|
| 1 | 2 |
3 | 4 | 5 | 6 | 7 | 8 | 9 |
10 | 11 | 12 | 13 | 14 | 15 | 16 |
17 | 18 | 19 | 20 | 21 | 22 | 23 |
24 | 25 | 26 | 27 | 28 | 29 | 30 |
31 | |
|
|
|
|
|
|
|
ประตูสองบานและพรสี่ข้อ....
ได้รับเมลล์เรื่องประตูสองบานและพรสี่ข้อมาจากเพื่อนรักคนนึง อ่านแล้วอยากจะเอามาแบ่งปันเพื่อนๆที่นี่ ช่วงนี้สุขภาพไม่ค่อยดีนัก แถมฮานึรปิดเทอมด้วย เลยไม่มีเวลาเข้าบล็อกบ่อยๆ แต่ยังคิดถึงเพื่อนๆชาวบล็อกเสมอนะคะ
ประตูมีหลายแบบ ความทุกข์และปัญหาก็มีหลายแบบเช่นกัน บางครั้งเราใช้ชีวิตแบบดึง ทั้งที่ประตูบอกว่าผลัก และใช้ชีวิตแบบผลัก ทั้งที่ประตูบอกให้เลื่อน ประตูเปิดไม่ออก ปัญหาผลักไม่ออก ไม่ใช่เป็นเพราะปัญหาแก้ไม่ได้ หรือประตูเปิดไม่ได้ หากแต่เป็นที่ตัวเราไม่เคยใช้ 'ความคิด' เพื่อค้นหาวิธีการเปิดประตูอย่างถูกต้องเลย ใครที่ไม่ได้ไปนั่งฟังการบรรยายธรรมะ โดยท่าน ว.วชิรเมธี ท่านได้ให้พร 4 ข้อ ดังนี้ 1. อย่าเป็นนักจับผิด คนที่คอยจับผิดคนอื่น แสดงว่า หลงตัวเองว่าเป็นคนดีกว่าคนอื่น ไม่เห็นข้อบกพร่องของตนเอง กิเลสฟูท่วมหัว ยังไม่รู้จักตัวอีก' คนที่ชอบจับผิด จิตใจจะหม่นหมอง ไม่มีโอกาส 'จิตประภัสสร' ฉะนั้น จงมองคน มองโลกในแง่ดี 'แม้ในสิ่งที่เป็นทุกข์ ถ้ามองเป็น ก็เป็นสุข' 2. อย่ามัวแต่คิดริษยา 'แข่งกันดี ไม่ดีสักคน ผลัดกันดี ได้ดีทุกคน' คนเราต้องมีพรหมวิหาร 4 คือ เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา คนที่เราริษยาเป็นการส่วนตัว มีชื่อว่า ' เจ้ากรรมนายเวร ' ถ้าเขาสุข เราจะทุกข์ ฉะนั้น เราต้องถอดถอน ความริษยาออกจากใจเรา เพราะไฟริษยา เป็น ' ไฟสุมขอน ' ( ไฟเย็น) เราริษยา 1 คน เราก็มีทุกข์ 1 ก้อน เราสามารถถอดถอนความริษยาออกจากใจเราโดยใช้วิธี ' แผ่เมตตา ' หรือ ซื้อโคมมา แล้วเขียนชื่อคนที่เราริษยา แล้วปล่อยให้ลอยไป 3. อย่าเสียเวลากับความหลัง 90% ของคนที่ทุกข์ เกิดจากการย้ำคิดย้ำทำ ปล่อยไม่ลง ปลงไม่เป็น ' มนุษย์ที่สลัดความหลังไม่ออก เหมือนมนุษย์ที่เดินขึ้นเขาพร้อมแบกเครื่องเคราต่างๆ ไว้ที่หลังขึ้นไปด้วย ความทุกข์ที่เกิดขึ้นแล้ว จงปล่อยมันซะ ' อย่าปล่อยให้คมมีดแห่งอดีต มากรีดปัจจุบัน ' อยู่กับปัจจุบันให้เป็น ให้กายอยู่กับจิต จิตอยู่กับกาย คือมี สติ ' กำกับตลอดเวลา 4. อย่าพังเพราะไม่รู้จักพอ ตัณหา ที่มีปัญหา คือ ความโลภ ความอยากที่เกินพอดี เหมือนทะเลไม่เคยอิ่มด้วยน้ำ ไฟไม่เคยอิ่มด้วยเชื้อ ธรรมชาติของตัณหา คือ ยิ่งเติมยิ่งไม่เต็ม ทุกอย่างต้องดูคุณค่าที่แท้ ไม่ใช่ คุณค่าเทียม เช่น คุณค่าที่แท้ของนาฬิกา คืออะไร คือ ไว้ดูเวลาไม่ใช่มีไว้ใส่เพื่อความโก้หรู คุณค่าที่แท้ของโทรศัพท์มือถือ คืออะไร คือไว้สื่อสาร แต่องค์ประกอบอื่นๆ ที่เสริมมาไม่ใช่คุณค่าที่แท้ของโทรศัพท์ เราต้องถามตัวเองว่า เิกิดมาทำไม ' ' คุณค่าที่แท้จริงของการเกิดมาเป็นมนุษย์อยู่ตรงไหน ' ตามหา ' แก่น ' ของชีวิตให้เจอ ' คำว่า ' พอดี ' คือ ถ้า ' พอ ' แล้วจะ ' ดี ' รู้จัก ' พอ ' จะมีชีวิตอย่างมีความสุข '
Create Date : 23 สิงหาคม 2551 |
|
22 comments |
Last Update : 23 สิงหาคม 2551 6:54:25 น. |
Counter : 1468 Pageviews. |
|
|
|
|
| |
โดย: หน่อยอิง 23 สิงหาคม 2551 10:10:01 น. |
|
|
|
| |
โดย: jumwilly 24 สิงหาคม 2551 19:02:50 น. |
|
|
|
| |
โดย: samelaa (samelaa ) 25 สิงหาคม 2551 10:00:23 น. |
|
|
|
| |
โดย: YingLek 25 สิงหาคม 2551 10:14:36 น. |
|
|
|
| |
โดย: มิน (มินทิวา ) 26 สิงหาคม 2551 8:40:23 น. |
|
|
|
| |
โดย: aey_tara 30 สิงหาคม 2551 20:48:40 น. |
|
|
|
| |
โดย: เม IP: 222.123.236.186 29 กันยายน 2553 13:22:22 น. |
|
|
|
|
|
|
|
อ่านแล้วได้ข้อคิดดีจังค่ะ ขอบคุณมากๆ