเป๋าไว้ด้านล่าง บุษบงรำไพคิดอย่างมีความสุขขณะที่ลากกระเป๋าใบใหญ่ไปกับพื้นดังครืดๆ

“คุณบุษ” เสียงเรียกขึ้นด้านหลัง บุษบงรำไพเหลียวขวับพบคุณภัทรยืนยิ้มกว้างตรงหน้าลิฟต์สีทองเหลืองอร่าม “ดีจริงที่มีคุณบุษมาช่วย ขึ้นไปพร้อมกันเลย”

และแล้วแผนการทั้งหมดก็สูญสลาย เธอจำใจพยักหน้ารับ เมื่อขึ้นมาถึงห้องพักของเขาที่มีบริเวณกว้างขวางชั้นบนสุดในคอนโดฯ ห้องทั้งห้องตกแต่งสวยสง่าหรูหราแบบสมัยเก่า ใช้สีน้ำตาลหลากเฉด สีทองแบบโบราณแต่งแต้มสลับกับสีเขียวขรึม เป็นห้องที่มีบรรยากาศเงียบขรึมปนพลังอำนาจ ในห้องนั่งเล่นวางโซฟาเคร่งขรึมกับโซฟาเดี่ยวบุหนังตัวใหญ่วางข้างพรมผืนเล็ก ที่ช่วยเสริมโต๊ะไม้สักหนาทึบกับเก้าอี้บุผ้าโก้หรู ไม่มีของประดับจุกจิก รามิลกำลังนั่งคุยกับกรรมการบริหารอีกสองคนเมื่อเธอและคุณภัทรไปถึง บุษบงรำไพวางกระเป๋าแอบไว้ตรงที่ว่างหน้าประตู สภาพยับเยินของเธอดูขัดกับสถานที่อย่างสิ้นเชิง บุษบงรำไพสูดลมหายใจเข้าลึกๆ มันคงไม่มีอะไรยับเยินไปกว่านี้อีกแล้วล่ะ ไม่ว่าจะมองไปทางไหนแม้แต่พรมเช็ดเท้าอาจจะดูดีกว่าเธอก็ได้

รามิลที่นั่งคุยกับกรรมการบริหารฯบางคนเมื่อได้ยินเสียงเปิดประตูลุกขึ้นยืนเหยียดตัวเต็มที่ เขาดูหล่อบาดใจสะอาดหมดจดดีแท้ในเสื้อเชิ้ตโปโลสีน้ำเงินเข้มกางเกงผ้าเดนิม ตาเขามองจับจ้องที่เธอ สีหน้าเขามีแววยินดีขึ้นมาวูบหนึ่งก่อนจางหายไปใต้ท่าทางวางอำนาจเช่นเดิม

“ผมเจอเลขาฯคุณรามิลข้างล่างเลยพาขึ้นมาด้วยกันเลย” คุณภัทรบอก ก่อนจะหันไปทักทายกรรมการท่านอื่น

“คุณจะนั่งพักดื่มกาแฟก่อนไหมแล้วค่อยเริ่มงานกัน” เขาถามเธอ

“ก็ดีเหมือนกันค่ะ แต่ฉันขออนุญาตเข้าห้องน้ำล้างหน้าล้างตาสักนิดก่อนได้ไหมคะ”

“ห้องน้ำอยู่ประตูที่สองซ้ายมือ” เขาบุ้ยไปทางห้องน้ำ “เดี๋ยวผมจะชงกาแฟให้”

ภายในห้องน้ำที่หรูหราพร้อมเคาน์เตอร์ประดับกระจกเงาสไตล์อิตาลี บุษบงรำไพยืนมองหน้าซีดเซียวของตัวเองอย่างสมเพทก่อนจะรีบล้างหน้าและแต่งแต้มเครื่องสำอางบางๆ เอาละเธอเริ่มดูเป็นผู้เป็นคนขึ้นมาบ้าง รามิลวางกาแฟสีดำจัดไว้ให้พร้อมกระปุกน้ำตาลและครีมเทียม ด้วยความเคยชินบุษบงรำไพตักครีมใส่สามช้อนพูนๆพร้อมน้ำตาลสองช้อนก่อนจะยกขึ้นจิบอย่างพอใจ เธอเหลียวมองไปรอบๆขณะที่จิบกาแฟจนสบสายตาเขาที่ยืนคุยกับคุณภัทรใกล้ๆประตูกระจกบานกว้างทางออกไประเบียง บุษบงรำไพหน้าร้อนผ่าวขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้

“เชิญทุกท่านเริ่มประชุมได้เลยครับ” คุณภัทรผละจากรามิลมายืนประกาศพร้อมผายมือไปทางห้องที่เปิดประตูกว้างอยู่ เธอจึงลุกเดินตามเพื่อจัดเตรียมงานการประชุม บุษบงรำไพเลือกนั่งที่มุมห้องที่จะเห็นการประชุมได้ถนัดพร้อมปากกาและกระดาษที่เธอเห็นวางอยู่บนโต๊ะเพื่อจดบันทึกการประชุม หลังจากนั้นเธอก็สั่งพิมพ์แผนการตลาดที่เซฟเก็บไว้ในอีเมล์ของเธอตามความเคยชินที่เธอมักจะทำด้วยการส่งเมล์ถึงตัวเองในทุกแฟ้มงานเผื่อว่าเธอต้องใช้ขึ้นมาก็สามารถดึงออกมาจากอีเมล์ได้ในทันที

หลังจากนั้นการประชุมก็ดำเนินต่อไปอย่างคร่ำเคร่งมีการพักรับประทานอาหารกลางวันที่สั่งมา บุษบงรำไพหัวหมุนกับการส่งเมล์นัดหมายลูกค้าต่างชาติพร้อมทำตารางนัดหมายใหม่ ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงใหม่หมด มีอยู่ครั้งหนึ่งที่เธอได้ยินคำว่า ‘ความลับรั่วไหล’

จนเย็นกรรมการฯหลายท่านกลับไปและมีกลุ่มใหม่เข้ามา รามิลและภัทรไม่ได้แสดงท่าทีว่าพวกเขาได้ประชุมกับกรรมการฯก่อนหน้านี้มาก่อนเลย ทั้งหมดก็คุยกันเรื่องเดิมและทำตารางนัดหมายใหม่สำหรับลูกค้าต่างชาติรายใหญ่ในอเมริกา แม้จะสงสัยแต่บุษบงรำไพก็รู้ตัวดีว่าเธอควรจะหุบปากแล้วทำงานให้ดีที่สุด

มีหลายๆครั้งที่เธอเพลินมองเขาพูดอธิบายถึงเหตุผลสำคัญที่เรียกประชุมด่วน ท่าทางมีอำนาจเหนือกว่าและน้ำเสียงเฉียบขาดของเขาทำให้เธอตระหนักว่าเขาต้องทำงานหนักแค่ไหนกว่าจะทำให้กลุ่มคนพวกนี้ยอมรับได้ ว่าก็ว่าเถอะพวกกรรมการฯแต่ละคนไม่ได้ดูใจดีอย่างที่เห็นหรอก

กว่าการประชุมกับกลุ่มที่สองจะเสร็จก็ปาเข้าไปสี่ทุ่ม บุษบงรำไพรู้สึกเหนื่อยอ่อนและหมดแรงอย่างคนที่ทำงานอย่างหนักในวันหยุดควรจะเป็น ขณะที่รามิลกำลังปรึกษาเคร่งเครียดกับภัทรอีกห้องหนึ่ง บุษบงรำไพคิดว่าเธอควรจะพักสายตาสักหน่อย

“บุษบงรำไพ” เสียงเรียกดังอยู่ใกล้ๆ บุษบงรำไพลืมตาขึ้นมองอย่างงัวเงียแล้วยิ้มให้เขา “สวัสดีค่ะ ฉันเผลอหลับไปนานแค่ไหนคะ”

“ก็นานพอดู” เขาตอบเสียงเบา ใบหน้าเขาอยู่ใกล้ชิดมากจนเธอต้องกลั้นหายใจ

บุษบงรำไพลุกขึ้นทันใด “กี่โมงแล้วคะ”

“ตีสอง”

ตายละ นี่เธอฟุบหลับไปหลายชั่วโมงแล้วเหรอเนี่ย เธอตั้งใจจะหลับตาเพียงสิบนาทีแต่หลับไปเกือบสี่ชั่วโมง

เธอตั้งใจจะพิมพ์งานให้เสร็จเพื่อที่เขาจะใช้ในวันพรุ่งนี้แต่พิมพ์ได้ไม่ถึงครึ่ง

“ฉันจะรีบพิมพ์ให้เสร็จค่ะ” เธอเคาะคีย์บอร์ดที่หลับใหลไปพร้อมกันให้ตื่นขึ้นพร้อมแอบมองรามิล

“คุณไปอาบน้ำก่อนดีไหมจะได้สดชื่น ผมเห็นคุณเอากระเป๋ามาค้างด้วยเลยนำไปวางไว้ในห้องนอนเล็กอีกห้องแล้ว” เขาลุกขึ้นยืน ตัวโตและสูงใหญ่จนเธอรู้สึกเป็นผู้หญิงเปราะบาง

“ตามมาสิ” เขาเดินนำ เธอจะต้องอธิบายให้เขาฟังว่าการที่เธอมีกระเป๋าเสื้อผ้าขนาดที่ค้างแรมได้เป็นเดือนก็เพราะว่าเธอตั้งใจจะใช้เวลาวันหยุดที่เกาะต่างหากแล้วเขาจะคิดเตลิดไปไหมว่าเธอคิดอะไรแน่ที่แจ้นกลับมาหลังจากไปถึงเพียงสี่ชั่วโมงเพียงแค่เขาหาแฟ้มไม่เจอ หรือเธอจะบอกเขาไปว่าเธอแค่ชอบหิ้วกระเป๋าเสื้อผ้าไปไหนมาไหนด้วยในวันหยุดแบบคนที่เผื่อฉุกเฉินอะไรทำนองนั้น แต่ขณะที่กำลังแต่งถ้อยคำให้ฟังดูแบบหมดจด ไร้ข้อกังขา แต่ดูเหมือนถ้าเธอยิ่งพยายามอธิบายอะไรก็ดูเหมือนยิ่งประกาศความไม่ชอบมาพากลของเหตุการณ์เกี่ยวเนื่องกับกระเป๋า

“ฉันมักชอบพกกระเป๋าเดินทางในวันหยุดเสมอๆค่ะ” เธอพูดจ๋อยๆขณะเดินเข้ามาในห้องพักแขกที่ตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์สีขาวทั้งหมด ห้องน่ารักจัง !

“คุณตามสบายนะ คุณภัทรเขากลับไปดูที่บ้านเดี๋ยวจะกลับมาอีกครั้ง ผมจะไปดูว่ามีอะไรในครัวที่จะให้คุณกินได้” เขาพยักหน้าแบบเคร่งขรึมก่อนหมุนตัวออกไป รักษาระยะห่างระหว่างเธอกับอาณาจักรแห่งอารมณ์เขาประมาณสามเมตรเห็นจะได้มั้ง บรรยากาศระหว่างเขาและเธอตึงๆและอึดอัด

“เอ้อ...ไม่ต้องค่ะ” เสียงประตูปิดปังแทนคำตอบ บุษบงรำไพถอนใจนึกสงสัยตัวเองเหมือนกันว่าเธอมาทำอะไรที่นี่ ก่อนมาบุษบงรำไพนั่งคิดจินตนาการไปต่างๆนานา เช่น เขายินดีมากที่เธออยู่เคียงข้างเพื่อช่วยงานเขา(แบบเลขาฯมืออาชีพ) หรือไม่ก็เขาอาจจะยิ้มให้เธอพร้อมคำกล่าวซาบซึ้งน้ำตาไหล

ความคิดที่ชวนให้เคลิ้มฝันอะไรทำนองนั้น

เขากลับไม่สนใจใยดีเธอแม้แต่น้อย พูดกับเธอน้อยครั้งมากนอกจากจะสั่งงาน บุษบงรำไพตัดสินใจว่า เธอควรจะเลิกคิดจินตนาการดีกว่า รีบๆทำงานให้เสร็จเพราะเป้าหมายของผู้หญิงทรงพลังคือความสำเร็จในการงานต่างหาก

ตอนเธอเดินออกมาจากห้อง พบเขายืนอยู่กลางห้องด้วยผิวที่สดชื่นเพราะอาบน้ำมาใหม่ๆ ผมเขาเกือบจะแห้งแล้ว เธอคงใช้เวลาแต่งหน้าตอนตีสองนานไปนิด

“คุณหิวไหม” เขาถาม “ผมมีแค่นมแล้วขนมปัง”

“ไม่หิวหรอกค่ะ ฉันว่าฉันไปทำงานต่อให้เสร็จดีกว่า” เธอมองตาเขาอย่างสงสัยว่าเขามายืนเฉยอยู่กลางห้องทำไม

มีความเงียบเล็กๆ ริมฝีปากเขาหยักขึ้นเป็นรอยยิ้มเกียจคร้าน “ไม่เคยนึกมาก่อนว่าคุณจะเอาใจใส่งานมากขนาดนี้”

“ยังมีอะไรหลายอย่างที่คุณไม่รู้” เธอพูด

“จริงสินะ” เขาพึมพำแล้วตามด้วยความเงียบชั่วอึดใจ “ผมไม่รู้ว่าคุณกำลังจะแต่งงาน ไม่รู้ว่าคุณกำลังคิดอะไร”

“เรื่องนั้น...” เธอไม่รู้จริงๆว่าควรทำยังไงดี ถ้าเธอสารภาพกับเขาเรื่องทั้งหมด เธอคงจะเสียใจยิ่งกว่าถ้าเธอกลายเป็นของเล่นฆ่าเวลาของเขา โดยพิจารณาจากท่าทีของเขาที่มีต่อเธอและรายาวดี เพราะเขาก็คงเลือกคบกับรายาวดีต่อไปและเก็บเธอไว้เป็นของว่าง ไม่มีใครจะมองข้ามนางฟ้าแสนสวยอย่างรายาวดีได้หรอก ผู้ชายก็เห็นแก่ตัวทุกคนนั่นละ เธอจะเป็นผู้หญิงยุคใหม่ที่ปลดแอก เป็นเฟมินิสต์อย่างเต็มตัวดังนั้นเธอจะไม่บอกความจริงกับเขาและคนอย่างเขาก็คงไม่สนใจใยดีหรอก “มันก็คงต้องเป็นแบบนั้นอยู่แล้ว”

“เมื่อไหร่?”

บุษบงรำไพนิ่งคิด “เร็วๆนี้” เธอต้องแสดงให้เขาเห็นว่าเขาไม่ได้มีอิทธิพลเหนือเธอเลย แม้เธอยังมีคำตอบไม่ชัดนักให้กับตัวเองกับการแจ้นกลับมากรุงเทพฯทันทีที่ได้ยินเสียงเขา

“ผมขอแสดงความยินดีด้วย” สีหน้าเขายากจะอ่าน เขาเดินกลับเข้าไปในครัว บุษบงรำไพเดินตาม เธออยากรู้ว่าทำไมสีหน้าเขาจึงเศร้าและคล้ายคนเคว้งคว้างอย่างที่เธอไม่เคยเห็นมาก่อน มันสำคัญกับเธอมากๆพอๆกับเหตุผลที่ทำไมเธอจึงมาที่นี่

เขาหันมามองอย่างงงๆที่เธอเดินตามเขาเข้ามาในครัวราวลูกแมวตัวน้อยรอนมเย็นๆ

“พอดีฉันนึกได้ว่า ได้นมซะหน่อยคงจะดีกว่า” เธอพูดเก้อๆ เริ่มเลยสิ ถามเขาไปเลยว่าเพราะอะไรที่ทำให้เขามีสีหน้าเศร้าปานนั้น

เขาแค่พยักหน้าแล้วเดินไปเปิดตู้เย็นหยิบนมสดออกมาเหยือกหนึ่ง เขารินใส่แก้วให้เธอแก้วหนึ่งและตัวเขาอีกแก้ว

“คุณรู้ไหมทำไมคนถึงชอบดื่มนม?” เธอพล่ามต่อ “เพราะการดื่มนมทำให้เรารู้สึกว่าเรายังเป็นเด็กอยู่น่ะสิ เราทุกคนชอบที่จะเป็นเด็กเล็กๆที่หกล้มแล้ววิ่งไปหาแม่ ไม่มีใครในโลกนี้ที่จะทำให้เรารู้สึกถูกรักและเป็นที่ต้องการได้เท่ากับแม่แล้ว”

สีหน้าเขานิ่งขึง แววตาเจ็บปวด โอ้ย ! ตายละ นี่เธอพูดอะไรออกไปน่ะ ทำไมจู่ๆเธอถึงมาพูดถึงเรื่องแม่ เขาต้องรู้แน่เลยว่าเธอรู้เรื่องเขาและความลับของครอบครัวเขา

“เรื่องของเรื่องก็คือ ผมดื่มนมเพราะมันมีคุณค่า และผมได้เรียนรู้มาตลอดชีวิตแล้วว่าไม่มีใครหยิบยื่นอะไรให้โดยไม่หวังสิ่งตอบแทน นี่ล่ะที่ทำให้ผมแกร่งไง” น้ำเสียงเขาเยียบเย็น สีหน้าแข็งกระด้าง

“คุณกำลังจะบอกว่า...” เธอผายมือไปรอบๆ “ที่คุณมีอยู่ทุกวันนี้เพราะตัวคุณเอง คุณก่นโทษคนอื่นว่าพวกเขาไม่หยิบยื่นความรักให้กับคุณ แล้วลงโทษพวกเขาโดยเฉพาะแม่คุณงั้นหรือคะ”

หยุดเถอะ หยุดได้แล้ว บุษบงรำไพ!

“อย่าเอาเรื่องผมไปเกี่ยวกับคุณหญิงปรียานันท์” เขาพูดด้วยเสียงดุดัน

“”แทนที่คุณจะมองว่าใครทำผิดพลาด ทำไมคุณไม่ตระหนักว่านี่คือคนๆเดียวที่คุณเหลืออยู่บนโลกนี้ คนที่รักคุณยิ่งกว่าอะไรทั้งหมด คุณปล่อยให้ความทุกข์เผาผลาญคุณและพลุ่งพล่านอยากแก้แค้นใครสักคนที่ขโมยชีวิตคุณไป คุณเลยแก้แค้นที่แม่คุณ ผู้หญิงตัวเล็กๆที่รอคอยวันที่จะได้รักคุณมาตลอดชีวิต”

สีหน้าเขาเปลี่ยนไป เขาหัวเราะแต่ไร้ซึ่งอารมณ์ขัน มีแต่โทสะที่เดือดพล่าน

“คนอย่างคุณจะรู้อะไรเกี่ยวกับชีวิตผม คุณฟังแต่คุณหญิงปรียานันท์เล่าละสิว่าเธอไม่เคยทำผิด ไม่เคยทิ้งผม ไม่เคยแม้แต่ต้องการลูกของตัวเอง” น้ำเสียงเขาขมขื่น “ผมเติบโตมาด้วยคำสั่งที่เคร่งครัดว่าอย่าไปรบกวนเธอ ไม่เช่นนั้นเธอจะหนีผมไปอีก ถ้าผมอยากมีแม่ผมก็ต้องมองแม่ห่างๆ”

“พวกนั้นหลอกคุณ” บุษบงรำไพตอบทันควัน เสียงเธอดังขึ้น “ย่าใจดำของคุณหลอกคุณ เขาไม่อยากให้คุณใกล้ชิดกับคุณหญิงต่างหาก ย่าคุณน่ะโกหก!”

“พอได้แล้วบุษบงรำไพ คุณกำลังพูดถึงย่าของผม” เขาพูดด้วยน้ำเสียงเฉียบขาด สีหน้าเขาเข้มด้วยความโกรธ มือเขาเอื้อมมาคว้าไหล่เธอกดแรงๆ

บุษบงรำไพสะดุ้งกับท่าทีโกรธเกรี้ยวของเขา เธอหลับตา ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าตัวเองจะทำแบบนี้ เธอคิดแบบแตกตื่นแต่ให้หยุดตอนนี้เธอหยุดไม่ได้หรอก “คุณสมควรจะมีชีวิตวัยเด็กที่ดีกว่านี้ ถ้าไม่ใช่เพราะย่าใจร้ายและพวกญาติใจดำของคุณ แต่มันเปลี่ยนแปลงแก้ไขไม่ได้ ช่วงเวลามันได้ผ่านมาแล้ว คุณก็เปลี่ยนแปลงมันไม่ได้หรือแก้ไขอะไรไม่ได้ แต่คุณยังมีแม่เหลืออยู่ แต่เพราะความแค้นแบบเด็กไม่รู้จักโตของคุณทำให้คุณทำร้ายแม่คุณอีกครั้งแล้วครั้งเล่า”

เธอหยุด แล้วเงียบ หน้าตาเขาเต็มไปด้วยความโกรธก่อนที่จะหันหลังให้เธออย่างฮึดฮัด เธอเอื้อมมือไปจับที่แขนเขา น่าแปลกที่เขาไม่ได้สะบัดออก ดวงตาเธอรื้นไปด้วยน้ำตา ที่ผ่านมาแม้เธอจะบ่นกระปอดกระแปดเรื่องชีวิตตัวเองที่พ่อแม่จะต้องรู้ทุกเรื่องในชีวิตเธอ แต่อย่างน้อยเธอยังโชคดีที่มีทั้งพ่อและแม่ ส่วนเขากลับเติบโตแบบอ้างว้าง บุษบงรำไพกอดเขาจากด้านหลัง น้ำตาเธอไหลพราก ดูเหมือนว่าการร้องไห้จะเป็นความสามารถพิเศษของเธอไปแล้ว นี่ถ้าเธอลองแข่งร้องไห้กับรายาวดี มีหวังผู้กำกับต้องเปลี่ยนใจแน่

เขายืนนิ่งขึงทีแรกที่เธอกอดเขาแต่ครั้นเธอร้องไห้ ร่างกายเขาก็ลดความแข็งขืนลง รู้งี้ร้องไห้ตั้งนานแล้ว

“ทำไมคุณต้องร้องไห้” เขาแกะมือเธอออก หมุนตัวกลับมาจ้องหน้าเธอ

บุษบงรำไพส่ายหน้า เธอไม่รู้เหมือนกันทำไมถึงร้องไห้

เขาใช้นิ้วปาดน้ำตาให้เธอ “หยุดร้องเถอะ คุณว่าย่าผมร้ายกาจปาวๆผมยังไม่ร้องเลย” เขาดึงเธอเข้าไปกอดอย่างแนบแน่น บุษบงรำไพแนบหน้ากับอกเขา แอบเช็ดน้ำตากับน้ำมูกนิดหน่อย

“คุณโกรธฉันหรือเปล่าคะ” เธอถามอู้อี้ รู้สึกอบอุ่นในอ้อมกอดของเขา

“ไม่ ผมไม่ได้โกรธคุณ” เขากดคางแนบกับศีรษะเธอ การบำบัดเรื่องแม่และครอบครัวของเขาทำให้บุษบงรำไพเผชิญกับความจริงซึ่งแฝงในจิตใต้สำนึกของเธอ นั่นคือเธอรักเขา รักสุดหัวใจและเธอไม่อยากเห็นเขาเจ็บปวด แต่เธอควรจะรู้ดีว่าเรื่องระหว่างเธอและเขามันเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ เธอแค่อ่อนต่อโลก หวั่นไหวตอนที่เธอรู้สึกว่าไม่เป็นที่ต้องการ ต่อให้เป็นชายอายุเก้าสิบปีที่เข้ามาในชีวิตเธอตอนนี้ เธอก็คงต้องรู้สึกแบบเดียวกันนี่ละ ไม่ใช่ว่าเพราะเขาดูแข็งแกร่ง แถมยังหล่อกว่าผู้ชายทุกคนที่เธอรู้จัก

เธอตัดใจขยับออกจากอ้อมกอดเขาและคงทำสำเร็จไปแล้ว ถ้าเขาไม่เอื้อมมือมาแตะต้นแขนเธอ จริงๆแล้วเป็นการแตะต้นแขนด้วยปลายนิ้วเพื่อเรียกไว้เท่านั้น แต่แค่นั้นก็มากพอที่จะให้เธอหยุด

บุษบงรำไพแหงนหน้าขึ้นสบตาเขา เขาเองก็นิ่งไปเช่นเดียวกันขณะก้มลงมองเธอ ดวงตาเขามีแววแห่งความหายนะรออยู่

เธอหวาดหวั่นกับใจตัวเองมากกว่าตอนนี้

“เวลาใครพูดถึงเรื่องครอบครัวผม ผมมักจะโกรธจนไม่มีใครกล้าพูดถึงต่อหน้าผมอีก แต่คุณกลับท้าทายห้ามเท่าไหร่ก็ไม่หยุด” เขาพูดเสียงแหบ

“ถ้าฉันเป็นคุณ ฉันจะไม่กังวลเรื่องนี้ เพราะฉันก็กลัวเหมือนกันต่อไปฉันจะไม่พูดอีกแล้ว” เธอตอบซื่อๆเสียงเบาหวิว ร่างทั้งร่างเหมือนถูกดูดเข้าหาเขา กระแสแรงดึงดูดที่ว่าระเบิดออกมากลางอากาศเมื่อเขาดึงเธอเข้าไปใกล้ ร่างเธอแนบไปกับร่างเขา เขาจ้องตาเธอ

“ถ้าผมจูบคุณ คุณจะร้องห่มร้องไห้อีกรึเปล่า”

“ไม่รู้สิ” เธอตอบเบาๆเสียงแทบกระซิบ

“ผมว่าเราคงต้องลองดู” เขาตอบเสียงกระซิบเช่นกัน ไม่รู้ทำไมเขาต้องกระซิบด้วย เขาดึงเธอแนบชิดเข้าไปอีกแล้วก้มลงจูบดูดดื่ม บุษบงรำไพปล่อยใจไปกับจูบอันเร่าร้อนนั้น ไม่สนใจว่านี่เป็นที่มาของหายนะยิ่งกว่าครั้งไหน ไม่ใส่ใจเหตุผลความถูกผิดชั่วดี ไม่สนใจว่าเธอปล่อยตัวปล่อยใจเพื่อรับผลกรรมในวันรุ่งขึ้น

“มันจะทำให้ทุกอย่างเลวร้าย” เธอกระซิบกับปากเขา แต่ไม่ทำอะไรเพื่อหยุดยั้งเขา

“ช่างมัน” เขากระซิบตอบเสียงแหบห้าว นี่คือคำพูดสุดท้ายที่กว่าจะพูดกันอีกครั้ง ทุกอย่างก็ดำเนินไปอย่างงดงามที่สุด มีอยู่หลายครั้งที่บุษบงรำไพเกือบจะหยุดตัวเองแต่เมื่อนึกถึงเรื่องระหว่างเธอกับเขาที่จะลงเอยด้วยการเลิกราจากกัน อะไรจะเกิดก็เกิด เธอเชื่อกับการอยู่กับปัจจุบัน และปัจจุบันของเธอคือในอ้อมกอดเขา บุษบงรำไพนอนซุกในผ้าห่ม รามิลไปคุยโทรศัพท์กับภัทรที่โทรมาเพื่อขอโทษที่มาไม่ได้ด้วยเหตุผลที่ว่า ภรรยาที่กำลังท้องของเขารู้สึกไม่สบายใจที่ต้องอยู่บ้านตามลำพังคนเดียว ดูเหมือนภัทรจะแปลกใจอย่างมากที่รามิลบอกให้เขาอยู่ดูแลภรรยาตามสบาย บุษบงรำไพหัวเราะกิ๊กเมื่อได้ยินสุ้มเสียงเขา เขาหันมาทำตาดุใส่ก่อนจะวางหูแล้วเข้ามาซุกในเตียงนุ่มสบายกับเธอ

“ฉันยังพิมพ์งานให้คุณไม่เสร็จเลยละค่ะ” เธอบอก แต่สีหน้าไม่ได้ทุกข์ร้อนสักนิด

“คุณควรจะต้องโดนลงโทษ” เขาทำเสียงฮึ่มฮั่มใส่ บุษบงรำไพแกล้งร้องกรี้ดเมื่อเขาทำสีหน้าเจ้านายบ้าเลือด เขากอดเธอ ขาก่ายเกยกัน

“เล่าเรื่องคุณให้ผมฟังบ้างซิ”

“คุณรู้ทุกเรื่องในใบสมัครงานฉันแล้ว...” เธอพูดเสียงแผ่ว

“เรื่องแต่งงาน...”

“อ๋อ...เรื่องนั้น...” เธอถอนหายใจยาว “ฉันเล่าความจริงบางส่วนให้คุณฟังบ้างแล้ว”

“เช่นอะไรบ้าง”

“เช่นว่าฉันกำลังจะแต่งงาน อยู่มาว่าที่สามีของฉันเขาเดินมาบอกยกเลิกงานแต่งงานในวันที่ฉันนัดกับเขาจะไปแจกการ์ดญาติผู้ใหญ่” เธอเล่า ยังไม่ลืมเช้าวันอาทิตย์นั้น

“เพราะอะไร?” เขาใช้มือลูบไปตามโครงหน้าเธอเล่น

“เขาบอกฉันว่าเป็นเพราะฉันไม่ร้อนแรงเพียงพอ ฉันราบเรียบและธรรมดาเกินไปสำหรับเขา และที่สำคัญที่เขาไม่ได้ตั้งใจจะแต่งงานกับฉัน มันเป็นเพราะว่าเขาอยากมีอะไรกับฉันแล้วกุเรื่องขึ้นมา โชคร้ายที่ฉันเชื่อเป็นตุเป็นตะ ฉันรีบจัดการเรื่องงานแต่งงาน เขาเลยเหมือนโดนบังคับแต่งทั้งที่ไม่เต็มใจ” เธอเอามือข้างหนึ่งขึ้นปิดหน้าที่ร้อนผ่าวด้วยความอับอาย

“คุณเลยไปภูเก็ต” เขาถามต่อ

“ใช่ค่ะ ฉันคิดว่าอยากไปคิดอะไรเงียบๆที่ภูเก็ตแต่โชคไม่ดีที่เกิดเรื่องซะก่อน” เธอมองหน้าเขาไม่ได้แล้ว หน้าร้อนผ่าวไปหมด

“เพราะงั้นคุณจึงถามผมตลอดทั้งคืนว่าคุณร้อนแรงไหม”

เธอพยักหน้ากับอกเขา “ฉันจำไม่ได้มากนักหรอกค่ะ เพราะฉันก็เมาสักหน่อย”

“ผู้ชายคนนั้นโง่” เขาพูดต่อ “คุณมองตัวเองว่าเป็นคนธรรมดา แต่ไม่มีตรงไหนที่คุณธรรมดาเลย คุณน่ะดูมีชีวิตชีวาน่าเอ็นดู ตาคุณ” เขาจูบตาเธอ “ตาคุณบอกทุกอย่างที่คุณคิด”

บุษบงรำไพซุกหน้าลึกเข้าไปในอกเขา ไม่เคยมีใครบอกว่าเธอมีชีวิตชีวาน่าเอ็นดูมาก่อน

“คุณเป็นคนสวยน่ามองไปทุกขณะแม้แต่ตอนโกรธ บางทีผมนึกโมโหคุณแต่พอคุณทำท่าซื่อใสใส่ ผมก็ต้องถอย” เขาเล่าขำๆ

“อ๋อ ตอนที่คุณกำลังหาเหยื่อสังหารใช่ไหมคะ ฉันยังสงสัยว่าทำไมคุณไม่เอาปืนไล่ยิงคนเรียงตัวไปเลยอาทิตย์ที่แล้ว คุณดูเหมือนหมาป่าคืนพระจันทร์เต็มดวงมากเลยล่ะค่ะ”

“มันออกจะน่าหงุดหงิดสักหน่อย อยู่ๆคุณก็บอกว่ากำลังจะแต่งงานแล้วไหนจะเรื่องงานกับสัญญาที่จะทำกับพวกยุโรปอีก”

“มีปัญหาเรอะคะ” เธอชันกายขึ้น มองหน้าเขา สีหน้าเขาเครียดเมื่อพูดถึงเรื่องนี้

“ทุกอย่างจะต้องเรียบร้อย” เขาตอบด้วยน้ำเสียงที่แฝงด้วยความหยิ่งยโส ตามองเหม่อไปที่ผนังที่ประดับรูปแอ๊บสแทร็คสีน้ำตาลสลับทอง

บุษบงรำไพรู้ว่าไม่ควรคุยเรื่องเครียดกับเขาในขณะนี้ ถึงแม่เธออยากจะรู้แทบขาดใจว่าเขามีปัญหาเรื่องอะไรก็ตาม

แล้วตอนเช้าก็มาถึง...

บุษบงรำไพหลับๆตื่นๆในอ้อมกอดเขา หูแว่วเสียงคล้ายแม่กำลังต่อว่า ‘ทำไมลูกทำตัวเป็นผู้หญิงใจง่ายแบบนี้ เขาจะคิดว่าหนูเป็นผู้หญิงแบบไหน’ บางครั้งเมื่อมือเขาโดนพุงป่องๆของเธอแล้วเธอก็ต้องแขม่วท้อง กังวลใจว่าเขาจะคิดเปรียบเทียบพุงของเธอกับหน้าท้องแบนเรียบสนิทของรายาวดีหรือไม่

นึกถึงความผิดชอบชั่วดีที่เกาะกินใจ นึกถึงความสุข นึกถึงความผูกพันแนบชิดระหว่างเธอกับเขา บางทีเขาอาจจะรู้สึกเช่นเดียวกับเธอก็ได้ บุษบงรำไพคิดอย่างมีความหวังที่น้อยนิด เธอไม่รู้ว่าความหวังมาจากไหนแต่แบบนั้นละที่เขาเรียกว่าความหวัง


โดย: สาวช่างถาม วันที่: 4 ธันวาคม 2551 เวลา:0:27:14 น.  

 
สวัสดีค่ะ ขอโทษเพื่อนๆด้วยนะคะที่หายหน้าไป เนื่องจากสนามบินปิดแล้วริศามีลูกค้าที่เป็นผู้หญิงเดินทางมาประเทศไทยครั้งแรก เธอมาจากฟิจิ มาคนเดียวแล้วกลับไม่ได้เลยต้องดูแลกันประหนึ่งไข่ในหิน ไม่มีเวลาว่างเลยค่ะ

อีกอย่างสภาพบ้านเมืองแบบนี้รุ้สึกแย่ ขำไม่ออกเลยละค่ะทั้งที่เป็นคนปล่อยวางมากแล้วนะคะ มาบ่นแค่นี้ละค่ะ ขอโทษจริงๆนะคะ อย่าโกรธกันนะคะ

เอาปกหนังสือใหม่มาให้ดูค่ะ
&#3611;&#3585;&#3636;&#3610;&#3633;&#3605;&#3636;&#3585;&#3634;&#3619;&#3619;&#3633;&#3585;&#3605;&#3657;&#3629;&#3591;&#3649;&#3618;&#3656;&#3591;>


โดย: สาวช่างถาม วันที่: 4 ธันวาคม 2551 เวลา:0:38:13 น.  

 
ปกสวยมากกกกกกก


โดย: พริมภิพัทรา วันที่: 4 ธันวาคม 2551 เวลา:2:38:03 น.  

 
I love your story!
addicted kha!


โดย: Nu IP: 94.194.96.198 วันที่: 4 ธันวาคม 2551 เวลา:7:18:45 น.  

 
Nice presentstion . I like this part coz she told him the truth ^_^


โดย: Tyra IP: 86.15.29.72 วันที่: 4 ธันวาคม 2551 เวลา:7:28:47 น.  

 
สนุกจังเลยค่า รอยคอ รอคอยตอนต่อไป


โดย: minafiba IP: 125.26.149.37 วันที่: 4 ธันวาคม 2551 เวลา:9:31:09 น.  

 
รอคอยมาหลายวัน คิดถึงมาก....
สนุกและประทับใจ สมกับที่รอ

ยังย้ำคำเดิม เขียนดีมาก สำนวนที่ใช้และและอารมณ์ตัวละคร มืออาชีพมาก (เหมือนย้อนวัย กลับไปอ่านงานของคุณเชิญอักษร.. จริงๆนะ )
ขอฉากหวานๆ ของบุษบงรำไพ กับคุณรามิลอีก พลีส!


โดย: tuan IP: 125.27.186.4 วันที่: 4 ธันวาคม 2551 เวลา:9:38:15 น.  

 
ค่อยหายคิดถึงหน่อย


โดย: ตัวเล็ก IP: 58.9.85.114 วันที่: 4 ธันวาคม 2551 เวลา:10:12:50 น.  

 
ขอบคุณค่ะ สนุกสมกับที่รอคอย


โดย: แพรเขียว IP: 203.118.74.205 วันที่: 4 ธันวาคม 2551 เวลา:10:16:22 น.  

 
ชอบงานเขียนของคุณมาก
จะติดตามผลงานต่อไป


โดย: ปลา IP: 202.28.68.202 วันที่: 4 ธันวาคม 2551 เวลา:10:53:20 น.  

 
วันนี้มีเวลาเข้ามาขอบคุณอย่างเป็นทางการ ขอบคุณคุณtuan สำหรับคำผิด เรื่องคำว่าคุณหญิง กับระโยงระยาง คุณหญิงถูกอย่างที่คุณtuanว่าค่ะ ไม่มีฯ ข้างหลัง ส่วนระโยงระยาง ริศาพิมพ์ถูกแต่โปรแกรมในเวิร์ดเขาแก้เองเฉยเลย เลยแก้ในโปรแกรมไม่ให้วุ่นวายมาแก้ของเราเอง พวกนี่ยุ่งจริงเชียว 555

ขอบคุณมากๆนะคะ ถ้าอาจารย์สอนภาษาไทยที่สอนมาเห็นเข้าคงส่ายหน้า แหะๆ ขอบคุณมากๆค่ะ แล้วสำหรับคำชม

คุณtyra สมใจนะคะที่รามิลรู้บ้างแต่ยังบื้ออยู่ค่ะ
น้องนุ่มขาพี่ริศาไม่ได้ป่วยกายแต่อากาศแบบนี้ชอบเนอะ ยิ่งตื่นเช้าๆ ชอบๆ
ขอบคุณพี่หมูน้อยสำหรับคำผิด และคำแนะนำค่ะ ส่งเมล์ตอบแล้วนะคะ
ขอบคุณคุณแพรเขียวที่แอดfavorite ไว้ค่ะ เป็นเกียรติค่ะ
ขอบคุณคุณกลางเขา ตอนนี้มิมีสต๊อคนิยายเลยค่ะ จะรีบแต่งโดยไวค่ะ และขอบคุณน้องมด น้องปลา และเพื่อนๆที่ส่งหลังไมค์ ไปปั่นนิยายก่อนนะคะ พบกันตอนหน้า

และขอขอบคุณกำลังใจทุกคนนะคะ ตอนที่เข้าเน็ตไม่กล้าเข้ามาดูเลยค่ะ รู้ว่าผิดสัญญา ขอให้มีความสุขนะคะ


โดย: สาวช่างถาม วันที่: 4 ธันวาคม 2551 เวลา:11:54:56 น.  

 
ขำที่บอกว่ารามิลกินคนขี้เกียจและทำงานสะเพร่าเป็นอาหาร

โชคดีนะเนี่ยที่ไม่ได้อยู่บริษัทนี้ 555

รอตอนต่อไปอยู่นะคะ


โดย: istante IP: 125.25.119.251 วันที่: 4 ธันวาคม 2551 เวลา:14:28:51 น.  

 
ชอบหัวหน้าควีนบี แม่นางเอกและคุณหญิง

สามคนนี้ท่าทางตลกดี

ถ้าได้เจอกัน สงสัยวงการคงสั่นสะเทือน หุหุหุ


โดย: ความรักมีวันหมดอายุ IP: 194.94.56.11 วันที่: 4 ธันวาคม 2551 เวลา:16:47:50 น.  

 
ชอบหัวหน้าควีนบี แม่นางเอกและคุณหญิง

สามคนนี้ท่าทางตลกดี

ถ้าได้เจอกัน สงสัยวงการคงสั่นสะเทือน หุหุหุ


โดย: ความรักมีวันหมดอายุ IP: 194.94.56.11 วันที่: 4 ธันวาคม 2551 เวลา:16:48:04 น.  

 
คอยตอนต่อไปน่ะค่ะ นางเอกน่ารักมาก ๆ (แอบขำ)


โดย: ชมพู่ IP: 125.24.175.95 วันที่: 4 ธันวาคม 2551 เวลา:20:43:26 น.  

 
อ่านแล้วติดใจค่ะ ชอบสำนวนการเขียนจัง รู้สึกเหมือนดูsex and the city ไงไม่รู้ อ่านเพลินมากๆ


โดย: pp IP: 58.64.88.201 วันที่: 6 ธันวาคม 2551 เวลา:1:23:20 น.  

 
หนีจากพันทิปมาอ่านที่นี่อย่างถาวรดีกว่า เร็วและยาวกว่าเยอะเลย อิอิ คิดถึงคุณรามิลค่ะ


โดย: หริชา IP: 124.120.93.47 วันที่: 9 ธันวาคม 2551 เวลา:13:21:23 น.  

 
อ่านแล้วติดใจค่ะ รอมาหลายวันแล้วเมื่อไหร่จะมีตอนใหม่ซะทีค่ะ


โดย: บะหมี่ IP: 202.57.136.205 วันที่: 9 ธันวาคม 2551 เวลา:14:43:46 น.  

 
ฮึ นางเอกยอมได้ไง ตาพระเอกบ้านี่


โดย: พี่หมูน้อย วันที่: 9 ธันวาคม 2551 เวลา:22:32:47 น.  

 
เ่อ่อ เพิ่งอ่านละเอียด มีรองเท้าแตะ แล้วยังมีรองเท้าแตะสำรองอีกเหรอ..

นางเอกของเราต้องนิสัยเหมือนแม่แน่นอน เฮ้อ


โดย: พี่หมูน้อย วันที่: 10 ธันวาคม 2551 เวลา:0:23:38 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

สาวช่างถาม
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 6 คน [?]




Friends' blogs
[Add สาวช่างถาม's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.