เริ่มต้นก็ตันซะแล้ว แต่อย่าให้อุปสรรคขัดขวางความฝัน
ไม่นาน พี่แมวก็ขอตัวกลับปล่อยคนฝันค้างสามคนนั่งมองหน้ากัน “ถ้าพี่เค้าต้องการแค่ค่ากับข้าวแต่เราต้องการมากกว่านั้นละเราต้องการทำให้มันธุรกิจใหญ่เท่ากับโออิชิไปเลยละ” ฉันถามแบบพวกหัวดื้อที่ถูกขัดใจ “เราจะทำได้เหรอเราไม่รู้เลยว่าทำน้ำเขาทำกันยังไง เอาฟักข้าวมาจากไหน” เยาวนิตถามแต่ตุ๊กลับตอบฉันว่า “เอาสิ อยากทำก็ลองดู” ตุ๊น่ารักเช่นเคยให้ตายเถอะ ฉันละรักเพื่อนคนนี้จริงๆเลย ไม่เคยขัดใจเพื่อนเล้ยยย “แล้วลงเงินคนละเท่าไหร่ละ” เยาวนิตถามความสนุกที่ได้คิดโครงการเริ่มกร่อย แต่ไม่ใช่ฉัน ฉันจะไม่ยอมให้ใครมาบอกฉันว่าฉันทำไม่ได้หรือไม่ควรทำอะไรเพียงแค่เพราะฉันไม่ใช่นักวิชาการไม่เคยรู้จักฟักข้าว “คนละสามแสนก็เกือบล้านแล้วน่าจะพอจ้างเขาทำได้จ้างทำสักแสน ค่าแพกเกจอีกสักแสน ที่เหลือก็อาจจะเอามาเป็นค่าการตลาด”ฉันบอกแบบคนไม่รู้อะไรเลย เดามั่วๆ เพื่อนๆพยักหน้า เป็นอันว่าตกลงตามนั้น โจทย์ของเราคือ ทำไมต้องเป็นฟักข้าวเราจะหาฟักข้าวจากไหน จ้างที่ไหนผลิตลูกฟักข้าวที่สั่งซื้อเข้ามาจะต้องทำยังไงก่อนหรือส่งโรงงานเลย ฯลฯโจทย์มากมายผุดขึ้นมาในหัวเราสามคนเราจึงตกลงกันว่าเรากลับไปหาข้อมูลเรื่องฟักข้าวแล้วคุยกันผ่านทาง Skype เพราะน่าจะสะดวกที่สุด คุยพร้อมๆกันได้ ที่สำคัญไม่มีค่าใช้จ่ายอีกด้วย แล้วฉันก็หลงรักฟักข้าว หลังจากขุดค้นหาข้อมูลฟักข้าวทั้งเป็นภาษาไทยและต่างประเทศฉันจึงได้พบว่าฟักข้าวหรือเจ้าแก๊คฟรุตนี้ช่างมีความน่าอัศจรรย์ในตัวมันเองเสียจนถูกขนานนามว่า FruitFrom Heaven ค่าที่สรรพคุณนานัปการที่มีเหนือกว่าผลไม้อื่นๆมาเป็น70 เท่า ทำให้ฉันตื่นเต้นอย่างมากฉันพบว่าในไทยกำลังมีการเริ่มปลูกกันในแถบจังหวัดนครปฐม ราชบุรี สุพรรณ กาญจนบุรีแล้วก็ไปทางใต้สุราษฎ์ธานี ไปนู่นเลย ปลูกเยอะก็น่าจะหาซื้อง่ายสินะ ฉันคิดตรรกะง่ายๆของฉันแต่ทว่าหลังจากโทรสอบถามหลายๆราย ฉันก็เจอตอเข้าให้แล้วเริ่มจากโทรติดต่อไปที่แหล่งใหญ่ในนครปฐม เจ้าของไร่คนที่ฉันเพียรพยายามหาเบอร์เขามาจนได้บอกฉันว่า ถ้าซื้อไม่ถึงตันเขาคงไม่ขายให้แล้วฉันต้องหารถไปขนของเอง ป้าด!!! นี่เขากำลังพูดถึงตันที่เท่ากับ 1000 กิโลนี่นะ ในชีวิตฉันที่เคยซื้อผลไม้มาน้ำหนักมากที่สุดก็เห็นจะเป็นสัปรดในคราวที่ต้องจัดเลี้ยง ซึ่งซื้อครั้งนั้นก็ 20กก. เท่านั้น นี่ฉันเอ่ยปากถึง 100 กก. ก็นึกว่าเขาจะตาโตแล้ว แต่เปล๊าน้ำเสียงเขาดูแคลนไอ้คนบ๊องต๊องตื้นอย่างฉันด้วยซ้ำไป “ขนาดส่งออกไปญี่ปุ่นเดือนละ 10 ตัน เขายังต้องมารับเองเลย แล้วเรายังมีไม่พอส่งให้เขาอีกด้วย” เขาสำทับ “แล้วนอกจากผลสด พี่ขายอะไรอีกคะ” “เราทำน้ำฟักข้าว” ฉันหูผึ่งนี่ฉันอาจจะรับเขามาขายหรือจ้างผลิตในแบรนด์ฉัน “ขายยังไงคะ ราคาส่งเป็นเท่าไหร่แล้วส่งแบบไหน” ฉันยิงคำถาม “ผมไม่คุยเรื่องธุรกิจทางโทรศัพท์ถ้าอยากขายจริงต้องมาคุยกันที่นี่” เขาตอบน้ำเสียงเริ่มรำคาญฉัน โอ๊ย ไม่อยากจะเชื่อเลยแฮะยังมีเรื่องแบบนี้ในยุค 3G อีกด้วยไม่คุยเรื่องธุรกิจทางโทรศัพท์... “ที่นี่น่ะที่ไหนคะ นครปฐมเหรอคะแล้วทุกคนที่อยากคุยเรื่องนี้ต้องวิ่งไปหาคุณพี่ที่นครปฐมพี่พอทราบไหมคะว่าเขาประดิษฐ์โทรศัพท์มาเพื่ออะไร” ฉันถามน้ำเสียงซื่อใสก่อนจะวางสายไปด้วยความปรี้ด “อาจจะมีคนโทรหาเขาเยอะมากจนเขาไม่อยากคุยทางโทรศัพท์ก็ได้นี่”เพื่อนรักแสนดีของฉันทำน้ำเสียงขำขันยามที่ฉันเล่าให้ฟัง “ตุ๊ แต่ว่าตุ๊รู้ใช่ไหมว่าหน้าที่ของโทรศัพท์คือช่วยย่นระยะเวลาการเดินทางช่วยประหยัดเวลา ช่วยให้คนติดต่อกันได้ง่ายและเร็วขึ้น” ฉันค้าน ช่างเหอะฉันไม่ควรจะเอาเรื่องขี้ปะติ๋วมาเป็นอารมณ์ให้ขัดขวางเป้าหมายของฉัน การค้นหาคำตอบยังคงดำเนินต่อไปเราพบว่าฟักข้าวที่ปลูกอยู่นั้นแทบจะเป็นเครือข่ายลูกไร่เดียวกันหมดทุกไร่แทบจะทำสัญญาขายให้กับเจ้าเดียวเท่านั้น ฉันไม่มีทางจะเอาฟักข้าวจากกลุ่มได้และเมื่อติดต่อไปทางใต้ เขาก็บอกว่าเพิ่งตัดขายไป ถ้าฉันอยากจะได้ก็รออีกหกเดือน คงพอจะมีให้ฉันได้ ไม่นะ รออีกหกเดือนคนที่ความอดทนสั้นอย่างฉันไม่มีทางรอได้หรอกฉันเดินหน้าหาต่อไปพร้อมๆกับหาโรงงานผลิตหลังจากช๊อคกับเรื่องฟักข้าวแล้วทีนี้เรื่องช๊อคต่อมาของฉันคือโรงงานผลิตแต่ละโรงงานที่ฉันไปพบ ทุกคนจะบอกเป็นเสียงเดียวว่า ไม่รู้จักฟักข้าวถ้าเอามาเป็นผลก็ต้องมาตัดแต่ง มาพัฒนาสูตร ขอหมายเลขใบอนุญาตจากองค์การอาหารและยาทั้งหมดที่กล่าวมานี้ใช้เวลาราวๆ หกเดือน จำนวนขั้นต่ำในการผลิตคือ 200000 ลิตร ซึ่งถ้าเราสั่งทำขนาด 250 มล. ฉันต้องจ่ายเบ็ดเสร็จไม่ต่ำกว่าล้านแล้วนอกจากนั้นถ้าจะเอาขวดในรูปแบบใหม่ที่ต่างออกไปจากท้องตลาดฉันต้องจ่ายค่าแบบที่ออกใหม่อีกประมาณ 1-3 แสนบาทแล้วสั่งผลิตต่อครั้งไม่ต่ำกว่า50000 ขวด เราทั้งสามมองหน้ากันที่ว่ามีอยู่ล้านนั่นน่ะมันแค่จิ๊บๆเหลือเกินในวงการอุตสาหกรรมนี้ เอาละถ้าเราจะจ้างผลิตเป็นแสนขวดขนาดนี้เราจะขายที่ไหน เราเริ่มมองหาช่องทางจำหน่ายถ้าจะต้องทำทีละเป็นแสนขวดจริงๆที่แรกคือร้านสะดวกซื้อที่มีทุกปากซอย กลางซอย ท้ายซอย ไม่ต่ำกว่าหนึ่งร้านเราน่าจะวางขายได้หมดนะ แล้วเราก็เจอเรื่องช๊อคเรื่องที่สาม “การจะวางขายในร้านของเราจะต้องมีการตรวจคัดเลือกหลังจากนั้นถ้าผ่านการคัดเลือกก็จะต้องมีค่าเปิด SKU vudฆษ๊ละหนึ่งแสนถึงแสนห้า และวางทุกสาขาของเราคือประมาณ 5000 สาขาทั่วประเทศ ส่งสินค้าไปที่จุดกระจายสินค้าถ้าไม่ทันหรือสินค้าขาดส่งในร้านใดก็จะถูกปรับสาขาละ 6000 บาทต่อวัน มีค่าประกันการขาย มีค่าจัดส่งสินค้า ค่าแวร์เฮ้าส์ บลา บลา...” แม้ฉันจะคิดเลขไม่เก่งแต่เท่าที่ฟังฉันก็รู้ว่ากว่าจะได้ขายก็อีกร่วมล้านโธ่เอ้ย ล้านเดียวของเรานี่มันช่างจิ๊บๆเสียเหลือเกิน “นี่ไม่ใช่เส้นทางของเรา” เยาวนิตประกาศ“ถ้าโครงการนี้จะเวิร์คทุกอย่างต้องราบรื่น ไม่เหนื่อยยากลำบากตั้งแต่เริ่มแสดงว่านี่ไม่ใช่หนทางของเรา นี่ไม่ใช่หนทางที่พระเจ้าสร้างให้ฉันไม่ทำดีกว่าถ้าพวกเธออยากทำอย่าให้ฉันขัดขวางพวกเธอเลย” แล้วเราก็เหลือกันแค่สองคน
Create Date : 23 มีนาคม 2555 |
Last Update : 23 มีนาคม 2555 19:36:53 น. |
|
0 comments
|
Counter : 730 Pageviews. |
|
|